ความคิดเห็นที่ 1 วัดมิ่งเมือง วัดสำคัญกลางเมืองน่าน เป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่านด้วย ประวัติของวัดมิ่งเมืองคือ เดิมเป็นวัดร้าง มีเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ พบที่ซากวิหาร ในราวปี 2400 เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าครองนครน่านสถาปนาวัดใหม่ ตั้งชื่อว่า วัดมิ่งเมือง ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่า เสามิ่งเมือง และวัดมิ่งเมืองนี้ก็มีเสาหลักเมืองตั้งอยู่หน้าวิหาร  เป็นเสาหลักเมืองที่เก่าแก่อยู่คู่เมืองนานมาช้านาน  และเป็นที่ศักการะบูชาของคนทั่วไป  เสาร์อาทิตย์จะมีมัคคุเทศน้อยมาคอยให้ความรู้เราอยู่ที่วัดมิ่งเมืองด้วย  สังเกตุได้ง่ายๆก็คือน้องๆจะแต่งชุดนักเรียน  น่ารักไปอีกแบบ  ทำให้เราได้ความรู้ไม่น้อย แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 10:46:28 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 09:33:10 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 09:27:26 จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:27:14

ความคิดเห็นที่ 2 งานปูนปั้นที่เป็นศิลปะประกอบเข้าทีละชิ้นๆ จนได้ความสวยงามเหมือนงานแกะสลักหรืองานฉลุ รอว่าเมื่อลงสีแล้วจะยิ่งสวยงามกว่าที่เห็นนี้อีกมาก จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:28:51

ความคิดเห็นที่ 3 มุมนี้สามารถมองเห็นได้ทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:29:44

ความคิดเห็นที่ 4 ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:31:36

ความคิดเห็นที่ 5 วิจิตรบรรจงทุกรายละเอียด จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:32:28

ความคิดเห็นที่ 6 ศาลหลักเมืองเป็นศาลาจตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ เสาหลักเมืองสูงประมาณ 3 เมตร ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์มีชื่อ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:34:58

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีค่ะ พี่พัช  ศาลหลักเมืองที่นี่สวยจังนะคะ เคยไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ จ.น่าน เค้าพาไปเที่ยวหลายแห่ง แต่ที่นี่ไม่ได้ไป สวยจริง ๆ ที่เสาดินนาน้อย ยังมีต้นไม้ที่พอไปโดนต้นเค้าจะกระดุ๊กกระดิ๊กได้อยู่หรือ เปล่าคะ? จากคุณ : AJ-COCO เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:37:15

ความคิดเห็นที่ 8 เสาหลักเมือง ซึ่งเป็นเสาหลักเมืองไม้สักทอง สร้างขึ้นสมัยสมเด็จเจ้าฟ้าอัตถะวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 57 ที่โปรดให้ฝังเสาหลักเมืองขึ้น ณ บริเวณวัดมิ่งเมือง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน ในปีพุทธศักราช 2331 ต่อมาเสาหลักเมืองได้เกิดการทรุดโทรม เนื่องด้วยเหตุประสบอุทกภัยเกิดการผุกร่อน จังหวัดน่านร่วมด้วยประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ดำเนินการบูรณะขึ้นใหม่ ด้วยการลงรักปิดทองตัวเสารวมทั้งปั้นบัวคว่ำบัวหงาย ณ ฐานเสา ตลอดจนบรรจุยอดเสาด้วยยอดพุทธบูชาหยกที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และรื้อถอนศาลหลักเมืองหลังเดิมเนื่องจากชำรุดแตกร้าวพร้อมทั้งสร้างขึ้น ใหม่ โดยส่วนยอดเศียรท้าวมหาพรหม ซึ่งเป็นส่วนยอดสุดของหลังคาศาลหลักเมืองนั้น สวมด้วยยอดพุทธประทุมสร้างด้วยเงินบริสุทธิ์ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและวัตถุมงคล ซึ่งการบูรณะครั้งนี้ชาวน่านกระทำขึ้นเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็น พระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติแด่พระองค์ เนื่องในปีพุทธศักราช 2550 หรือปีที่ผ่านมาเป็นปีเฉลิมฉลองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญ พระชนมายุครบ 80 พรรษา และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่พสกนิกรชาวจังหวัดน่าน จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:39:53

ความคิดเห็นที่ 9 AJ-COCO //สวัสดีค่ะ  เดี๋ยวออกจากวัดมิ่งเมือง  จะพาไปชมต้นดิกเดียม และสิ่งมหัศจรรย์ ที่เสาดินนาน้อยกันต่อค่ะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:44:12

ความคิดเห็นที่ 10 สวยมากเลยคะพี่พัช จากคุณ : Saai-Mai เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:45:00

ความคิดเห็นที่ 11 Saai-Mai สวัสดีค่ะ  ไปแล้วก็ตะลึงเช่นกัน  สวยงามปราณีตมากๆ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:53:36

ความคิดเห็นที่ 12 เข้าไปในวัดมิ่งเมืองเพื่อกราบพระประธานกันนะคะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:54:35

ความคิดเห็นที่ 13 มองเพดานสวยๆ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:55:06

ความคิดเห็นที่ 14 วัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่ที่ถนนสุริยพงศ์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2400 ลักษณะเด่นคือ ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 09:56:53

ความคิดเห็นที่ 15 ไหว้ศาลหลักเมือง ไหว้พระกันแล้ว  บ้านพีแคนจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันต่อ เสาดินนาน้อย ที่นี่อยู่ที่จังหวัดน่าน  หลายๆ คนคงจะได้เคยไปชม แพะเมืองผี ที่ จ.แพร่ มาบ้างแล้วแต่ที่นี่ เชื่อว่าบางคนอาจยังไม่เคยได้เข้าไปชม ซึ่ง เสาดินนาน้อยนี้ก็อยู่ ห่างจากตัวเมืองไม่มากนัก บริเวณกว้างมากมีพื้นที่ทั้งหมด 70 ไร่ด้วยกัน จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:01:59

ความคิดเห็นที่ 16 เสาดินนาน้อยนี้ เกิดจากการที่ดินตะกอน ทับถม ถูกเลื่อนตัวสูงขึ้นจากผิวดิน ผ่านเวลานานหลายล้านปี ถูกน้ำและฝน กัดเซาะ จนทำให้เกิดรูปร่าง ประหลาด แปลกตาอย่างที่เห็น เราสามารถเดิน ชมได้ทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งทางอุทยาน จัดให้มี ทางเดิน ชมธรรมชาติ ได้อีกด้วย จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:03:00

ความคิดเห็นที่ 17 ยังมาขอตามไปเที่ยวอย่างเหนียวแน่นค่ะ จากคุณ : Hathi เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:04:07

ความคิดเห็นที่ 18 ใช้เวลาอยู่ที่นี่นานพอสมควร   เพราะว่าอยากเก็บภาพ ในตอนที่แดดจัดๆ มาฝาก ซึ่งท้องฟ้าสีฟ้าใสมาก ตัดกันดี กับตัว โขดดินซึ่งสีออกเหลืองๆทองๆ นอกจากนั้น ยังนั่งนึกจินตนาการ เป็นรุปต่างๆสนุกดีค่ะ ! จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:04:13

ความคิดเห็นที่ 19 Hathi สุดยอดแห่งแฟนพันธุ์แท้จริงๆ ค่ะ    มา มะ  มาดูสิ่งประหลาด  มหัศจรรย์ของน่านกันต่อค่ะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:05:31

ความคิดเห็นที่ 20 ใกล้ๆกับ เสาดินนาน้อย มีสิ่งที่น่าสนใจอีกแห่งคือ เสาดิน คอกเสือ ซึ่งจะมีลักษณะ แตกต่างจากเสาดินนาน้อย เพราะมีลักษณะ เป็นเสาดินขึ้นมาคล้าย คอก หรือ กรง จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:06:10

ความคิดเห็นที่ 21 มีตำนานเล่ากันว่าเคยมีเสือ ตกลงไปแล้วไม่สามารถ ปีนขึ้นได้ เพราะพื้นที่มีลักษณะ เป็นหุบลึก และ ยังมีเสาดินเป็นกรงธรรมชาติอีกด้วย ชาวบ้านจึงจับเสือได้ เราสามารถเดินเข้าไปชม ได้ โดยระยะทางประมาณ 200-300 เมตร เท่านั้น จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:06:52

ความคิดเห็นที่ 22 ไปเที่ยวที่นี่ ก็ได้เห็นอะไรแปลกๆ สนุก จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:07:27

ความคิดเห็นที่ 23 แถมยังใกล้ตัวเมืองอีกด้วย ยังมีเวลาไปเที่ยวในตัวเมืองต่อได้อีก จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:07:54

ความคิดเห็นที่ 24 ความแปลกประหลาดที่ ธรรมชาติสร้างขึ้น สวยงาม น่าชมมาก จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:08:20

ความคิดเห็นที่ 25 เสาดิน (ฮ่อมจ๊อม) อยู่ที่ตำบลเชียงขอม อำเภอนาน้อยมาทางใต้ ประมาณ 61 กิโลเมตร จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:10:07

ความคิดเห็นที่ 26 โดยส่วนตัวแล้ว  เสาดินนาน้อยเป็นเพียงจุดผ่านที่นักท่องเที่ยวสามารถแวะผ่าน โดยมีจุดมุ่งหมายที่อุทยานศรีน่าน  ชมลานเสมอดาว ผาสิงห์โต  และไปต่อที่ผาชู้ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:12:24

ความคิดเห็นที่ 27 เพราะฉะนั้น ควรออกเดินทางมาถึงตั้งแต่เช้าๆๆ  ยิ่งเช้ายิ่งดี อากาศไม่ร้อน จะได้มีความสุขสนานในการเดินชม และถ่ายรูป อย่างเต็มที่... จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:13:08

ความคิดเห็นที่ 28 ต้นดิกเดียม       ต้นไม้อะไรใครรู้ดูประหลาดผิดธรรมชาติ พันธุ์พฤกษาน่าฉงน แค่เห็นเป็นต้นไม้หันหลังให้แดดหันหน้า เข้าวัดก็แปลกเหลือหลายอยู่แล้ว แต่ใครจะเชื่อว่าต้นไม้ ประหลาดต้นนี้เป็นต้นอารมณ์ขัน ใบไม้จะไหวสั่นทุกครั้ง ที่ถูกคนสัมผัส จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:14:46

ความคิดเห็นที่ 29 ตามมาติดๆ   เพื่อจะได้เกาะบ้าน Pecan เที่ยวอย่างต่อเนื่อง  ^O^ จากคุณ : หม่าม๊าพี่เจ๋ง เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:16:17

ความคิดเห็นที่ 30 เสาดินมีต้นดิ๊กเดียมซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากต้นไม้ดิ้นได้   ผู้คนที่มาเที่ยว ต้องมาลองสัมผัสต้น "ดิกเดียม" กันทุกราย จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:17:31

ความคิดเห็นที่ 31 หม่าม๊าพี่เจ๋ง เชิญค่ะ  มาสัมผัสต้นไม้ดิ้นได้ Amazing ต้นดิ๊กเดียม เสาดินกันค่ะ ในรูปเป็นเจ้าหน้าที่คอยอธิบายและสาธิตให้ชม  อัธยาศัยน่ารักมากๆ แถมความรู้แน่นเปรี๊ยะ  ขอขอบคุณอีกครั้งด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 10:20:01 จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:18:41

ความคิดเห็นที่ 32 ที่นี้ยังมีหญ้าเข็มนาฬิกา หรือ เข็มมัน หรือหญ้าปลาหมอ แล้วแต่จะเรียกซึ่งต้นนี้เมื่อโดนน้ำก้านของต้นไม้จะหมุนทวนเข็มนาฬิกา แปลกดีค่ะ  ใครไปก็ลองถามเจ้าหน้าที่แล้วลองทดสอบดูได้นะคะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:27:54

ความคิดเห็นที่ 33 เจ้าหน้าที่เป็นคุณป้าใจดีสาธิตให้ชม   หน้าตาเป็นแบบนี้นะคะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:28:45

ความคิดเห็นที่ 34 คุณพัชสวยยยยยย มากๆค่ะ   แต่หญ้าเข็มทิศนี้น่าสนใจจังค่ะ   มันแปลกมากๆ จากคุณ : tasorn เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 10:50:08

ความคิดเห็นที่ 35 สวัสดีคะ คุณแม่ และ คุณเด็กๆสบายดีนะคะ เด็กๆบ้านนี้เที่ยวกันอีกแล้ว   อิจฉาน้องหมาจังเลย. จากคุณ : Rainnystar เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:07:17

ความคิดเห็นที่ 36 ตามมาแอ่วเมืองเหนือเจ้า ^.^ จากคุณ : แม่โกลเดนค่ะ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:12:52

ความคิดเห็นที่ 37 tasorn      สวัสดีค่ะ พี่แน็ตของน้องๆ   มาอ่านบทความว่าเจ้าหญ้าเส้นเล็กๆ  นี้ มีความดังตามบทความข้างล่างนี้กันนะคะ ^^ เครดิต : ศูนย์งานสารนิเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี "หญ้าหนวดฤาษีหมุนได้ไง?" ข้อสงสัยเล็กๆ พาเด็กไทยคว้ารางวัลระดับโลก     ด้วยความขี้สงสัย และช่างสังเกตตั้งแต่วัยเด็กของ "ปูนา" กลายเป็นที่มาของโครงการศึกษาการหมุนของ "เมล็ดหญ้าหนวดฤาษี" ที่นอกจากจะเป็นผลงานเพื่อพิสูจน์ฝีมือก่อนจบ ม.ปลายแล้วยังไปคว้ารางวัลระดับโลก "อินเทลไอเซฟ" เวทีเดียวกับโครงงาน "กิ้งกือ" อันลือลั่น             โครงงานวิทยาศาสตร์ที่ร่วมกันทำตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน ม.ปลาย ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาของ "ปูนา" หรือ น.ส.อลิสรา ศรีนิลทา พร้อมเพื่อนอีก 2 สองคนคือ "ปัด" หรือ น.ส.ปรารถนา ชุนหคาม และ "เต้" หรือ นายชญา นิ่มจินดา นอกจากคว้ารางวัลชนะเลิศ การประกวดระดับประเทศจากสมาคมวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมาแล้ว ยังคว้าอันดับ 3 ของรางวัล "แกรนด์อะวอร์ด" (Grand Award) ในการแข่งขันที่งาน "อินเทลไอเซฟ 2008" (Intel ISEF 2008) ที่จัดขึ้นเมื่อ 10-18 พ.ค.51 ที่ผ่านมา ณ เมืองแอตแลนตา มลรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกาด้วย             ก่อนจบชั้น ม.ปลาย นักเรียนสายวิทยาศาสตร์ ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ต้องส่งโครงงานวิทยาศาสตร์เพื่อวัดความรู้อย่างน้อย 1 โครงงาน ปูนาจึงครุ่นคิดว่าจะทำอะไรดี และความทรงจำแต่วัยเด็กก็ "แวบ" ขึ้นมา ว่าเมล็ดของ "หญ้าหนวดฤาษี" ที่เคยเห็นอยู่หลังบ้านนั้นหมุนได้เมื่อฝนตก             เมล็ดของวัชพืชชนิดนี้หมุนได้อย่างไร? คือความสงสัยที่ติดค้างมานาน             เมื่อได้ปัญหา เธอจึงไปเสนอความคิด ที่จะทำโครงงานไขข้อข้องใจดังกล่าว กับ "เต้" และ "ปัด" ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท             "ตอนแรกเพื่อนๆ ไม่สนใจ หนูจึงขอให้คุณพ่อ ซึ่งเป็นครูสอนชีวะที่ร้อยเอ็ดส่งตัวอย่างเมล็ดหญ้าฤาษี มาทดลองให้เพื่อนๆ ดู พอทุกคนเห็นก็สนใจขึ้นมาทันที" สาวน้อยจากอีสาน เล่าที่มาของโครงงานวิทยาศาสตร์ให้ผู้จัดการวิทยาศาสตร์ฟัง และเพื่อนทั้งสองของเธอก็สารภาพว่าไม่เคยรู้จักหญ้าชนิดนี้มาก่อนเลย             การทดลองหากลไกการหมุน เริ่มต้นจากศึกษาลักษณะภายนอกของหญ้าหนวดฤาษีซึ่งมีลักษณะเป็นเส้น และแบ่งออกด้วยลักษณะภายนอกได้เป็น 4 ส่วนคือ เมล็ด ส่วนโคน ส่วกลางและส่วนปลาย เมื่อนำเมล็ดไปแช่น้ำแล้วสังเกตการหมุนด้วยกล้องจุลทรรศน์ ปูนาเจ้าของปัญหาบอกกับเราว่าส่วนอื่นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงยกเว้นส่วนกลางของเมล็ดซึ่งมีลักษณะเป็นเกลียวก็เปลี่ยนรูปเป็นเส้นตรงเมื่อโดนน้ำ             จากนั้นเมื่อผ่าตัดขวาง (Cross-section) ก็พบผนังเซลล์มีทั้งส่วนที่หนาและส่วนที่บาง ซึ่งทั้งสามสันนิษฐานลักษณะดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยให้เกิดการหมุน โดยเต้อธิบายกับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า ผนังเซลล์นั้นประกอบด้วยเซลลูโลส ที่ขยายตัวได้ เมื่อโดนน้ำและลิกนินที่มีคุณสมบัติในการดูดนั้น ผนังเซลล์ส่วนที่มีลิกนินมากจะหนาและแข็งกันไม่ให้น้ำผ่าน ส่วนผนังเซลล์ที่มีลิกนินน้อยจะบางและยืดหยุ่นได้ดีกว่า             ด้านปูนาเล่าให้เราฟังอีกว่า ได้ทดลองดูการเปลี่ยนแปลงของหญ้าหนวดฤาษีเมื่อความชื้นและอุณหภูมิเปลี่ยนไป ในส่วนของความชื้นนั้นได้ใสซิลิกาเจล (silica gel) เพื่อดูดไอน้ำในภาชนะที่บรรจุเมล็ดหญ้าหนวดฤาษี โดยควบคุมอุณหภูมิให้เท่ากับอีกภาชนะ ที่ไม่ได้ใส่วัสดุดูดความชื่นแต่ฉีดละอองน้ำลงไป พบว่าภาชนะที่มีความชื้นสูงนั้น เมล็ดจะหมุนในลักษณะตามเข็มนาฬิกาแต่ภาชนะที่มีความชื้นต่ำจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา             ส่วนการทดลองดูการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่ต่างกัน พบว่าเมื่ออุณหภูมิสูงเมล็ดจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา และเมื่ออุณหภูมิต่ำเมล็ดจะหมุนตามเข็มนาฬิกา นอกจากนี้ทั้งสามยังพบว่า เมล็ดที่แก่แล้วจะหมุนได้ดีกว่าเมล็ดที่ยังไม่แก่เต็มที่ โดยสามารถรักษาระดับความเร็วในการหมุนให้คงที่ ได้นานกว่าเมล็ดที่ยังอ่อน เมื่อพิจารณาลักษณะกายภาพพบว่าเมล็ดที่แก่มีความแตกต่างในความหนา-บางของเมล็ดมากกว่า             "การหมุนของของเมล็ดทำให้หลุดออกจากช่อดอกได้ดีและช่วยให้ปักลงในดิน ซึ่งมีงานวิจัยของคนอื่นๆ ระบุว่าการที่เมล็ดฝังลงในดินนี้ช่วยให้รอดพ้นจากการไฟป่าได้" เต้อธิบายความสำคัญในการหมุนของเมล็ดหญ้าหนวดฤาษี             แล้วประโยชน์ที่ได้จากความรู้ดังกล่าวนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง? ปูนาตอบคำถามนี้กับผู้จัดการวิทยาศาสตร์ว่า เบื้องต้นสามารถประยุกต์เป็นเครื่องมือวัดความชื้นพืชผลทางการเกษตรอย่างง่ายได้ เช่น ใช้เป็นเครื่องวัดความชื้นของข้าวเปลือก ถ้ามีความชื้นสูงเมล็ดหญ้าก็จะหมุนตามเข็มนาฬิกา ซึ่งเกษตรกรก็จะทราบว่าต้องนำข้าวไปผึ่งแดดต่อ แตถ้ามีความชื้นต่ำเมล็ดจะหมุนทวนเข็มหมายความว่าเกษตรกรสามารถนำข้าวเปลือกไปเก็บได้ เป็นต้น             ด้านปัดเผยว่า นอกจากความรู้เหล่านี้ที่ได้จากการทำโครงงานแล้ว ยังได้เรียนรู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์จากประสบการณ์ตรง ไม่ใช่แค่เพียงอ่านตำราแต่ได้เข้าใจอย่างแท้จริง อีกทั้งยังได้เรียนรู้เทคนิคการใช้เครื่องวิทยาศาสตร์ชั้นสูง โดยในการทดลองภาคตัดขวางนั้นได้อาศัยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ของคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล             นอกจากนี้ เต้ยังเล่าถึงประสบการณ์ในการแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์ระดับโลกว่า บรรยากาศไม่เหมือนกับการแข่งขัน แต่คล้ายกับการนำเสนอผลงานมากกว่า ไม่รู้สึกเครียดหรือกดดัน แต่ก็ตื่นเต้นเนื่องจากต้องนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษซึ่งไม่ค่อยถนัดนัก             ขณะเดียวกันก็ได้เห็นโครงงานวิทยาศาสตร์หลายๆ โครงงานซึ่งไม่คิดว่าจะมีคนสนใจแต่กลับได้รับความสนใจมากมาย เช่น โครงงานสร้างแบบจำลองหลุมดำที่เต็มไปด้วยตัวเลขนั้นมีคนสนใจจำนวนมาก หรือโครงงานน่าทึ่งอย่างการตัดต่อยีนแบคทีเรียใส่ในยีนมันฝรั่งเพื่อให้ขยายพันธุ์ได้ดีขึ้น             "บางโครงงานก็เป็นการแก้ปัญหาของประเทศนั้นๆ เช่น โครงงานเรื่องชลประทานน้ำร้อน ของเยาวชนจากจอร์แดน ที่ใช้แก้ปัญหาทางเกษตร ซึ่งโดยปกติ เมื่อหิมะตกแล้ว ทำให้พืชผลเสียหายจากน้ำแข็ง ก็จะมีวิธีแก้ปัญหาโดยการฉายรังสีเพื่อละลายน้ำแข็ง แต่นักเรียนเขาใช้น้ำร้อนแทนถูกกว่าการฉายรังสี ที่มีค่าใช้จ่ายราว 300 ล้านบาท" เต้เล่าประสบการณ์ให้เราฟัง             ปัจจุบันปูนาและเต้เพิ่งสอบผ่านเข้าไปเป็นน้องใหม่ในคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ส่วนปัดได้เข้าเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโครงงานงานของทั้งสามคนก็มีอาจารย์นิพนธ์ ศรีนฤมล อาจารย์จากเตรียมอุดมเป็นที่ปรึกษา             ที่ผ่านมาโครงงานวิทยาศาสตร์ของเยาวชนไทย เคยได้รับรางวัลจากเวทีอินเทลไอเซฟติดต่อกันหลายปี อาทิ โครงงานคลื่นการเดินของกิ้งกือ ซึ่งสร้างความฮือฮาให้คนทั้งประเทศเมื่อปี 2547 โครงงานการแตกตัวของฝักต้อยติ่ง และโครงงานการดูดซับน้ำมันของหญ้าปล้อง ที่ได้รางวัลเมื่อปี 2549 และปีที่ผ่านมาคือโครงงานการหุบของใบไมยราบ             สำหรับปีนี้ นอกจากผลงานของนักเรียนจากเตรียมอุดมที่คว้ารางวัลแกรนด์อะวอร์ดจากเวทีโลกนี้แล้ว 3 นักเรียน ม.ปลาย จากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ก็คว้าอันดับ 2 ของรางวัลพิเศษ (Special Awards) จากซิกมาไซ (Sigma Xi) ซึ่งเป็นสมาคมการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ระดับโลกด้วย. จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:27:30

ความคิดเห็นที่ 38 แอบอิจฉาเล็กๆ เด็กๆบ้านนี้ได้ไปเที่ยวกันอีกแล้ว สถานที่สวยๆทั้งนั้นเลย น่าไปเที่ยวบ้างจัง จากคุณ : พี่น้องโอกาฯ (บูกีส) เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:27:32

ความคิดเห็นที่ 39 Rainnystar สวัสดีค่ะ น้องน้อย  ยังไม่พาเด็ก ๆ  มาให้ยลโฉมกันบ้างเลยนะคะ พี่ๆ บ้านพีแคนรอชมเสมอนะ แม่โกลเดนค่ะ ขอบคุณค่ะ  น้องที่ไม่สบายอย่างไรขอให้หายป่วยไวๆ ด้วยนะคะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:40:11

ความคิดเห็นที่ 40 พี่น้องโอกาฯ (บูกีส) สวัสดีค่ะ  มาเที่ยวน่านกันนะคะ  เดี๋ยวจะพาขึ้นเชียงรายเร็ววันนี้แล้วค่ะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 11:42:53

ความคิดเห็นที่ 41 ยังไม่ออกจากน่านอีกเหรอคะ...วัดนี้สวยมากๆ...ละเอียด อ้อนช้อย...จริงๆ...ต้นดิ๊กเดียม ....เคยเห็นในรายการทีวี...แปลกดี...พี่พัชได้ลองสัมผัสด้วยตัวเองรึป่าวคะ... จากคุณ : คากิ~คากิ เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:22:04

ความคิดเห็นที่ 42 คากิ~คากิ แหม.. ถามจนเขินเลยน๊า   เดี๋ยวเที่ยวน่านอีกสักกระทู้สองกระทู้ แล้วจะรีบขึ้นเชียงรายแล้วจ๊ะ ปอลิง น้องโบว์ลิ่งสะกดจิตม็อกไกวหรือโดนม็อกไกวสะกดจิตน่ะ? จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:31:14

ความคิดเห็นที่ 43 ต้นดิ๊กเดียมน่ะ  ได้สัมผัสกัน  หัวเราะกันน่าดูเลย  สั่นซะ  สนุกกันใหญ่ แล้วก็มีเอาหญ้าเข็มทิศกลับมาด้วย  เดี๋ยวหาดูก่อนนะ  เผื่อเจอกันจะได้ ฝากไปให้เล่น  เจ้าหน้าที่แจกมาค่ะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 12:33:13

ความคิดเห็นที่ 44 โห้วว สวยมากๆ เลยค่ะพี่พัช แถมมีของแปลกให้เล่นสนุกๆ อีกตะหาก จากคุณ : เต้าฮวย น้ำขิง เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:14:46

ความคิดเห็นที่ 45 เต้าฮวย น้ำขิง       ปกติคนจะรู้จักเจ้าต้นดิ๊กเดียมวัดปรางค์ อำเภอปัว จังหวัดน่าน  แต่ที่เสาดินนาน้อยก็มีนะคะ ที่คำว่า “ดิกเดียม” เป็นภาษาของคนในภาคเหนือโดยเฉพาะชาวจังหวัดน่าน ซึ่งแปลว่า “จักจี้” ต้นดิกเดียมสั่นสะท้านจนใบไหว นับเป็นเรื่องที่แปลกมากถึงปฏิกิริยาของต้นไม้ที่มีต่อการลูบเบาๆ ทุกคนต่างทดลองลูบต้นดิกเดียมดูบ้าง ผลปรากฏการสั่นสะท้านของต้นดิกเดียมที่ทุกคนลูบแตกต่างกัน บางคนสั่นมาก บางคนสั่นน้อย ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นยังคงต้องพิสูจน์ทดลองอีกต่อไป จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:26:51

ความคิดเห็นที่ 46 ตามไปด้วยค่ะ เคยไปพักบ้านเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ผาชู้อากาศดีมากๆ อยู่ในบ้านพักหมอกลอยเข้ามาในบ้านเลยค่ะ จากคุณ : บ๊ะจ่างน้อย เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 13:27:55

ความคิดเห็นที่ 47 ตามบ้าน Pecan ไปเสาดินนาน้อยด้วยคนค่ะ ที่บ้านไปเที่ยวเหนือมาช่วงปีใหม่เหมือนกัน (เกือบ ๆ ตามรอยคุณมาเรีย ณไกลบ้าน) ไม่ได้ตั้งกระทู้เลย ดองเค็มตลอดค่ะ แต่ไม่ได้ไปดอยเสมอดาว จองที่พักไม่ได้เศร้าเลย ไปพักที่ บ่อเกลือวิว สวยและอาหารเช้าก็อร่อยค่ะ ต้นดิกเดียม ที่ ปัว ไม่สั่นเลยค่ะ ทั้งจับ ทั้งถู ไม่สั่นไม่ไหว เลยค่ะ จากคุณ : kpข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 14:58:00

ความคิดเห็นที่ 48 kpข้าวปั้น ที่ปัวคนลูบสะกิดต้นดิกเดียมกันมาก ทำให้ต้นเคยชินกระมัง เลยไม่มีอาการ สั่นกรือจั๊กจี้  แต่ที่เสาดินนาน้อย ทั้งสั้นทั้งไหว  จนอดหัวเราะกันไม่ได้ แต่ถ้ามีคนไปสะกิดหรือลูบบ่อยๆ แบบที่ปัวก็ไม่แน่นะคะ โชคดีทริปเมืองเหนือบ้านพีแคนนั้น  ที่พักสะดวกตลอดทริปเลยค่ะ เพราะมีบ้านของน้องๆ ที่เลี้ยงปอมกัน  เปิดบ้านให้พัก  บางแห่งก็พัก โรงแรมหรืออพาร์ทเม้นท์  หรือรีสอร์ทคนรู้จักกัน  แล้วแต่โอกาสอำนวยค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 53 19:21:06 จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:12:35

ความคิดเห็นที่ 49 บ๊ะจ่างน้อย      เรื่องหมอกนี้  ชอบมากๆ ค่ะ  ทำให้รู้สึกสดชื่น  เย็นสบาย และสนุก ที่ผาชู้  ดอยเสมอดาว  ผาหัวสิงห์  อุทยานศรีน่าน ฯลฯ  ก็มีไปค่ะ  เดี๋ยว จะมารีวิวต่อจากนี้นะคะ  จะรีบเที่ยวน่านให้เร็วๆ จะได้พาไปเที่ยวเชียงราย กันต่อค่ะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 15:17:42

ความคิดเห็นที่ 50 ตามบ้านพี่แคนเที่ยวเมืองเหนือต่อ ฮะ จากคุณ : ลูกชิ้น shineedog เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 16:30:41

ความคิดเห็นที่ 51 ลูกชิ้น shineedog       เชิญค่ะ  ตอนนี้เที่ยวน่านกันก่อนนะคะ ยังมีที่เที่ยวน่าสนใจอีกมากค่ะ จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 53 17:54:01

ความคิดเห็นที่ 52 แวะมาดูกระทู้พี่พัช..เหมือนได้เที่ยวด้วยเลยค่ะ จะมีวาสนาได้ไปมั้ยน้อ จากคุณ : แก๊งค์ขาลอย เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 11:31:39

ความคิดเห็นที่ 53 มาตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ จากคุณ : รักหมาทุกคน รักเด็กเป็นบางตัว เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 53 14:01:09

ความคิดเห็นที่ 54 ตามติดสาว ๆ บ้านนี้ไปด้วยนะค๊าบ...ไปเที่ยวที่สวย ๆ ทั้งนั้นเลย จากคุณ : JiJiThePooh (JiJithePooh) เขียนเมื่อ : 11 มี.ค. 53 10:51:45

ความคิดเห็นที่ 55 เชิญเพื่อนๆ เที่ยวน่านกันต่ออีกหนึ่งวัน  ก่อนขึ้นไปเหนือสุดแดนสยามค่ะ V V V บ้านพีแคน : 16 วัน 4,000 กว่ากม. เที่ยวเมืองเหนือ #11 อช.ศรีน่าน > ดอยเสมอดาว > ผาสิงห์ > แก่งหลวง http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J8963172/J8963172.html จากคุณ : Pecan เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 53 16:03:43