ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่น มารู้จัก " ไซโตไคนิน " กันก่อน . . . Cytokinin เป็นฮอร์โมนต์ ที่มีในต้นพืชตามธรรมชาติ  มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยเพิ่มจำนวนเซลล์ พบมากในส่วนอ่อนของพืชที่กำลังเจริญ เช่นยอด ปลายราก และ ต้นอ่อนในเมล็ดที่กำลังเจริญ  ตัวอย่างการใช้ ไซโตไคนิน ที่เห้นง่ายๆคือเอาน้ำมะพร้าวมาผสมอาหารเลี้ยงเชื้อช่วยเสริมให้ต้นที่เลี้ยงเนื้อเยื่อเจริญได้ดี ไซโตไคนิน ยังพบว่ามีมากในส่วนที่พัฒนาเป็นตา  จึงสรุปได้ว่า มีส่วนช่วยพัฒนาตาอ่อนของพืช (ช่วยเพิ่มเซลล์และพัฒนา) . . . แต่ ไซโตไคนิน ตามธรรมชาติสกัดได้น้อยมาก จึงมีการพัฒนาสังเคราะห์ทำเลียนแบบ . . การนำไปใช้ที่เห็นชัดทางการตลาดคือ นำมาทำสารเร่งตาพืช เช่นเอาไปป้ายให้โป๊ยเซียนแตกตา (สมัยยุคโป้ยเซียนรุ่งเรือง) และมีบางบริษัทเอามาทำขายในการป้ายเร่งให้ "แก้วมังกร " ออกดอก แต่การใช้ ไซโตไคนิน เดี่ยวๆ อาจจะไม่มีผลใดๆ เพราะ ไซโตไคนินจะช่วยต่อเมื่อมีการเริ่มพัฒนาส่วนที่จะเจริญก่อน ซึ่งการกระตุ้นชักนำให้ออกดอก ไม่ได้เกี่ยวกับไซโตไคนินโดยตรง แต่เมื่อพัฒนามาแล้ว ไซโตไคนินจะช่วยในการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ( สรุปว่าต้องให้ปุ๋ย ให้น้ำ ตัดแต่งกิ่ง ให้สมบูรณ์ก่อนนั่นละ ) . . . การทำงานอื่นๆของ " ไซโตไคนิน " - ช่วยชะลอการแก่ของเซลล์ ทำให้ใบ และผล อยู่ได้นานขึ้น - ช่วยให้คลอโรฟิลล์อยู่ทนขึ้น (ฉีดสาหร่ายเลยใบเขียวทน) จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 19:53:21

ความคิดเห็นที่ 2 THANK YOU จากคุณ : ไม่รู้เป็นไร เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 19:58:13

ความคิดเห็นที่ 3 ohhhhh nooooooo เนตล่ม พิมพ์ไปตั้งยาว ส่งไม่ไป จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:02:10

ความคิดเห็นที่ 4 แบบนี้ต้องเขียนบน notepad ก่อนครับพี่วัง สู้ๆครับพี่... จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:08:16

ความคิดเห็นที่ 5 ทีนี้มาดูสาหร่ายกันบ้าง . . สาหร่าย คือพืช ชนิดหนึ่ง เมื่อเราเอามาผ่านกรรมวิธีแล้ว จะได้อะไรบ้าง -  โพลีแซคคาร์ไรด์         น้ำตาลจากแป้งในต้นสาหร่าย -  ธาตุอาหารรองที่รวมๆกันอยู่ในต้น -  โปรตีน                     ซึ่งมาจากการรวมตัวของ ธาตุไนโตรเจน นั่นเอง -  โปรแตสเซี่ยม            มีเยอะในสาหร่ายครับ -  ฮอร์โมนต์ไซโตไคนิน แล้วสาหร่ายจากแหล่งไหนดีที่สุด สาหร่ายชนิดไหนดีที่สุด อันนรี้ผมไม่รู้นะ ทุกคนก็บอกว่าของตัวเองดีที่สุดละ จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:08:45

ความคิดเห็นที่ 6 หุๆๆ แหล่งนี้เยอะแยะมากมาย... แล้วสีเขียวกะสีดำ สกัดร้อนกะสกัดเย็น งงอีก... ห้ามถามผมนะครับว่า...ตอนทำงานผมทำอะไรอยู่อิๆๆ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:12:13

ความคิดเห็นที่ 7 สาหร่าย มีดีๆเยอะนี่ เขาเลยเอามาทำอะไรบ้าง . เขาเอาสาหร่ายมาสกัด เป็นผงและครีม รูปแบบครีม ส่งไปทางเวชภัณฑ์ ทำอาหารเสริม และเครื่องสำอาง แบบผง เอามาแปลรูปใช้ทางการเกษตรนี่ละ สาหร่ายผง SEAWEED EXTRACT สามารถนำมาละลายน้ำ ใช้ฉีดพ่นได้เลย แหล่งดีๆอย่างที่เห็นในเวปต่างประเทศสามารถลงน้ำละลายหมดทันที ชนิดนี้ความเข้มข้นสูง . . . แล้วทำไมที่ขายๆกันเห็นเป็นน้ำ เป็นครีม น้ำดำ น้ำสีเขียว????? เขาก็เอาชนิดผงนี่ละมาชงให้เจือจางลงตามสูตรใครสูตรมัน จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:18:50

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบน้องเอก สกัดร้อนในกรรมวิธีมีโซดาไฟในการสกัด ชนิดนี้ถ้ามาฉีดโดนพืชส่วนอ่อนๆอาจไหม้ได้ สกัดเย็นใช้วิธีฟรีซดราย  จะปลอดภัยกับพืชมากกว่า สีดำ สีเขียว แล้วแต่บริษัทใช้ตัวทำละลาย และตกแต่งให้น่ากิน เอ้ยยยยย เพิ่มมูลค่า แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 53 20:23:31 จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:22:11

ความคิดเห็นที่ 9 อ่อครับ แล้วจำเป็นใหมที่ว่าสีเขียวต้องเป็นสกัดเย็นครับ... แล้วสีดำเป็นสกัดร้อนครับ... แล้วในกระบวนการใช้งาน แบบนี้เราจัดให้ พวก ไซโตไคนินตลอดต่อเนื่อง เป็นเบสในการให้ในอััตราน้อยแต่บ่อยครั้ง แล้วเพิ่มเติมอื่นๆลงตามความเหมาะสม หรือว่า...ทำเหมือนที่บริษัทแนะนำคือ... ใส่สลับคนละครั้งดีครับ... อันนี้เพื่อการใช้งานอย่างถูกต้องครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:26:59

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วเห็นว่ามีดีเยอะขนาดนี้ เอาไปใช้แล้วจะดีแค่ไหน ????? เห็นส่วนประกอบเยอะเหลือเกิน แต่กว่าจะมาเป็นผง มันก็สลายไปบางส่วน พอเอามาชงเป็นน้ำก็เจือจางลงอีก แหล่งข้อมูลลับแจ้งมาว่า อัตราแนะนำชนิดน้ำ ที่ 30 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร เป็นการส่งเสริมทางการค้า ถ้าสาหร่ายน้ำที่ทำตามสูตรเต็มๆเข้มข้น 15-20% ให้ได้ผลชัดๆ ควรใช้สัก 1 ลิตร ผสมน้ำ 20 ลิตร . . แต่อัตรานั้น ไม่คุ้มการใช้งาน และการใช้สาหร่ายให้เห็นผล อย่างที่เอ่ยอ้างไปตอนต้น ต้องมีการดูแล บำรุงต้นให้ถูกต้องคู่กันด้วย การใช้สาหร่ายทางการค้าจึงสามารถ ใช้อัตรา30 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตรได้ แต่จะไม่โชว์ครับ ถ้าดูแลต้นไม่ดี ขาดการให้ปุ๋ยและเขตกรรมที่ดี จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:30:54

ความคิดเห็นที่ 11 ตอบข้อ 9 จากที่เห็นในแปลง การใช้น้อยๆให้เรื่อยๆกับเห็นผลดีกว่านะ เพราะไซโตไคนิน นอกจากช่วยแบ่งเซลลืแล้วยังช่วยให้คลอโดรฟิลล์อยู่ทนขึ้น ต้นที่ฉีดเรื่อยๆจะเขียวสดกว่า ทนสภาวะเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่า . . . ส่วนสีเขียว สีดำ อยุ่ที่ตัวทำละลายตอนที่เอามาทำเป็นน้ำอีกทีนะ ไม่เกี่ยวกับว่าอันไหนร้อน อันไหนเย็น เรื่องร้อนเย็นต้องเช็คต้นทางว่าเขาผลิตด้วยตัวสกัดตัวไหน แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 53 20:35:21 จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:33:46

ความคิดเห็นที่ 12 จ๊าก.....หนึ่งลิตรต่อยี่สิบลิตร.... แสดงว่าที่ใช้ๆกันนี่อุปทานไปเองเหรอเนี่ย หรือว่าชาวบ้านใส่ตัวอื่นไปด้วยอิๆๆ เริ่มมองภาพออกแล้วครับ... ถ้าผมจัดให้ ใส่สาหร่าย สามสิบซีซีต่อยี่สิบลิตร ใส่...อาหารเสริมหรือปุ๋ยอื่นๆทางใบอีก ในอัตราเดียวกัน ก็ดีกว่าสิครับ.... จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:34:02

ความคิดเห็นที่ 13 ตอนพี่จัดยาสมัยเป้นเซลล์ตะวันออก พี่จัดคุ่กับปุ๋ยเกร็ด สลับกับใช้ผสม แคลเซี่ยม โบรอน(เพื่อบำรุงดอก และเกสร) และเน้นเขาใส่ปุ๋ยให้เกมาะกับระยะพืชด้วยนะ พอผสมกันแล้วก็สวยเลยละ จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:37:55

ความคิดเห็นที่ 14 อืมๆๆ ครับ ตอนนี้ผมก็พยายามแนะนำให้เกษตรกรใช้ยาว...เป็นพื้น แต่ด้วยหลายอย่างทำให้เค้าไม่ค่อยใช้เป็นพื้นครับ... เลยต้องจัด สาหร่าย กับ แคลเซี่ยมโบร่อน กับ อาหารเสริมกลุ่มสารสีมีกลุ่มฟอสเฟตหน่อย กับ อาหารเสริมอมิโนกะโพแทสสูง แล้วให้ใส่ตระกูล PGR (คล้ายๆอะโทนิค) แต่เป็นตัวของอินเตอร์ครอปอ่ะครับ ตัวที่มี 2,4D ด้วย จากที่เคยลองในแปลง ตัวของอินเตอร์ครอปช่วยให้ขนาดใหญ่สวยกว่า แต่ถ้าอะโทนิค จะอออกแนวยาวๆ (รบกวนช่วยชี้แจงการใช้ PGR ผมด้วยครับ) อิๆ เหมือนถามตอบเลยแฮะ ใครแอบฟังแสดงตัวมาเดี๋ยวนี้ครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:42:54

ความคิดเห็นที่ 15 เดี๋ยวที่เหลือคราวหน้าละกัน จะเจาะเป็นกลุ่มๆเลย จะไปนั่งพิมพ์มาให้ครบก่อน ^ ^ จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 20:58:26

ความคิดเห็นที่ 16 หุๆ สงสัยคงเหนื่อยใจกะเซิฟเวอร์อิๆ ขอบคุณครับ เดี๋ยวกลับมาให้กีบนะครับ คืนนี้ด๋อยทั้งคืนแน่ๆเลย จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 21:11:17

ความคิดเห็นที่ 17   ในผลไม้ ถ้าใช้สาหร่ายผิดช่วงเวลา ในระยะใบต่อดอก แทนที่จะได้ดอกกลับได้ใบใหญ่ๆแทน จากคุณ : MACHTT เขียนเมื่อ : 10 มิ.ย. 53 21:21:06

ความคิดเห็นที่ 18 นั่งอ่านมาตั้งนาน ถ้า เจ้าเอาสาหร่ายน้ำจืด + น้ำมะพร้าว + กากน้ำตาล + พด.2 จะได้อะไรมั่งค่ะ  ไปเพิ่มคุณค่าให้ต้นไม้น่ะค่ะ จากคุณ : จับแพะชนแกะ (เจ้า) เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 08:38:54

ความคิดเห็นที่ 19 มาแสดงตัว เก็บความรู้ ขอบคุณครับ จากคุณ : s.มี-บุญ เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 10:46:21

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบคุณMACHTT การใช้สาหร่ายหรืออะมิโนเพื่อกระตุ้นส่งเสริมต้นพืช ต้องระวังช่วงจริงๆครับ กรณีแทงตาออกมาต้องดูให้ขัดว่าเป็นเขี้นวชัดเจนถึงฉีดส่งได้ แต่ต้องงดไนโตรเจน ถ้ามีฝนตกมาซ้ำยังต้องอัดปุ๋ยตัวกลางกดใบไว้นัครับ ไม่งั้นตาสามารถกลายกลบจากดอกเป็นใบได้อีกอยู่ดี สมัยผมแนะนำนี่ครั้งแรกฉีดฟื้นต้น ครั้งที่สองฉีดทำใบให้พอ ครั้งที่ฉีดเปิดตาดอก ..... จริงๆต้องสะสมให้ใบสมบูรณ์ กระตุ้นตาดอกตามชนิดของพืช เมื่อตาดอกออกมาชัดถึงส่งอีกที อีกครังก็ขยายขนาดผล ทุกครั้งใช้เดี่ยวก็ไม่โชว์เท่าไหร่ เป็นตัวเสริมนะครับ งานเกษตรนี่ ศาสตร์และศิลป์มันพลิกกันตลอดจริงๆนะครับ ^ ^ หลายๆเรื่องผมก็ได้มาจากถามชาวสวนเอามาเก็บเล็กผสมน้อยนี่ละครับ .......................................................... ตอบคุณเจ้า ผมไม่เคยลองเอาน้ำมะพร้าวมาฉีดต้นไม้นะครับ   ในการทำจริงๆสวนใหญ่ๆไม่สะดวกนะครับ แล้วส่วนตัวผมไม่แนะนำบุฟเฟย์ขนาดนั้นนะครับ มันเปลือง แนะนำให้เลือกใช้เสริมๆกันบางทีตามจังหวะนะครับ ถ้าเรามีอาการเสริมอยู่แล้ว การใช้สาหร่าย คุ่กัน อาจไม่ต้องเติมอย่างอื่นเสริมสาหร่าย หรือบางคนใช้อะมิโน ผมก็ให้ใช้อะมิโนบสกธาตุอาหารพอ ไม่ต้องเอาสาหร่ายมาเสริมให้เปลืองนะครับ อยากให้ละเอียด คุณเจ้าตั้งคำถามกับบอกยาที่ใช้มาทั้งหมด พืชที่ปลูกนะครับจะได้วิเคราะห์ถูกว่าที่ใช้อยู่อาจจะพออยู่แล้วหรือเปล่านะครับ ให้เติมมากๆก็เปลืองเกินเหตุนะครับ .............................................................. คุณ sมี-บุญ  สวัสดีครับ จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 15:00:25

ความคิดเห็นที่ 21 ผมอ่านหนังสือมา2เรื่องครับ 1.เมล็ดสะเดามีสารยับยั้งการเจริญเติบโตของตัวอ่อน 2.ตัวอ่อนของด้วงดำมีสารไคโตคินนินเพราะไปกินยอดอ่อนมะพร้าวมา  ตัวอ่อนของด้วงจึงมีประโยชน์บ้าง คำถามคือถ้าเอาเมล็ดสะเดามาฉีดพ่นกำจัดด้วง  สารนั้นจะไปยับยั้งยอดอ่อนของพืชไหมครับ    แหมสงสัยมาหลายเดือนแล้ว   แต่มาทันห้องเรียนเขาไหมเนี้ย   ขอบคุณดรับ จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 18:47:47

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบผมด้วยนะครับ ผมกำลังเก็บข้อมูล ผมทดลองทำจริงที่สวนนะครับและแจ้งผลการลองเป็นระยะด้วย  เรื่อง Ethephon ตอนนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับ Post harvest นิดหน่อยจากเว็บไซด์ข้างล่าง  อืม...มาคิดๆดูท่าฉีดก่อนเก็บเกี่ยวจะทำให้ผลหล่นง่าย(ไม่ต้องการ)ใช่ไหมครับ http://www.phtnet.org/research/view-abstract.asp?research_id=ac661 จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 22:20:34

ความคิดเห็นที่ 23 คห.21 กับ22 ผมขอกลับมาตอบวันอาทิตย์นะครับ พรุ่งนี้เดินทางไปเชียงใหม่ คงวุ่นทั้งวันนะครับ จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 00:36:29

ความคิดเห็นที่ 24 อยากตอบพี่ boonthai จัง แต่ไม่มีความรู้เลยครับ พี่วัง...ฝากเหล่สาวเชียงใหม่ด้วยนะครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 53 08:59:45

ความคิดเห็นที่ 25 อ้า..มีความหวัง  ขอขยายเรื่องการบ่มอินทผลัมหลังเก็บเกี่ยวนะครับ   1.ที่ต้องบ่มก็คงดล้ายกล้วยหอมที่ตัดมาก่อนแก่ 2.อินทผลัมเตี้ยๆก็พอจะเก็บเกี่ยวได้หลายรอบ/แต่ต้นสูงๆคงตัดลงทั้งทะลาย  เมื่อขึ้นสายพานผ่านเครื่อง NIR แยกผลที่จะไม่สุก  ผลที่จะไม่สุกนี้น่าจะทำให้สุกได้โดยนำไปบ่มโดย Ethephon และสารอื่นๆเพื่อปรุงแต่งรส  นี่คือความเข้าใจของผม  น่าจะถูกหรือผิดครับ 3.เรื่องปุ๋ยเคมี/สารเคมีพวกนี้ผมว่ามันเล่นยาก  ผมเคยทำมะนาวออกลูกมาเต็มต้นเลย แล้วมันก็ตาย  เมื่อวานไปสวนมาตกใจเอใครมาแกล้งเราเปล่า  ทำไมอินทผลัมเหี่ยวแบบนี้หว่า  เอาสารไรมาพ่นหรือเปล่า   นึกไปมาคงเกี่ยวกับน้ำ   ผมให้ 0-0-60 เมื่อวันที่2มิย.พร้อมรดน้ำ  ปกติต้องรดทุก3-4วัน  แต่เห็นว่ามีฝนเลยไม่ได้รด  มารดอีกที12มิย. พร้อมเปิดดู  โอ้พระเจ้า.. จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : 14 มิ.ย. 53 12:22:40

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ cwuboy ไปเชียงใหม่ เจ้าไปลำปาง ทำไมไม่เจอกันล่ะค่ะ  5555 มารอเก็บเกี่ยวความรู้เรื่องปุ๋ย ต่อค่ะ จากคุณ : เจ้า เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 12:49:29

ความคิดเห็นที่ 27 แวะมาทักภาระกิจยังไม่เสร็จ เลยยังไม่ได้มาเพิ่มรายละเอียดให้นะครับ ตอนนี้อยู่ที่เชียงใหม่ เมื่อวานไปนั่งคุยกับอาจารย์และพี่ๆที่คณะเกษตรมา เอาไว้จะมาแฃเล่าให้ฟังอีกที พรุ่งนี้จะไป วาวี อย่างช้า วันเสาร์จะขุดตำรามาตอบอีกทีนะครับ ช่วงนี้เข้าได้แวปๆ คุณเจ้าไปแถวไหนนี่ ไม่บอกกันก่อนจะได้แวะหา คุณบุญไทย  ข้อแม้ในการบ่มคือผลต้องแก่แล้วนะครับ ผลที่ยังไม่แก่จะบ่มไม่สุก การบ่มผลแก่จะทำให้สุกเสมอกันนะครับ แต่ต้องเก็บให้ดีขึ้นเพราะเท่าที่เห็นผลไม้บ่มจะเน่าเสียเร็วขึ้นเช่นกัน จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 15 มิ.ย. 53 13:14:49

ความคิดเห็นที่ 28 ไปวาวี ขอกาแฟอร่อยๆสักแก้วนะครับพี่วัง พี่ boonthai ที่เหี่ยวอาจจะเกิดจากการไม่มีน้ำอีกทั้งพี่ให้ปุ๋ยไปด้วยครับ ดังนั้นผมว่าคงต้องให้น้ำเพิ่มหน่อยหละครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 16 มิ.ย. 53 07:19:47

ความคิดเห็นที่ 29 คงแบบที่คุณ Seto16บอกแหละครับ/ขอบคุณครับ 1.ผลผลิตปื51 ของผมมีแต่เหี่ยวๆเพราะยังไม่รู้ว่าเขาต้องการน้ำมากขนาด 2.ผลผลิตปี52น้ำเต็มที่/มีแต่ขี้วัวตรึม....เต่งตึงๆ...ผักหวานบ้านออกยอดตลอด 3.ปีนี้แย่จริงๆต้นปีร้อนเลยไม่ค่อยออกจั่น...เริมใช้ปุ๋ยเคมีแต่รู้สึกว่าให้ช้าไปเลยพยายามโดสให้ไวขึ้น....ต้นเดือนมัวไปตัดหญ้า/ไม่ได้รดน้ำไป10วัน....วันที่13มิย.เหี่ยว..ๆ... 4.ผลเหี่ยวตอนนี้ใช้ไม่ได้แล้ว  ผ่าดูมีน้ำตาลเยิ้มเลย น้ำหมักชีวภาพของผมคงมีKแน่นอนงานนี้ 5.ยังคงมีแช่ฟรีซอยู่แต่ไม่มาก...อิๆปีหน้าแก้ตัวใหม่ ที่คุณcmuboy ว่ายังไม่แก่บ่มไม่สุก  อันนี้ต้องขอรายละเอียดหน่อยว่าควรแก่กี่% เช่นกล้วยหอมทองส่งไปญี่ปุ่นเอาแก่แค่70% ถึงญี่ปุ่นหวีใหนสุกแยกออกก่อนบ่ม     กล้วยหอมที่สวนมีบ้างต้นหักจากแรงลม  ลูกประมาณ50%  แบบนี้บ่มธูปออกมาเหลืองแต่กินไม่อร่อยเลย    ผมก็ขอไปเรื่อยๆถ้าคุณcmuboyมีข้อมูลช่วยเล่าเพิ่มหน่อยครับ เอ..สัปประรดใช้Ethephon ทำไมครับ ที่สวนมีนิดหน่อยไม่เคยใช้ จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : 17 มิ.ย. 53 13:20:33