ความคิดเห็นที่ 1 ไวรัส เอ็น พี วี  คืออะไร ? พูดง่ายๆ ไวรัส ก็คือเชื้อไวรัส   . . ขอโทษคร้าบบบบบ เอาจริงละ ไวรัส เอ็นพีวี ( nuclear polyhedrosis virus ) คือ ไวรัส ที่ก่อให้เกิดโรคกับแมลง  เป็นจุลินทรีย์ที่พบในธรรมชาติ  และถูกคัดเลือกพัฒนามาเป็นทางเลือกในการทดแทนสารเคมีกำจัดแมลงศัตรูพืช จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 09:24:05

ความคิดเห็นที่ 2 ไวรัส เอ็นพีวี ทำงานอย่างไร? . . ไวรัส เอ็นพีวี จะอยู่ในผลึกโปรตีนซึ่งยังไม่มีการทำงานใดๆ จนกว่าหนอนศัตรูพืชได้กินเข้าไป เมื่อหนอนกินเข้าไปแล้ว ด่างแก่ในกระเพราะหนอนจะย่อยสลายผลึกโปรตีน หลังจากนั้น ไวรัส เอ็นพีวี จะเข้าจับกับเซลล์ของหนอน ขยายปริมาณและทำให้หนอนเกิดโรคและตายในที่สุด เมื่อหนอนตายจากไวรัส เอ็นพีวี จะสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสต่อไปได้อีกด้วย แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 53 09:35:53 จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 09:34:14

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อหนอนกินไวรัส เอ็พีวี เข้าไป 1-2วัน ผนังลำตัวจะเปลี่ยนสีจากเขียวสดเป็นซีดจางลง หลังจากนั้นจะมีสีขาวขุ่นหรือสีครีม หนอนจะลดกินอาหาร การเคลื่อนไหวช้าลงจนหยุดนิ่ง หลังจากนั้นจะไต่ขึ้นสู่ยอดของพืชและตายในลักษณะห้อยหัว โดยมีขาเทียมคู่หนึ่งยังยึดจับกับต้นพืช กลายเป็นลักษณะตัววีคว่ำ เมื่อหนอนตายแล้วจะกลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว  ผนังลำตัวจะแตกง่าย และเมื่อแตกของเหลวมี่ไหลมาจะเต็มไปด้วยไวรัส เอ็นพีวี และสามารถแพร่กระจายต่อไป แก้ไข เอารูปออก ลืมย่อ ใหญ่มากๆๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 53 09:49:15 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 53 09:48:34 จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 09:47:51

ความคิดเห็นที่ 4 รูปการตายของหนอน (ทิ้งไว้อีกสักพักจะดำกว่านี้อีก) จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 09:51:07

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นหัวข้อที่น่าสนใจนะครับ ขอรายละเอียดเชิงวิชาการที่มีข้อมูลมากกว่าได้ไหมครับ ไม่เอาข้อมูลเชิงธุรกิจนะ ข้อดี ข้อเสีย การบ่งใช้ จากคุณ : ยานางิคุง (jr_nt) เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 09:52:46

ความคิดเห็นที่ 6 ปัจจุบัน ในไทยมีการศึกษาและนำไวรัส เอ็นพีวีมาใช้ สามชนิด 1 ไวรัส เอ็นพีวี สำหรับหนอนกระทู้หอม ( หนอนหนังเหนียว,หนอนเขียว )  virus NPV for Spodoptera exigua 2 ไวรัส เอ็นพีวี สำหรับหนอนกระทู้ผัก  virus NPV for Spodoptera litura 3 ไวรัส เอ็นพีวี สำหรับหนอนเจาะสมอฝ้าย,หนอนอเมริกัน  virus NPV for Helicoverpa amigera ไวรัส แต่ละชนิดมีความจำเพาะเจาะจงกับหนอนศัตรูพืช ไม่สามารถนำไปใช้กับหนอนชนิดอื่นๆ และไม่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆแลัสิ่งแวดล้อม แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 53 07:58:39 แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 53 09:59:05 จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 09:58:15

ความคิดเห็นที่ 7 ตั้งใจตามนั้นอยู่แล้วครับ คุณยานางิคุง ^ ^ ข้อดีของ ไวรัส เอ็นพีวี 1 เป็นชีวินทรีย์จากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพที่มีประสิทธิภาพในการทำลายแมลงศัตรูพืชสูง 2 มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อมสูงมาก ไม่มีสารพิษตกค้าง มีการแนะนำให้ใช้ในผักอินทรีย์ ผักปลอดสารพิษ ไม่มีข้อห้ามในการใช้กับพืชส่งออก 3 ยังไม่มีรายงานว่าศัตรูพืชมีความต้านทานไวรัส เอ็นพีวี 4 สามารถแพร่กระจายได้ เมื่อมีการใช้ต่อเนื่องจะลดการระบาดและการดื้อยาของศัตรูพืชอย่างชัดเจน 5 นำไปใช้ง่าย สามารถผสมกับสารเคมีที่ใช้อยู่ทั้ง สารกำจัดแมลง สารป้องกันกำจัดโรคพืช ฮอร์โมนต์และอาหารเสริมได้ ประหยัดเวลาในการทำงานหลายครั้ง จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 10:05:53

ความคิดเห็นที่ 8 มีข้อดีก็มีข้อเสีย 1 มีความจำเพาะเจาะจงสูง เลือกฆ่าศัตรูพืชเพียงชนิดเดียวตามสายพันธุ์ของไวรัส เมื่อเทียบกับการใช้สารเคมีซึ่งสามารถฆ่าแมลงได้หลายชนิดมากกว่า 2 การตายต้องใช้ระยะเวลา ไม่เหมือนการใช้สารเคมีที่สามารถใช้ฆ่าแบบเฉียบพลัน 3 ราคาต่อหน่วยสูงกว่าสารเคมีทั่วไป ยังไม่สามารถใช้เป็นยาพื้น 4 หาซื้อยาก 5 เชื้อมีอายุ ต้องมีการเก็บรักษาที่ดี ขยายความข้อ 5 ไวรัส เอ็นพีวี ถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นสามารถเก็บได้ข้ามปี ในห้องเก็บของโรงงานใช้วิธีแช่แข็งจะเก็บได้นานมากกว่า 10 ปี   ในอุณหภูมิปกติ ไวรัสจะลดปริมาณลงเรื่อยๆ ไม่ควรเก็บนานเกิน 3 เดือน เมื่อฉีดพ่นไวรัส เอ็นพีวี ไวรัส จะถูกทำลายจากรังสี UV อยู่ได้ไม่เกิน 3 วันในแปลง จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 10:14:45

ความคิดเห็นที่ 9 การนำ ไวรัส เอ็นพีวีไปใช้ การนำไวรัส เอ็นพีวี ไปใช้ ต้องมีการนับจำนวนการระบาดว่าถึงจุดที่ควรฉีดพ่นสารกำจัดแมลงหรือไม่ และที่สำคัญต้องจำแนกชนิดของหนอนให้ถูกต้อง ถ้าใช้ผิดชนิดจะไม่มีผลใดๆเลย แนะนำให้ฉีดพ่นตอนเย็น ผสมสารจับใบดีๆ ( การใช้ไวรัสไม่จำเป็นต้องฉีดถูกตัวหนอน แต่ต้องฉีดให้ได้ทั่วถึง หนอนจะออกมากินในตอนเย็นและช่วงกลางคืน ) อัตราแนะนำ กรณีหนอนระบาด ใช้ 10 ซีซี ผสมน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นเมื่อพบการระบาด ฉีดซ้ำอีกครั้งหลังจากฉีดครั้งแรก 3 วัน กรณีหนอนระบาดรุนแรง ใช้ 20 ซีซี ผสมน้ำ 20ลิตร ฉีดพ่นเมื่อพบการระบาด ฉีดซ้ำอีกครั้งหลังจากฉีดครั้งแรก 3 วัน หลังจากนั้นใช้ฉีดควบคุมทุก 7-10 วัน ที่อัตรา 10 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร เทคนิคแบบชาวบ้านที่ทำให้ตายเร็วขึ้น ( แต่เพิ่มต้นทุนให้แพงขึ้น ) ผสมยาฆ่าแมลงชนิดอื่นลงไปตามอัตราแนะนำ หนอนจะตายได้เร็วขึ้น  ไวรัส เอ็นพีวี ทำให้หนอนป่วยจึงต้านทานยาเคมีได้น้อยลง แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 53 10:26:41 จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 10:24:26

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วไวรัส เอ็นพีวี ที่มีในไทย มาจากที่ไหน? ไวรัส เอ็นพีวี มีในธรรมชาติ เป็นโรคของแมลงอยู่แล้ว ในช่วงแรก ประมาณ 10  ปี ที่ผ่านมามีบริษัทเคมีเกษตรนำเข้ามาจำหน่าย ในกลุ่มองุ่น หอม จนเริ่มมีคนรู้จัก แต่ทางบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงภายในจนหายไปจากตลาด ปัจจุบัน ทางกรมวิชาการเกษตรได้ทำการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์จากการทำให้หนอนที่เลี้ยงไว้ติดเชื้อและสกัดออกมา ปัจจุบัน ไวรัส เอ็นพีวี มีบริษัทเอกชน นำเข้ามาจำหน่ายเช่นกัน  ในส่วนของภาครัฐก็จะมีที่กรมส่งเสริมการเกษตรและที่โรงรงงานต้นแบบผลิตเชื้อไวัรสเอ็นพีวี ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ คลองหลวง ปทุมธานี จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 10:36:32

ความคิดเห็นที่ 11 อยากรู้เพิ่มเติม ก็ตั้งคำถามต่อท้ายได้นะครับ จะกลับมาตอบ กลัวว่าพูดเชิงลึกไปจะวิชาการเกินความจำเป็นแล้วจะงงกันนะครับ เลยเอาง่ายๆแค่นี้ก่อน หรือ ขอข้อมูลได้ทั้งจากกรมวิชาการเกษตร และ โรงงานต้นแบบ มีที่ติดต่อของโรงงานตามนี้ครับ โรงงานต้นแบบผลิตเชื้อไวรัส เอ็นพีวี เพื่อควบคุมแมลงศัตรูพืช ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ 113 อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ถนนพหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 โทร 02-564-6527 ^ ^ ^ ^ ให้ที่อยู่ เบอร์โทร แต่เป็นของหลวงคงไม่ผิดกฏนะ ไม่ได้โปรโมทให้เอกชน ^ ^ จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 10:44:35

ความคิดเห็นที่ 12 แก้ไข....ซ้ำกับ คห.บน แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 53 11:56:15 จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 10:44:53

ความคิดเห็นที่ 13 เยี่ยมครับ เอ่อ..แล้วการจัดเก็บไวรัสตัวนี้ จำเป็นต้องเก็บในภายใต้การควบคุมต่างๆหรือไม่ หรืออยู่ได้ในภาวะห้องได้เลยครับ แล้วหลังจากผลิตออกมาจะเก็บใว้ได้นานหรือไม่ครับ เพราะ...ถ้าดีก็จะได้หามาขายครับฮ่าๆๆ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 53 17:01:07

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบคุณ seto16 ครับ การเก็บไวรัส เอ็นพีวี  ดีที่สุดคือเมื่อได้รับสินค้าแล้ว แช่ตู้เย็นอุณหภูมิแช่ผักปกติจะเก็บรักษาได้ข้ามปี กรณีไม่ได้แช่ตู้เย็น หลังจาก 3 เดือน ปริมาณเชื้ออาจลดลงครับ ถ้าจะซื้อมาขาย ค่อยๆสั่งมาขายนะครับ จะได้มีของสดๆใช้  หรือถ้าจะเก็บเยอะๆ ก็อาจลงทุนตู้เย็นสักเครื่อง แก้ไขข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับคนขาย ถ้านำสินค้าตัวนี้ไปขายต้องเหนื่อยในการอธิบายนะครับ  ลูกค้าต้องมีใจเปิดกว้างที่จะรับข้อมูล+กล้าใช้สิ่งใหม่ๆ สินค้าดี กำจัดหนอนได้อย่งมีประสิทธิภาพ ความปลอดภัยสูง แต่ตายช้าเลยไม่ทันใจชาวบ้าน   แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 53 07:37:12 จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 07:32:49

ความคิดเห็นที่ 15 ข้อดีของไวรัสต่อสิ่งแวดล้อมเท่าที่เห็นจริงในแปลง ตามรูปเป็นการใช้ไวรัส เอ็นพีวี ไปฆ่าหนอนกระทู้หอมในหอมหัวใหญ่ ที่อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ (ก็ตัวเดียวกับหนอนหนังเหนียวนั่นละครับ ) หนอนหลอดหอมนี่มีปัญหามาก โดยเฉพาะช่วง กพ.ถึง พค. และ สค.ถึง ตค. เนื่องจากหนอนซ่อนตัวอยู่ในหลอดหอมจึงไม่ค่อยได้รับสารเคมี จนทำให้ดื้อยา การใช้ ไวรัส เอ็น พีวี สามารถกำจัดได้อย่างมีประสิทธภาพ ในรูปเป็นหลังจากการฉีดไป 3 วัน ซึ่งเจ้าของแปลงบอกว่าหนอนส่วนใหญ่หายไป   ความตั้งใจครั้งแรกจะสื่อถึง หนอนเล็กมีอากาติดโรคและตายเร็วกว่าหนอนตัวโต แต่...รูปที่ได้ เป็นหนอนที่นอกจากรับเชื้อไวรัส เอ็นพีวี แล้ว มีอาการที่ไม่ใช้ไวรัส คือ ที่เห็นเป็นอาการที่โดนแตนเบียนเข้าทำลาย และมีดักแด้ที่เห็นซึ่งจะออกมาเป็นแตนเบียนฆ่าหนอนอีก แตนเบียนตัวนี้ปกติในแปลงหอมจะไม่สามารถแพร่ขยายได้เพราะจะตายจากสารเคมี แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 53 07:57:44 จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 07:56:04

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนรูปนี้เป็นการระบาดก่อนฉีดพ่น ไวรัส เอ็นพีวี จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 08:00:50

ความคิดเห็นที่ 17 อาการหนอนที่ติดไวรัสแบบชัดเจนจะเป็นตามรูปนี้ครับ จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 08:05:15

ความคิดเห็นที่ 18 เปรียบเทียบ ไวรัส เอ็นพีวี กับ บีที. 1. ชัดเจนที่สุดคือเป็นเชื้อคนละตัว ไวรัส กับ แบคทีเรีย 2. บีที ก่อนใช้ควรนำไปขยายเชื้อก่อนเพื่อให้เชื้อตื่นและเพิ่มปริมาณก่อนฉีด แต่ ไวรัส เอ็นพีวี ไม่ต้องเอาไปหมักทิ้งไว้ก่อนฉีดเพราะเชื้อไม่เดินเพิ่มครับ ไวรัส เอ็นพีวี จะสามารถทำงานได้เมื่อถูกย่อยโปรตีนห่อหุ้มจากน้ำย่อยของหนอนก่อนเท่านั้นครับ 3. บีที ฆ่าหนอนจากการขับสารพิษออกมา ไม่ได้ฆ่าโดยตรง เทียบกับเรากินอาหารแล้วอาหารเป้นพิษ     ไวรัส ขยายตัวแพร่พันธุ์ ในเซลล์เนื้อเยื่อของหนอน เข้าทำลายเซลล์จากตัวไวรัสตรงๆ 4. บีที ฆ่าหนอนชนิดข้างเคียงได้มากกว่าและฆ่าหนอนใยผักได้ด้วย  แต่ ไวรัส เอ็นพีวี เลือกฆ่าหนอนแบบเจาะจงเท่านั้น   ( ถ้าเอา ไวรัส เอ็นพีวี กับ บีที มาผสมกันละ ...... ก็จะได้ครอบคลุมหนอนศัตรูพืชได้ดีขึ้น แต่ต้นทุน...ก็สูงขึ้น ) 5. ............  นึกไม่ออกแล้วครับ ........ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 53 09:26:10 แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 53 08:22:55 จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 08:20:28

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับ ตืนเช้าจังนะครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 53 08:40:50

ความคิดเห็นที่ 20 ไวรัสมีโอกาสกลายพันธุ์ได้มั้ย สงสัยว่า ทำไมหนอนต้องตายด้วยท่าหักกลาง ~ จากคุณ : ป้าหนาสองนิ้ว เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 53 15:30:27

ความคิดเห็นที่ 21 หวัดดีครับป้าหนา ไวรัสตัวนี้มันเสถียรแล้วครับ เป็นไวรัสตามธรรมชาติ ไม่ใช่ผ่านการตัดต่อ ไม่กลายพันธุ์แล้วนะครับ แล้วที่หนอนตายเป็นลิโพคว่ำ....เอ้ยยยยย.....วีคว่ำ  เพราะว่าเซลล์ที่เคยจับตัวกันแน่นถูกไวรัสเข้าทำลายจนการจับตัวหลวม จึงอ่อนและจะแตกง่าย ด้วยนิสัยของหนอนเอง แม้ตายก็ไม่ยอมให้ใครรุกรานถิ่นฐาน ยังจับยึดมั่นด้วยขาคู่หนึ่ง จึงมีจุดยึดหนึ่งจุด แต่เนื้อเหลวเลยพับลงมากลายเป็นตัววีคว่ำครับ จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 53 22:32:38

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำตอบ ~ จากคุณ : ป้าหนาสองนิ้ว เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 53 00:13:47