ความคิดเห็นที่ 1   สารเร่ง พด.3  เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืชในดิน โดยมีความสามารถป้องกันหรือยับยั้งการเจริญของเชื้อโรคพืชที่ทำให้เกิดอาการรากหรือโคนเน่า และแปรสภาพแร่ธาตุในดินบางชนิดให้เป็นประโยชน์ต่อพืช ได้แก่ เชื้อไตรโคเดอร์ม่า (Trichoderma sp.) และ บาซิลลัส (Bacillus sp.) จุลินทรีย์ควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืช           หมาย ถึง  จุลินทรีย์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเชื้อสาเหตุโรคพืช สามารถทำลายและยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรคพืชได้โดยวิธีการแข่งขันการ ใช้อาหารเพื่อการเจริญได้ดีกว่าเชื้อโรคพืช หรือการเข้าทำลายเซลล์ของเชื้อโรคพืชโดยตรง และหรือการสร้างสารปฏิชีวนะยับยั้งการเจริญของเชื้อโรคพืช คุณสมบัติของสารเร่ง พด.3   ป้องกันและควบคุมการเจริญของเชื้อสาเหตุโรคพืชเศรษฐกิจหลายชนิด ได้แก่ โรครากและโคนเน่าของไม้ผลและไม้ยืนต้น เช่น ทุเรียน ส้ม และยางพารา เป็นต้น โรคเน่าคอดินและลำต้นเน่าของพืชไร่ เช่น อ้อย มันสำปะหลัง สับปะรด ข้าวโพด พืชเส้นใยและพืชตระกูลถั่ว โรคเน่าและเหี่ยวของพืชผักและไม้ดอกไม้ประดับ เช่น พริก มะเขือเทศ แตง กะหล่ำปลี เบญจมาศ และมะลิ เป็นต้น ช่วยแปรสภาพแร่ธาตุในดินให้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เจริญได้ดีในดินที่มีอินทรีย์วัตถุสูงและมีความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 5.5 - 6.5 http://www.ldd.go.th/menu_5wonder/pd_3.html จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 00:30:34

ความคิดเห็นที่ 2   สารเร่ง พด.9  เป็นกลุ่มจุลินทรีย์เพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสในดินเปรี้ยวน้อย ซึ่งเป็นดินกรดกำมะถันที่มีความรุนแรงของกรดน้อย (pH ไม่ต่ำกว่า 5) จุลินทรีย์เพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสในดินเปรี้ยว           หมายถึง  จุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการละลายสารประกอบฟอสฟอรัสในสภาพดินเปรี้ยว โดยการผลิตกรดอินทรีย์บางชนิด ออกมาเพื่อละลายฟอสฟอรัสให้เป็นประโยชน์ต่อพืชและในดิน คุณสมบัติของสารเร่ง พด.9   ช่วยแปรสภาพสารประกอบฟอสฟอรัสในดินเปรี้ยวให้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เจริญได้ดีในดินที่มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 4.5 - 6.5 ผลิตกรดอินทรีย์และสารเสริมการเจริญเติบโตบางชนิดเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับพืช http://www.ldd.go.th/menu_5wonder/pd_9.html จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 00:31:54

ความคิดเห็นที่ 3   นวัตกรรมจุลินทรีย์ดิน พด.11 เป็นผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการตรึงไนโตรเจนจากบรรยากาศเพื่อ เพิ่มมวลชีวภาพให้แก่พืชปรับปรุงบำรุงดิน โดยแบ่งออกเป็น จุลินทรีย์ พด.11 สำหรับโสนอัฟริกัน และจุลินทรีย์ พด.11 สำหรับปอเทือง ซึ่งจุลินทรีย์ชนิดดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพในการตรึงไนโตรเจน สำหรับพืชปรับปรุงบำรุงดินชนิดนั้น ๆ อีกทั้งยังมีจุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการละลายฟอสฟอรัสในดินให้เป็น ประโยชน์แก่พืช เพื่อการใช้ประโยชน์พืชปรับปรุงบำรุงดินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คุณสมบัติของจุลินทรีย์สำหรับพืชปรับปรุงบำรุงดิน พด.11 1. เป็น จุลินทรีย์กลุ่มไรโซเบียม ที่สามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศให้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืชอาศัยอยู่ ในปมรากและลำต้นของพืชปรับปรุงบำรุงดินแบบพึ่งพา ซึ่งกันและกัน โดยไรโซเบียมเป็นเชื้อแบคทีเรียที่จัดอยู่ในสกุล Rhizobium ย้อมติดสีแกรมลบ ไม่สร้างสปอร์มีรูปร่างเป็นท่อน ต้องการออกซิเจนในการเจริญเติบโต สามารถเข้าสู่รากพืชปรับปรุงบำรุงดิน และสร้างปมเพื่อตรึงไนโตรเจนจากอากาศได้ 2. เป็นแบคทีเรียที่สามารถผลิตกรดอินทรีย์ เพื่อละลายสารประกอบอนินทรีย์ฟอสเฟตที่อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เช่น Burkholderia sp. 3. เจริญที่อุณหภูมิระหว่าง 27 - 35 องศาเซลเซียส 4. เจริญในสภาพที่มีความเป็นกรดเป็นด่าง 6.5 - 7.5 http://www.ldd.go.th/menu_5wonder/pd_11.html จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 00:33:37

ความคิดเห็นที่ 4   ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 เป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่สามารถสร้างธาตุอาหารหรือช่วยให้ธาตุอาหารเป็นประโยชน์กับพืช เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน และสร้างฮอร์โมนส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืช ประกอบด้วยจุลินทรีย์ 4 สายพันธุ์   จุลินทรีย์ที่อยู่อย่างอิสระในดิน สามารถตรึงไนโตรเจนในอากาศเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแอมโมเนียมที่เป็นประโยชน์ต่อพืช ได้แก่ Azotobacter chroococcum จุลินทรีย์ที่สามารถผลิตกรดอินทรีย์ปลดปล่อยออกมาละลายสารประกอบอนินทรีย์ฟอสเฟต ให้อยู่ในรูปที่พืชสามารถดูดใช้ได้ จุลินทรีย์ที่ปลดปล่อยกรดอินทรีย์ช่วยละลายแร่ธาตุที่มีโพแทสเซียมเป็นองค์ประกอบ ให้อยู่ในรูปที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ได้แก่ Bacillus megaterium จุลินทรีย์ที่สร้างฮอร์โมนให้พืช ช่วยกระตุ้นการเจริญของรากและส่งเสริมการเจริญเติบโตของต้นพืช จุดเด่นของปุ๋ยชีวภาพ พด.12   เพิ่มไนโตรเจน เพิ่มการละลายได้ของหินฟอสเฟต 15 - 45 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มการละลายได้ของโพแทสเซียมเฟลด์สปาร์ 10 เปอร์เซ็นต์ สร้างฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโตของราก และต้นพืช เพิ่มประสิทธิภาพการดูดใช้ธาตุอาหารของพืช http://www.ldd.go.th/menu_5wonder/pd_12.html จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 00:34:55

ความคิดเห็นที่ 5   จากหนังสือ และสารพด ต่าง จะเห็นได้ว่า สารชีวภาพสามารถ 1 ป้องกันและควบคุมการเจริญของเชื้อสาเหตุโรคพืช 2 สร้างฮอร์โมนให้พืช ช่วยกระตุ้นการเจริญของรากและส่งเสริมการเจริญเติบโตของต้นพืช 3 ตรึงไนโตรเจนในอากาศเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแอมโมเนียมที่เป็นประโยชน์ต่อพืช 4 ผลิตกรดอินทรีย์ปลดปล่อยออกมาละลายสารประกอบอนินทรีย์ฟอสเฟต 5 ปลดปล่อยกรดอินทรีย์ช่วยละลายแร่ธาตุที่มีโพแทสเซียม  ปุ๋ยชีวภาพสามารถสร้างไนโตรเจน แต่ไม่สามารถสร้างฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม ได้ ทำได้เพียงช่วยปลดปล่อยให้พืชดูดใช้ได้จากสารประกอบอนินทรีย์ต่างๆ  เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตออกมาใช้ประโยชน์ ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และจุลธาตุ จะหมดไปไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่อย่างไนโตรเจนได้  เพราะฉนั้นเมื่อใช้ปุ๋ยชีวภาพ อย่างน้อยต้องมีการเติม ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียม กลับคืนสู่ดินด้วย ไม่อย่างนั้นมีแต่จะหมดไป สามารถหาเพิ่มธาตุต่างๆได้จากตัวอย่างเช่น ปุ๋ยคอกจากสัตว์ปีก(มูลสุกรและโคมีธาตุ ฟอสฟอรัสต่ำกว่ามาก) หินฟอสเฟส โพแทสเซียมเฟลด์สปาร์ ปุ๋ยเคมีสูตรต่างๆ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 01:02:56 จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 00:57:54

ความคิดเห็นที่ 6   เกษตรกรหัวใส ผลิตปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ บ้านท่าพยอม จ.กาญจนบุรี ใช้ภูมิปัญญาดัดแปลงท่อพีวีซี สลายปุ๋ยหมัก    หลังจากที่เกษตรกรบ้านท่าพยอม ตำบลหนองไผ่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ประสบกับปัญหาราคาปุ๋ยในท้องตลาดแพง ทำให้ คุณสมหวัง อินทรโอสถ เกษตรกรวัย 45 ปี ได้รวบรวมเกษตรกรด้วยกัน 57 คน จัดตั้ง "กลุ่มปุ๋ยหมักจุลินทรีย์บ้านท่าพยอม" โดยคุณสมหวังเป็นประธานกลุ่ม    เพื่อหาแนวทางที่จะผลิตปุ๋ยใช้เอง ในที่สุดได้ตกลงกันว่า จะใช้ภูมิปัญญาแบบชาวบ้านผลิต "ปุ๋ยหมักจุลินทรีย์" มาใช้เอง ปัจจุบันกลายเป็นที่ต้องการของตลาดไปแล้ว    สำหรับส่วนประกอบของ "ปุ๋ยหมักจุลินทรีย์" ตามสูตรของกลุ่มเกษตรกรบ้านท่าพยอม ประกอบด้วย มูลสัตว์ต่างๆ อาทิ มูลขี้วัว 300 กิโลกรัม ขี้เถ้าแกลบ 250 กิโลกรัม รำหยาบ 200 กิโลกรัม รำละเอียด 30 กิโลกรัม โดโลไมต์ 100 กิโลกรัม หินฟอสเฟต 100 กิโลกรัม ซีโอไลต์ 50 กิโลกรัม ยูเรีย 10 กิโลกรัม กากน้ำตาล 5 กิโลกรัม และหัวเชื้อหมักชีวภาพ 5 ลิตร    หากเกษตรกรหรือท่านใดสนใจภูมิปัญญาของกลุ่มผู้ผลิตปุ๋ยหมักอินทรีย์บ้านท่า พยอม สามารถติดต่อขอเยี่ยมชมได้ เพราะที่นี่หมอดินยินดีต้อนรับและพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้สนใจ หรือแม้กระทั่งท่านใดต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นก็สามารถติดต่อได้ที่คุณ สมหวัง อินทรโอสถ ประธานกลุ่ม โทร. (086) 167-4698 หรือติดต่อไปยังสถานพัฒนาที่ดินกาญจนบุรี ตำบลปากแพรก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โทร. (034) 564-290 http://lib.kru.ac.th/rLocal/stories.php?story=07/01/22/0161946 จะเห็นว่าจากตัวอย่างปุ๋ยหมัก ได้เสริมธาตุ ซิลิกา ฟอสเฟส โปแตส แมกนีเซียม จากที่สรุปมามีข้อผิดพลาดอย่างไรแนะนำด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 01:12:57 จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 01:05:54

ความคิดเห็นที่ 7 อาทิตย์นี้ว่าจะไปเดินเที่ยว งานเกษตรแฟร์หน่อยครับ  แล้วจะเอา เชื้อไตรโคเดอร์ม่า (Trichoderma sp.) มาขยายตามที่ ได้รับข้อมูลมานะครับ  อิอิ      ( ข้าวสุกเท่านั้น ) .....เดี๋ยวบางที ใครได้ไปอาจจะเดินเบียดแย่งกินไอติมงา กับผมนะครับ  อิอิ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 01:15:01

ความคิดเห็นที่ 8   ขอคำแนะนำด้วยครับ จากข้างบนได้มาจากการอ่านและสรุปมานะครับ อยากหาวัตถุดิบ ชื่อการตลาด ราคา หินฟอสเฟส โพแทสเซียมเฟลด์สปาร์ ขอบคุณมากครับ ยิ่งตัวเฟลด์สปาร์เห็นแต่ในโรงงานท้องตลาดสามารถหาได้ไหมครับ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 53 15:49:33 จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 01:24:15

ความคิดเห็นที่ 9   คุณ ญี่ปุ่น35 ผมเคยได้รับข้อมูลมาเหมือนกันว่าสามารถนำข้าวสุกไปล่อเชื้อได้จากป่าไผ่ที่สมบูรณ์ในป่าใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้เข้าป่าไปเที่ยวเลยครับและกลัวเชื้อที่ได้มาจะปนเปื่อนเชื้อที่ไม่ดีมาด้วยสิครับ  "ใครได้ไปอาจจะเดินเบียดแย่งกินไอติมงา" คุณ ญี่ปุ่น35 ไม่ได้พาใครไปด้วยหรือครับ ไอติมกินกันสองคนอร่อยนะครับ จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 01:36:27

ความคิดเห็นที่ 10 สงสัยจะดี....แบบนี้ต้องลอง จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 10:23:43

ความคิดเห็นที่ 11 น่าลองครับ.. จากคุณ : คนดง คนเดิม เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 20:01:48

ความคิดเห็นที่ 12 หินฟอสเฟต คือ Rock Phosphate คือ ร๊อคฟอสเฟต คือ 0-3-0 คือ ปุ๋ยรองก้นหลุม คร๊าบ..ท่าน จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:22:03

ความคิดเห็นที่ 13   ขอบคุณมากครับ คุณ seto16 ผมเอาเนื้อหาจากหนังสือมาลงบ้างแล้วนะครับ จากเล่มที่แนะนำไว้ไม่มีได้เล่มนี้มาแทนครับ จากคุณ : datasim เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 53 23:47:51

ความคิดเห็นที่ 14 เนื้อหาเป็นประโยชน์มากครับคุณdatasim จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 19:08:52