หลักการเลี้ยงปลาทองเบื้องต้น ลองอ่านดูนะท่าน ซึ่งไกด์ไม่เก่าใช้วิธีนี้ ปลาอื่นที่ยากกว่านี้ ก็ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มนะท่าน
|
|
หลายๆคนอยากเลี้ยงปลาทองโดยอาจจะมีแรงบันดาลใจจากหนัง เช่นความจำสั้น ฯลฯ ที่เลี้ยงปลาทองในโหล ฯลฯ ซึ่งไม่ถูกเลยท่าน
ภาชนะที่เลี้ยงปลา แนะนำให้ใช้ตู้สี่เหลี่ยม กั้นกรอง กรองมุมก็ได้ กรองข้างก็ได้ กรองนอกที่แพงๆยิ่งเจ๋งเข้าไปใหญ่ ( อย่าใช้ตู้เปล่าที่ไม่มีกรองอะไรในนี้เลย กรองแขวนหรือกรองบน ก็ยังไม่ดีเท่า ) และขนาดตู้ที่เลี้ยง ถ้าตู้ 20 ( บางที่ก็มี ) เอาตู้ที่สูงๆหน่อยก็ดี สัก 15 18 นิ้ว ก็เลี้ยงปลาทองได้ราวๆ 2 ตัว ไม่มากกว่านี้ - หรือตู้ 24 มาตรฐาน ก็ไม่เกิน 4 ตัว
ถ้าตู้ 30 36 ก็สัก 4 5 ตัวพอแล้ว แต่ถ้าล่ำซำมากๆ 60 72 96 ยัดเข้าไปได้เยอะหน่อย เช่น 48 อาจใส่ได้ 6 ตัว 60 72 เอาสัก 7 ตัวก็ยังได้ ถ้า 90 ขึ้นไป จะใส่ 9 ตัวก็ไม่มีปัญหาอย่างใด
ที่ว่ามาคือปลาทองขนาดไม่เกิน 3 นิ้วรวมหางแล้วนะ ใหญ่กว่านี้ไม่ไหว และจำนวนที่บอกมาคือ ไม่เกินนะท่าน ไม่ใช่เริ่มต้นที่.......
ระบบกรองน้ำ เราใช้ 2 แบบคือ แบบกายภาพ คือใยกรองขาวๆ กรองขี้ปลา ที่ควรต้องเปลี่ยนอย่างน้อย อาทิตย์ละครั้ง และอีกระบบที่จำเป็นคือ ระบบชีวภาพ มันจำเป็นสำหรับตู้ปลาสวยงามเลย
อุปกรณ์ที่เหมาะกับกรองชีวภาพ ตัวอย่างจากตู้กรองข้าง หรือกรองมุม มี 3 ชั้น ก็ดังนี้ เช่น หินพิวมัส หินภูเขาไฟ หรือใครจะใช้อะไรที่แพงกว่าเช่นเซรามิคริง ไบโอกลาสก็ไม่มีปัญหา ใส่ถุงเน็ทไว้ 2 ช่องล่าง เอาให้เต็มก็ดี ช่องบนใช้ใยแก้วสีขาวๆก็ดี
ถ้าตู้ของท่าน มีปั๊มอ๊อกซีเจนที่เหมาะสม ก็ไม่ต้องใช้ไบโอบอลก็ได้ เพราะของนี้ เอาไว้สำหรับเพิ่มอ๊อกซีเจนในตู้
การเอาปลาลงตู้ เพื่อรันระบบน้ำ แนะให้ค่อยๆเอาปลาลง ไม่ต้องเอาปลาอะไรลงก่อนหนอกท่าน เอาปลาทองที่จะเลี้ยงนี่แหละ ทีละ 2 ตัวก็เอาแล้ว เว้นครั้งละ 2 อาทิตย์ครั้งก็ดี เช่นตู้นี้ เลี้ยง 4 ตัว เอาลงทีละคู่ อย่าลงทีละหมด เพราะในระบบกรอง ต้องมีแบคทีเรีย ที่มาจากของเสียปลา
ของเสียที่มี ก็มาจากอาหาร ขี้ปลา ที่จะกลายเป็น แอมโมเนีย ไนไตรท์ ไนเตรท ซึ่งแอมโมเนีย มีเพียงนิด ปลาก็ล่องจุ๊นไปแล้ว เมื่อแอมโมเนีย ก้จะกลายเป็นไนไตรท์ ไนเตรท
ซึ่งสิ่งที่จะป้องกันได้ คือระบบกรองนี่แหละ
การเลี้ยงปลา เพื่อรันระบบกรอง แรกๆ ต้องเปลี่ยนน้าบ่อยหน่อย สักวันเว้นวัน ครั้งละ 20 %
ระบบกรองจะพร้อมเข้าที่โดยค่อยเป็นค่อยไป ขึ้นอยู่กับปลาที่เอามาลง ว่าไม่มากเกินไป ถ้ามากเกินไป แบคทีเรียที่เกิดโดยบังเอิญ จะรับไม่ทัน ของเสียมากกว่าระบบกำจัด
ถ้าระบบเข้าที่ โดยการตรวจด้วยน้ำยา ก็เปลี่ยนน้ำทุกอาทิตย์ก็ได้ ครั้งละ 20 30 %
น้ำที่ใช้ ก็เอาน้ำประปา มาทิ้งไว้ ในตุ้ม ถึง ฯลฯ 2 3 วันขึ้นไปเพื่อความชัวร์ เพราะคลอรีน ทำให้ปลาไม่สบายและตายได้
อย่าเอาน้ำก๊อกมาใส่ทันที
หลายคนมองว่า มันเลี้ยงยากมาก วุ่นวาย
ไม่วุ่นนะท่าน เพียงมีตู้ปลา ฝาจะมีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ขาตั้ง ก็น่าจะมี ยาเหลืองญี่ปุ่น มีติดไว้ก็สวย
ของที่ต้องห้ามในการเลี้ยงปลาทอง และปลาชนิดอื่นๆ 1.ยาน้ำใส 2.ยาปรับสภาพน้ำ ยาขจัดคลอรีน 3. โหลแก้วแบบในหนัง
สิ่งที่ต้องมีติดบ้านไว้ 1.ปั๊มอ๊อกซีเจน ( แบบชาร์จไฟก็ดี ไฟดับมา ปลาตาย เพราะปลาทองต้องการอากาศเยอะ ปลาอื่น ไฟดับพออยู่ไหว แต่ปลาทอง ตายสถานเดียว ) 2. หินกรองต่างๆ 3. ใยกรอง 4. ปั๊มน้ำ แรงแค่ไหน อยู่ที่ขนาดตู้ 5. สายยางขนาดเล็กไว้ต่ออ๊อกซีเจน สายขนาดกลาง ไว้ทำกาลักน้ำ 6. เกลือ ( ไม่มีไอโอดีน ) บางครั้งก้องใช้ แต่ถ้าปลาไม่ป่วย ก็ไม่ต้องใช้ 7. ยาเหลืองญี่ปุ่น ถ้าป่วยในบางโรค ก็ต้องใช้
สิ่งที่มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ 1.ฝาไฟ ถ้าห้องสว่างก็ไม่จำเป็นมากนัก 2. ปรอทวัดอุณหภูมิติดตู้ มันก็ดี ยิ่งถ้าที่เลี้ยงปลามันมีความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่ไม่คงที่รู้ไว้ก็ดี 3. อุปกรณ์สวยๆไว้ตกแต่ง บางทีก็ไม่จำเป็นอะไร
ในตู้ ไม่ต้องมีพื้นกรวดหรอก ขี้เยอะ หมักหมม
ปลาทอง ไม่เหมาะกับปลาอื่นที่จะเลี้ยงด้วยกัน ควรเลี้ยงกับเฉพาะปลาทองเท่านั้น เอาเท่านี้ก็พอแล้ว หลายๆท่าน สนใจปลาทำความสะอาดตู้ โดยเฉพาะปลาแพะ เพราะไม่ดุ แต่กลัวปลาทองจะดูดปลาแพะไปติดคอและตายทั้งคู่น่ะสิ
จากคุณ |
:
ไกด์ไม่เก่า
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ย. 52 19:43:29
|
|
|
|