ความคิดเห็นที่ 1 ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ ผมปลูกบัว 2 กระถาง กกอียิป 1 กระถาง คล้าน้ำ 2 กระถาง ในน้ำครับ กำลังจะเอา อเมซอน ลงบ่ออีก 1 กระถาง บ่อปลาผมขนาดบรรจุ 28,000 - 30,000 ลิตร ครับ ลึกประมาณ 80 cm. ยาว 12-15 เมตร ครับ ผมไม่อยากใช้สารเคมีครับ เพราะสงสารปลา และทุกครั้งที่ปลาขึ้นมาลอยผิวน้ำ หรือไม่กินอาหาร ผมจะเทเกลือทะเลลงไปประมาณ 3-5 กิโล ยังไงรบกวนเซียนทั้งหลายช่วยให้คำแนะนำด้วย ขอบคุณมากๆ ครับ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ค. 53 10:22:22 จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 10:20:11

ความคิดเห็นที่ 2 มารอคำตอบด้วยคนค่ะ เจอปัญหาเหมือนกันเลยค่ะ จากคุณ : ยุกยิกหวานเย็น เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 10:33:31

ความคิดเห็นที่ 3 ปัญหาเรื่องน้ำเขียว  แก้ง่ายๆด้วยการติด UV ครับ   ลองศึกษาเรื่องการใช้ UV ดูนะครับ     UV จะฆ่าแพลงตอนพืชในน้ำ  สามารถแก้ปัญหาน้ำเขียว และฆ่าเชื้อโรคในน้ำได้     เลือกใช้ที่คุณภาพดีๆ  ราคาอาจจะสูงหน่อย  แต่ประสิทธิภาพจะดี  และทนทานกว่าพวกของราคาถูกๆเยอะ   ปกติ  ตอนปิดน้ำพุ   มีการให้อากาศในบ่อเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ   การที่ปลาลอยขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำ   เป็นสัญญาณบอกว่าปริมาณอ๊อกซิเจนในน้ำต่ำ      เพียงแค่ให้อากาศเพิ่มเข้าไปในน้ำ     ก็น่าจะหมดปัญหาแล้วครับ จากคุณ : AwayG.com เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 14:25:47

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่เคยเติมอากาศเลยครับ เลี้ยงมา 2 ปี เพิ่งเคยเป็นก็ตอนเริ่มดูด และขัดตะไคร่ออกจากบ่อครับ มีแต่ปั๊มน้ำออกจากบ่อกรองอีกแค่ตัวเดียว พอดีเห็นบ่อค่อนข้างจะกว้างมาก แล้วก็ไม่ลึกเท่าไหร่ เลยไม่คิดว่าจะมีปัญหานี้ครับ แสดงว่าการขัดตะไคร่ในบ่อทิ้ง โดยที่น้ำยังเขียวอยู่ก็ไม่เป็นผลดีกับปลาเลยใช่หรือไม่ครับ ผมพยายามหาถังกรองแบบที่มี UV ด้วย เพราะจะเพิ่มให้การกรองมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังอยากจะให้ UV ช่วยฆ่าเชื้อโรคในน้ำด้วย แต่ยังไม่เจอขนาดใหญ่ๆ ที่ใช้กับบ่อขนาด 30,000 ลิตร ได้เลยครับ ไม่ทราบว่าพอจะมียี่ห้อไหนแนะนำผมได้บ้างรึปล่าวครับผม จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 15:26:13

ความคิดเห็นที่ 5 ตะใคร่ในบ่อก็ช่วยสังเคราะห์แสงและคายอ๊อกซิเจนออกมาในน้ำได้เหมือนกันครับ    จริงๆแล้วตะใคร่พวกนี้  ก็มีส่วนช่วยให้ระบบนิเวศน์ในบ่อสมบูรณ์ขึ้นนะ        การขัดตะใคร่   หรือดูดตะกอนพื้นบ่อ   อาจจะทำให้ตะกอนฟุ้ง   เมื่อมีตะกอนในน้ำมาก  ก็อาจจะทำให้การแลกเปลี่ยนก๊าซของปลาทำได้น้อยลง    จริงๆแล้วก็ลองทดสอบด้วยตัวเองง่ายๆก็ได้ครับ     โดยการให้อากาศตลอดเวลา    หากปลาไม่มีปัญหาอีก     ก็ถือว่าจบปัญหานี้ไป ถังกรองแบบมียูวี  ผมว่าส่วนมากจะเป็นยูวีขนาดเล็กๆนะครับ(ไม่แน่ใจว่ามีแบบตัวใหญ่ๆหรือเปล่า)     ผมว่าเลือกใช้ยูวีแบบแยกต่างหากมาเลยก็น่าจะดีกว่าครับ   บ่อขนาดนี้ ใช้  UV ขนาด 36-55 วัตต์   ตัวเดียวก็เหลือเฟือ   น่าจะใสปิ๊งแล้วครับ ยี่ห้อที่คุณภาพดีหน่อย  แบบที่หาซื้อง่ายๆในท้องตลาดตอนนี้   ก็ Weipro กับ Boyu ครับ    ลองไปหาซื้อในสวนจตุจักรได้เลย   ยี่ห้อถูกๆ    เท่าที่ลองใช้  หลอดเจ๊งเร็วมากครับ จากคุณ : AwayG.com เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 18:38:09

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากๆ นะครับ สำหรับคำแนะนำ ผมจะรีบหามาใส่โดยเร็วเลยครับ จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 19:45:16

ความคิดเห็นที่ 7   ผมอยากจะให้ทำความเข้าใจ เรื่องระบบกรอง กับการฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง ยูวี ก่อน ระบบกรอง ทำหน้าที่กรองเศษขี้ปลาหรือเศษอาหารที่ปลากินเหลือภายในบ่อ แสง ยูวี ทำหน้าที่ฆ่าเชื่อโรค แบคทีเรีย ที่มากับน้ำ การเลี้ยงปลาคร๊าพ แล้วใส่ไม้กระถางลงไปด้วย ก็สนุกนะสิครับ ปลามันจะไปคุ้ยดินที่อย่ในกระถางให้ฟุ้งกระจาย ต้องเอาไม้กระถางที่อย่ในบ่อเลี้ยงปลาออกให้หมด พอน้ำเริ่มเขียว และมีเศษตะไคร่เกาะตามขอบบ่อ แสดงว่าระบบสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่อยู่ในน้ำเริ่มเซ็ทตัว  ปล่อยให้เขาเขียวสัก 1-2 เดือน เดี๋ยวน้ำก็จะเริ่มใส  ทำใหเห็นตัวปลา  ในกรณีของคุณ พอน้ำเริ่มเขียวก็ทำการล้างทิ้ง ทำให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆในน้ำ ที่จะเป็นตัวกรองน้ำตามธรรมชาติภายในบ่อ เสียหาย ต้องมาเริ่มตั้งต้นใหม่ ทำให้น้ำในบ่อไม่ยอมใสสักที คำแนะนำ 1ให้เอาไม้กระถางในบ่อออกให้หมด 2เปิดระบบกรองน้ำตามปกติ แล้วปล่อยให้น้ำเขียว อย่าไปล้างทิ้ง ( ล้างเฉพาะระบบกรอง )  ให้ปล่อยทิ้งไว้สัก 1- 2 เดือน จะสังเกตุเห็นตะไคร่เริ่มเกาะที่ขอบบ่อ หลังจากนั้นน้ำในบ่อก็จะเริ่มใส เอง  ขอให้มีความสุขในการเลี้ยงปลา นะครับ จากคุณ : ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 20:24:33

ความคิดเห็นที่ 8 อืม น่าสนใจในกรณีนี้เช่นกันครับ แต่ผมมีปัญหาเรื่องบ่อกรองที่ไม่ได้ขนาดเหมือนกันครับ เพราะทำไว้แค่ 10% ของบ่อปลาเองครับ จะมีปัญหาหรือไม่ครับ ช่วงแรกๆ (ประมาณเกือบ 2 ปีที่แล้ว) ตอนที่ทำบ่อเสร็จแล้วเริ่มเลี้ยงปลา ผมก็สังเกตุเหมือนกันว่า ตะไคร่จะก่อตัวหนามากๆ ครับ แต่อยู่ก้นบ่อ ส่วนน้ำจะใสครับ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรปล่อยไปสักพักใหญ่ๆ ก็เริ่มล้างบ่อตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาครับ  คงจะพลาดตรงนี้ด้วย ที่ผมเลี้ยงไม้น้ำเพราะอยากให้ปลาได้มีร่มเงาบ้างครับ ลำพังสะพานเดินข้ามบ่อปลาคงไม่พอครับ ส่วนเรื่องจะมุงหลังคาคงทำไม่ได้ครับเพราะแม่บ้านไม่ยอมครับ สรุปว่า ผมควรจะปล่อยไว้ก่อนใช่หรือไม่ครับ แล้วคอยล้างบ่อกรองที่มีเศษอาหารและขี้ปลาไปรวมกันบ่อยๆ ถูกต้องใช่รึปล่าวครับผม จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 20:40:11

ความคิดเห็นที่ 9   อยากทราบว่า บ่อกรองที่ทำนั้น นำที่มาจากบ่อปลา เข้าด้านล่างหรือด้านบนของบ่อกรอง ครับ  ถ้าไม่ลำบากเกินไปลองวาดให้ดูคร่าวๆก็ได้ จะได้ปรับปรุงได้ถูก วิธีแก้ปัญหาระบบกรอง ก็โดยการเพิ่มระบบกรองด้านนอกเข้าไป ครับ อันนี้ทำเองก็ได้ไม่ยาก  อีกอย่างหนึ่ง ให้สังเกตุว่าหลังเที่ยงแสงแดดส่องมาทางไหน เราก็ปลูกต้นไม้บังแดดไว้ ไม่จำเป็นต้องปลูกที่ริมบ่อปลา เพราะใบไม้จะร่วงลงบอปลา ทำความสะอากลำบาก     ระบบกรองถ้าเราสามารถถ่ายน้ำก้นบ่อกรองทิ้งได้อย่างสะดวก อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง  ก็ใช้ได้ ครับ จากคุณ : ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 53 22:12:04

ความคิดเห็นที่ 10 สวัสดีครับ คุณต้อม เจอาร์ ผมนำรายละเอียดเกี่ยวกับบ่อปลามาเพิ่มเติมให้ครับ บ่อกรอง 1 ปลอกบ่อคอนกรีต 3 บ่อ ซ้อนกัน ใส่ใยกรองหยาบสีดำ ทับด้วยหินพิมมัส น้ำเข้าช่องด้านล่าง (ปลอกล่างสุด) บ่อกรอง 2 แบ่งเป็น 2 ช่อง                ช่อง 1 ช่องน้ำเช้าด้านบนกรองจากบ่อ 1 ใส่หินพิมมัสเต็ม                ช่อง 2 ช่องน้ำล้นจากช่อง 1 ใส่หินพิมมัส ถุงถ่าน ปั๊มน้ำออกลงบ่อปลา จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 13:58:45

ความคิดเห็นที่ 11 เพิ่มเติมครับ แดดจะโดนเต็มๆ เริ่มจากขอบบ่อด้านซ้ายมือตั้งแต่ 8.00 - ช่วงบ่ายๆ ประมาณบ่าย 2 โมง บ่อเริ่มร่มจากด้านซ้ายจนถึงสะพาน (ได้ร่มจากหลังคาบ้าน) เร่ือยมาจนถึงประมาณ 4 - 5.00 น. จึงจะหมดแดดครับ ขอบคุณ คุณต้อม เจอาร์ มากๆ นะครับที่สำหรับความช่วยเหลือ และแนะนำครับ จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 14:03:00

ความคิดเห็นที่ 12   พอที่จะมองเห็นจุดที่เป็นปัญหาแล้วครับ น้ำจะเข้าด้านล่างของบ่อกรองที่ 1 แล้วก็มีวัสดุกรองขวางอยู่ จากนั้น พอน้ำผ่านวัสดุกรอง ของบ่อกรองที่ 1 ก็ล้นมาเข้า ด้านบนของบ่อกรองที่ 2/1 ผ่านระบบกรองของบ่อกรองที่ 2/1 น้ำก็ล้นมาเข้าบ่อกรองที่ 2/2 หลังจากนั้นก็มีปั๊มน้ำดูดน้ำกลับลงไปที่บ่อเหมือนเดิม        ขอข้อมูลเพิ่มเติม ครับ น้ำที่เข้ามาทางด้านล่างของบ่อกรองที่ 1 จะมีเศษอาหาร และขี้ปลาติดมาด้วย  พอมาโดนวัสดุกรองขวางไว้ เศษอาหารและขี้ปลา จะผ่านไม่ได้  จึงตกไปอยู่ที่ก้นบ่อกรองที่ 1  วิธีการเอาเศษอาหารและ ขี้ปลาพวกนี้ทิ้ง ปรกติที่เคยทำจะต้องทำยังไงครับ ไม่ทราบว่ามีสะดือบ่อตรงบ่อกรองที่ 1 เพื่อปล่อยเศษอาหาร และขี้ปลาทิ้งหรือเปล่า จากคุณ : ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 18:57:42

ความคิดเห็นที่ 13 สวัสดีครับ คุณต้อม เจอาร์ วิธีการเอาเศษอาหารและขี้ปลาทิ้ง จะใช้เครื่องดูด (เหมือนเครื่องดูดฝุ่น) ดูดทิ้งไปเลยครับ แล้วจะเติมน้ำเพื่อทำความสะอาดแล้วดูดทิ้งจนหมด (จะอุดช่องน้ำเข้าไว้ก่อน) ส่วนใยกรองจะนำมาล้างด้วยน้ำสะอาดข้างนอก บางทีจะเห็นขี้ปลาตามช่องใยกรองด้วยครับ สะดือบ่อไม่ได้ทำไว้ พลาดอีกเช่นกันครับ จะมีสะดือบ่อห่างออกไปประมาณ 2 เมตร ไว้ปล่อยน้ำทิ้งเวลาล้างบ่อครับ ผมลืมบอกไปอีกอย่างว่า น้ำจากบ่อ 1 ไหลเข้าบ่อ 2/1 โดยช่างได้ต่อท่อยาวลงเกือบถึงก้นบ่อ 2/1 (ตรงตำแหน่งน้ำไหลเข้า) เพราะฉะนั้นน้ำจะถูกกรองด้วยหินพิมมัสจากก้นบ่อแล้วสูงข้ึนมาเรื่อยๆ จนล้นเข้าบ่อ 2/2 ครับ จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 20:12:50

ความคิดเห็นที่ 14   ขอรายละเอียด อีกสัก 2 ข้อนะครับ ดูแล้วน่าจะแก้ไขไม่ยาก อุปกรณ์ก็มีเพียงพอ แค่ปรับในการใช้งานอีกนิดหน่อยก็ได้แล้วครับ 1. ปั๊มที่ใช้ดูดน้ำจากบ่อกรอง กลับไปยังบ่อปลา ที่เนมเพลทข้างตัวปั๊ม ระบุว่าสามารถดูดน้ำได้กี่ลิตร ต่อนาที ครับ 2 เวลาใช้เครื่องดูดตะกอนจากก้นบ่อกรอง  ต้องรื้อวัสดุกรองออกมาทั้งหมดหรือเปล่า ครับ ถ้ารื้อ ออกมาล้างบ่อยๆ  มันก็เหมือนเราไปทำลายบ้านของพวกจุลินทรีย์ที่ทำหน้าที่กรองน้ำให้เรา  เขาก็เลยต้องสร้างบ้านใหม่ บ่อยๆเลยไม่มีเวลามากรองน้ำให้เรา พวกนี้ต้องใช้เวลาเซ็ทตัวอย่างน้อยๆ 2-3 เดือนครับ จากคุณ : ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) เขียนเมื่อ : 4 ก.ค. 53 22:11:34

ความคิดเห็นที่ 15 1. ปั๊มที่ใช้เป็นตัวเล็กดูดน้ำได้ประมาณ 300 L/Hr. 2. เมื่อก่อนล้างบ่อกรอง จะนำวัสดุกรองออกมาล้างพวกโคลน ขี้ปลา และตะไคร่ ที่เกาะกับถุงวัสดุกรองครับ แต่เดี๋ยวนี้ผมล้างบ่อกรองบ่อแรกบ่อเดียวครับ 2 เดือน / ครั้ง เพื่อดูดของเสียทิ้งครับ แล้วใยกรองก็ต้องเอาออกมาล้างเพราะขี้ปลาเข้าไปฝังตามใยกรองครับ 3. บางครั้งผมล้างวัสดุกรอง (ถุงหินพิมมัส) ผมจะได้กล่ินคาว ไม่ทราบว่าเป็นกลิ่นของเสีย หรือ กลิ่นตะไคร่ ครับ ผมแยกไม่ค่อยจะออกเลย 4. ผมลืมบอกไปอีกอย่างครับ บ้านผมใช้น้ำบาดาลเลี้ยงปลาครับ รบกวนอีกแล้วนะครับ ขอบคุณครับผม แก้ไขเมื่อ 05 ก.ค. 53 07:15:50 จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 06:55:33

ความคิดเห็นที่ 16 เพิ่มเติมอีกนิดนะครับ ผมเคยใช้ปั๊มที่ตัวใหญ่หน่อยแต่นำ้เข้าบ่อกรองไหลเข้าไม่ทัน เพราะช่างได้ใส่ท่อตรงรูของปลอกบ่อที่เติมมีอยู่แล้ว 2 รู ไม่ได้ขยายให้ใหญ่ขึ้น เลยต้องเปลี่ยนเป็นปั๊มตัวเล็กครับ จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 07:12:21

ความคิดเห็นที่ 17   จะลองสรุปปัญหาของบ่อปลาเพื่อหาวิธีแก้ไขนะครับ 1.  บ่อปลามีความจุน้ำประมาณ 30 ตัน  ปั๊มน้ำสามารถทำงานได้ 300 ลิตร/ชม. ถ้าดูดน้ำในบ่อออกให้หมด จะต้องใช้เวลา 100 ชั่วโมง คิดเป็นวันจะได้ ประมาณ 4 วันกว่าๆ  หมายความว่า เราจะกรองน้ำในบ่อปลาให้ครบรอบ จะต้องใช้เวลา 4 วัน ต่อ 1 รอบ   บ่อปลาโดยทั่วไปในระบบกรองน้ำจะต้องทำการกรองน้ำให้ได้ ไม่น้อยกว่า 10 รอบต่อ 1 วัน ตรับ เดี่ยวเราค่อยมาดูการแก้ไข 2.  เคยใช้ปั๊มน้ำตัวใหญ่แต่ว่าน้ำเข้าบ่อกรองไม่ทัน เลยต้องใช้ตัวเล็ก     สาเหตุอาจจะมาจาก 2.1 ใส่วัสดุกรองมาก และแน่นเกินไป ทำให้น้ำไหลไม่สะดวก 2.2 ท่อน้ำที่มาจากบ่อปลาเล็กเกินไป น้ำไหลไม่ทัน 3 ล้างบ่อกรอง 2 เดือน ต่อครั้ง มีขี้ปลาไปฝังตามใยกรอง   แสดงว่าช่องแรกใช้ใยเป็นวัสดุกรองทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำไม่ยอมใสสักที   ข้อแนะนำต่อไปนี้เป็นแนวความคิดในการแก้ไขเบื้องต้นนะครับ 1 เปลี่ยนปั๊มน้ำให้ใหญ่ขึ้น ให้สามารถดูดน้ำได้ไม่น้อยกว่า 1000 ลิตร ต่อ นาที  หรือ 6 ตันต่อ ชม. ส่วนปัญหาน้ำไหลไม่ทัน ก็แก้ปัญหาโดยใช้ปั๊มวางลงในบ่อปลา แล้วดูดน้ำจากบ่อปลาอัดเข้าทางด้านล่างของบ่อกรองที่ 1 2  เปลี่ยนวัสดุกรองในบ่อที่ 1 ให้ใช่แค่ อวนสีฟ้า ใสอัดลงไปให้หนาสัก 30 ซม.ก็พอ หาอิฐมาทับเอาไว้ไม่ให้ลอย วางอวนสีฟ้า ให้สูงจากก้นบ่อกรองสัก 20 ซม 3 ต่อท่อ ที่จะใช้ดูดขี้ปลาไว้ตายตัวเลย เวลาจะดูดตะกอนก็เอาท่อมาต่อเข้าไป เพื่อดูดตะกอน โดยไม่ต้องรื้อวัสดุกรองออก 4.บ่อกรอง 2/1 และ 2/2 ก็ให้ต่อท่อที่จะใช้ดูดตะกอนทิ้งไว้เหมือนกัน   5 ลดเวลาการล้างบ่อกรองเป็นอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แต่ไม่ต้องล้างเยอะ วิธีก็คือเอาปั๊มที่จะใช้ดูดตะกอนมาต่อกับท่อที่เราต่อทิ้งไว้ แล้วดูดตะกอนทิ้งสัก 1-2 นาที หรือพอเห็นตะกอนหมดก็พอ ให้ดูด บ่อกรองทั้ง บ่อที่ 1 และ 2/1 ,2/2 ถ้าน้ำในบ่อลดลงก็เปิดน้ำเติมได้เลย ในขณะที่ทำการดูดตะกอน ไม่จำเป็นต้องปิดปั๊มน้ำของระบบกรอง ถ้าน้ำในบ่อเขียวก็ไม่ต้องตกใจ ให้รอดูว่ามีตะไคร่เริ่มเกาะที่ขอบบ่อหรือเปล่า ถ้ามีแสดงว่าระบบนิเวศน์ของน้ำใช้ได้ อีกไม่นานน้ำก็จะใสเอง  เดี๋นวจะวาดแผนผังให้ดู นะครับ จากคุณ : ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 53 18:10:33

ความคิดเห็นที่ 18 อืม ผมจะรอแผนผังก่อนนะครับ แล้วจะรีบลงมือทำทันที อยากให้กิฟ คุณต้อม แต่ให้ไม่ได้เปลี่ยนเป็นคำขอบคุณแทนนะครับ ทีให้ความช่วยเหลือแบบเต็มที่ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 07:14:52

ความคิดเห็นที่ 19   ไม่เป็นไรครับ แค่คำขอบคุณ ก็พอแล้วครับ ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะครับ จากคุณ : ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:17:05

ความคิดเห็นที่ 20   ลงแผนผังให้ดูแล้วครับ จากคุณ : ต้อม เจอาร์ (goldenkoi) เขียนเมื่อ : 6 ก.ค. 53 19:50:40

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมากๆ นะครับ ผมได้รับความรู้เยอะมากๆ เลย มือใหม่แบบผมจะพยามทำให้ดีที่สุดครับ ขอให้คุณต้อม เจอาร์ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรคภัยใดๆ มารบกวน และชีวิตมีแต่ความเจริญนะครับ ขอบคุณมากๆ อีกครั้งนะครับ จากคุณ : QQ_UD555 เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 07:36:25