ความคิดเห็นที่ 1 ให้ไว  คนสวยใจร้อน จากคุณ : มารวยกับมีโชค เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:17:39

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นเรื่องราวพื้น ๆ อ่ะครับเรื่องธาตุอาหาร ไม่มีประโยชน์มากก็น้อยอ่ะนะ... ♥ ธาตุไนโตรเจน เป็นธาตุอาหารที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญต่อส่วนที่เป็นสีเขียวที่มีอยู่ในต้นพืช หรือที่เรียกว่าคลอโรฟิล นั่นเอง วิธีการให้ธาตุอาหารจำพวกไนโตรเจนนี้ควรให้ครั้งละน้อย ๆ แต่ให้บ่อยครั้ง ซึ่งจะเป็นวิธีที่ประหยัดและทำให้พืชได้ใช้ประโยชน์จากธาตุไนโตรเจนได้เต็มที่ โดยสามารถสังเกตได้ว่าใบจะมีสีเขียวเข้มขึ้น และดอกก็จะดกขึ้นด้วย นั่นแสดงว่าเราได้ให้ธาตุไนโตรเจนในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว     ถ้าหากต้นพืชที่ขาดธาตุไนโตรเจนจะแสดงให้เห็นได้ชดเจนโดยสังเกตว่าใบจะเหลืองคือจะเริ่มเหลืองจากใบที่อยู่ด้านล่างก่อน แล้วก็จะลามขึ้นไปยังใบด้านบนจนถึงใบยอดอ่อนในที่สุด และหากว่าขาดธาตุไนโตรเจนติดต่อกันเป็นเวลานานๆ นอกจากจะทำให้ใบเหลืองแล้วยังทำให้ใบมีขนาดเล็ก แคระแกร็น หรือใบร่วงหมดทั้งต้นก็ได้ ในทางตรงกันข้ามกันคือถ้าหากว่าต้นพืชได้รับธาตุไนโตรเจนมากจนเกินไป หรือเกินความจำเป็นที่พืชต้องการอาการที่แสดงออกมาให้เห็นที่พอสังเกตได้คือ ต้นจะมีใบมากจนเกินไป ทำให้กิ่งชะลูด อวบน้ำ และอ่อนแอต่อโรค... จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:18:14

ความคิดเห็นที่ 3 สวัสดีพู่ พิมพ์สด ๆ อ่ะ รอนิดนุง ดูวิดีโอไปก่อน... จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:19:02

ความคิดเห็นที่ 4 เค้าดูไม่ได้อ่ะอยู่ที่ทำงานตัวเอง  ..... เค้าไม่อ่านได้ป่ะ รอให้ตัวเองมาเล่าให้เค้าฟังพรุ่งนี้ ...อิอิ.... ขอบคุณสำหรับฟิล์มที่ไปซื้อมาให้นะคะ .......    คันมืออยากถ่ายไวๆๆ  อิอิ   ถ่ายออกมาคงเบลอเหมือนเดิม   จากคุณ : มารวยกับมีโชค เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:23:40

ความคิดเห็นที่ 5 ไวๆค่ะ คนไม่สวยก็ใจร้อน จากคุณ : เชรี-ที่รัก เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:30:21

ความคิดเห็นที่ 6 ♥ ฟอสฟอรัส เป็นธาตุอาหารที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตขอรากพืช โดยธาตุฟอสฟอรัสจะช่วยให้รากของพืชแข็งแรง และแผ่กระจายได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ลำต้นแข็งแรงตามไปด้วย จึงนิยมใส่ธาตุฟอสฟอรัสผสมกับดินในขั้นตอนการเตรียมหลุมปลูกเพื่อเร่งให้รากเติบโตและตั้งตัวได้ไวขึ้น     ปกติแล้วธาตุฟอสฟอรัสจะมีอยู่ในดินมากพออยู่แล้ว เป็นธาตุที่ไม่ค่อยเคลื่อนที่ในดินหรือละลายน้ำได้ยากซึ่งจะทำให้พืชดูดเอาไปใช้ได้ยากด้วย แม้แต่ปุ๋ยที่ใส่ลงไปในดินโดยตรงก็ประมาณกันไว้ว่า 80-90 % ของธาตุฟอสฟอรัสทั้งหมดนั้นจะถูกดินยึดไว้โดยการทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุต่าง ๆ ในดิน ดังนั้นการใส่ธาตุฟอสฟอรัสควจะใส่ให้ตรงบริเวณก้นหลุมตามแนวปลายราก เพื่อทำให้พืชสามารถดูดซับไปใช้ได้โดยตรง สำหรับพืชที่ไม่ได้รับธาตุฟอสฟอรัสที่เพียงพอสามารถสังเกตได้ คือ ลำต้นจะแคระแกร็นผิดปกติ และอีกอย่างคือใบข้างล่างจะเป็นสีเขียวคล้ำจนออกเป็นสีเทาและมีสีม่วงตามขอบใบ หรือขอบใบจะใหม้ เป็นต้น... จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:31:32

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วไงต่อ จากคุณ : ช้อนชา เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:34:38

ความคิดเห็นที่ 8 ♧ ธาตุโปแตสเซียม เป็นธาตุที่มีความสำคัญที่ช่วยสร้างอาหารให้กับลำต้น เพื่อช่วยให้ลำต้นเจริญเติบโต แข็งแรง ออกผลผลิตได้ดี และมีคุณภาพ ธาตุโปแตสเซียมนี้จะมีอยู่มากในดินเหนียว แต่จะมีอยู่น้อยในดินทรายหรือดินที่เป็นกรดมาก สำหรับพืชที่ได้รับธาตุโปแตสเซียมในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการจะทกให้ชะงักการเจริญเติบโต โดยสังเกตว่ายอดอ่อนจะเจริญเติบโตช้า เปราะหักง่าย หรือต้นจะเริ่มแห้งตายจากยอดลงมาหาโคนต้น ใบด้านล่างจะแก่เป็นสีเหลืองเร็ว และเกิดเป็นรอนไหม้สีน้ำคาลบริเวณขอบใบในทางตรงกันข้าม ถ้าใส่ธาตุโปแตสเซียมมากจนเกินไปก็จะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโตได้เช่นเดียวกัน     ดังนั้นวิธีการใส่ธาตุโปแดสเซียมควรจะใส่ครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้งหืออาจจะใส่ในรูปของปุ๋ยชนิดน้ำที่ฉีดให้ทางใบ และการเผาฟางก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการเพิ่มธาตุโปแตสเซียมให้แก่ดิน... จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:39:49

ความคิดเห็นที่ 9 แล้วไงอีก หุหุ  กดดันกันเข้าไป ลป. ยังไม่ได้อ่านเลย แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 16:43:19 จากคุณ : LILY_PINK เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:42:55

ความคิดเห็นที่ 10 ชักช้าจริง  ให้ไว เล้ยยยย   (กดดันอีกคนด้วย)   อิอิ จากคุณ : มารวยกับมีโชค เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:45:26

ความคิดเห็นที่ 11 นั่นสิ ให้ไว มะเดี่ยว จากคุณ : หนอนตะไคร้ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:46:27

ความคิดเห็นที่ 12 มาถึงธาตุอาหารรอง... ♧ ธาตุแคลเซียม เป็นธาตุอาหารที่มีความสำคัญในด้านที่ช่วยให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ ธาตุแคลเซียมมักจะมีเพียงพอในดินอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นดินเหนียวหรือดินที่มีสภาพเป็นกรด ก็จำทำให้พืชดูดเอาธาตุแคลเซียมไปใช้ได้ยาก ดังนั้นควรจะทำการใส่ปูนขาว ปูนมาล เปลือกหอยเผา หรือเปลือกหอยป่น เพิ่มเข้าไปในขั้นตอนการปรับปรุงดินและใส่อีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ได้ทำการปลูกต้นกุหลาบไปแล้ว นอกจากนี้ปุ๋ยเคมีบางประเภทก็จะมีธาตุแคลเซียมผสมอยู่ด้วยก็สามารถใช้ได้เช่นเดียวกัน     สำหรับพืชที่ไม่ได้รับธาตุแคลเซียมที่เพียงพอ จะแสดงอาการออกมาให้เห็น คือ ยอดจะเหลือง หรือไหม้จากปลายยอดเข้ามาหาโคนกิ่ง ต้นชะงักการเริญเติบโต ใบจะร่วงก่อนที่ต้นจะตาย หรือจะมีจุดสีน้ำตาลที่เส้นกลางขอบใบหรือขอบบ กลีบดอกจะหยักงอและมีจุดสีน้ำตาลที่กลางกลีดอกด้วยเช่นกัน... จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:47:17

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีกันก่อน มากันเยอะละ... สวัสดีครับคุณเชรี่ ที่รัก,พี่ปุ้ม,พี่บุษ,พี่หนอนฯ... ฮ่าฮ่า สักครู่ๆ... จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:49:52

ความคิดเห็นที่ 14 เฮ้ย รัยว๊า หนีเลยเว้ยเห้ย จากคุณ : ช้อนชา เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:54:15

ความคิดเห็นที่ 15 ♧ ธาตุสังกะสี เป็นธาตุที่มีความสำคัญช่วยให้พืชเจริญเติบโตแตกยอดได้สมบูรณ์สำหรับพืชที่ไม่ได้รับธาตุสังกะสีเพียงพอ จะแสดงอาการออกมาให้เห็น คือ ใบจะเป็นสีด่างเหลืองระหว่างเส้นกลางใบ โดยเฉพาะยอดอ่อนจะแสดงให้เห็นได้เด่นชัดมากกว่าาใบแก่ และถ้าหากว่าพืชได้ธาตุสังกะสีอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ใบอ่อนมีขนาดเล็กลงใบชี้ตั้ง กิ่งก้านที่แตกออกจะมีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด และกิ่งจะแห้งจากปลายยอดมาหาโคนกิ่ง     สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระยะสั้นอาจจะฉีดพ่อนด้วยสังกะสีซัลเฟต ซึ่งเวลาฉีดพ่นพยายามหลีกเลี่ยงการฉีดขณะที่กำลังแตกใบอ่อนเพราะอาจทำให้ใบอ่อนไหม้ได้ ส่วนวิธีการแก้ไขในระยะยาว คือ ควรจะทำการปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยอินทรีย์โดยปรับดินให้อยู่ในสภาพเป็นกลางหรือค่อนไปทางกรดเล็กน้อย ประมาณ pH 6-7 แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 16:55:58 จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:54:52

ความคิดเห็นที่ 16 ให้ลงเร็ว ๆ แต่ไม่ได้อ่านเลย กลับบ้านแระ ไปดีกั่ว จากคุณ : LILY_PINK เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 16:59:54

ความคิดเห็นที่ 17 ♧ ธาตุแมกนีเซียม พืชที่ขาดธาตุแมกนีเซียมจะแสดงอาการออกมาให้เห็นซึ่งสามารถที่จะสังเกตได้คือ ใบจะเหลืองเป็นรูปลิ่มจากปลายใบเข้ามาหาโคนใบส่วนบริเวณโคนใบจะยังคงเขียวอยู่เล็กน้อย แต่ถ้าหากว่าขาดธาตุแมกนีเซียมมาก ๆ ก็จะทำให้ใบเหลืองร่วงไปทั่วทั้งใบอย่างรวดเร็วและใบก็จะร่วงไปในที่สุด     สำหรับวิธีการแก้ไขกับปัญหาพืชขาดธาตุแมกนีเซียมในระยะสั้นหรือเร่งด่วนนี้ ให้ฉีดพ่นด้วยสารละลายแมกนีเซียมออกไซด์ โดยฉีดพ่นทุก ๆ 10-15 วัน จนกว่าต้นจะแสดงอาการเจริญเติบโตตามปกติ ส่วนวิธีการแก้ไขปัญหาในระยะยาวก็ให้ทำในวิธีการเดียวกับการขาดธาตุสังกะสี คือปรับปรุงดินให้อยู่ในสภาพเป็นกลาง... จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:00:00

ความคิดเห็นที่ 18 ไวๆค่ะ คนหน้าตาพอดูได้ก็ใจร้อนค่ะ จากคุณ : สาวน้อย ซอยริมวัง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:02:45

ความคิดเห็นที่ 19 ♧ธาตุแมงกานีส อาการของพืชที่ขาดธาตุแมงกานีส สามารถสังเกตได้จากใบ ซึ่งใบแก่จะแสดงอาการแบบเป็นจุดประและเกิดรอยด่างเหลืองเป็นจุด ๆ กระจายอยู่ตามบริเวณแผ่นใบ แต่เส้นกลางใบยังคงเขียวอยู่ ส่วนใบที่อ่อนอาจจะสังเกตดูยากหน่อย เพราะจะมีอาการเหลืองคล้าย ๆ กับการขาดธาตุสังกะสี ซึ่งอาจจะเกิดจากการขาดธาตุสังกะสีไปพร้อม ๆ กับการขาดธาตุแมงกานีสก็เป็นไปได้     วิธีการแก้ไขก็ให้ทำเช่นเดียวกัน คือ ทำการปรับปรุงดินให้อยู่ในสภาพเป็นกลาง เพราะดินจะขาดธาตุแมงกานีสมากก็ต่อเมื่อดินนั้นขาดการปรับปรุง และจะพบว่าขาดธาตุแมงกานีสมากในดินที่ค่อนไปทางเป็นด่างหรือดินหินปูนมากกว่าดินที่ค่อนข้างไปทางกรด ซึ่งการปรับสภาพดินให้อยู่ในช่วงที่เป็นกลางจะเหมาะสมสุด ส่วนการแก้ไขในระยะนั้นก็ให้ฉีดพ่นด้วยปุ๋ยทางใบในรูปของแมงกานีสซัลเฟต หรือแมงกานีสออกไซด์ หรือการใช้ปุ๋ยที่มีแมงกานีสซัลเฟตโรยลงในแปลงดินโดยตรงก็ได้... จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:07:27

ความคิดเห็นที่ 20   เอาให้ละเอียดสุดๆนะมะหมี่ เดี๋ยวเสาร์นี้จะไปทำตาม จากคุณ : สาวกลางกรุง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:20:11

ความคิดเห็นที่ 21 คนขี้เหล่ รออยู่ ให้ไว จากคุณ : ยุกยิกหวานเย็น เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:20:14

ความคิดเห็นที่ 22 คนขี้เหร่ ข้างบนอ่ะ ไปเลี้ยงห่านไป๊ ชิ้วๆ จากคุณ : ช้อนชา เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:22:22

ความคิดเห็นที่ 23 ♧ธาตุเหล็ก เป็นธาตุที่มีความสำคัญต่อการสร้างคลอโรฟิล ส่วนใหญ่แล้วมักจะพบว่าพืชที่ขาดธาตุเหล็กที่ปลูกอยู่ในดินที่มีสภาพเป็นด่างหรือค่อนข้างจะเป็นด่าง เช่นดินหินปูน ดินทรายจัด หรือดินที่น้ำทะเลท่วมถึง เป็นต้น    สำหรับอาการผิดปกติที่พืชแดงออกมาให้เห็นว่าขาดธาตุเหล็กนั้นอาจจะสังเกตดูได้ยาก เพราะว่าอาการโดยทั่ว ๆ ไปแล้วก็จะคล้าย ๆ กับการขาดธาตุอาหารชนิดอื่นๆ เช่นใบร่วงเหลือง แต่ที่พอจะสังเกตได้ว่าเป็นอาการขาดธาตุเหล็ก คือในช่วยอาการระยะเริ่มแรกเนื้อใบระหว่างเส้นจะค่อย ๆ เหลือง เส้นแขนงของใบจะเริ่มมีสีเขียวซีดจาง ซึ่งมักจะพบมากในใบอ่อน พอใบเริ่มแก่อาการนี้จะหายไปก็ได้ ถ้าหากว่าได้มีการแก้ไขทัน แต่ว่าถ้าขาดมากหรือขาดอย่างต่อเนื่องใบก็จะเหลืองซีดทั้งใบ ใบบางเล็กลงว่าปกติแลเิร่มจะหงิกงอด้วย     วิธีการแก้ไขปัญหากับพืชที่ขดธาตุเหล็กในระยะสั้นนี้สามารถทำได้โดนการฉีดพ่นชนิดน้ำทางใบที่มีส่วนผสมของ ธาตุเหล็กซัลเฝตผสมอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องฉีดพ่นสม่ำเสมอ จนกว่าพืชตะมีสภาพอยู่ในอาการปกติได้ ส่วนการแก้ไขระยะยาวสามารถทำได้โดยใส่ธาตุเหล้กคีเลทให้แก่ดินลงไปโดยตรงปีละครั้ง... แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 17:28:05 จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:24:45

ความคิดเห็นที่ 24 เดินทางดี ๆ ครับพี่บุษ... สวัสดีครับพี่สาวน้อยฯ , พี่ต่าย , พี่เหมีย... หุ ๆ พี่ปุ้ม พี่ข้างบนบ่นว่าแมม เพราะเลี้ยงห่านแหละ^^... จากคุณ : pakeeranung เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:27:32

ความคิดเห็นที่ 25 ขยันจริงนะมะเดี่ยว ฮิฮิ จากคุณ : เติมรักให้เต็มใจ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:32:05

ความคิดเห็นที่ 26 คนขี้เหร่ ข้างบนอ่ะ ไปเลี้ยงห่านไป๊ ชิ้วๆ จากคุณ : ช้อนชา เลี้ยงมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยจัง สตางค์อยู่ครบ เฮ้ย เกี่ยวไรฟระเนี่ย จากคุณ : ยุกยิกหวานเย็น เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:40:34

ความคิดเห็นที่ 27 มะเดี่ยวครับ  หมอบอกว่าอาการเซ็งหมดอาลัยตายอยากของป้าคนดูน่าจะมาจากตอนอาหารเป็นพิษ ร่างกายเสียน้ำมากเสียเกลือแร่ไปเยอะ เลยขาดโปแตสเซียม โซเดียม ป้าคนดูจะเอามารักษาโรคขาดขาดเกลือแร่พวกนี้ได้หรือเปล่านะ จากคุณ : aor_aot เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:45:26

ความคิดเห็นที่ 28 มีกลเม็ดและเคล็ดไม่ลับสำหรับการปลูกกุหลาบที่ต้องเรียนรู้อีกแยะเลย ขอบคุณค่ะคุณมะเดี่ยว จากคุณ : *ju--uk* เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 17:55:56

ความคิดเห็นที่ 29 อิอิ..เรื่องปุ๋ยไปแล้ว แถมเรื่องโรค  ต่อให้นะ.. สาเหตุของโรคพืชหรือสาเหตุที่ทำให้ต้นพืชมีความผิดปกติ 1. เกิดจากสิ่งไม่มีชีวิต ได้แก่ การดูแลที่ไม่ถูกต้อง หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช จึงทำให้ต้นพืชมีอาการผิดปกติไป เช่น         อุณหภูมิสูงเกินไปหรือถูกแดดเผา เกิดอาการไหม้ลวกบริเวณด้านที่ถูกแสงแดดจัดเกินไป อาจเกิดบนใบหรือผลก็ได้ อุณหภูมิผิวดินที่สูงเกินไป อาจทำลายต้นกล้าอ่อน หรือเกิดอาการแผลแห้งตกสะเก็ดบริเวณโคนต้นแก่ได้         แสงแดดไม่เพียงพอ ต้นพืชมักมีใบสีเขียวซีด ลำต้นยืดยาวผิดปกติ พืชไม่แข็งแรง ไม่ออกดอกผลตามปกติ         ความชื้นในดินสูงเกินไป พืชไม่แข็งแรง ใบล่าง ๆ มักแสดงอาการเหลือง โดยเริ่มจากเส้นกลางใบก่อนรากเน่าตาย และในที่สุดพืชอาจแสดงอาการเหี่ยวและตายในที่สุด         ความชื้นในอากาศต่ำ ปลายใบหรือทั้งใบไหม้ใบบิดเบี้ยว ช่อดอกแห้งร่วง ผลเหี่ยว ต้นพืชเหี่ยวแบบชั่วคราว หรือเหี่ยวแบบถาวรและตายในที่สุด ****ที่เหลือตามไปอ่านต่อ  อิอิ.. http://www.ku.ac.th/e-magazine/dec48/agri/flora.htm จากคุณ : Mai_ZaZa_ZuZu เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 18:24:02

ความคิดเห็นที่ 30 เข้ามาเก้บความรู้ หมดหรือยัง จากคุณ : คนงานกลางดง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 18:27:32

ความคิดเห็นที่ 31 อาการของโรคพืชกับพืชชนิดต่าง ๆ   ตอน 2 http://www.ku.ac.th/e-magazine/jan49/agri/flora.htm === ตัวอย่าง === 3. โรคราแป้งขาว            อาการของโรค  มีผงสีขาวขึ้นฟูตามก้านช่อดอก ก้านช่อดอกย่อย และกลีบดอก มีลักษณะช้ำเป็นสีน้ำตาลอ่อน ดอกที่ถูกทำลายจะหลุดร่วงไป ไม่ติดผล            สาเหตุ  เชื้อรา Oidium mangiferae            การป้องกันกำจัดโรค  ใช้สารเคมี ได้แก่ กำมะถันผง ไดโนแคบ เบนโนมิล หรือไตรอะไดเมฟอน ฉีดพ่น มากดเข้าคลังกระทู้  ให้  คุณ : pakeeranung  ด้วย  อิอิ . ว่าแต่ติดตากุหลาบ  เก่งจังค่ะ  ฝีมือๆๆๆ... แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 53 18:33:42 จากคุณ : Mai_ZaZa_ZuZu เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 18:31:56

ความคิดเห็นที่ 32 ^^เดี๋ยวตามไปอ่านของป้าใหม่ด้วย...ขอบคุณค๊า จากคุณ : *ju--uk* เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 18:38:21

ความคิดเห็นที่ 33 จากคุณ : พ่อ@LLถุง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 18:44:18

ความคิดเห็นที่ 34 ฮิฮิ....... หมดแล้วเหรอมะเหี่ยว........ คนน่ารักและน่าตาดีรออยู่นะ.....อิอิ จากคุณ : naykainui เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 19:05:04

ความคิดเห็นที่ 35 โห.... มะเดี่ยว ... มีมือ(คุณใหม่)สำรอง ... มาช่วยด้วยแหะ.. ให้ไว  ... สว. (สวยทุกวัน) ไม่ชอบรอนานนนนน   ฮิ ฮิ จากคุณ : ดอกคูนเสียงขิม เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 20:11:39

ความคิดเห็นที่ 36 สาเหตุของโรคพืชหรือสาเหตุที่ทำให้ต้นพืชมีความผิดปกติ จากคุณ   : Mai_ZaZa_ZuZu ------------------------ เพิ่มเติมจากป้าใหม่ด้วยหน่อยนึงค่ะ................. ไอ้ตัวนี้ล่ะ สาเหตุที่ทำให้ต้นพืชมีความผิดปกติ จากคุณ : ช้อนชา เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 20:14:37

ความคิดเห็นที่ 37 ฮิฮิ....... หมดแล้วเหรอมะเหี่ยว........ คนน่ารักและน่าตาดีรออยู่นะ.....อิอิ จากคุณ : naykainui   ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แหวะ !!!!!! จากคุณ : มารวยกับมีโชค เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 53 21:43:53

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณค่ะ อุตส่าห์นั่งพิมพ์ให้อ่าน ที่บ้านเลี้ยงแบบดูแลบ้างไม่ดูแลบ้าง ยิ่งตอนนี้ ใบเหลืองมีจุดเพียบ เพราะไม่ค่อยได้ออกไปเด็ดใบทิ้ง เดินมะหวาย จากคุณ : AlwaysCraft เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 05:59:41

ความคิดเห็นที่ 39 ตามาอ่านเช้านี้จ้า จากคุณ : LILY_PINK เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 07:50:23

ความคิดเห็นที่ 40 แฮ่ก ๆ ๆ ๆ กว่าจะอ่านครบแทบแย่แน่ะ  ขอบคุณมะเดี่ยวแล้วก็ป้าใหม่ ด้วย คร๊าบบบบบ จากคุณ : หนอนตะไคร้ เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 12:52:29

ความคิดเห็นที่ 41 กว่าจะอ่านครบแทบแย่แน่ะ  ขอบคุณมะเดี่ยวแล้วก็ป้าใหม่ ด้วย คร๊าบบบบบ จากคุณ : หนอนตะไคร้    พู่ ไม่อ่านอ่ะลุงหนอน   ให้มะเดี่ยวมาสรุปให้ฟังก่อนนอนจะดีกว่า คิคิคิ จากคุณ : มารวยกับมีโชค เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 53 14:18:21