ความคิดเห็นที่ 1 เทียบกับมือของตากล้องนะคะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:37:31

ความคิดเห็นที่ 2 ปลูกเค้าไว้ในนี้ค่ะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:38:21

ความคิดเห็นที่ 3 หญ้าต้นที่ 2 เค้าขึ้นรก ๆ อยู่ในกระถางต้นไม้ทุกกระถางเลยค่ะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:41:17

ความคิดเห็นที่ 4 เทียบกับนิ้วมือของตากล้อง จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:42:02

ความคิดเห็นที่ 5 ต้นหญ้าต้นที่ 3 เหมือนใบบัวบก แต่ใบใหญ่กว่า ใบแวววาว และกลมกว่าใบบัวบกค่ะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:43:35

ความคิดเห็นที่ 6 ลักษณะของลำต้น และการแตกหน่อ เหมือนใบบัวบกเลยค่ะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:44:26

ความคิดเห็นที่ 7 รูปนี้ไปถ่ายจากท้องล่องหน้าบ้าน ใบจะใหญ่กว่าที่ขึ้นตามพื้นดินในบ้านค่ะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:45:31

ความคิดเห็นที่ 8 ต้นที่ 4 ใบจะเหมือนใบผักกระเฉด แต่พอแตะแล้วจะหุบ ลำต้นมีหนาม และเลื้อยแผ่กระจายเรี่ยพื้นดิน เวลาถอนออกแต่ละที ก็ต้องโดนหนามตำทุกครั้งไป จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:48:32

ความคิดเห็นที่ 9 ยังโตได้อีก  ต้นนี้ยังเด็กอยู่ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:49:30

ความคิดเห็นที่ 10 ต้นที่ 5 ต้นนี้ขึ้นอยู่ในดงยอดมัน (คนที่นี่เค้ากินยอดมันกันด้วยค่ะ) จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:52:22

ความคิดเห็นที่ 11 ลักษณะของใบ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:52:57

ความคิดเห็นที่ 12 อยากให้ดูดอกบานสีม่วง แต่ถ่ายดอกตูมชัดกว่า อิอิ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:53:42

ความคิดเห็นที่ 13 ต้นที่ 5 ต้นนี้ชอบขึ้นตามที่ชื้นแฉะ เยอะมาก ถ้ากินได้จะกินให้เรียบเลยเชียว จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:55:11

ความคิดเห็นที่ 14 แบบใกล้เข้ามาอีกนิด เห็นกันชัด ๆ (หน้าเบลอหลังชัดซะงั้น หุหุ) จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:57:02

ความคิดเห็นที่ 15 ต้นที่ 6 ต้นนี้เรียกว่า กระเม็ง รึเปล่า รู้ว่ากระเม็งเอามาใช้รักษาโรคตับอักเสบ แต่ไม่แน่ใจว่าต้นนี้ใช่หรือไม่ใช่ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 12:58:56

ความคิดเห็นที่ 16 ต้นที่ 7   ต้นนี้ขึ้นอยู่ใกล้ว ๆ กัน กับต้นข้างบน น่ะค่ะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:00:34

ความคิดเห็นที่ 17 ดูใกล้ ๆ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:02:12

ความคิดเห็นที่ 18 ต้นที่ 8 เหมือนผักเซี่ยนที่เค้าเอาไปดองเลยนะคะ แต่ไม่รู้ต้นนี้กินได้รึเปล่า จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:03:24

ความคิดเห็นที่ 19 ชัด ๆ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:04:03

ความคิดเห็นที่ 20 ต้นที่ 9 จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:05:47

ความคิดเห็นที่ 21 ต้นที่ 3 น่าจะเป็นแว่นแก้วค่ะ ต้นที่ 4 ไมยราบ ต้นอื่นๆพอจะเคยเห็น แต่ก็ไม่ทราบชื่อเหมือนกันค่ะ จากคุณ : kamisiro เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:05:53

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณค่ะ คุณ kamisiro ได้ทราบชื่อเป็นแนวทาง เดี๋ยวไปต่อยอดเอาจากคุณกูเกิล อีกทีเนาะ ---------------------------------------------- ต้นที่ 10 ต้นนี้เรื้อยอยู่เรี่ย (เขียนถูกรึเปล่านะ) พื้นเหมือนกันค่ะ ต้นเล็กมาก แต่สีสวย จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:10:32

ความคิดเห็นที่ 23 ใบ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:11:24

ความคิดเห็นที่ 24 ดอกเล็กมาก แต่สวยมากนะคะ (ต้องเพ่งดี ๆ ) จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:12:13

ความคิดเห็นที่ 25 ต้นที่ 11 ต้นนี้พ่อสามีปลูกไว้เยอะมาก บอกว่าเป็นสมุนไพร แต่ไม่ทราบชื่อค่ะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:13:24

ความคิดเห็นที่ 26 ต้นที่ 12 ขึ้นอยู่ในท้องล่องหน้าบ้านค่ะ แตกกอไว และหนาแน่นมาก ยิ่งตัดยิ่งแตก ถ้ากินได้ จะกินให้หมดท้องล่องเลยเชียว ฮึ่ม ๆ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:15:02

ความคิดเห็นที่ 27 ต้นที่ 13 ชื่อ กระสัง ต้นนี้รู้จักดี เพราะตอนเรียนมัธยม อาจารย์เอาต้นมาดูดน้ำหมึก มีสรรพคุณทางยาด้วยนะคะ หรือจะกินเป็นผักก็ได้ กินได้ทั้งสด และ ลวกจิ้มน้ำพริกค่ะ  (แต่ยังไม่เคยลอง) จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:17:36

ความคิดเห็นที่ 28 มีไมยราบ จับแล้วหุบ ใบบัวบักยัก เรียกอีกอย่างว่าอะไรจำไม่ได้ละ แว่นแก้วก้เห็นทั้วไป ที่เหลือๆก็วัชพีชท้องถิ่นทั้วไปอะครับชื่อเรียกแล้วแต่พืนที่ คนไทบ้านถึจะรู้จักวิธีใช้ประโยชละนะ อย่างเราๆทั้นๆถ้าไม่กลัวรกก้ปล่อยไว้งั้นละครับ จากคุณ : คนเมืองตำน้ำกิน (comnow1234) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:18:28

ความคิดเห็นที่ 29 ในตำราเค้าบอกว่าน้อง ๆ พริกไทยอะค่ะ แต่ไม่เคยเห็นว่าน่าตาเจ้าต้นพริกไทยเป็นยังไง จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:18:48

ความคิดเห็นที่ 30 คนเมืองตำน้ำกิน (comnow1234) ใบบัวบกหยักที่ต้นเล็ก ๆ ใช่รึเป่าคะ แบบนี้แสดงว่ากินสด ๆ ได้เหมือนใบบัวบกน่ะซี ง่ำ ๆ --------------------------------------------------------------- ต้นที่ 14   ต้นนี้หน้าตาเหมือนผักคะน้า แต่ไม่ใช่อะค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียกอะไร กินดิบ ๆ ได้ กรอบมาก ไม่ขมด้วยค่ะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:22:59

ความคิดเห็นที่ 31 ต้นทับทิมแคระนี้ เอามาทำบอนไซได้รึเปล่าคะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:24:14

ความคิดเห็นที่ 32 ปิดท้ายกันด้วยต้น โมกข์ (รึเปล่า) พ่อสามีเอามาทำบอนไซ น่ารักดีค่ะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:25:19

ความคิดเห็นที่ 33 ดอกห้อยระย้า สวยจังเลย จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:26:01

ความคิดเห็นที่ 34 1.ใบบัวบก 2.ไม่แน่ใจว่าเป็นกระดุมใบหรือ หญ้าท่าพระกันแน่ 3. แว่นแก้ว 4.ไมยราบ 5. หญ้าดอกขาวหรือหญ้าหมอน้อย 6. ... 7.กระเม็ง 8.หญ้ากำมะหยี่ 8. ผักเสี้ยนผี 9. ..ยังนึกไม่ออกค่ะ...หน่าตาคล้ายน้ำนมราชสีห์แต่ไม่ยืนยันว่าใช่ค่ะ 10 หญ้ากาบหอยตัวเมีย 11.ว่านกาบหอยแครง 12.อเมซอน...เป็นไม้น้ำค่ะ แล้วก็...ดอกโมกนะคะ ไม่ใช่โมกข์ อาจมีผิดบ้าง รอการยืนยันจากผู้รู้อีกครั้งค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 53 13:45:24 จากคุณ : สเลเต เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:42:27

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณค่ะคุณ สเลเต  ข้อมูลเยอะมาก ไปเสิร์ชในกูเกิลเมื่อกี้ใช่น้ำนมราชสีห์จริง ๆ ค่ะ แต่น้ำนมราชสีห์เคยกินมันไม่ใช่แบบนี้อะค่ะ ตอนอยู่บ้านนอกคอกนาอะค่ะ คุณยายเก็บมาจิ้มปลาร้าหลนกินแบบสด ๆ รสชาติออกมัน ๆ ค่ะ คุณยายบอกว่ามันคือน้ำนมราชสีห์ มันจะขึ้นอยู่ในนาที่เค้าเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วอะค่ะ รึว่ามันจะมีหลายพันธ์ก็ไม่รู้นะคะ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 13:55:49

ความคิดเห็นที่ 36 คห.1    หญ้าเกล็ดหอยน้อย คห.3    หญ้าลิ้นงูดอกขาว คห.5    แว่นแก้ว - กินเป็นผักแนม ยำปลาทู คห.8    ไมยราพ รากแก้ปวดเมื่อย ใส่ลูกประคบ คห.10   หูปลาช่อน ผักพื้บ้าน คห.15   กะเม็งดอกขาว บำรุงโลหิต ทำยาย้อมผม คห.18   ผักเสี้ยน ดองกินกับน้ำพริก สตรีตกขาวไม่ควรกิน คห.20   น้ำนมราชสีห์ใหญ่ เพิ่มน้ำนมในแม่ลูกอ่อน แก้ปากนกกระจอก คห.25   ว่านกาบหอยใหญ่  แก้ไข้ แก้ร้อนใน คห 30   ปูเล่ ผัดน้ำมันหอย จากคุณ : เนยบิน เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 14:35:58

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณค่ะ คุณ เนยบิน ได้ข้อมูลอีกแล้วว่า ดิฉันไม่ควรกินผักเสี้ยนดอง (ต้องถอนทิ้งด่วน อย่าได้แคร์ ) จากคุณ : annie l (Annie l) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 15:00:31

ความคิดเห็นที่ 38 14 คล้ายปูเล่ แต่ปูเล่ต้นและใบจะออกเป็นนวลแป้งขาว ๆ นะ จากคุณ : พ่อ@LLถุง เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 18:01:23

ความคิดเห็นที่ 39 ชอบหญ้ากาบหอยด่าง บ้างมั๊ยคะ  ต้นนี้ เกิดมาแล้วก็สูญพันธุ์ไปเลย เสียดายมากๆ...เลยคะ จากคุณ : Mai_ZaZa_ZuZu เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 18:57:05

ความคิดเห็นที่ 40 1.โพวตี่กิ้ม    สรรพคุณ : แก้ร้อนใน แก้เจ็บคอ แก้ปวดฟัน แก้เหงือกเป็นแผล หรือ รำมะนาด แก้ลมในท้อง แก้ไข้ ... ยังมีอีกหลายอย่างค้นไม่เป็น 2.หญ้าลิ้นงู เป็นสมุนไพรอย่างนึงเหมือนกัน 3.แว่นแก้ว  ปลูกในน้ำสวยมาก ปลูกบนบกก็สวย กินได้ด้วย แต่ไม่เคยลอง 4. ไมยราบ  เป็นสมุนไพรอย่างนึงเหมือนกัน เคยดูในทีวี สรรพคุณเยอะแยะมากมายมิใช่เล่น 5.ผักกาดนกเขา   ยอดอ่อนเป็นผัก หรือทำแกงจืดก็ได้ 8.ผักเสี้ยนอะไรไม่รู้  แต่ไม่ใช่ที่เค้าเอามาทำผักดอง และก็ไม่ใช่ผักเสี้ยนผี  ผักเสี้ยนผีคล้ายๆกับผักเสี้ยนที่ดอง แต่ดอกสีเหลือง  เค้าเอามาทำยาเหมือนกัน แถวบ้านหากันบ่อยๆ แต่หายากมิใช่เล่นเลยละ 11.แถวบ้านเรียกกาบหอยแครง  แก้ร้อนในได้ เคยเอามต้มกิน ไม่อร่อย เลิก 12.บัวอเมซอน   ขยายเร็วมาก  เอามาต้นนิดเดียว พอออกลูกมาสงสารทิ้งไม่ลง  เต็มบ้าน เฮ้อ...ไม่น่าเอามาเล้ย 13 กะสัง  นั่นแหละ ตามนั้นแหละ  เคยเอามาแกงจืด     กินแล้วไม่ประทับใจ  หลาบ จากคุณ : bualoy เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 18:59:06

ความคิดเห็นที่ 41 พ่อ@LLถุง -- ใบนวล ๆ อะแหละค่ะ ยิ่งโตใบยิ่งอวบแล้วงุ้มเข้าเกือบเหมือนกะหล่ำปลีเลยค่ะ Mai_ZaZa_ZuZu -- สวยเชียวค่ะ ดอกเหมือนหญ้ากาบหอยตัววเมียเลย bualoy -- ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ  ส่วนกระสังนั้นเห็นหน้าตาน่ากินยิ่งนัก ไม่อยากเชื่อว่าไม่อร่อย ต้องลองเอง (เค้าว่าไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตานิ) อิอิ จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 19:58:19

ความคิดเห็นที่ 42   ช่วยยืนยันคุณพ่อ@LLถุงค่ะปูเล่ จากคุณ : แม่ของทะเล เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 53 20:40:30

ความคิดเห็นที่ 43 ขอตอบบ้างอะดิ  เอาแบบเป๊ะๆ เลยนะ ต้นที่ 1  โพติกิ๊ม สมุนไพรของจีนต้นนี้ มีลักษณะคล้ายกับผักแว่นหรือส้มกบของไทย ใช้รักษาโรคแซง้อ(คอเจ็บ)ได้ผลดีมาก แล้วยังรักษาได้อีกหลายโรค (โปรดอ่าน ค.ห.40 ประกอบ) ต้นที่ 2  ผักขวง หรือส่วนมากรู้จักกันในชื่อ สะเดาดิน  [Glinus oppositifolius  (L.) A.DC.]  มีรสขมเล็กน้อยใช้เป็นผักแนมหรือผักจิ้มอร่อยดี ใช้ทั้งห้า(ราก-ต้น-ใบ-ดอก-ผล)ช่วยย่อยอาหาร บำรุงน้ำดี แก้ดีพิการ แก้ไข้หวัดในเด็ก ระงับความร้อน กระทุ้งพิษ แก้ไข้พิษ แก้ไข้กาฬ แก้ปวดศีรษะ แก้ไอ แก้ฟกบวมอักเสบ แก้คัน และแก้ปวดในหู ต้นที่ 3  แว่นแก้ว ไม้นอกที่คล้ายใบบัวบกมาก แต่ไม่ทราบว่าสรรพคุณเหมือนกันไหมเพราะยังไม่เคยลองใช้ ต้นที่ 4  ไมยราบ หรือกระทืบยอด รากแก้บิด ขับปัสสาวะ ใบแก้เริม งูสวัด ใช้ทั้งห้าขัยปัสสาวะ แก้ไตพิการ แก้กษัย ขับระดูขาว  แก้ไข้ แก้นอนไม่หลับ แก้กระเพาะอาหารอักเสบ แก้ผื่นคัน และแก้ตาเจ็บบวม ต้นที่ 5/1  หางปลาช่อน หรือที่ส่วนใหญ่เรียก หูปลาช่อน ต้นอ่อนจิ้มน้ำพริกมีกลิ่นหอมอร่อยดี รากแก้ปวดหลัง ปวดเอว แก้ท้อวเสีย ใบแก้ตาเจ็บ หูเจ็บ ใบและดอกพอกห้ามเลือด ใช้ทั้งห้าขับปัสสาวะ แก้ไอ ฝาดสมานแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ รักษาแผลไฟไหม้ และน้ำร้อนลวก ต้นที่ 5/2  ขมหินใบน้อย  [Pilea microphylla  (L.) Licbm.] ยังไม่เคยใช้เหมือนกัน ต้นที่ 6  กะเม็งตัวเมีย(ตัวผู้ต้นแดง) รากแก้อาการเป็นลมหน้ามืดจากการคลอดบุตร บำรุงโลหิต แก้ท้องเฟ้อ รากและใบเป็นยาระบาย ทำให้อาเจียน ต้นบำรุงเลือด รักษากลาก ใบใช้ย้อมผมให้ดำ ดอกแก้ดีซ่าน ทั้งห้าแก้หืด หลอดลมอักเสบ แก้จุกเสียด และรักษากลากเกลื้อน ต้นที่ 7  หญ้าพงพดเขา  [Hedyotis pterita  Blume]  รากแก้ทางเดินปัสสาวะ ใช้ทั้งห้าเป็นยาพอกช่วยขับน้ำเหลืองเสีย และแก้ร้อนใน ต้นที่ 8  ผักเสี้ยนป่า(คนละชนิดกับผักเสี้ยนผี และผักเสี้ยนขาว) นำมาดองทานได้ รากขับพยาธิตัวกลม ต้นที่ 9  น้ำนมราชสีห์(ใบใหญ่) รากแก้ไข้มาลาเรีย ต้นแก้แพ้อากาศ ฝาดสมาน ห้ามเลือด ใช้ทั้งห้าบำรุงน้ำนม แก้บิด ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะแดงขุ่นข้น ระงับอาการชัก แก้ไอ แก้หืด และแก้บิดมูกเลือด ต้นที่ 10  หญ้ากาบหอยตัวเมีย ใบปรุงเป็นยาต้มกินหลังคลอด ทั้งห้าใช้รักษากามโรค ต้นที่ 11  ว่านกาบหอยแครง ใบต้มใส่น้ำตาลกรวดเล็กน้อย จิบแก้ไอ แก้เจ็บคอ กินแก้ปอดและหลอดลมอักเสบ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับปัสสาวะ แก้อาการช้ำในเนื่องจากตกจากที่สูงหรือถูกของแข็งกระแทก และแก้อาเจียนเป็นเลือด ต้นที่ 12  บัวอเมซอน ไม้นอกไม่รู้สรรพคุณ ต้นที่ 13  ผักกระสัง ใบแก้ลักปิดลักเปิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ใช้ทั้งห้าแก้ฝี ผื่นคัน และรักษาบาดแผล ต้นที่ 14  คะน้าปูเล่ ปลูกเองกินเองทั้งอร่อย มากวิตามิน และปลอดจากสารพิษ ต้นที่ 15  ทับทิมหนู ปลูกเป็นบอนไซสวยนัก ใช้น้ำคั้นจากเปลือกรากและต้นขับพยาธิตัวตืดและไส้เดือน แก้ท้องเสีย แก้โรคผิวหนัง และรักษาแผลเน่าเปื่อยเรื้อรัง ต้นที่ 16  โมกพวง ปลูกเป็นบอนไซทั้งสวยทั้งหอม รากใช้รักษาโรคผิวหนัง โรคเรื้อน และคุดทะราด *** ที่บางต้นต้องกำกับชื่อวิทย์ฯ ไว้ เพราะคำตอบไม่เหมือนชาวบ้านเขา เดี๋ยวจะหาว่าตาเชยยกเมฆ ซี้ซั้วต่า  อิอิ จากคุณ : ตาเชย เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 08:34:56

ความคิดเห็นที่ 44 แม่ของทะเล  -- ขอบคุณค่ะ ตาเชย  -- ขอบคุณค่ะ น่าเขกกะโหลกตัวเองอย่างแรง เพราะเพิ่งเห็นว่า มันมีต้นที่ 5 ตั้งสองครั้ง ตอนแรกอ่านความเห็นของคุณตาเชยยังงง ๆ ว่า ทำไมมี 5/1 กับ 5/2 ที่แท้ก็ความสับเพร่าของดิฉันนี่เอง แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 53 12:46:39 จากคุณ : Annie l เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 12:22:22

ความคิดเห็นที่ 45 ตาเชยขา....ต้นที่2  คห.ที่ 3-4 คือ หญ้าลิ้นงูดอกขาว oldenlandia diffusa(Willd.) หรือ จวงจิเช้าเจีย มีขายเป็นกล่องขมนิดๆ แก้้ไข้ แก้ร้อนใน http://kanchanapisek.or.th/kp14/project_dev/project_area/Ratburi/plant_page21.php?plantid=185&page=9 ส่วน ผักขวงหรือสะเดาดิน ชื่อวิทย์ที่ลุงบอกมาใช่แล้วค่ะ แต่ปลายใบจะไม่แหลมและมักจะขึ้นอยู่ตามหัวไร่ปลายนา คนอิสานรู้จักดี   หญ้าลิ้นงูหาได้ทั่วไป ต้นที่ 5 คห.10- 11-  12 หูปลาช่อน ต้นที่ 5.1 คห.ที่ 13-14 ต้นไข่มด ชื่อวิทย์อย่างที่ลุงบอก ผักโขมหินอยู่ในกลุ่มผักโขมหรือผักขมทั้งสองhttp://natres.psu.ac.th/radio/radio_article/radio45-46/45-460015.htm ส่วนกะเม็ง จะต้นเขียวหรือแดงแต่ดอกขาวคือ กะเม็งตัวเมีย(ฮ่อมเกี่ยว)ส่วนตัวผู้ดอกเหลือง(ฮ่อมเกี่ยวคำ) หายาก หมอยาไทยตามหากันควั่ก จากคุณ : เนยบิน เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 16:26:10

ความคิดเห็นที่ 46 ก่อนอื่นขอขอบคุณ คุณเนยบินมากนะครับที่ได้กรุณาทักท้วง ขอชี้แจงดังนี้ครับ -  ต้นที่ 2 นั้นตาเชยตอบผิดครับ ที่จริงต้นที่นำมาถามคือ "หญ้าลิ้นงู" ตามที่คุณเนยบินท้วงมาจริงๆ -  หญ้าลิ้นงู มีชื่อวิทย์ฯ ที่ใช้กันอยู่ 2 ชื่อ คือ  Oldenlandia corymbosa  Linn  และ  Hedyotis corymbosa (L.) Lamk. ตาเชยก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าชื่อไหนใช้ก่อนชื่อไหนใช้ทีหลัง (แต่ชื่อ oldenlandia diffusa (Willd.) ที่คุณเนยบินบอกมานั้นมันดูแปลกๆ นะไม่ทราบว่าไปเอามาจากที่ไหน) หญ้าลิ้นงูมีสรรพคุณใช้ทั้งห้าประมาณ 15-30 กรัม นำมาต้มเอาน้ำกินเป็นยาแก้ไข้ แก้มาเลเรีย แก้ลำไส้อักเสบ ใช้ต้นสดต้มเอาน้ำล้างแผลฝีบวม ไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือทำยาพอก และนำมาต้มกับน้ำผึ้งกินแก้มะเร็งตับ -  เนื่อจากหญ้าลิ้นงูมีลักษณะที่คล้ายกับสะเดาดินมาก การจะดูจากสถานที่เกิดหรือรูปลักษณะของต้นใบคงไม่ได้ เพราะไม้ที่เกิดต่างสถานที่ย่อมมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป แต่จุดที่เห็นความแตกต่างได้ชัดเจนก็คือหญ้าลิ้นงูดอกจะมี 4 กลีบ แต่ถ้าเป็นสะเดาดินดอกจะมี 5 กลีบครับ จากภาพ คู่ซ้ายมือคือสะเดาดิน ส่วนคู่ขวามือคือหญ้าลิ้งงูครับ จากคุณ : ตาเชย เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 23:10:08

ความคิดเห็นที่ 47 ต่อนะครับ - ข้อที่ 5-1  หูปลาช่อน คือชื่อที่ใช้เรียกกันเป็นส่วนใหญ่ แต่ชื่อหลักจริงๆ ของไม้ชนิดนี้คือ "หางปลาช่อน" ครับ - ข้อที่ 5-2  ไข่มด คือชื่อที่ชาวบ้านบางแห่งใช้เรียกไม้ชนิดนี้ แต่ชื่อหลักของเค้าตามบัญชีรายชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทยมีอยู่เพียงชื่อเดียวครับ คือ "ขมหินใบน้อย" ไม่ได้เกี่ยวข้องกันกับผักโขมหินแต่อย่างใดเป็นไม้คนละชื่อคนละต้นกันเลยครับ - ข้อที่ 6  การเรียกกะเม็งต้นเขียวว่ากะเม็งตัวเมีย และเรียกกะเม็งต้นแดงว่ากะเม็งตัวผู้นั้น เป็นการเรียกตามมาตรฐานทั่วๆ ไปครับ เช่น กะเพราแดงเราก็เรียกว่ากระเพราตัวผู้ เจตมูลเพลิงแดงเราก็เรียกเจตมูลตัวผู้ เถาย่านางแดงเราก็เรียกเถาวัลย์ตัวผู้ เสลดพังพอนต้นแดงเราก็เรียกเสลดพังพอนตัวผู้ สบู่เลือดยางแดงเราก็เรียกสบู่เลือดตัวผู้ ว่านสาวหลงต้นแดงเราก็เรียกตัวผู้ พญากาสักต้นแดงเราก็เรียกตัวผู้ ขัดมอญต้นแดงเราก็เรียกขัดมอญตัวผู้ ฯลฯ - กะเม็งดอกเหลืองนั้นถึงจะมีตำราบางเล่มเรียกเป็นกะเม็งตัวผู้ก็จริง แต่โดยความเป็นจริงแล้วเค้าเป็นไม้คนละชนิดคนละสกุลกับกะเม็งเลย ในทะเบียนบัญชีรายชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทยก็เรียกไม้ต้นนี้ว่า "เบญจมาศชื้น" อยู่เพียงชื่อเดียวเท่านั้นเองนะครับ จากคุณ : ตาเชย เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 53 23:57:37

ความคิดเห็นที่ 48   เย้ยยยย มีต้นที่ 5 ที่บ้านค่ะ เห็นสวยดีเลยเอามาใส่กระถางซะเลย แต่คุณป้าบอกว่าเป็นวัชพืชซะงั้น จากคุณ : panda เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 53 17:33:27 A:203.131.211.133 X: