"แหนแดง" ปุ๋ยสารพัดประโยชน์

........................"ไนโตรเจน" เป็นสารอาหารสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ในกรณีของต้นข้าว เมื่อขาดธาตุไนโตรเจนจะแคระแกร็น โตช้า ใบเหลือง ออกดอกออกผลช้า และเนื่องจากดินในประเทศไทยโดยทั่วไปมักมีธาตุไนโตรเจนไม่เพียงพอกับความ ต้องการของพืช เกษตกรไทยจึงนิยมใส่ "ปุ๋ยเคมี" เพิ่มเติม ซึ่งแม้ทำให้พืชเจริญงามแต่ก่อให้เกิดสารพิษตกค้าง

                          แต่วิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าวก็มิได้ยากเกินไป เพราะเมืองไทยเรามีความรู้นำเอาพืช "แหนแดง" มาใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพเพิ่มไนโตรเจนให้กับข้าว!

                          ข้อมูลเกี่ยวกับ ความมหัศจรรย์ของแหนแดง ได้มาจากการที่สำนักวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ "สวทช." นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการสหกรณ์การเกษตรลำพระเพลิง อ.ปักธงชัย จ.โคราช ซึ่งเป็นโครงการภายใต้การสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสา หกรรมไทย หรือ iTAP และมีวิทยากรหลายท่านร่วมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปลูกข้าวใน ระบบเกษตรอินทรีย์ที่ยั่งยืน อาทิ สุมาลี ทองธีระ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรลำพระเพลิง ดร.พงษ์ชัย จิตตะมัย ผู้จัดการเครือข่าย iTAP ม.สุรนารี และศ.ดร.นันทกร บุญเกิด ผู้เชี่ยวชาญสาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ สำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร ม.สุรนารี

                          ศ.ดร.นันท กร ให้ความรู้เกี่ยวกับแหนแดงสารพัดประโยชน์ว่า แหนแดงเป็นเฟิร์นน้ำชนิดหนึ่ง ลอยบนผิวน้ำ ต้นแก่ที่ได้รับแสงเต็มที่จะเป็นสีแดงคล้ำ ต้นอ่อนหรือได้รับแสงไม่เต็มที่จะเป็นสีเขียว แตกกิ่งแบบขนนก รากเป็นรากพิเศษลอยน้ำอยู่ใต้ลำต้น ทั้งต้นและกิ่งมีใบขนาดเล็กปกคลุม เรียงสลับซ้อนแต่แบ่งเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน มีธาตุไนโตรเจนสูง เนื่องจากโพรงใบมีสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินที่สามารถตรึงไนโตรเจนในอากาศ เกาะอยู่

                         โดยสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินจะทำหน้าที่จับก๊าซไนโตรเจนใน อากาศเปลี่ยนเป็นสาร ประกอบไนโตรเจนและนำไปให้แหนแดงใช้ประโยชน์ ดังนั้นนักวิทยาศาสตร์จึงทำการวิจัยและพบว่าเกษตรกรสามารถนำแหนแดงไปใช้เป็น ปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยอินทรีย์ได้

                         สำหรับวิธีการปลูกแหนแดงที่ความลึก ประมาณ 10 ซ.ม. ก่อนปลูกข้าวราว 30 วัน ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม แหนแดงจะเพิ่มปริมาณได้ 2-3 เท่าตัวทุกๆ 2-3 วัน น้ำหนักรวม 5-10 ตันต่อไร่ จนปกคลุมผืนน้ำทั้งหมด

                         เมื่อนำต้นข้าวอ่อนลงปักดำ แหนแดงจะป้องกันต้นข้าวจากการรบกวนของศัตรูพืช เช่น หอยเชอรี่ เพราะหอยจะไปกินแหนแดงแทน นอกจากนี้ ยังทำให้อุณหภูมิของน้ำไม่ร้อนจนเกินไป เมื่อต้นข้าวเจริญเติบโตและแผ่ใบปกคลุมผืนน้ำ แหนแดงจะค่อยๆ ตายเนื่องจากขาดแสงอาทิตย์ ซากแหนแดงเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั้นดีขณะที่ธาตุไนโตรเจนในสาหร่ายสีเขียวแกม น้ำเงินจะสลายตัวเข้าบำรุงชั้นดินและน้ำให้อุดมสมบูรณ์ภายใน 8 สัปดาห์

                         แหน แดงมีคุณค่าทางอาหารสูง เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แร่ธาตุ วิตามิน และแคโรตีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประกอบอยู่ในแหนแดงถึง 360 ม.ล.ต่อน้ำหนักแห้ง 1 ก.ก. เมื่อนำไปกินเป็นผักสลัดจึงช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดอาการแก่ก่อนวัย หรือหากเหลือใช้จริงๆ สามารถนำไปใช้เป็นอาหารปศุสัตว์ต่อไปได้ โดยทดลองให้เป็ดกินแล้วพบว่าไข่เป็ดมีสีแดงและมีวิตามินเอสูงกว่าไข่ทั่วไป

                         ศ.ดร.นันท กร กล่าวว่า ความยากของการเลี้ยงแหนแดงอยู่ที่การป้องกันไม่ให้ศัตรูพืชหรือเป็ดไก่กิน แหนแดง ถือเป็นบททดสอบความอดทนของเกษตรกร เพราะต้องใส่ใจมาดูแลทุกวัน หากสามารถทำได้ เกษตรกรจะมีปุ๋ยอินทรีย์ราคาถูกและเพาะเลี้ยงไว้ใช้เองได้ ผู้ที่สนใจพันธุ์แหนแดงสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปหรือติดต่อ "กรมวิชาการเกษตร" เพื่อขอรับพันธุ์ต้นแบบไปขยายต่อ

ที่มา  http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROMFpXTXdNakkzTURjMU13PT0=&sectionid=TURNeU5nPT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB5Tnc9PQ==

จากคุณ	: ญี่ปุ่น35
เขียนเมื่อ	: วันเข้าพรรษา 53 01:31:53