 |
"ชาผักหวานป่าพร้อมดื่ม" เพื่อสุขภาพที่ดี เพิ่มความมีชีวิตชีวาระดับเซลล์
|
|
........................"ผักหวานป่า" ของดีหายากที่ชาวเหนือและชาวอีสานนิยมบริโภค ได้กลายมาเป็น "ชาผักหวานป่าพร้อมดื่ม" เพื่อสุขภาพและช่วยเพิ่มพลังงานให้เซลล์ จากการวิจัยและพัฒนาวิธีการขยายพันธุ์และแปรรูปผักหวานป่าโดยนักวิจัย วว. ที่พร้อมต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ควบคู่กับการส่งเสริมการเพาะปลูกเพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรไทย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) วิจัยและพัฒนา “ชาผักหวานป่าพร้อมดื่ม” พบว่าช่วยต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาใบหม่อนและชาดอกคำฝอย ทั้งยังมีสารโคเอนไซม์คิวเทนที่เพิ่มพลังงานให้เซลล์ ลดระดับคอเลสเตอรอลและลดความเสี่ยงการเกิดโรคเนื่องจากการเสื่อมสภาพของร่าง กาย "ผักหวานป่าเป็นผักพื้นบ้านที่นิยมบริโภคกันมากในภาคเหนือและตะวัน ออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีรสชาติหวานอร่อย แต่ผักหวานป่าขยายพันธุ์ ยาก นักวิจัยสถานีวิจัยลำตะคองจึงพัฒนาวิธีการขยายพันธุ์จนประสบความสำเร็จโดย วิธีตอนกิ่ง พร้อมทั้งพัฒนาการปลูกเป็นเชิงการค้าในระบบการปลูกพืชผสมผสานโดยมีผักหวาน ป่าเป็นพืชหลัก ซึ่งได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้เกษตรกรปลูกเชิงการค้าเพิ่มขึ้นเรื่อย" นายสายันต์ ตันพานิช ผู้อำนวยการสถานีวิจัยลำตะคอง วว. กล่าว ขณะเดียวกันนักวิจัยก็ศึกษาพัฒนาวิธีการแปรรูปผักหวานป่า เพื่อป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด โดยนำผักหวานป่ามาทำเป็นชาผักหวานป่าชนิดผงสำหรับชงดื่ม ซึ่งได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ภาคเอกชนผลิตจำหน่ายเชิงพาณิชย์แล้ว และล่าสุดสามารถพัฒนาได้เป็นชาผักหวานป่าพร้อมดื่มที่เพิ่มความสะดวกให้แก่ ผู้บริโภคและเหมาะกับวิถีชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ชาผักหวานป่าพร้อมดื่มนี้มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และมีทองใส ซึ่งแตกต่างจากสีสันของชาโดยทั่วไป มีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาใบหม่อนและชาดอกคำฝอย ที่สำคัญคือไม่มีคาเฟอีน ดีต่อสุขภาพและเหมาะกับผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย ชาผักหวานป่า 100 กรัม (ต่อน้ำหนักแห้ง) ประกอบด้วยวิตามินชนิดต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ 9,616.99 ไมโครกรัม ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเสื่อม, วิตามินบี 1 0.18 มิลลิกรัม ช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าทำให้รู้สึกสดชื่น, วิตามินบี 2 0.26 มิลลิกรัม มีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยในการป้องกันเชื้อโรคและลดรอยเหี่ยวย่น, วิตามินบี 3 10.64 มิลลิกรัม ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด, วิตามินซี 37.49 มิลลิกรัม เป็นส่วนสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ช่วยรักษาผิวพรรณให้สดใส และวิตามินอี 71.92 มิลลิกรัม ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในไขมัน ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ ยังมีโคเอนไซม์คิวเทน 1.49 มิลลิกรัม ซึ่งมีบทบาทในการเพิ่มพลังงานให้แก่เซลล์ เพื่อใช้เป็นพลังงานในร่างกาย และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเนื่องจากการเสื่อมสภาพของเซลล์ร่างกาย เช่น โรคหัวใจ โรคข้อเสื่อม และยังมีสารคอลลาเจน 4.94 กรัม ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น จึงช่วยยับยั้งการหย่อนยานของผิวหนังและลดริ้วรอยแห่งวัยได้
จากคุณ |
:
ญี่ปุ่น35
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ก.ค. 53 00:54:13
|
|
|
|  |