 |
ความคิดเห็นที่ 15 |
การบรรยายเรื่องเภสัชวิทยาของสารเสพติดที่สถาบันธัญญารักษ์ มีผู้เข้ารับการอบรมสนใจอยากรู้จัก ลำโพง ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินแต่ชื่อ แต่ไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เลยขอนำมาเขียนให้ผู้ที่สนใจได้รับรู้กันค่ะ ชื่อ ลำโพง อาจฟังดูจะไม่ค่อยคุ้นหูกันนัก แต่เชื่อว่าถ้าเอ่ยถึงยา Mixture Stramonium Co. ซึ่งใช้เป็นยาระงับอาการหอบหืด หลายคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นเก่าคงเคยได้ยินมาบ้าง ยานี้มีส่วนผสมสำคัญเป็นสารสกัดที่ได้มาจากต้นลำโพงพันธุ์หนึ่งที่มีชื่อว่า Datura stramonium (รูปที่1) นอกจากลำโพงพันธุ์นี้แล้ว ยังมีลำโพงอีกหลายชนิดที่อยากให้ทำความรู้จักเอาไว้ เนื่องจากลำโพงเป็นพืชพิษที่พบขึ้นได้ทั่วไป
รูปที่ 1 Datura Stramonium
ลำโพง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Thorn Apple เป็นพืชล้มลุกมีพิษชนิดหนึ่งจำพวกมะเขือ อยู่ในวงศ์ Solanaceae ลำต้นเมื่อโตเต็มที่ มีขนาดความสูงประมาณ 1 2 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปไข่ กว้าง 8-15 ซม. ยาว 10-20 ซม. ขอบใบหยักเป็นซี่ฟันหยาบ ฐานใบมักไม่เสมอกัน ดอกเดี่ยวออกที่ซอกใบ กลีบเลี้ยงสีเขียวติดกันเป็นหลอดยาวประมาณครึ่งหนึ่งของความยาวดอก กลีบดอกติดกันเป็นหลอด ปลายบานออกเป็นรูปแตร ผลลำโพงบางชนิดมีขนคล้ายหนามรอบๆ ผล (รูปที่ 2) บางชนิดเห็นเป็นปุ่มๆ รอบผล เมื่อแก่เต็มที่ จะแตกออกมองเห็นเป็นกระเปาะราว 4 กระเปาะ ภายในจะมีเมล็ดสีน้ำตาลอมส้มหรือสีเทาดำ ประมาณ 50 - 100 เมล็ด มีลักษณะคล้ายเมล็ดมะเขือเปาะ (รูปที่ 3)
รูปที่ 2 ผลลำโพงชนิดมีหนามแหลมรอบผล
รูปที่ 3 เมล็ดลำโพง หรือเมล็ดมะเขือบ้า
รูปที่ 4 ลำโพงขาว
รูปที่ 5 ลำโพงกาสลัก
ลำโพงเป็นพืชที่ขึ้นได้ทั่วไป ทั้งในพื้นที่แถบที่มีอากาศร้อน ร้อนชื้น เช่น ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และประเทศที่มีอากาศหนาว เช่น ในยุโรป สหรัฐอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเซีย และในทวีปออสเตรเลีย เป็นต้น ยกเว้นในแถบพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำมากหรือทางแถบขั้วโลก ในประเทศไทย พบขึ้นได้ทั่วไปในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ เช่น ตาก นครสวรรค์ และภาคกลาง เช่น ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และกาญจนบุรี เป็นต้น ลำโพงที่พบบ่อยในประเทศไทย (ดูรูปที่ 4 และ 5) ได้แก่ ลำโพงขาว (ชื่ออื่นว่า มะเขือบ้า) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Datura alba Nees มีกิ่งก้านลำต้นและใบสีเขียว กลีบดอกสีขาวชั้นเดียว ผลกลมสีเขียว อีกชนิดหนึ่ง คือลำโพงกาสลัก (ชื่ออื่นว่า กาสลัก มะเขือบ้าดอกดำ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Datura fastuosa Linn. มีกิ่งก้านลำต้นสีม่วงปนเขียวถึงสีม่วงเข้ม ใบสีเขียวเข้ม กลีบดอกสีม่วง 2-3 ชั้น ผลรูปรี นอกจากนี้มีผู้เคยพบเห็นลำโพงอีกชนิดหนึ่ง ขึ้นที่บริเวณดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ ชื่อ Datura stramonium ลำโพงชนิดนี้พบได้ทั่วไปในโลก เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป เป็นต้น และมีชื่อเรียกมากมาย ได้แก่ Jimson weed, Angels trumpet, Jamestown Weed, Apple-of-Peru, Devils apple, Mad Apple และ Stinkweed ลำโพงมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อของระบบทางเดินอาหาร หลอดลม และระบบทางเดินปัสสาวะ จึงใช้แก้อาการปวดท้องเกร็ง และใช้ขยายหลอดลมแก้อาการตีบตัวของหลอดลมในโรคหอบหืดได้ เดิมคนสมัยก่อน ใช้ลำโพงเป็นยาสมุนไพร ได้แก่ ใบสดใช้ตำพอกฝี แก้ปวดบวมอักเสบ เมล็ดนำมาตำให้ละเอียด และแช่ในน้ำมันพืช น้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา เมื่อครบ 7 วัน นำมากรองได้น้ำมันซึ่งใช้ทาแก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเคล็ดขัดยอกได้ดี ดอกตากแห้ง ใช้ผสมยาเส้นสูบ แก้หอบหืด ทุกส่วนของลำต้น ใบ ดอก ผลของลำโพง มีคุณสมบัติเป็นพิษทั้งสิ้น เช่น ลำโพงที่มีชื่อว่า Datura stramonium มีอัลคาลอยด์ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่สำคัญหลายชนิดรวมกันประมาณ 0.7 % ได้แก่ hyoscyamine, hyoscine (scopolamine), atropine และ belladonine อัลคาลอยด์ต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถทำลายด้วยความร้อน เมื่อบริโภคเข้าไป สามารถทำให้เกิดอาการที่เป็นพิษขึ้นได้ เมล็ดลำโพงมีพิษสูงมาก เมล็ดลำโพง 10 เมล็ดจะมีปริมาณของ atropine 1 มิลลิกรัม อาการแสดงที่เกิดจากพิษลำโพงปรกติจะมีอาการภายในเวลา 30 - 60 นาที หลังจากกินเมล็ดลำโพง หรือส่วนต่าง ๆ ของลำโพง และอาการจะดำเนินต่อไปอีก 2 - 3 วัน เนื่องจากสารอัลคาลอยด์ (alkaloid) ในลำโพงจะออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ ในระบบทางเดินอาหาร อาการเบื้องต้นที่พบบ่อยคือ ปากคอแห้ง กระหายน้ำ กลืนอาหารและน้ำด้วยความยากลำบาก ต่อมาสายตาพร่ามัว ระบบประสาทกลางถูกกระตุ้น มีอาการเคลิบเคลิ้มเป็นสุข ต่อมาเกิดอาการเพ้อคลั่ง มีอาการประสาทหลอน เพ้อ เห็นสิ่งประหลาดต่าง ๆ นานาอย่างน่าสะพรึงกลัว เช่น เห็นแมลงจำนวนมากมายอยู่บนผนัง หรือเห็นปลาฉลามกำลังไล่ล่ามนุษย์อย่างน่ากลัว หัวใจเต้นเร็ว อุณหภูมิในร่างกายสูงผิดปรกติ ไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ผิดปรกติในระหว่างเกิดอาการ และอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ สำหรับการรักษาอาการพิษที่เกิดจากลำโพงมีดังนี้ ควบคุมทางเดินการหายใจและการหายใจ ช่วยลดการดูดซึมสารพิษโดยให้ activated charcoal ล้างท้อง และตามด้วยการสวนถ่ายท้อง (saline catharsis) ลดการออกฤทธิ์ของ atropine และสารอื่นที่มีฤทธิ์ต่อระบบระสาทส่วนกลาง และส่วนปลาย โดยให้ physostigmine salicylate ทางเส้นเลือด 1 mg ใน 5 ml saline ในเด็กใช้ขนาดลดลง ให้มากกว่า 2 นาทีขึ้นไป ควบคุม ECG ให้ยาไม่เกิน 2 mg ในเด็ก และในผู้ใหญ่ไม่เกิน 6 mg ภายใน 30 นาที (การใช้ bradycardia convulsion or severe bronchoconstriction ก็ให้ฉีดatropine 1 mg ทันที) แก้อาการทั่วไป ถ้ามีไข้ลดอุณหภูมิโดยใช้ผ้าเช็ด ให้ dexamethasone 1 mg/kg ทางเส้นเลือดช้าๆ ควบคุมการชักโดย paraldehyde (การใช้ diazepam จะเป็นอันตราย) ให้ fluids โดยทางดื่มหรือให้ทางเส้นเลือดเพื่อเพิ่มปัสสาวะถ้าคนไข้ปัสสาวะไม่ออก ต้องสวนเพื่อไม่ให้กระเพาะปัสสาวะแตก ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีรายงานเกี่ยวกับการได้รับพิษจากกินลำโพงค่อนข้างบ่อย เนื่องจากพืชชนิดนี้มีแพร่กระจายอยู่ในหลาย ๆ พื้นที่ของประเทศ เช่น บริเวณไร่นา เขตใกล้ภูเขา พื้นที่ลุ่มทั่วไป บริเวณที่รกร้าง ข้างกองขยะที่ทับถมด้วยสิ่งปฏิกูล ริมถนน เด็ก ๆ มักได้รับพิษโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น นำดอกลำโพงหยิบใส่ปากและเคี้ยวเล่น หรือดูดเล่นตรงบริเวณเกสรของดอกลำโพงเข้าปาก ส่วนวัยรุ่นมักได้รับพิษจากการกินเมล็ดลำโพงที่ผสมกับน้ำหรือเครื่องดื่ม หรือได้รับคำแนะนำจากเพื่อนให้ทดลองกิน หรือผสมสารเสพติดชนิดอื่น ๆ เช่น กัญชา (marijuana) และ โคเคน (cocaine) เป็นต้น สำหรับในประเทศไทย เคยมีรายงานทางการแพทย์พบคนงาน 6 คน กินขนมจีนน้ำยาเจือปนด้วยส่วนประกอบของลำโพง มีอาการ มึนศีรษะ ตาพร่า ใจสั่น ปากคอแห้ง กระหายน้ำ ปวดปัสสาวะแต่ถ่ายไม่ออก เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีรายงานข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่ามีสามเณร 8 รูป เข้ารับการรักษาด้วยอาการถูกพิษเพราะนำผลแห้งของมะเขือบ้า 5 ผลมาต้มแล้วใส่น้ำตาลและน้ำหวานเฮลซ์บลูบอยดื่ม อาการที่เกิดขึ้น ได้แก่ มึนงง วิงเวียนศีรษะ ตาพร่ามัว ประสาทหลอน พูดคุยไม่รู้เรื่อง บางรายพูดคนเดียว ผุดลุกผุดนั่งไม่เป็นสุข และวิ่งไปวิ่งมา บางรายคลื่นไส้อาเจียน ลำโพงเป็นพืชมีพิษจำพวกมะเขือที่มีอัลคาลอยด์หลายอย่างที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางยาได้หลายอย่าง เช่น ขยายหลอดลม ระงับอาการปวดท้องเกร็ง ฯลฯ ลำโพงมีชื่อเรียกอย่างอื่นว่า มะเขือบ้า เนื่องจากมีฤทธิ์ในการหลอนประสาท อาจมีผู้นำไปเสพโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และก่อให้เกิดอันตรายจากผลข้างเคียงของลำโพงได้ มาถึงตอนนี้ คงจะทำให้ผู้อ่านมีความรู้เรื่องพิษของลำโพงพอสมควร
จากคุณ |
:
binlaman
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ก.ค. 53 00:06:42
|
|
|
|
 |