จากทนายมาเป็นเกษตรกร ...ทำเกษตรแบบพอเพียง
|
|
.........................."ขยัน อดทน ทำงาน มีรายได้ ไม่ตาย ไม่อด ไม่เล่นการพนัน ไม่กินเหล้า มีพฤติกรรมที่ดี ไม่มีค่าใช้จ่าย มีแต่รายได้อย่างเดียว รวยแน่นอน สำหรับหนี้ ธ.ก.ส. ไม่ต้องห่วงมีเงินเหลือเพียงพอเพื่อชำระหมดแน่ ๆ” เป็นคำพูดของ นายสมพงษ์ วงศ์ก่อ ชายวัยกลางคนอดีตทนายความที่หันเหมาเป็นเกษตรกร เขาอาศัยอยู่ ณ บ้านเลขที่ 150 หมู่ 1 ต.ตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เจ้าของพื้นที่ริมน้ำเจ้าพระยากว่า 6 ไร่ ด้วยความที่เป็นคนใจกว้างไม่ชอบเอาเปรียบใคร และจิตใจที่มีแต่การให้ ที่ดินริมตลิ่งกว่า 6 ไร่จึงถูกแบ่งเป็นแปลงเล็ก ๆ 21 แปลง เพื่อเพาะปลูกพืชผักหลากหลายชนิด เช่น ถั่วฝักยาว กระเจี๊ยบเขียว ผักบุ้ง มะเขือ คะน้า บวบ ผักกาด และอีกหลาย ๆ อย่าง "การปลูกพืชจะใช้หลักการดูแลดินเพื่อให้ดินได้มีโอกาสดูแลพืชผัก ผลไม้ให้เราแบบไม่มีสารพิษ ก่อนปลูกต้นไม้จึงใช้หลักดูแลดินให้ดินอุดมสมบูรณ์ มีอาหารสำหรับพืชเป็นอย่างดีเสียก่อน หลังจากนั้นจึงปลูกพืชลงไป เมื่อพืชเติบโตได้ระยะหนึ่ง รากจะไหลเลื้อยลงสู่ดินด้านล่างเดินทางไปพบปัจจัยอาหารที่เราได้เตรียมไว้ แล้ว พืชก็จะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว" นายสมพงษ์กล่าว ปี 2545 เขาเริ่มศึกษาวิธีการปลูกผักแบบปลอดภัย โดยเริ่มหาความรู้จากหนังสือและการทำการเกษตรบริเวณหน้าบ้านริมตลิ่งติดแม่ น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเมื่อได้ผลผลิตก็นำมาแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านนำไปบริโภค มีหลายคนติดใจอยากจะซื้อไปรับประทานอีก แต่นายสมพงษ์บอกไม่ขาย อยากกินอยากได้ให้มาช่วยกันทำช่วยกันปลูกแล้วนำไปรับประทาน จากนั้นการทำแปลงผักจึงเริ่มชัดเจนขึ้นโดยการแบ่งแปลงผักให้แต่ละคนที่ต้อง การปลูกผักเพื่อนำไปรับประทานเองแบบปลอดสารพิษ ปัจจุบันมีสมาชิกของกลุ่มปลูกผักปลอดภัย 21 ครอบครัวซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ไม่ไกลนักจากแปลงปลูกผัก บางครอบครัวผัวเมียทำงานช่างก่อสร้างด้วยกัน ตอนเช้า-เย็น ก็พาลูก พาหลาน มาช่วยกันปลูกผัก รดน้ำแปลงผักของตนเอง ตอนเย็น ๆ จะ มีคนมาเยอะหน่อยเพราะแต่ละคนก็จะมาดูแลแปลงของตนเอง ตอนนี้มีอยู่จำนวน 21 แปลง 21 ครอบครัว ให้พื้นที่ปลูกฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย แถมมีระบบน้ำก๊อก ปุ๋ยอินทรีย์สารไล่แมลง และให้ความรู้การปลูกผักปลอดสารพิษแถมให้อีกด้วย "เรามีการทำปุ๋ยอินทรีย์แบบอัดเม็ด และปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากปลา หอยเชอรี่ ผักใบเขียว ผลไม้สุกรวม ซูเปอร์ฮอร์โมนไข่หมักให้ผู้ปลูกผักแบบให้เปล่า มีการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใส่ถังใหญ่แล้วปล่อยให้น้ำไหลไปตามท่อ โดยผ่านแปลงผักทุกแปลง สะดวกแก่การใช้รดผักของ ผู้ปลูกผักทุกราย แถมมีน้ำส้มควันไม้ที่สามารถใช้ไล่แมลงศัตรูพืชได้เป็นอย่างดี ปัจจัยต่าง ๆ จัดเตรียมไว้ให้สำหรับทุกคนสามารถมาขอไปใช้ได้ ทุกรายที่ปลูกผักจะเป็นเจ้าของผลผลิตที่ผลิตออกมาได้ส่วนใหญ่นำไปรับประทาน ในครัวเรือนส่วนที่เหลือจากบริโภคก็จำหน่าย..." นอกจากการปลูกผักแล้ว นายสมพงษ์ ยังเลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงปลาดุก เพาะเห็ดที่เรียกว่าเห็ดโอ่ง ทำไมถึงเรียกเห็ดโอ่งนั้น เนื่องจากเพาะเห็ดในโอ่งนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงหมูหลุมด้วย ยังไม่หมด...ที่นี่ยังมีการเผาถ่าน ทำน้ำส้มควันไม้ มีแปลงทดลองทำนา ซึ่งเขากล่าวว่า... "เนื้อที่ประมาณ 40 ตารางวา ขุดเป็นแอ่งน้ำเพื่อใช้ทำนา คันบ่อจะปลูกพืชต่าง ๆ เช่น ตะไคร้ โหระพา กะเพรา ผักกาด แบ่งพื้นที่เลี้ยงไก่ประมาณ 20 ตัวให้มันหากินหญ้าตามริมขอบบ่อ ตรงกลางทำนาข้าวแบบโยนกล้าซึ่งช่วยกำจัดหญ้าและข้าวดีดได้ดีและลดค่าใช้จ่าย ในการทำนาในแปลง นานำกบ ปลามาปล่อย สำหรับรอบ ๆ แปลงจะต้องมีตาข่ายทำเป็นรั้วกั้นล้อมไว้ เพื่อป้องกันกบกระโดดหนีในช่วงระยะเวลารอเก็บเกี่ยวข้าวเราก็จะได้ผลผลิตจาก พืชผักที่ปลูกอยู่บริเวณคันบ่อไปรับประทานและไข่ไก่ไปรับประทานก่อนพอเก็บ เกี่ยวข้าวจะได้ทั้งข้าว กบ และปลา หากทำได้อย่างนี้เราก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นแต่รายจ่ายไม่ค่อยมี..." หากมีโอกาสมาศึกษาเรียนรู้ที่นี่ (อดีต) ทนายสมพงษ์ วงศ์ก่อ ยินดีต้อนรับและพร้อมที่จะแบ่งปันความรู้ดี ๆ ให้นำไปปฏิบัติอย่างได้ผลจริง ๆ สามารถติดต่อได้ที่ 08-1281-6786 เขาพร้อมที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เรียบง่ายพร้อมกับความเป็นอยู่ที่พอเหมาะ โดยอาศัยสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวเองให้เกิดประโยชน์ อาศัยและพึ่งพาแหล่งภายนอกให้น้อยที่สุด มีความสุขจากการดำเนินชีวิตแบบพออยู่พอกิน.
ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=345&contentID=62303
จากคุณ |
:
ญี่ปุ่น35
|
เขียนเมื่อ |
:
28 เม.ย. 53 00:24:10
|
|
|
|