ความคิดเห็นที่ 1 ตูดๆๆ หมดไปกะการซ่อมคันนี้เยอะมากอิๆ แต่ชอบอ่ะ ตระกูลนี้ สเปคครับ เผื่อใครเอามาบรรทุกของจากสวนออกมา ผมใช้บรรทุก 3 ตันครับ (แต่ยังไม่เคยเลย อิๆ ไม่มีใครสั่งขนาดนั้น ถ้ามีก็เค้ามาเอง อดโชว์เลย) รถ TOYOTA รุ่น Mighty X รุ่นย่อย ตอนเดียว ปี จำไม่ได้ ซื้อต่อมามือเท่าไรไม่รู้ แต่เกือบยี่สิบได้มั้ง เครื่อง 2L-II ขนาด 2500 เกียร์ TOYOTA Mark II น่าจะเป็นเกียร์ของ 1G-FE เกียร์ธรรมดา เฟืองท้าย เดิม 4.3 มั้ง อยากได้เป็นของ SR5 แบบ limited slip จับ 30% ยาง หน้า แม๊กวีโก้ ยาง Bridgestone 205/70/R15      หลัง กระทะบรรทุกแบบเหล็ก ยาง Michelin 205/R14 เติมลม 80 psi             แต่ถ้าขน 3 ตัน ร้านแนะนำว่าเป็น 100-120 psi ช่วงล่าง หน้า เดิม           หลัง เสริมแหนบบรรทุกแปดแผ่น พร้อมเปลียนโช๊คเป็นต้นใหญ่                  สำหรับบรรทุกหนัก กระบะ เดิม ใส่แม๊กลายไลน์เนอร์ กันชน หน้า ไม่มี         หลัง แบบเหล็กสีดำ ของรถ 4x4 ถอยชนอะไรไม่สะท้าน กระจังหน้า  LN106 คานแข็ง เอามาทำสีดำ กระจกมองมุม TOYOTA Hilux Surf กระจกมองข้าง กำลังจะเปลี่ยนเป็นปรับไฟฟ้าของ LN111 (SR5) หมดแล้วคร๊าบ...การรีวิวรถขนปุ๋ยผมอิๆๆ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 08:13:42

ความคิดเห็นที่ 2 เอารูปรถตอนซื้อมาใหม่ๆมาให้ดูครับ อิๆ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 08:14:52

ความคิดเห็นที่ 3 ด้านหน้า จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 08:15:18

ความคิดเห็นที่ 4 บ้านผมปัจจัยหลัก ๆ คือ บ้านผมอยู่พื้นที่อับฝนครับ ฉะนั้นฝนไม่ค่อยตก พื้นดินกักเก็บน้ำไม่อยู่ ต้นไม้มีน้อยมาก ใคร ๆ เห็นก็ต้องบอกว่ากันดารแหละ เพราะว่าอยู่กาญจนบุรี สำหรับความคิดที่ผมที่เห็นคนที่บ้านทำ หรือ แถวบ้านทำ ถ้าพูดถึงในแง่ - ราคาตกต่ำ ก็เป็นเพราะปีก่อน มีคนทำกันหน่อย หรือความต้องการมีมาก พอปีก่อนเห็นคนขายได้ราคาดี ปีนี้ก็เลยทำเยอะขึ้นไปอีก พอทำเยอะ สินค้าก็ออกมาเยอะ ราคามันก็ตก - ปุ๋ยแพง อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่ผมคิดว่ามีความสำคัญมาก ๆ เลยนะครับเพราะมันต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยแบบไหน หรือยาแบบไหน ก็สำคัญหมด ไม่ใช้ปุ๋ย ก็แทบจะไม่โต ถามกันง่าย ๆ เนี่ยแหละครับ ปลูกอะไรซักอย่างเนี่ย เคยมีเว้นการเพาะปลูกเพื่อให้ดินกลับคืนสภาพเดิมหรือเปล่า หรือที่เขาให้ปลูกถั่วแล้วไถกลบ บอกตามตรง บ้านผมก็ยังมีทำนะ แต่ข้าง ๆ บ้านผมเขาก็ไม่ได้ทำอะ - สำคัญสุด ผมว่าก็คงเป็นน้ำ พึ่งฟ้าฝนก็คงไม่ได้ จะขุดบ่อบาดานที ทำไมมันแพงมากเลยครับเนี่ย ผมให้เงินที่บ้านไปขุดรอบหนึ่ง ปรากฏว่า ที่บ้านเอาไปทำอย่างอื่นที่เขาคงมองว่าสำคัญแต่ก็ไม่เป็นไร เพราะไม่ได้เอาเงินไปใช้ในสิ่งที่ไม่ควรใช้ นี่ก็คงจะต้องหาตังไปให้เขาขุดบาดานใหม่ เฮ้อออออ ปล. รถขนปุ๋ยผมเก่ากว่านี้อีกอะ ที่บ้านไปซื้อมาสามหมื่น เอาไว้ขนปุ๋ย กับหญ้าให้วัว ปีก่อนซื้อบ้านเล็ก ๆ ในกทม มา ปีนี้ถ้าซ่อมเสร็จ ก็คงไปลงทุนทำเกษตรกรรมต่อดีกว่า เอาไว้พักผ่อนเสาร์อาทิตย์ด้วยครับ ความเห็นส่วนตัวนะครับ คิดในแง่ของผมเองงงงงง จากคุณ : juckrid เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 08:27:51

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีครับ คุณ juckrid ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับ ผมว่าเป็นเรื่องปกติมากๆที่อะไรราคาก็แห่กันปลูกๆ เหมือนตื่นทองครับ สักพักก็"จบ" เหมือนตะกูหละครับ ตอนนี้หายเงียบ เรื่องการเว้นปลูกนี้ถ้าทำได้ก็ดีครับ แบบว่าปลูกพืชตระกูลถั่วตรึงไนโตรเจน ฝังกลบทำให้โครงสร้างดินดี แต่...เวลาเป็นเงินเป็นทองครับ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ผมว่าถ้าที่กาญจน์น่าจะเป็นอ้อยหรือว่าพืชตัวใหนเอ่ย หลังเก็บเกี่ยวไถๆๆ ใส่ขี้วัว หรือ ฟางๆ หญ้าๆ ก็ดีครับ แอบอยากเห็นรถขนปุ๋ยของแต่คนแล้วสิอิๆๆๆๆ เห็นด้วยครับ เอาเงินมาทำสวนเพิ่มรายได้ เสาร์อาทิตย์มาพักผ่อนทำสวนกับครอบครัว เหมือนมารีสอร์ทเลย แถมเมืองกาญจน์ที่สวยๆเยอะครับ ตอนสมัยทำงานบ. ผมชอบมากเลย ไปกาญจน์เนี่ย มีครบ กลางคืน กลางวัน และธรรมชาติ ปล.สาวกาญจน์น่ารักครับ อิๆ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 08:46:55

ความคิดเห็นที่ 6 อย่างว่าหล่ะเกษตรแบบหัวโบราณก็ยังมีกันเยอะคะ เห็นอะไรราดีดีปีนี้ก็แห่กันปลูก พวกเกษตรหัวใหม่ก็มีคะ คิดแบบไกลๆ ไอ้ยาไอ้ปุ๋ยนี่เห็นด้วยกับคุณ juckrid ใครไม่ทำเกษตรไม่รู้หรอกคะ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 53 09:24:49 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 53 09:24:20 จากคุณ : น้องโฮ่งเหมียว เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 09:23:36

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีครับ  ผมว่าจะโทษปุ๋ยแพงอย่างเดียวก็ไม่ถูกทั้งหมด  ต้องโทษน้ำมันแพง  ค่าแรงถูก   ความต้องการก็สูงตามไปด้วย ชาวบ้านทั้วๆไปไม่มีการวางแผนการใช้เงินครับ..   ไม่เคยคิดว่าอะไรสำคัญมากน้อย... เอาความอยากนำหน้ามาก่อน  อย่างไปตลาดคิดว่าจะไปซื้อแค่ปลาซักตัว  แต่เห็น ขนมก็ซื้อ  อย่าง โน้น ก็น่ากินอย่างนี้ก็อยากได้   ก็เลยซื้อเกินงบที่วางเอาไว้  สุดท้ายก็ว่าไม่พอใช้ครับ.. เอ่อออ... ผมบ่นอะไรไปนี้... จากคุณ : คนดง คนเดิม เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 09:41:41

ความคิดเห็นที่ 8 นี่ครับรถของพ่อ ขนทุกอย่างทั้งกล้าไม้ ปุ๋ย เครื่องมือ ปีที่แล้วแล้งมากมาย ผมปลูกกฤษณา ไป 400 ต้นตายเกลี้ยงเลยครับ ปีนี้ยังคิดๆอยู่ว่าจะปลูกอะไรดี คงจะเป็นกล้วย มะละกอ ไผ่หวาน ยางนา สักทอง ปนๆกันไปครับ ผมไม่มีเวลา ไม่มีทุนมาก ก็เลยปลูกๆไปให้มันเป็นเหมือนสวนป่า คิดไว้แค่ว่าบั้นปลาย จะกลับไปอยู่กับป่าที่ตัวเองสร้างขึ้นมาครับ จากคุณ : รถของพ่อ (ดอกไม้ทะเล) เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 09:44:51

ความคิดเห็นที่ 9 ขอเฮ้อ ด้วยนะ ปีนี้น้องจะขึ้นไปเป็นเกษตรกร ที่เพชรบูรณ์แล้ว หากระบะตอนเดียวให้ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ มะคาเดียเมีย ครั้งสุดท้ายตอนกุมภาพันธ์ยังดีอยู่ไปคราวนี้ ยืนตายไป เกือบสิบต้น บอกน้อง ไม่เอามาปลูกแล้วนะ มันแพงไว้ก่อน ค่อยว่ากันใหม่แล้งมากจริงๆ จากคุณ : สีมุก เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 10:15:21

ความคิดเห็นที่ 10 ทำไมอะไรๆก็มักจะโทษ"ปุ๋ยแพง"ครับ เพราะมันเป็นยุคข้าวยากหมากแพงไงครับ  ทุกอย่างมันแพงเพราะแย่งกันบริโภค  ใกล้แล้วครับทองคำใกล้สุดแล้ว  เมี่อไหร่มันลงจริงนั่นคือจบ รอบมันก็อาจจะ18ปี 36ปี 54ปี 72ปี 90ปี ประมาณนั้น แล้วก็เริ่มใหม่เป็นวัฏะ อย่าเครียด......อิๆ จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 12:28:13

ความคิดเห็นที่ 11 คห.8คับ/ว่าแล้ว..กฤษณาไม่รอดแน่  เคยอ่านในหนังสือป่าไม้เองยังยอมแพ้เล้ย  มันต้องการความชื้นมากครับ  ต้องตราดฝนประมาณ4000-5000มม./ปีจึงจะแจ่มครับ ผมเหลือ1ต้นอยู่โคนมะขามเทศใหญ่(ขออนุญาตคุย) จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 12:38:48

ความคิดเห็นที่ 12 ใช่เลยครับพี่Boonthai Dates  ผมยอมลย ปีหน้าเน้นไม้ที่เกิดในท้องถิ่น พวกสักทอง ตะเคียน ยางนา ครับผม ผมพยายามปลูกพืชหลายๆอย่าง เช่นกฤษณา ปาล์มแปลกๆ ต้นลำพูลำแพน แต่ต้องยอมรับเลยว่า พืชเหล่านี้ไม่เหมาะที่จะปลูกในพื้นที่ ผมครับ สิ้นเดือนนี้ผมจะเริ่มปลูกต้นไม้อีกรอบครับ คืบหน้ายังไงจะรายงานข่าวนะครับ จากคุณ : สวนกำลังจะเป็นป่า (ดอกไม้ทะเล) เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 18:27:18

ความคิดเห็นที่ 13 บ้านผมปลูกอ้อยครับ มีบางพื้นที่ที่ทำสวนป่าโดยการปลูกสัก ดีใจครับ แม้ว่าจะเป็นสักที่เอาไว้เพื่อการพาณิชย์ แต่ก็ดีใจที่ได้เห็นต้นไม้เขียว ๆ เพิ่มขึ้นมาบ้าง แต่ก็สงสารเจ้าของเหมือนกัน ผมว่ามันปลูกจะสิบปีแล้ว ต้นเล็กนิดเดียวเอง เพราะมันไม่มีน้ำแหละครับ ตอนนี้ที่อยากปลูกแต่ขอซื้อที่เป็นของตัวเองก่อนครับ (ไม่ใช่ที่ของแม่) แบบว่าที่ผมเองจะปลูกอะไรก็ตามใจผมเอง ห้ามตัด  แบบว่าเคยมีประสบการณ์ปลูกต้นไม้ไว้ แล้วแม่ตัดทิ้งเนื่องจากมันรกนะครับ คิดว่าถ้าเป็นที่ตัวเองจะปลูกอะไรก็ปลูกได้ จะทำเป็น resort หรือสวนก็ยังได้ พอดีเห็นที่บ้านร้อนมากกะว่าจะปลูกพวก ราชพฤกษ์ ลีลาวดี หางนกยูง แบบว่าร้อน ๆ ขอเห็นเป็นแดง เหลือง ม่วง (รู้สึกม่วงนี่จะเป็นตะแบก) ตอนนี้อยากได้เม็ดจั๋งซักร้อยหนึ่ง เอามาเพาะเป็นต้นกล้าลงทำเป็นสวนเลย แบบว่าชอบเป็นการส่วนตัวมันตายยากดี อย่างว่าครับ โครงการมีร้อยพันแปดเลย สำหรับต่างจังหวัดของผม บอกตามตรง ตอนนี้เบื่อชีวิตในกทมแหละครับ กลับไปทำเกษตรกรรมตอนนี้ก็ไม่เวิก เพราะต้องทำงานเก็บเงินเก็บทองไว้เลี้ยงดูตัวเองยามแก่ก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวจะลำบาก 555 จากคุณ : juckrid เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 21:18:03

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าไม่มีปุ๋ยต้นไม้ไม่งามเลย  ขี้วัว  ขี้ม้า  ฟาง แกลบดิบหมก ๆ โคนต้นไป ถึงฝนจะแล้ง  รดน้ำนิดหน่อยก็ยังพอมียอดอ่อนให้ชื่นชม แถวบ้านตอนนี้เลิกทำนาไปทำอ้อยกันหลายแปลงเลยค่ะ  สู้เพลี้ยไม่ไหว ดอกไม้ทะเล..............ตะเคียนทองของเราตายไปหลายต้นเหมือนกัน  ถ้าต้นโตคงร่มรื่นมาก  ลำต้นสีดำน่าเกรงขาม ฟอร์มต้นสวยงามกิ่งก้านแผ่ขยาย  ฝนนี้จะลงเพิ่มอีก ไม้สะเดาก็สวยนะตัวเอง  ทนแล้งด้วย  เดือนก่อนลงสะเดามันไป 10 ต้น  ท่าทางจะไปได้สวย น้องดง....................พี่ก็เป็นเหมือนกันนะ  ไปซื้ออย่างนึงกลับได้อีกอย่างมาแทน ...อิอิ คุณบุญไทย.............ทองจะลงจริงเมื่อไหร่มาสะกิดหน่อยนะค๊าบ  อยากทำกำไรขาลงมั่งฮิ สีมุก......................แมคคาเดเมีย 1 ต้นโดดเดี่ยว ตอนนี้มีทั้งใบไหม้  และแตกยอดอ่อน  อึดดีเหมือนกัน  ที่สำคัญไม่โดนม้าแทะโลม คุณjuckrid..............ที่บ้านเราก็อับฝน  ดินทุ่งนาแน่นปั๊ก  ปลูกต้นไม้ไปต้นไหนรอดต้นนั้นคู่ควรค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 53 22:18:02 จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 53 22:08:32

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่มีรถยนต์สักคัน มีแต่มอไชค์ไว้ขนปุ๋ยค่ะ ตัวเล็ก ทรัพย์น้อย ค่อยๆ ทำไปทีล่ะเล็กทีล่ะน้อยเจ้าค่ะ เล่นๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ............ของกินเริ่มจะเต็มสวนล่ะ  อิอิ จากคุณ : เจ้า เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 53 10:20:19

ความคิดเห็นที่ 16 เตรียมไม้ลงฝนปีนี้ ต้นยังเล็กๆ อยู่เลย จะทันเปล่าไม่รู้ ต้องหารถไว้ขนปุ๋ยรองหลุมอีกล่ะซิเนี่ย....... จากคุณ : เจ้า เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 53 10:22:35

ความคิดเห็นที่ 17 คุยด้วยคนครับ ผมว่าปุ๋ยไม่ได้แพงอะไรมากหรอกครับ แต่เกษตรกร ใช้ไม่ถูกต้อง ไม่ถูกจังหวะมากกว่า   ตอนนี้ผมมีสวนยางอยู่ที่ขนอม นครศรีธรรมราช สวนของผมเองนั้นใช้ปุ๋ยเคมีเพียงแค่ 2 ปีแรกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ให้ปุ๋ยเคมีอีกเลย ขอปรับสภาพดินก่อน โดยการเพิ่มจุลินทรีย์ในดิน เท่าที่เคยเห็นผมว่าเกษตรกรนั้น ใช้ปุ๋ยไม่ถูกวิธีนัก ทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ จึงเป็นต้นเหตุของคำว่า ปุ๋ยแพง อีกอย่างเมื่อดินเสื่อมสภาพ ดินแข็ง รากพืชไม่แข็งแรงนัก ใส่ปุ๋ยเข้าไป รากก็ดูดไปใช้ได้น้อย พืชก็ไม่งาม ทำให้ต้องใช้ปุ๋ยเพิ่มขึ้น การให้ปุ๋ย บางครั้งก็ให้ชิดโคนต้นเกินไป พืชก็ไม่ค่อยได้ปุ๋ย เห็นง่ายๆสวนยาง ถ้าเกษตรกรให้ปุ๋ยชิดโคนต้น เกษตรกรก็จะให้ปุ๋ยทุกแถว แต่ถ้าเกษตรกรให้ปุ๋ยที่กลางร่องยาง ซึ่งเป็นจุดที่ปลายรากพืชอยู่ พืชก็จะได้ปุ๋ยเต็มที่ และให้ปุ๋ยแค่แนวเดียวเท่านั้น จึงประหยัดปุ๋ยไปได้เป็นเท่าตัว จากคุณ : ปุ้ม ครับ เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 53 10:50:57

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนนี้ผมกำลังลองใช้ปุ๋ยเคมีครั้งที่2  เป็นห่วงมากๆกลัวหน้าดินจับตัวแข็ง  สงสัยว่าปุ๋ยเคมีจะไม่เหมาะกับดินเหนียว/หรือเปล่า?   พวกดินทราย ดินลูกรังน่าจะเหมาะกว่าไหมครับ? จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 00:18:22

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนนี้สวนผม กำลังปรับมาใช้ปุ๋ยธรรมชาติ แทนแล้วครับ ต้นทุนปุ๋ยเคมีแพง ทำไม่ลองเปลี่ยนใช้ของธรรมชาติทดแทนกันล่ะครับ ผมสนใจจะเลี้ยงวัว เอาขี้มาทำปุ๋ยในการสวนเกษตรครบวงจร ลดการพึงพาจากภายนอกโดยไม่จำเป็นครับ ทำให้สามารถลดต้นทุนลงได้อีกเยอะครับ เอาง่ายๆ ที่เข้าห้องน้ำกันตอนเช้าๆ ไม่ลองเอาไปใส่ต้นไม้แทนปุ๋ยเคมีบ้างเหรอครับ  รอบก่อนสูบเอาไปใส่สวนลำใยที่บ้านแฟน ปีนั้นผลผลิตจนต้องทิ้งหล่นร่วงจากต้นครับ ปีนี้ก็เลยจะลองเอามาลงกับสวนปาล์มดูบ้าง จากคุณ : wasu (webรองเท้านารี) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 07:41:30

ความคิดเห็นที่ 20 แถวบ้านปุ๋ยเคมีก็ไม่ค่อยใช้กันแล้วเหมือนกันคะ ส่วนมากใช้ "มูลขี้ไก่" หว่านก่อนการปลูกปีละครั้ง (สำหรับมันสำปะหลัง) สวนยางก็ใส่มูลไก่ก่อนการเปิดหน้ายาง แก้ไขเมื่อ 07 พ.ค. 53 08:14:26 จากคุณ : น้องโฮ่งเหมียว (น้องโฮ่งเหมียว) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 08:13:48

ความคิดเห็นที่ 21 เข้ามาให้คะแนนโลดค่ะ ถูกใจทุกคห    แถวบ้านก็กระหน่ำปุ๋ยเคมีเหมือนกันค่ะ ชาวบ้านตาสีตาสี เห็นเขาใช้กันก็ใช้ คือหว่านปุ๊บมันงอกงามทันตาเห็น แต่ผลกระทบก่อนและหลังตามมาเีพียบ ทั้งยืมเงินเขาไปซื้อมา ไม่ก็สารพัดรูปแบบหนี้จากรัฐบาล มีปุ๋ยก็ต้องมีพาหนะขนปุ๋ย แถวบ้านก็ใช้รถไทยแลนด์แบบที่วิ่งไล่ขับอ่ะค่ะ     เราเองมีแรงก็ป่าวประกาศรณรงค์ให้ญาติพี่น้องหันมาฟื้นฟูดินกันบ้าง เพราะไม่ใช่มีที่กันแค่ไร่สองไร่ มีเป็นสิบไร่ ก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอก หรืออะไรก็ได้ที่ทำได้  ปัญหาใหญ่ของแถวนี้คือ ที่นาน้ำท่วมค่ะ ก็ทำได้แต่ข้าวอย่างเดียว ทุนหมด ข้าวได้ทุนคืนไว ทำอย่างอื่นต้องรอ ไม่มีทุนไว้กิน     ปล้นเพื่อเอาเสบียง  ไปปล้นครั้งต่อไป มันก็เป็นวัฏจักรอยู่อย่างนี้  เคยถามญาิติๆว่าถ้าไม่กู้หลวงซักปีจะเป็นไรไหม เขาว่าชีวิตมันดูขาดอะไรไปซักอย่างค่ะ   ตลกร้ายเนาะ       ชาวสวนมือใหม่อย่างเราที่ตั้งปณิธานไว้คือจะพยายามฟื้นฟูดินก่อนค่ะ คงใช้เวลาเป็นปีๆเลยทีเดียว เรื่องปุ๋ยแพงก็คงต้องยอมรับและวางแผนการใช้ ทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอื่นๆ  ถ้าทำเองได้ก็จะพยายามทำ ทำเองไม่ไหวก็คงต้องซื้อบ้างตามกำลังทรัพย์     หลักๆคือเข้ามาเก็บความรู้ และแจกกี๊ฟค่ะ  อิอิ จากคุณ : ผักบุ้งริมคลอง เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 53 18:03:54

ความคิดเห็นที่ 22 เข้ามาฟังเรื่องเเพะ (ปุ๋ยเเพง) ด้วยคน ทุกอย่างต้องผสมผสานและมีการควบคุมที่เหมาะสมครับ จากคุณ : ตะวันส่อง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 08:06:18

ความคิดเห็นที่ 23 ----------------------------------------------------------------------------- เข้ามาฟังเรื่องแพะอีกคน ยกมือขึ้นอีก 1 เสียงว่า ปุ๋ยไม่ได้แพงคับ ถ้าปีนี้ว่าแพงแล้วตอนปี 50-51 จะเรียกว่าอะไร? ---------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : คนสวนปาล์ม เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 53 15:39:15

ความคิดเห็นที่ 24   ปุ๋ยอินทรีย์จริงๆดีๆ ยังไงก็ไม่แพงกว่าเคมีแน่นอน แถมประสิทธิภาพไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย ผมบอกตรงๆ ผมทำปุ๋ยขายครับ แวะเวปนี้มาอ่านหาความรู้ แต่พอเจอเรื่องปุ๋ยก็อดที่จะตอบไม่ได้ครับ ผมผลิตปุ๋ยเนื่องจากเพื่อนไปเจอปุ๋ยปลอม เห็นเราเลี้ยงไก่อยู่ ก็อยากให้เราลองทำเพื่อให้เขาใช้ ทำยากมากนะครับ "ปุ๋ยขี้ไก่อัดเม็ด" กว่าจะได้ขี้ไก่ กว่าขี้ไก่จะแห้ง นำมาตีป่นให้ละเอียด นำมาหมักจุลินทรีย์ ทิ้งไว้อย่างต่ำครึ่งเดือน กลับกองเป็นระยะๆ นำมาผสมกับแร่ธาตุต่างๆ เช่น โดโลไมท์ ฟอสเฟต ซิลิก้า ฯลฯ ประกอบกับน้ำหมัก ที่ต้องหมักเป็นเวลานาน "สูตรใครสูตรมัน" อัดออกมาแล้ว ก็ผึ่งให้แห้ง กว่าจะแห้ง เหนื่อยครับ เราไม่ได้มีเครื่องอบ หรือ เครึ่องจักรใหญ่ๆ จากนั้นก็บรรจุลงถุงใน และ ถุงนอก กันความชื้น ขายกันต่อไป ทำดีขนาดนี้ยังโดนบ่นว่าแพงเลยครับ ราคาหน้าโรงปุ๋ยเล็กๆของเรา กิโลกรัมละ 6.4 บาท นี่ก็แทบจะไม่ได้อะไรอยู่แล้วครับ ยิ่งเจอค่าขนส่งวัตถุดิบเข้าไป แทบอ้วกเลยครับ อีกอย่างก็รู้ๆกันอยู่ว่า มูลสัตว์ เวลาแห้ง มันเบาแค่ไหน น้ำหนักเท่ากัน แต่ของเราได้ปริมาณเยอะกว่าเจ้าอื่นเห็นๆ เพราะของเราแห้งจริงๆ เจ้าอื่นไม่รู้เขาผสมอะไรถึงได้หนักขนาดนั้น (แต่เขาว่าส่วนใหญ่ผสมดินกัน) ผมทำดีขนาดนี้ เกษตรกรไทย ยังบ่นว่าแพงเลยครับ ได้น้อยมั้งล่ะ แพงบ้างล่ะ ฯลฯ ของเราแห้งขนาดนี้ เอาไปใช้ก็ไม่มีกลิ่น เก็บได้นาน ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรแล้วครับ อนาคตกะว่า จะผสมดินขายเหมือนเจ้าอื่นบ้าง แล้วกดราคาแบบที่เกษตรกรไทยอยากได้อยากใช้กัน ทำประชดโลกไปเลยดีกว่า (พูดเพราะเซ็งๆอยู่เหมือนกันครับ) เกษตรกรดีๆ เขามาเห็นก็ซื้อปุ๊บเลย เขาบอกใช้มาเยอะแล้ว ไม่เคยมีใครให้ดูสูตร ดูวิธีการผลิต ดูวัตถุดิบ แบบเรา คนที่ซื้อไปใช้แล้วได้ผล ก็กลับมาซื้อประจำ เขาบอกว่า เลิกใช้เคมีมาหลายปีแล้ว ดินมันพังหมด ใช้ของเราแค่ปีเดียว ดินร่วนซุยดีมากๆ เขียวทน เขียวนานด้วย ผลผลิตพอๆกับเคมี แต่ประหยัดเงินกว่าเห็นๆ สรุป เกษตรกรไทยที่ฉลาดซื้อ ฉลาดใช้ ก็มีนะครับ แต่ "มีน้อยมากๆ" หรือว่าเขากลัวก็ไม่รู้ เพราะโดนปุ๋ยปลอมมาเยอะ แบบนี้ก็น่าเห็นใจครับ ผมก็พยายามทำสิ่งดีๆให้เกษตรกรใช้ต่อไป แต่ถ้าอยู่ไม่ไหว ก็คงต้องเลิกเหมือนกัน จากคุณ : ก๊อปการตอบจากอีกกระทู้มาตอบ เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 15:37:25 A:119.31.121.78 X: TicketID:038237