 |
ความคิดเห็นที่ 12 |
ก่อนอื่นเสียใจด้วยนะค่ะ อาการที่บอกมาน่าจะเกิดจากโรคกระเพาะบิดค่ะ ส่วนใหญ่เกิดในสุนัขสายพันธ์ใหญ่ ๆ ค่ะ เราเลี้ยง St. ก็เป็นกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน เลยลองศึกษาจาก Net แต่ในข้อมูลต่าง ๆ บอกมาแต่เพียงว่า ท้องจะบวมน้ำ บวมมากกว่าปกติ
ด้วยความวิตกเลยแจ้นไปพบคุณหมอ ถามคุณหมอว่า นอกจากอาการบวมน้ำแล้ว เราจะสังเกตุได้ยังไงว่าเป็นโรคนี้ คุณหมอบอกว่า ถ้าบวมขึ้นมา ให้กดไปที่ท้องค่ะ ถ้าร้อง ก็อาจสันนิฐานได้ว่าเป็นกระเพาะบิดค่ะ หลังจากทราบอาการแล้ว คุณหมอบอกว่า ให้ดำเนินการส่ง รพส. ภายในระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการผ่าตัด เย็บกระเพาะ ให้กลับมาคงรูปเดิม ค่ะ จะยังสามารถพอช่วยทัน
แต่โรคนี้โอกาสการสูญเสียมีสูงค่ะ ผ่าตัดแล้วรอดก็มี ไม่รอดก็มีค่ะ แต่คุณหมอบอกว่า โอกาสที่จะเกิดขึ้นกับสุนัขมีได้น้อยกว่า โรคอื่น ๆ ถ้าเทียบเป็นสัดส่วนกัน โดยเฉพาะในสุนัขที่มีโครงสร้างใหญ่ หรือสุนัขที่มีอายุเยอะ
เราเคยเอาข้อมูลนี้ไปแปะไว้ใน www.thaisaintbernard.com เมื่อเร็ว ๆนี้เองค่ะ ยังไงเอามาแปะใน pantip ให้อ่านอีกครั้งแล้วกันนะค่ะ หวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับผุ้ที่มีสุนัขที่อาจจะเข้าข่ายของการเป็นโรคนี้ได้ค่ะ
โรคกระเพาะอาหารบิด Gastric Dilatation-Volvulus
Gastric Dilatation-Volvulus หมายถึง การโป่งพอง พร้อมกับการบิดตัวของกระเพาะอาหารซึ่ง ทำให้อากาศและของเหลวที่มีอยู่ภายในไม่สามารถเคลื่อนตัวไปตามลำไส้ได้ตามปกติ ถ้ากระเพาะอาหารมีการโป่งพอง แต่ไม่บิดตัวมีชื่อจะเรียกว่า Simple dilatation สามารถหายใจเป็นปกติได้ด้วยตัวเองคำว่า Dilatation หมายถึง การขยายตัวใหญ่ขึ้นของอวัยวะหรือโครงสร้างเกินขอบเขตรูปร่างปกติ การกระทำที่ทำให้เกิดช่องว่างหรือรูปร่างขยายขึ้น
โรคกระเพาะอาหารบิด จะเป็นกลุ่มอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน พบว่าในสัตว์ที่มีภาวะเช่นนี้ในขณะที่ำกำลังให้การรักษา โอกาสสุนัขจะเสียชีวิตสูงถึง 25% - 45% การที่กระเพาะอาหารมีการโป่งพอง พบว่ามีสาเหตุจากการทำหน้าที่ของส่วนปลาย กระเพาะอาหารผิดปกติ หรืออาจจะมีการขัดขวางการบีบตัว จากอวัยวะใกล้เคียง แต่สาเหตุที่แท้จริงนั้นยังระบุไม่ได้แน่ชัด แต่เมื่อใดที่เกิดการโป่งพองของกระเพาะอาหาร จะทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของน้ำและอาหารรวมทั้งก๊าซที่อยู่ภายในกระเพาะอาหาร ไม่เป็นไปตามปกติ จะเกิดการอุดตันของหลอดอาหารและ ส่วนปลายของกระเพาะอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารเกิดการบิดตัว อาจสังเกตุพบว่าขนาดของท้องจะป่องมากกว่าปกติอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการสะสมของก๊าซ น้ำ และอาหารที่สุนัขกินเข้าไป สุนัขที่มีความเสี่ยงของโรคนี้ได้แก่ สุนัขตัวผู้ที่มีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐาน กินอาหารวันละ 1 ครั้ง หรือสุนัขที่ตะกละ กินอาหารรวดเร็วและมีนิสัยขี้กลัว นอกจากนี้สุนัขพันธุ์ที่มีช่องอกลึก หรือการให้สุนัขกินอาหารโดยให้ชามอาหารอยู่สูงกว่าตัวสุนัข จะเป็นสาเหตุโน้มนำ เนื่องจากสุนัขจะกินอากาศเข้าไปและเกิดกระเพาะโป่งตามมาได้
ข้อแนะนำสำหรับผู้เลี้ยงสุนัขในการป้องกันไม่ให้เกิดอาการกระเพาะอาหารบิด ดังนี้
ถ้าเลี้ยงสุนัขหลายตัวในบ้าน การให้อาหารในบริเวณเดียวกันพร้อมๆกันอาจทำให้สุนัขรีบกินอาหาร ดังนั้นจึงควรแยกให้อาหารแต่ละตัวไม่ให้มองเห็นกันจะดีกว่า อย่าให้วิ่งหรือออกกำลังกายหลังกินอาหารทันที อย่าให้อาหารโดยให้ชามอาหารอยู่สูงกว่าตัวสุนัข อย่าผสมพันธุ์กับสุนัขที่มีประวัติเคยมีอาการดังกล่าวมาก่อนแม้จะไม่ถึงขั้นบิดก็ตาม ในสุนัขที่มีอาการดังกล่าวควรทำการผ่าตัดโดยยึดกระเพาะอาหารติดกับผนังช่องท้อง เพื่อเป็นการป้อกันกระเพาะบิด ควรรีบพาสุนัขพบสัตวแพทย์ทันทีที่มีอาการท้องป่องและควรเคาะที่ท้องว่ามีกาซอยู่หรือไม่ หรือสังเกตุว่าสุนัขมีอาการหายใจลำบากหรือกระวนกระวายหรือไม่ เพราะนั่นคือสัญญาณ เตือนว่าสุนัขของท่านกำลังมีความผิดปกติเกิดขึ้น
กลไกที่เกิดขึ้นในร่างกายสัตว์ขณะเกิดกระเพาะอาหารบิด
เมื่อกระเพาะอาหารมีขนาดใหญ่ขึ้น จะไปกดการไหลเวียนของเลือดที่จะนำเลือดไปสู่หัวใจ มีผลทำให้ปริมาณเลือดเข้าสู่หัวใจน้อยลง ทำให้มีการขาดเลือดไหลเวียนจากหัวใจไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย และเกิดภาวะช็อคก็จะตามมา เนื่องจากเนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆในร่างกาย ขาดออกซิเจน ได้แก่ไต หัวใจ ตับอ่อน กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็ก สัตว์จะเสียชีวิต เนื่องจากเกิดจากภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ( cardiac arrhythemias)
สุนัขพันธุ์ที่มีช่องอกลึกพบว่ามีโอกาสเป็นโรคนี้บ่อย ได้แก่ Greatdane ,Weimaraner, Saint Bernard, Iris setter นอกจากนี้ยังพบในพันธุ์ขนาดกลาง เช่น Chow chow , Basset hound, Bulldog
การวินิจฉัย อาการของโรคที่สำคัญคือ สุนัขจะมีการขยายใหญ่ของช่องท้องคล้ายลูกโป่ง เมื่อเคาะจะพบว่ามีเสียงดังเหมือนกลอง สุนัขมักจะอ่อนเพลียไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ มีอาการหายใจลำบากหรือหอบมากกว่าปกติ ไม่ยอมกินอาหารหรือน้ำ การเอกซเรย์จะเป็นการวินิจฉัยที่ดีที่สุด ควรมีการตรวจเลือดเพื่อหาค่า blood gas พบว่าสุนัขในภาวะดังกล่าวมักมีค่าเลือดเป็นกรด ซึ่งจะต้องรีบแก้ไขภาวะดังกล่าวก่อนที่จะลุกลามมากขึ้น
จากคุณ |
:
แม่....หมาน้ำยายย้อย (Enjoy Engine)
|
เขียนเมื่อ |
:
4 มี.ค. 53 17:21:59
|
|
|
|
 |