ความคิดเห็นที่ 1 ไม่เห็นสภาพดิน บอกยากนะครับ ดินไร่อ้อย ถ้าให้เดาน่าจะดินปนทราย เวลาโดนน้ำไปนานๆมันจะยิ่งแน่น ไม่มีช่องว่างในดินเท่าไหร่นัก เก็บน้ำ อากาศได้ไม่มาก เวลาปรับสภาพดิน มันไม่สามารถทำได้ในครั้งเดียวครับ วิธีการก็คือ เพิ่มอินทรีย์วัตถุและเพิ่มจุลินทรีย์เพื่อไปย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ เวลาใส่ เราใส่น้อยๆไม่ค่อยเป็นผลหรอกครับ ต้องโหมใส่เยอะๆ ทีนี้จะใส่อะไรเราก็ต้องดูวัตถุดิบในแหล่งที่เราอยู่ ถ้ามีคอกสัตว์เยอะ ก็พวกมูลสัตว์ต่างๆ ถ้าอยู่ในแหล่งที่มีโรงมะพร้าว ก็ต้องพวกกาบมะพร้าว ขุยมะพร้าว ถ้าแถวๆนั้นมีโรงสี ก็ต้องแกลบสด ขี้เถ้าแกลบ เราเอาอินทรีย์วัตถุเหล่านี้มาคลุกเคล้าในดินของเรา ถามว่าควรให้ลึกสักขนาดไหน ยกตัวอย่าง ขุดหลุมลึกสัก 50 x 50 cm แล้วเอาดินนั้นขึ้นมาเคล้ากับอินทรีย์วัตถุต่างๆ จากนั้นก็เอาดินที่ผสมแล้วกลับลงไปในหลุม ทำแบบนี้ไปให้ได้เต็มพื้นที่ยิ่งดี เมื่อทำแบบนี้ได้แล้ว ในครั้งต่อๆไปเราก็เพียงแต่นำวัสดุเหล่านี้มาโรยและพรวนดินก็พอ ทำปีละ 2 ครั้งก็ได้ นากจากการใส่อินทรีย์วัตถุแล้ว เราก็ต้องเพิ่มจุลินทรีย์เข้าไปด้วย เพื่อไปย่อยสลายอินทรีย์วัตถุเหล่านั้นอีกที โดยนำพวกน้ำหมักทั้งหลาย เอามาผสมน้ำแล้วราดลงไปในดินที่เราผสมอินทรีย์วัตถุแล้ว ให้เดือนละครั้งก็ยังดี เป็นการสร้างให้ดินมีชีวิต ควรงดใช้พวกสารเคมีทั้งหลายด้วยนะครับ พวกปุ๋ย ยาต่างๆ ถ้าไม่จำเป็นก็ควรหลีกเลี่ยง การปรับปรุงดินต้องใช้เวลาครับ ต้องอดทน ใจเย็น มันต้องใช้เวลาเป็นปีๆเลย แต่ผล และประโยชน์ที่ได้มันมากมายครับ แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 53 09:57:41 จากคุณ : ปุ้ม ครับ เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 09:51:45

ความคิดเห็นที่ 2 ช่วยกันหาความรู้เจ้า ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ ความหมายของการปรับปรุงดินและการบำรุงดิน ...............การปรับปรุงดิน หมายถึง การพัฒนาที่ดินที่ไม่เหมาะสมกับการเกษตรให้สามารถใช้ทำการเพาะปลูกพืชให้เจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้ตามปรกติ เช่น การปรับปรุงดินเปรี้ยว ดินเค็ม เป็นต้น ............การบำรุงดิน หมายถึง การพัฒนาให้ดินมีสภาพทางเคมีและกายภาพดีขึ้น มีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นโดยการเพิ่มธาตุอาหารพืชในดิน ในรูปของปุ๋ยเคมีหรือปุ๋ยอินทรีย์เพื่อให้พืชเจริญงอกงามและให้ผลผลิตมากขึ้น วิธีการปรับปรุงบำรุงดินเพื่อเพื่มผลผลิต ...........1. การจัดระบบปลูกพืชที่เหมาะสม ...........2. การใช้วัสดุปรับปรุงบำรุงดิน ...........3. การใช้ปุ๋ย ปุ๋ยที่นิยมให้กันโดยทั่วไปมี 2 ชนิด คือ ............. ...ปุ๋ยเคมีที่ใส่ถุงวางขายตามท้องตลาดทั่วไป และปุ๋ยอินทรีย์ ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักและปุ๋ยพืชสด ปุ๋ยทั้งสองมีความสำคัญกันคนละแง่ กล่าวคือ ปุ๋ยเคมีแก้อาการขาดธาตุอาหารพืชได้อย่างรวดเร็ว ส่วนปุ๋ยอินทรย์ทำหน้าที่หลักในการปรับปรุงคุณสมบัติทางกายภาพของดินเช่นช่วยให้โครงสร้างของดินโปร่งพรุนถ่ายเทน้ำและอากาศดี ช่วยดูดซับน้ำและธาตุอาหารไว้ในดินได้นานขึ้นช่วยรักษาระดับความเป็นกรดเป็นด่าง ของดินให้เหมาะสม เป็นอาหารของสิ่งที่มีชีวิตในดินและที่สำคัญมากคือให้ธาตุอาหารเสริมครบทุกตัว ซึ่งไม่มีในปุ๋ยเคมีธรรมดา ................ดังนั้นถ้าจะปรับปรุงดินให้มีปริมาณธาตุอาหารพืชสูงและมีคุณสมบัติทางกายภาพดี จึงควรใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ซึ่งมีอยู่มากมายในประเทศและยังสามารถลดต้นทุนการผลิตในยามที่ปุ๋ยเคมีมีราคาแพงได้อีกด้วย ...............การใช้ปุ๋ยอินทรีย์พวกปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก อาจจะพบกับปัญหาอุปสรรคอยู่บ้าง เนื่องจากปัจจุบันในบางพื้นที่มีการเลี้ยงสัตว์กันเป็นจำนวนน้อย จึงทำให้ขาดแคลนมูลสัตว์ต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้เป็นปุ๋ยคอกได้อย่างเพียงพอ หรือในกรณีของการทำปุ๋ยหมัก แต่ก็มีปุ๋ยอินทรย์อีกชนิดหนึ่งที่น่าให้ความสนใจนั่นคือ "ปุ๋ยพืชสด" ...............ปุ๋ยพืชสดเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ได้จากต้นและใบของพืชปุ๋ยสดที่ปลูกไว้หรือขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อถึงระยะที่พืชเจริญเติบโตเต็มที่ คือเมื่อพืชเริ่มออกดอกจนถึงดอกบานเต็มที่ ก็ทำการตัดสับแล้วไถกลบหรือไถลบลงไปในดินทั้งต้นก็ได้แล้วแต่ชนิดของพืชหลังจากทิ้งไว้จนเน่าเปื่อยสลายตัวผุพังก็จะให้ธาตุอาหารพืชและเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดินซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับพืชที่จะปลูกต่อไป ...............พืชที่ใช้ปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดที่ดีที่สุดเป็นพืชตระกูลถั่วเช่น ถั่วเขียว ถั่วพุ่ม ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ปอเทือง โสน ถั่วพร้า ฯลฯ เพราะพืชตระกูลถั่วมีคุณสมบัติเศษคือที่รากมีปมเรียกว่าปมรากถั่ว ในปมเหล่มนี้มีเชื้อจุลินทรีย์จำพวกไรโซเบียมอยู่เป็นจำนวนมาก ไรโซเบียมนี้สามารถดูดตรึงธาตุในโตรเจนจากอากาศมาใช้ได้ เมื่อพืชสลายตัวเน่าเปื่อยก็จะเพิ่มธาตุในโตรเจนและอินทรีย์วัตถุให้แก่ดิน อ้างอิงจาก  http://www.doae.go.th/library/html/detail/nut/nut2.htm จากคุณ : ชาวเหนือ เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 53 12:21:07