ความคิดเห็นที่ 1 - จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 12:54:56

ความคิดเห็นที่ 2 จันดง (ข้อมูลและภาพจากคุณJirawat ในเวบpantown.com/board.) ชื่อวิทยาศาสตร์ : Diospyros curtisii King et Gamble ชื่อวงศ์: EBENACEAE คัดลอก มาจาก หนังสือไม้หายาก ของ ดร.ปิยะ ฯ" _______________________________________________________ (นายก๋วยจั๊บ) "จันดงอย่างในรูปไม่หอมครับ ที่หอม ดอกจะออกเป็นกลุ่ม ดอกมีขนาดเล็ก เป็นกลุ่มๆ ครับ คิดว่าพันธุ์ที่หอมน่าจะยังไม่มีใครเอามาขายครับ งานเกษตรมีขายอยู่ร้านนึง เกือบจะซื้อมาปลูกแล้วมั๊ยล่ะ" แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 53 09:32:36 แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 53 13:45:08 จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 13:01:10

ความคิดเห็นที่ 3 - จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 13:01:54

ความคิดเห็นที่ 4 (ข้อมูลจากคุณANS160 -เวบเดียวกัน) ปิยะ เฉลิมกลิ่น. พรรณไม้ดอกหอมพื้นเมืองที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : โครงการพัฒนาองค์ความรู้และศึกษานโยบายการจัดการทรัพยากรชีวภาพในประเทศไทย, 2549 จันดง (Diospyros curtisii) วงศ์ : EBENACEAE ลักษณะพรรณไม้          เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูง 8-12 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางที่ระดับอก 20-30 เซนติเมตร โคนต้นเป็นพูเล็กๆตามยาว เปลือกลำต้นค่อนข้างเรียบสีน้ำตาลอมดำ แตกกิ่งจำนวนมาก กิ่งยาวห้อยลู่ ทรงพุ่มกลมทึบ เนื้อไม้เหนียวมาก กิ่งอ่อนสีเขียว เรียบ ใบเดี่ยวเรียบเวียนสลับ รูปไข่แกมรูปขอบขนาน กว้าง 4-6 เซนติเมตร ยาว 12-16 เซนติเมตร โคนใบมนกลม ปลายใบเรียวแหลมและเป็นติ่ง หนาแข็ง กรอบ ผิวใบสีเขียวเป็นมันทั้งสองด้าน เส้นกลางใบด้านบนเป็นร่องเล็กน้อย ด้านล่างนูนเด่น เส้นแขนงใบเป็นร่องด้านบนตื้นๆ และนูนเด่นชัดที่ด้านล่างของใบ ดอกออกเป็นกระจุก 10-18 ดอก ตามกิ่งและลำต้น ดอกอ่อนสีเขียวอมขาว เมื่อบานเปลี่ยนเป็นสีขาวนวล ดอกรูประฆังคว่ำ ปลายแยกเป็น 4 กลีบ เมื่อดอกบานมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-1.5 เซนติเมตร ดอกย่อยทยอยบานและบานใกล้เคียงกันหมดเกือบทั้งต้น มีกลิ่นหอมแรงมากตลอดวัน ในช่วงดอกบานจะมีฝูงผึ้งมาบินตอมเต็มไปหมด ไม่พบการติดผลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดอกบานช่วงเดือนกุมภาพันธุ์ ถึงมีนาคม แหล่งกำเนิดและการกระจายพันธุ์          ถิ่นกำเนิดของจันดงอยู่ในเขตดิบชื้น ที่ระดับความสูง 50-250 เมตร ซึ่งปัจจุบันพบว่าสภาพป่าเปลี่ยนแปลงไป จนเหลือต้นแม่พันธุ์อยู่น้อยมาก ไม่ติดผล ไม่มีต้นกล้าขนาดเล็กอยู่ใต้ต้นแม่พันธุ์หรือบริเวณใกล้เคียง จังหวัดที่ยังพบต้นจันดงได้เพียงจังหวัดเดียว คือ สุราษฏร์ธานี การเก็บส่วนเชื้อพันธุ์          เนื่องจากต้นแม่พันธุ์ที่ขึ้นอยู่ในจังหวัดสุราษฏร์ธานี ไม่ติดผล และไม่พบต้นกล้าอยู่ในบริเวณใกล้เคียง จึงได้ตัดกิ่งยอดมาขยายพันธุ์โดยวิธีการปักชำในกระบะพ่นหมอกกลางแจ้ง พร้อมทั้งทดลองทำการเสียบยอด ในการทดลองปักชำในกระบะพ่นหมอกกลางแจ้ง โดยตัดกิ่งยอดยาว 20-30 เซนติเมตร มีทั้งใช้ฮอร์โมนกระตุ้นการออกรากและไม่ใช้ ในการทดลองเป็นระยะเวลา 4 เดือน พบว่ากิ่งปักชำไม่ออกราก ส่วนวิธีการเสียบยอด โดยใช้ต้นจันอินเป็นต้นตอ พบว่ายังไม่ได้ผล ซึ่งอาจเนื่องมาจากวิธีการติดไม่ดี หรืออาจเนื่องมาจากสภาพของเนื้อไม้ไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน (incompatibility) จึงควรจะต้องมีการทดลองใช้ต้นชนิดอื่นๆ เป็นต้นตอสำหรับการทาบกิ่ง เสียบยอด และติดตา การขยายพันธุ์โดยไม่ใช่เมล็ด          เนื่องจากไม่ติดผล จึงหมดโอกาสที่จะขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด สภาพปัจจุบัน          ต้นแม่พันธุ์ที่อยู่ในถิ่นกำเนิด มีสภาพความหายากอยู่ในระดับ  (ICUN, 2001) มีจำนวนต้นแม่พันธุ์เพียง 2 ต้น ยังออกดอกดกได้ทุกปี แต่ไม่มีการติดผล ไม่มีการขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ ในขณะที่วิธีการขยายพันธุ์โดยวิธีอี่นที่ได้ทดลองก็ยังไม่สามารถกระทำได้ จึงมีโอกาสที่จะสูญพันธุ์ในแหล่งกำเนิดเดิมได้สูง และหากยังไม่มีมาตรการช่วยเหลือในเรื่องขยายพันธุ์ ก็มีโอกาสสูญพันธุ์ได้ในอนาคต จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 13:06:40

ความคิดเห็นที่ 5 (ข้อมูลจากคุณ TU -เวบเดียวกัน) สอบถามจากผู้รู้ครับผม ว่าจันดงจริงๆแล้วมีกลิ่นหอมครับ แต่ต้องเป็นจันดงในหนังสือของ อ.เอื้อมพร วีสมหมายนะครับ จันดงที่แท้ ผิวใบด้านบนต้องเกลี้ยง แต่ด้านล่างต้องมีขนสากนะครับ ส่วนที่ไม่หอมเรียกว่าจันดำครับผม คือแผ่นใบหนาและเป็นมันทั้งสองด้านครับ ส่วนดอกของจันดงหอมต้องมีสีเหลืองนวลครับ ส่วนจันดำดอกเป็นสีขาวครับ  อธิบายไม่งงนะครับผม ครั้งแรกที่อธิบายยาวขนาดนี้ครับ จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 13:08:04

ความคิดเห็นที่ 6 ความคิดเห็นที่ 81     ไม่ใช่จันดำแน่ครับ ดอกไม้จันดำต้องแบบนี้ .....?..... จากคุณ : ตาเชย     เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 11:14:23   ____________________________________________________ จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 13:23:06

ความคิดเห็นที่ 7 อ่ะรู้แล้วใครมาทำตลกในกระทู้ อิอิ จากคุณ : payongm เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 13:35:18

ความคิดเห็นที่ 8 อ๋อ นึกว่าอะไร ... จากคุณ : honeybfit เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 13:36:20

ความคิดเห็นที่ 9 อ๋อ .... รีบกลับไปค้นกระทู้ .... อิอิ ไม่รู้อะไรหรอกค่ะ  555 แต่ชื่นชมเจ้าของกระทู้จัง... บ้านคุณมีแต่สิ่งที่ควรค่าแก่การเก็บรักษาจริงๆค่ะ... :) ชื่นชม ชื่นชม.. จากคุณ : แม่น้องเบสท์ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 13:44:15

ความคิดเห็นที่ 10 ชื่อนั้นสำคัญไฉน ....มาบอกว่าดอกน่ารักค่ะ จากคุณ : สาวน้อย ซอยริมวัง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:05:43

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบพระคุณแม่น้องเบสท์ นะครับ ผมเพียงแค่ต้องการจะพิสูจน์ดอกไม้ชนิดนี้น่ะครับ เลยพยามค้นข้อมูล ไปดูตามร้านหนังสือนายอินทร์ บีทูเอส ซีเอ็ดและแหล่งอื่นๆ เช่นในเวบแมกโนเลียไทยแลนด์ ในกูเกิ้ล ก็ได้ความรู้พอสมควร สิ่งหนึ่งที่ได้พบก็คือชื่อต้นไม้ต่างๆในตำราที่อ้างอิง นั้นบางทีก้เรียกไม่เหมือนกันอยู่ที่ใครค้นพบอะไร ดังนี้นสิ่งที่เราไม่รู้หรือยังไม่เจอก็หาใช่ว่ามันไม่ได้มีอยู่จริง เนื่องจากต้นไม้มันมีหลากหลายสายพันธ์ ...อนึ่ง...เพื่อเป็นการตอบแทนคุณแม่น้องเบสท์ ผมจะส่งไฟล์ PDF หนังสือให้ ๓ เล่มครับ ๑.เป็นเรื่องพรรณไม้ (๒๐๘ หน้า)ดูง่ายภาพสี ๒.ลักษณะประจำวงศ์พรรณไม้ (๑๐๗ หน้า)ดูง่ายภาพสี ๓.เรื่องเกี่ยวกับป่า(๒๒๕ หน้า)ดูง่ายภาพสี  ......ถ้าต้องการก็บอกเมล์หลังไมค์นะครับถ้าอันไหนมีแล้วก็บอกนะครับ. จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:06:13

ความคิดเห็นที่ 12     จากคุณ : *แอ๊ปเปิ้ล รสพีช* เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:11:33

ความคิดเห็นที่ 13 จากคุณ : naykainui เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:17:02

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณมากๆเลยค่ะคุณปากแตระ :) ขออนุญาตตอบไปหลังไมค์นะคะ :) จากคุณ : แม่น้องเบสท์ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:22:49

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าอ่านห้องนี้บ่อยๆ  จะรู้ว่าคุณตาเชย  หยิกแกมหยอก ..แซว นะซิค่ะ ไม่มีเจตนาร้ายแรงค่ะ (คือมุมมอง  ส่วนตัวนะค่ะ ) จากคุณ : honeybfit เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:23:38

ความคิดเห็นที่ 16 วัสดุไม้จันดง(ไม่เกี่ยวกับจันดำแต่ถือว่าพี่น้องกัน) บางคนเอามาทำ ด้ามมีด  เป็นกระปุกเกียร์รถยนต์ ลายไม้สวยดีครับ สีน้ำตาลเข้ม สลับอ่อนครับ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 53 14:33:34 จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:23:50

ความคิดเห็นที่ 17   เป็นไม้ที่ควรค่าอนุรักษ์ค่ะ เพิ่งเคยเห็นจริงๆ ทรงดอกแปลกตาและน่ารักมาค่ะ  ^ ^ จากคุณ : ดอกไม้หน้าฝน เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 14:56:33

ความคิดเห็นที่ 18 ชอบจริงๆ เลย   ข้อมูลแน่นๆ เน้นๆ เพียบๆ แบบนี้... คิดเหมือนคุณ honeybfit คห 15  นะครับ  ว่าเค้าคงหยอกเล่น ขำๆ นะครับ แต่เข้าใจครับ...บางทีเจอมุกจุกอกเข้าไป ...ก็ขำไม่ออกเหมือนกันเนอะ   หุหุหุ จากคุณ : canx เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 15:06:45

ความคิดเห็นที่ 19 มีจริงมัย พรรณไม้ไทย "จันดง" Name : จันดง เกร็ดความรู้ของ : จันดง • Group : ไม้ดอกหอม • Size : 8-12 เมตร ชื่อวิทยาศาตร์ Diospyros curtisii King et Gamble • Price : Baht วงศ์ EBENACEAE ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ ใบรูปไข่แกมสขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ขอบใบเรียบ เส้นใบเห็นชัดทางด้านท้องใบ เนื้อใบเหนียวกระด้าง จุดเด่นของดอก ช่อดอกสีขาว ยาออกเป็นช่อดอกกระจุกบริเวนกิ่งและลำต้น กลีบเลี้ยงสีเขียวติดแน่น กลีบดอกรูประฆังคว่ำ ดอกย่อยบานใหล้เคียงกันเกือบทั้งต้น ดอกอ่อนมีสีขาวอมเขียวเมื่อบานขาวเต็มที่สีขาว มีกลิ่นหอม โดย ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน [13 ต.ค. 2548 ] จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 15:38:59

ความคิดเห็นที่ 20 .....สรุปมีทั้ง"จันดำ"และ"จันดง" ส่วนเรื่องรายละเอียดของข้อมูล ความแตกต่างยังต้องค้นคว้าต่อไป สำหรับ"จันดง"เองก็ยังมีรายละเอียดที่แหล่ง ข้อมูลยังแตกต่างเรื่องดอกและความหอมของกลิ่นดอก ทั้งนี้ต่างก็คิดว่าใช่.... จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 15:55:46

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ canx คิดเหมือนคุณ honeybfit คห 15  นะครับ  ว่าเค้าคงหยอกเล่น ขำๆ นะครับ   แต่เข้าใจครับ...บางทีเจอมุกจุกอกเข้าไป ...ก็ขำไม่ออกเหมือนกันเนอะ   หุหุหุ ............................... วันละนิด จิตแจ่มใสค่ะ นี่แค่ตาเชยนะคะ เจออาคุงกล่องอีกคนล่ะก็ น้ำตารินแน่นอน จากคุณ : payongm เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 16:17:06

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบคุณpayongmครับ ________________ นี่แค่ตาเชยนะคะ เจออาคุงกล่องอีกคนล่ะก็ น้ำตารินแน่นอน ___________________________________________ ....ไม่น้ำตารินครับ ดูอมยิ้มผมนะครับไม่อ้าปาก เจอคนมามาก..เข้าใจครับ. เคยเห็นภาพหน้าตาตอนที่ไปเยี่ยมบ้าน คุณยุกยิกหวานเย็นที่เมืองชลฯ ..อย่างไรก็ตาม ..แต่บางกรณีด้วยวุฒิภาวะต้องรู้กาละเทศะครับ. จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 16:45:06

ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อโดนพาดพิง ก็ต้องขอแก้ตัว เอ๊ย!..อธิบายข้อเท็จจริงให้ทราบซะหน่อย ขณะที่คุณปากแตระ ตั้งกระทู้ก่อน( เขียนเมื่อ: 24 มิ.ย. 53 09:15:43 ) นั้นตาเชยยังอยู่ต่างจังหวัด(ไป 7 มิ.ย. กลับ 28 มิ.ย.) แต่ตอนนั้นก็ได้อ่านกระทู้นี้แล้วและในความเป็นจริงก็คือไม่ได้คิดที่จะตอบเลยซักนิดเดียว เนื่องจากไม้ต้นนี้ตาเชยเองก็ไม่คุ้นเคย พวกตำหรับตำราที่จะเปิดดูรายละเอียดหรือก็อยู่ที่บ้านทั้งนั้น และก็ไม่มีเวลาที่จะไปค้นคว้าหาข้อมูลจากในเว็บด้วย    แต่พอวันรุ่งขึ้นนายมะเดี่ยวได้หลังไมค์ไปหาตาเชย ดังข้อความที่ได้ก๊อปมาให้ดูนี้ --------------------------------------------------------------------------------- From : pakeeranung [25 มิถุนายน 2553 00:46]  เพิ่มชื่อใน Contact List   Ignore สวัสดีครับ รอคำตอบอยู่นะครับ อิอิ http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J9398608/J9398608.html ---------------------------------------------------------------------------------     เพื่อไม่ให้พวกเราหลายๆ คนในห้องนี้เสียความรู้สึก ก็เลยจำใจเข้าไปตอบ และเมื่อดูจากลักษณะดอกในภาพที่คุณปากแตระโพสไว้นั้น ดูแล้วมันไม่เหมือนกับภาพที่เคยเห็นในเว็บคุณกะไดเลย(ภาพใน คห.1 นั่นแหละ) ก็เลยตอบไปว่าไม่ใช่แน่     แต่ก็ไม่สามารถให้รายละเอียดใดๆ ได้ ด้วยเหตุผลดังที่อธิบายไปแล้วนั้น แต่พอมานึกๆ ดูว่าคำตอบมันจะสั้นไปหรือเปล่า นี่จึงเป็นที่มาของการหยอดมุกดอกไม้จันทน์ลงไปด้วย      ข้อเท็จจริงในเรื่องคำตอบของตาเชยก็คงมีอยู่เพียงเท่านี้แหละครับ *** แต่มีเรื่องหนึ่งที่ตาเชยอยากจะถามคุณปากแตระซักนิดเถอะว่า การที่คุณมาตั้งกระทู้ถามแล้วมีคนเข้ามาให้คำตอบด้วยความบริสุทธิใจ แต่คุณกลับมาใช้ถ้อยคำเปรียบเทียบพูดกระแนะกระแหนเขาแบบนี้... """"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""      ทราบแล้วครับจากหนังสือป่าไม้ยืนต้นของไทย...โดยอ.เอื้อมพร ....ถ้าใคร คิดว่าไม่มีหรือคิดว่าดอกจันดำคือดอกที่วางเผาศพก็ไปดูซะนะครับ..     จันดำ <= ที่ไม่ใช่ดอกไม้เผาศพ(ที่ใครบางคนทำตลกใส่ในกระทู้) """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""              คุณคิดว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องและสมควรแล้วหรือครับ ? จากคุณ : ตาเชย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 17:07:32

ความคิดเห็นที่ 24   ขอบคุณคุณปากแตระที่หาข้อมูลมาให้เห็นจริงเห็นจัง  ชื่นชมที่มีการค้นข้อมูลกันมาให้ทราบกันทั่วหน้า ไม่ออกความเห็นอะไรมากกว่านี้  เข้าใจ จขกท   อะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ผ่าน ๆ  ไปก็ดีค่ะ จากคุณ : คุณนายแย้มศรี เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 18:40:34

ความคิดเห็นที่ 25 ขออนุญาตคัฟ คือผมก็ไม่ได้มาเพ่นพ่านที่นี่นานเท่าไหร่ แต่เท่าที่เห็น ตาเชยแกเป็นคนมุกเยอะ อารมณ์ดีคัฟ อย่าซีเรียสคับ อย่าซีเรียส มองในแง่มุมที่แกให้ความรู้น้องๆ ดีกว่านะคัฟ ผมได้เรียนรุ้อะไรจากแกเยอะมากๆ เลย จากคุณ : Nagano เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 18:47:02

ความคิดเห็นที่ 26 - เมื่อให้ข้อเท็จจริงในเรื่องของคำตอบไปแล้ว  - คราวนี้ขอเสนอข้อมูลในเรื่องของไม้ "จันดำ" กันบ้างนะครับ(เพราะเท่าที่ตรวจสอบดูแล้ว ข้อมูลข้างบนนั้นมันมีทั้งจริงและเท็จปนเปกันให้ยุ่งไปหมดเลย)  - ดังที่เคยบอกไว้หลายครั้งแล้วว่า ถ้าเรามีปัญหาในเรื่องของชื่อต้นไม้ภายในประเทศไทยละก็ ให้ยึดถือรายชื่อจากหนังสือ " ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย " ของ ศ.ดร.เต็ม สมิตินันทน์ เป็นหลัก เสมือนดังที่เราใช้พจนานุกรมฉบับของราชบัณฑิตฯ เป็นหลักในเรื่องของภาษานั่นแหละครับ  - เมื่อเราทราบแล้วว่าไม้ต้นนี้อยู่ในวงศ์ ตะโก( EBENACEAE ) ก็ยิ่งง่ายเข้าไปแยะเลย ไม้วงศ์นี้ในเมืองไทยมีอยู่เพียงสกุลเดียวครับ และมีอยู่เพียง 66 ชนิดเท่านั้น และใน 66 ชนิดนี้ต้นที่มีชื่อว่า "จัน" มีอยู่ 4 ชนิดเอง คือ    1)   Diospyros dasyphylla Kurz  คือ จันเขา(ใต้,ปราจีนบุรี) หรือ จันดง(ลำปาง)    2)   Diospyros decandra Lour. คือ จัน(กลาง), จันขาว(กลาง), จันลูกหอม(กลาง), จันอิน(กลาง), จันโอ (กลาง) หรือ อิน (กลาง,กาญจนบุรี)    3)   Diospyros insidiosa Bakh. คือ จันเขา (ใต้,ปราจีนบุรี)    4)   Diospyros venosa Wall. ex A.DC. คือ โกพนม(ปราจีนบุรี) จันดำ(ตราด)  ดีงู(กลาง,สุราษฎร์ธานี) ตาดำ(ตราด) นางดำ(จันทบุรี,สระบุรี) ไม้ดำ(นราธิวาส,สตูล) ย่างทราย(จันทบุรี) หรือ ฮาแรปารง(มลายู นราธิวาส)   - จะเห็นว่าไม้ที่มีชื่อ "จันดง" นั้นมีอยู่เพียงต้นเดียวคือต้นแรก ไม่ได้มีหลายต้นดังที่ข้างบนกล่าวอ้าง ส่วนต้นที่สองนั้นก็คือ "ต้นลูกอิน-ลูกจัน" นี่เอง ส่วนต้นที่สามมีชื่อเดียวว่า "จันเขา" และต้นที่เราต้องการค้นหาก็คือต้นที่สี่นั่นเอง "จันดำ" ซึ่งมีหลายชื่อมากแต่ที่แน่ๆ คือไม่ได้มีชื่อจันดงอยู่ด้วยเลย   - ก็ชัดเจนแล้วนะครับว่า "จันดำ" ก็คือต้นที่มีชื่อวิทย์ว่า  Diospyros venosa Wall. ex A.DC. (เดิมทีเค้ามีชื่อวิทย์ว่า Diospyros hermaphroditica Bakh. นะครับเพิ่งเปลี่ยนใหม่ บอกไว้ก่อนเดี๋ยวใครไปเจอเข้าแล้วจะงง) ซึ่งก็คือต้นที่อยู่ในหนังสือของ อ.เอื้อมพร นั่นแหละครับถูกต้องไม่มีปัญหา   - ต้นที่มีปัญหาก็คือ "จันดง" ในหนังสือไม้หายาก ของ ดร.ปิยะ ฯ นั่นต่างหาก มีปัญหาทั้งชื่อไทย และชื่อวิทย์ฯ เลย    - ดังที่บอกแล้วว่าในรายชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทยนั้น มันมีชื่อจันดงอยู่เพียงต้นเดียวคือต้นที่มีชื่อวิทย์ว่า  Diospyros dasyphylla Kurz  นั่นแหละ แล้วไฉนจึงมีผู้แอบอ้างว่ามันมีอยู่หลายต้น และที่สำคัญก็คือชื่อวิทย์ Diospyros curtisii King et Gamble นั้นเค้าไปเอามาจากไหน ตามรายชื่อไม้ในสกุล Diospyros ทั้ง 66 ชนิดนั้นไม่มีไม้ที่ใช้ชื่อวิทย์ฯ นี้ครับ    -  ต้นที่มีชื่อใกล้เคียงที่สุดก็คือ        -  Diospyros wallichii King & Gamble ชื่อ กุมุง(มลายู ปัตตานี), กุมู(มลายู สงขลา), ข้าวไหม้(นราธิวาส,สงขลา), เฉียด(ใต้,สุราษฎร์ธานี), ดำเขา(นราธิวาส,สงขลา), ดำตะโก(นราธิวาส,สงขลา), ตะกราย(ยะลา) หรือ เนียนป่า(สงขลา)    -  ตามความเห็นของตาเชยก็คือน่าจะเป็นการลอกชื่อวิทย์ของไม้ต้นนี้มาใช้มากกว่า แถมยังลอกมาผิดอีกต่างหาก สรุปก็คือ "จันดง" ต้นที่กล่าวถึงในหนังสือข้างบนต้นนี้ยังไม่แน่นอนเชื่อถือไม่ได้ครับ เพราะผิดทั้งชื่อไทยและชื่อวิทย์ฯ เลย จากคุณ : ตาเชย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 19:19:55

ความคิดเห็นที่ 27 ลืมไป นี่ครับลิงก์ " ชื่อพรรณไม้แห่งประเทศไทย " ของ ศ.ดร.เต็ม สมิตินันทน์ http://web3.dnp.go.th/botany/ThaiPlantName/Default.aspx * คลิกที่ชื่อวงศ์ภาษาอังกฤษ แล้วมันจะแตกรายละเอียดออกไปเรื่อยๆ จนถึงชื่อไทยครับ แก้ไขเมื่อ 30 มิ.ย. 53 19:37:54 จากคุณ : ตาเชย เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 19:34:30

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบความเห็นที่ ๒๓ __________________ ๑.ต่อประโยคที่ว่า   " ก็เลยจำใจเข้าไปตอบ "    = นับว่าเป็นพระคุณอย่างสูงครับ ผมปลื้มใจมากครับ ๒.  สำหรับคำถามที่ว่า "คนเข้ามาให้คำตอบด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่คุณกลับ  มาใช้ถ้อยคำเปรียบเทียบพูดกระแนะกระแหนเขาแบบนี้... คุณคิดว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องและสมควรแล้วหรือครับ ? ....คำตอบนะครับ..ผมคิดว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องและน้อยเกินสมควรด้วยซ้ำไปจริงๆครับ ..เหตุผลนะครับ...คนปกติๆที่เค้าตอบโดยบริสุทธิ์ใจนั้นคุณลองถามวิญญูชนโดยทั่วไปซิครับว่าเขาจะนำเอารูปนั้นลงไปมั้ย..ด้วยวิจารณญาญและ ไตร่ตรองดู ...ยกตัวอย่างนะครับ...ในกระทู้นั้นมีคุณคนเดียวที่มีพฤติกรรมเช่นนี้แต่ผมยังไม่ตอบโต้แค่ที่คุณว่ากระแนะกระแหนนั้นยังน้อยไปครับเพราะผมคิดว่าคุณได้ทำในสิ่งที่เกินเลยและเป็น"อัปมงคล"     ทั้งนี้ท่านอื่นๆที่เข้ามาแสดงความเห็นเห็นด้วยความบริสุทธ์ใจจริงๆนั้นผมได้แสดงความขอบคุณเขาอย่างถ้วนทั่วไม่มีอันใดเลยที่จะก้าวล่วงเขาเหล่านั้น   คุณควรจะพิจารณาใคร่ครวญด้วยเหตุผลหาใช่ว่าไม่ยอมรับแต่มาเล่นลิ้นยอกย้อนด้วยสำนวนเดิมๆอีก ......คุณเคยชินกับความคึกคะนองมากไปจึงก่อให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น _________________________________________________________ จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 20:44:33

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบความเห็นที่ ๒๖ และ ๒๗ ครับ _________________________________ -ขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับข้อมูลครับ ซึ่งเป็นเรื่องทางวิชาการที่จะต้องถกกันต่อไป โดยที่ตำราด้านนี้เท่าที่เห็นก็ยังไม่เป็นที่ยุติ ยังไม่มีใครกำหนดกติกาให้ชัดเจนว่าจะยึดถือตำรา ของท่านใดเป็นหลัก ...อย่างไรก็ตามขอขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับข้อมูลอีกด้านครับ จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 20:52:24

ความคิดเห็นที่ 30 "ดังที่เคยบอกไว้หลายครั้งแล้วว่า "... ------------------------------- ดังที่บอกแล้วว่า.. --------------------------------- "แล้วไฉนจึงมีผู้แอบอ้างว่า...." ---------------------------------  ===== สงสัยนะครับว่า..เป็นข้อสรุปของท่านใดครับ======= จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 21:19:16

ความคิดเห็นที่ 31 กินกันไม่ลงจริง ๆ win win situation จากคุณ : โปรแตสเซียม เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 22:14:33

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบพระคุณ"คุณนายแย้มศรี " มากครับ ..ผมเข้าใจดีครับ.. เนื่องจากไม่มีที่ให้กิฟท์ ผมจึงขอมอบภาพดอกลำพูแรกแย้มให้ครับ จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 22:54:15

ความคิดเห็นที่ 33 สำหรับคุณ" jjiab.pa "  "คุณ" jimyai"  คุณ"สาวน้อย ซอยริมวัง"   คุณ*แอ๊ปเปิ้ล รสพีช*  คุณ"naykainui" คุณ "ดอกไม้หน้าฝน" ............เนื่องจากไม่มีที่จะให้กิฟท์เช่นกันและหลายๆท่านน่าจะยังโสด จึงขอมอบภาพ "มดแดงยามเย็น"   ให้นะครับ (กรณีคุณ"สาวน้อย ซอยริมวัง"  แม้ว่าจะได้กิฟท์แล้ว ผมก็เต็มใจจะแถมมดแดงให้อีกเพราะเธอสวยน่ารักมากครับ) จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 23:07:22

ความคิดเห็นที่ 34 ดอกน่ารักค่ะ น่าเสียดายนะค่ะ ที่ขยายพันธุ์ยากอย่างนี้ แต่ไม่ขอรับมดแดงนะค่ะ กลัวมดกัดค่ะ เดี๋ยวจะยุ่ง ......อิอิ จากคุณ : จิ๋มค่ะ (jimyai) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 23:16:22

ความคิดเห็นที่ 35   พี่จิ๋มใหญ่........สวัสดีค่ะ สบายดีมั้ยค๊ะ  อีกหน่อยคุณนายฯจะไม่ใช่คนปากน้ำแล้วน๊ะ  จะย้ายสถานนิวาศไปเป็นเด็กฉะเชิงเทราแย้ว คุณปากแตระ.........ขอบคุณค่ะสำหรับดอกลำพูแรกแย้ม ไม่เคยเห็นนานนนนนนนนนนนนนนมากๆ  แล้วค่ะ   เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ  ไปแถว ๆ ท้ายหมู่บ้านยังพอมีเด๋วนี้ไม่มีแล้ว  ปล.ถ้าจะอนุเคราะห์ขอตอนบานด้วยค่ะ จากคุณ : คุณนายแย้มศรี เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 23:23:20

ความคิดเห็นที่ 36 ..(ปล.ถ้าจะอนุเคราะห์ขอตอนบานด้วยค่ะ-คุณนายแย้มศรี) __(เข้ามาเพิ่มข้อความนี้เดี๋ยวใครจะสงสัยลำพูมาทำไมที่นี่)----_________________________________________________ .......ดอกลำพูบานแล้วจ้า.... แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 53 00:35:01 จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 23:39:56

ความคิดเห็นที่ 37 ดอกลำพู...กินได้นะครับ ส่วนที่เป็นเกสรน่ะ..ทานเป็นผักขนมจีนหรือแกงไตปลา แต่จะใช้เป็นดอกที่ยังไม่บานนะ..รสชาดออกฝาดๆ จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 23:46:23

ความคิดเห็นที่ 38 ดอกลำพู..แบบนี้ที่กินได้ จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 23:54:59

ความคิดเห็นที่ 39 อันนี้ลูกลำพูหลังจากเกสรร่วงหล่นไปแล้ว ผลสุกรสชาดออกเปรี้ยวๆปะแล่มๆ..เม็ดก็ ร่วงออกเป้นต้นใหม่(ถ้างอก) จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 53 23:57:15

ความคิดเห็นที่ 40   จากคุณ : คุณนายแย้มศรี เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 00:04:29

ความคิดเห็นที่ 41 *ข้อมูลดีมากทั้งสองท่านเลยค่ะ  ส่วนเรื่องอื่นไม่ขอออกความเห็นนะคะ*   ชอบบรรยากาศบ้านคุณปากแตระ  มากมายเลยค่ะ  บรรยากาศเหมือนบ้านคุณลุงที่อยุธยาเลยค่ะ  ต้นปีบชอบไปพายเรือเล่น  ไม่ทราบพอจะบอกได้มั้ยคะว่าอยู่จังหวัดใหนคะ   แต่ถ้าให้ต้นปีบเดาน่าจะอยู่แถวภาคกลางแน่ๆเลยใช่มั้ยคะ  ต้นปีบชอบเรือพายค่ะ  ชอบไปดูแถวตลาดน้ำต่างๆ  ที่เดี๋ยวนี้เค้ายังอนุรักษ์ใว้ จากคุณ : ต้นปีบของเรา เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 09:28:48

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบคุณ"ต้นปีบของเรา " ------------------------------- ใช่แล้วครับ จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 09:35:58

ความคิดเห็นที่ 43 ...สำหรับผมเห็นว่าโดยกรณีนี้คงไม่อาจไปกล่าวหาหรือพิพากษาใครว่าอันนั้นอันนี้จริงหรือเท็จหรือใครแอบอ้าง..มันเป็นเรื่องของชุดความรู้ที่ตนเองมีในเรื่องนั้นๆ  ทั้งนี้สำหรับเราๆท่านๆในฐานะผู้อ่านหรือผู้สนใจปลูกต้นไม้ก็บริโภคข้อมูลจากเหล่านักวิจัยนักวิชาการที่ได้แสดงเอกสารทางวิชาการไว้แล้วอย่างแจ้งชัดในที่ต่างๆ ซึ่งเราก็เห็นหลักฐานว่านักวิจัยเองก็มีข้อมูลวิชาการที่เห็นแตกต่างกัน  โดยเราเองก็รับฟังหาข้อมูล รวมถึงประสบการณ์จริงของเราที่ได้พบเจอ       ส่วนการเลือกที่จะเชื่อหรือยึดถือนักวิชาการหรือนักวิจัยท่านใดยังไม่อาจที่จะรับฟังเป็นที่ยุติ  ยกตัวอย่างในตลาดนัดสวนจตุจักรวันพุธ-พฤหัสฯถ้าเราเดินไปเห้นป้ายเขียนว่าสร้อยระย้าที่ต้นจิกเราจะเถียงกับแม่ค้ามั้ย   หรือเจอร้านต้นไม้บอกว่านี่ต้นมหาโชคทั้งที่เป็นต้นกร่างแท้ๆเราจะว่าความเห้นของแม่ค้าเป็นเท็จหรืออย่างไร..นี่เพียงแค่แม่ค้านะไม่ใช่นักวิชาการจากหอพรรณไม้ หรืออาจารย์จากมหาวิทยาลัยใดๆ       ยิ่งมากด้วยข้อมูลยิ่งแตกฉานมองรอบด้านดีกว่ายึดมั่นตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล..มิใช่เหรอ ------------------------------------------------------------------- ...ลองดูข้อมูลที่หลากหลายของผู้ที่ถกกันเรื่องนี้นะครับซึ่งก็น่าสนใจ.. อ้างอิงข้อมูลความเห็นจาก K-OS เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2009, 06:53:41 PM "ส่วนชื่อวิทย์นั้น พี่กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะในหนังสือไม้ป่ายืนต้นของไทย1 ของอ.เอื้อมพร วีสมหมายนั้น สำหรับจันดงหรือจันเขาดอกที่มีกลิ่นหอมนั้นผิวใบด้านบนเกลี้ยงด้านล่างมีขนสากหรือนุ่ม ก้านใบและขอบใบมีขนสีน้ำตาลชื่อวิทย์คือ Diospyros dasyphylla Kurz ส่วนจันดำที่ไม่มีกลิ่นหอมนั้นแผ่นใบหนาเป็นมันทั้งสองด้าน ชื่อวิทย์คือ Diospyros venosa Wall.ex A.DC. แต่ทำไมจันดงของดร. ปิยะ เฉลิมกลิ่น ถึงมีชื่อวิทย์เป็น Diospyros curtisii King et Gamble ซึ่งแตกต่างกัน " ------------------------------------------------------------------------- อ้างอิงภาพจาก: mokdang ที่ 24  มิถุนายน  2009, 05:57:30 PM จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 11:02:55

ความคิดเห็นที่ 44 อ้างอิงภาพจาก: mokdang ที่ 24  มิถุนายน  2009, 05:57:30 PM จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 11:06:24

ความคิดเห็นที่ 45 นี่ก็อีกข้อมูล..... วนอุทยานถ้ำเพชรถ้ำทอง สำนักบริหารจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 6 นครสวรรค์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จันดง "จันดงเจ้า กำเนิดมา ในป่าใหญ่ ขึ้นทั่วไป ตามแนวป่า ภูผาหิน กำเนิดลูก สรรพสัตว์ ได้กัดกิน ช่วยชีวิน ชาวบ้านป่า ด้านยาไทย " ชื่อพื้นเมือง จันดง จันป่า ชื่อวิทยาศาสตร์ Diospyros dasyphylla Kurz ST วงศ์ EBENACEAE ลักษณะ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ใบเดี่ยวรูปขอบขนาน เขียวจัดหนาทึบ ยอดอ่อนมีขนสีแดงปกคลุมเปลือกต้นสีดำ เนื้อไม้สีขาวนวล ออกเป็นช่อขนาดเล็ก กลิ่นหอม ผลกลมโต สีเหลืองเมื่อสุก เกิดตามป่าโปร่ง ป่าดงดิบทั่วไป ในเขตวนอุทยานถ้ำเพชร ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด สรรพคุณ เนื้อไม้และแก่น รสขมหวาน ต้มน้ำดื่ม บำรุงประสาท บำรุงเนื้อหนังให้สดชื่น แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ตับปอดและดีพิการ แก้เหงื่อตกหนัก ขับพยาธิ ลูกสุก รสฝาดหวาน กินสด แก้อาการนอนไม่หลับ กระวนกระวาย แก้ท้องเสีย บำรุงประสาท จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 11:19:42

ความคิดเห็นที่ 46 นี่ก็อีกข้อมูล......อ้างอิงจากhttp://www.bloggang.com/viewblog.php?id=ktip13&date=30-06-2009&group=14&gblog=2 ---------------------     30 มิถุนายน 2552         -------------------------- ใช่จันดงหรือ ? จันดำหรือเปล่า เน้อ บ้านใครปลูกบ้างเด้อ วานถาม ว่าหอมบ้าง ไหมเอ๋ย จันดงของข้า ใยดอกบ่หอมเลย ........................................................     ให้ลูบใต้ใบถ้าใต้ใบมีขนดอกหอมชัวร์ แต่ถ้าไม่มีก็จันดงแต่คนละสายพันธ์ แต่ดูในภาพของคุณผมบอกได้เลยไม่มีวันหอม ความแตกต่างจะอยู่ที่ใต้ใบ ต้นของคุณใต้ใบเรียบ ไม่มีขน โดย: จันดงที่หอม       ขอบคุณครับ คุณจันดงที่หอม ได้ความรู้ เอาไว้บอกต่อครับ... ตอนนี้ทำใจแล้ว เพราะที่บ้านไม่มีขนใต้ใบจริงๆ เรื่องแบบนี้ แม่ค้าขายให้เรายังไม่รู้เรื่องเลย... ขอบคุณอีกที ที่ให้ความกระจ่างที่ค้างคาใจมากว่า สองปี โดย: the fivedog แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 53 11:50:08 จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 11:33:05

ความคิดเห็นที่ 47 นี่ก็ข้อมูล ------------------------------------สารานุกรมพืชในประเทศไทย (The Encyclopedia of Plants in Thailand) จันเขา   วันที่ 4 เมษายน 2551 Diospyros dasyphylla Kurz Ebenaceae ไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูงได้ประมาณ 20 เมตร ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปรี รูปขอบขนานหรือรูปไข่กลับ ยาว 7-20 ซม. ปลายใบแหลมยาวหรือยาวคล้ายหาง โดนใบมนหรือรูปหัวใจ แผ่นใบมีขนสากสั้นหนาแน่นด้านล่าง ก้านใบยาว 0.2-0.5 ซม. ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อกระจุกสั้นๆ ตามซอกใบ กลีบดอกและกลีบเลี้ยงมี 4 กลีบ ไร้ก้าน กลีบเลี้ยงรูประฆังกว้าง ยาว 0.2-0.3 ซม. กลีบแยกจรดโคน มีขนสั้นด้านนอก ติดทน กลีบดอกติดกันเป็นหลอด ยาว 0.6-0.7 ซม. กลีบแยกถึงประมาณกึ่งหนึ่ง มีขนสั้นด้านนอก เกสรเพศผู้ 12-16 อัน ก้านเกสรมีขนหยาบแข็ง อับเรณูเกลี้ยง รังไข่ที่ไม่เจริญมีขนแข็ง ดอกเพศเมียออกเดี่ยว กลีบดอกและกลีบเลี้ยงมีอย่างละ 4 กลีบ ก้านดอกยาว 0.2-0.3 ซม. กลีบเลี้ยงและกลีบดอกคล้ายดอกเพศผู้แต่มีขนาดใหญ่กว่า ผลแบบผลมีเนื้อหลายเมล็ด กลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 5-6 ซม. เกลี้ยง กลีบเลี้ยงแยกจรดโคน พับงอ มีขนละเอียดด้านนอก ก้านผลยาวประมาณ 0.5 ซม. เอนโดสเปิร์มเรียบ จันเขามีเขตการกระจายพันธุ์ตั้งแต่อินเดีย พม่า และลาว ในไทยพบกระจายห่างๆ ยกเว้นทางภาคกลางและภาคใต้ ขึ้นตามป่าดิบแล้งหรือป่าดิบเขา ที่เป็นหินปูน ระดับความสูงจนถึงประมาณ 1000 เมตร แผ่นใบมีขนสากสั้นหนาแน่นด้านล่าง (ภาพ: พระวอ. ตาก) ผลแบบผลมีเนื้อหลายเมล็ด (berry) (ภาพ: พระวอ, ตาก) จากคุณ : ปากแตระ เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 12:10:22