ความคิดเห็นที่ 1 สุนัขเหมือนกระจกส่องตัวผู้เลี้ยง ผู้เลี้ยงมีภาวะอารมณ์แบบไหน น้องหมาก็จะมีภาวะอารมณ์แบบนั้นสะท้อนออกมาผ่านการกระทำของเขา ณ ขณะนั้น "........ดูนางให้ดูแม่..................ดูหมาให้ดูนาย.........." ถ้าเราเป็นคนไม่เชื่อมั่นในตัวเอง น้องหมาก็จะขี้กลัว ขี้ระแวง กลัวๆกล้าๆ ถ้าคนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ น้องหมาก็ลักปิดลักเปิด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คนตื่นเต้นใจร้อน น้องหมาก็ตื่นเต้น ใจร้อน คนอ้วน น้องหมาอ้วน เพราะชวนกันกิน ชวนกันนอนอุดอู้ ไม่ออกำลังกาย คนก้าวร้าว น้องหมาก้าวร้าว และขี้หงุดหงิด ขัดใจไม่ได้ เราเป็นคนไม่ชอบอยู่ในกฎระเบียบ น้องหมาก็ไร้กฎระเบียบเช่นกัน เราเป็นคนไม่สม่ำเสมอ ยอมแพ้ง่าย ใจไม่สู้ น้องหมาก็จะมีนิสัยลักปิดลักเปิด นิสัยไม่คงที่ ดื้อบ้างบางเวลา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เมื่อ ไหร่น้องหมาคุมไม่อยู่ ดื้อ เราต้องย้อนมองดูตัวเองว่า ณ เวลานั้นๆเรามีภาวะอารมณ์อย่างไร ภายนอกคุณอาจดูสุขุม แต่ในใจคุณไม่นิ่ง น้องหมาก็ไม่นิ่งเช่นกัน คุณอาจหลอกคนอื่นได้ หลอกตัวเองได้ แต่หลอกน้องหมาไม่ได้ น้องหมาคือเครื่องจับเท็จสี่ขา ที่ไม่มีอุปกรณ์ใดๆในโลกจะทดแทนเสมอเหมือน น้องหมาเขารู้ว่าแก่นแท้ของคุณเป็นอย่างไร คุณปิดน้องหมาไม่ได้ จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:11:47

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเราอยากให้สุนัขเปลี่ยนพฤติกรรมที่เราไม่พึงประสงค์ เราต้องเปลี่ยนตัวเราก่อน ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนความคิด หรือ วิธีการปฎิบัติต่อน้องหมา น้องหมาก็ไม่เปลี่ยน เมื่อไหร่เราเปลี่ยนปุ๊ป น้องหมาจะเปลี่ยนทันที เมื่อไหร่ที่เรารับมือหมาไม่ไหว หมาดื้อ น้องหมากัดตอบ หมาตาแข็งใส่ น้องหมาไม่เคารพ น้องหมาเห่าเถียง น้องหมาตื่นเต้น น้องหมากลัว น้องหมาก้าวร้าว เมื่อนั้นเราต้องกลับมาดูตัวเองทันที ว่าภาวะอารมณ์เราตอนนั้นเป็นอย่างไร อารมณ์อะไรก็ตามแต่ที่นอกเหนือจากอารมณ์สงบ นิ่ง สุขุม มั่นคง จริงจัง อารมณ์อื่นๆถือว่าไม่ใช่ภาวะอารมณ์ของจ่าฝูง เมื่อไม่ใช่จ่าฝูง หมาก็ไม่เคารพ ไม่เชื่อฟัง เมื่อนั้นเขาก็เห่าเถียง กัดตอบ ถ้าคุณ แก้ปัญหาสุนัขได้ไม่สำเร็จ ทำไมอีกคนทำได้ เราทำไม่ได้ เราต้องย้อนกลับพิจารณาภาวะอารมณ์พื้นฐานของเราด้วยว่า เรานิ่งหรือยัง เรามีความโมโหเวลาปรับพฤติกรรมหรือเปล่า เรากลัวหรือเปล่า เรายอมแพ้ เราเสียใจ เราถอดใจหรือเปล่า หรือ เราเตือนทันทุกครั้งไหม เราสม่ำเสมอในการเตือนไหม ทำถูกหรือยัง และ ทุกคนในบ้านร่วมด้วยช่วยกันหรือเปล่า ถ้าเราเืตือนแต่อีกคนคอยแย้ง เราห้ามแต่อีกคนไม่ห้าม น้องหมาก็ไม่หายเช่นกัน เวลาน้องหมาดื้อ ไม่ใช่ปัญหาที่ตัวน้องหมา เป็นปัญหาที่ตัวเรา เราคุมเขาไม่ได้ ถ้าเรายังไม่เปลี่ยนภาวะอารมณ์และจิตใจตัวเอง เมืิ่อเรายังเปลี่ยนไม่ได้ แล้วน้องหมาจะเปลี่ยนเหรอ จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:12:39

ความคิดเห็นที่ 3 คนเรามักกลัวน้องหมา เพราะกลัวถูกกัด รู้ไหม สิ่งที่ทำให้น้องหมากัด ไม่ใช่อยู่ที่ตัวน้องหมา อยู่ที่ตัวเรานั้นเอง เราทำให้ตัวเราเองถูกกัด เรากลัว ภาวะอารมณ์กลัว คือภาวะอารมณ์ของเหยื่อ เหมือนน้องหมาเห็นเหยื่อที่อ่อนแอ ขี้กลัว ไม่มั่นใจ น้องหมาก็ต้องเข้าสู่โหมดล่าเหยื่อทันที แถมเราเข้าไปแบบไม่ถูกจังหวะอีก ก็ทำให้ถูกสุนัขกัดได้เพราะเรากลายเป็นเหยื่อเสียเอง เมื่อนั้นอย่ากลัวหมา เข้าให้ถูกจังหวะ รู้ว่าตอนไหนควรเ้ข้าไม่เข้า ถ้าเราอยู่ในภาวะอารมณ์ที่ถูกที่ควร น้องหมาจะไม่กัด ความกลัว ความโมโหก้าวร้าว เป็นปัจจัยต้นๆที่ทำให้คนถูกสุนัขกัด ความกลัว ทำให้เราอ่่อนแอ เป็นภาวะอารมณ์ของเหยื่อ ความอ่อนแอรวมถึง ความอาย รู้สึกผิด โศกเศร้าเสียใจ ความกังวล ความตื่นเต้น ความไม่มั่นใจ กล้าๆกลัวๆ นั้นทำให้เราอ่อนแอ เราจะตกเป็นเหยื่อ น้องหมาเป็นผู้ล่าโดยสัญชาตญาณ ผู้ล่าก็มักจะล่าผู้อ่อนแอกว่า เมื่อนั้นเราถึงถูกกัด ความโมโห ซึ่งรวมถึงความก้าวร้าว ความแค้น หงุดหงิด (ซึ่งถือว่าเป็นภาวะอารมณ์ที่อ่อนแอ เนื่องจากเราจะขาดสติเมื่อเลือดเข้าตา ) และ ยังเป็นสิ่งที่เรากำลังท้าทายน้องหมาว่า เราต้องการสู้กับเขา เมื่อเราส่งข้อความไปว่าเราจะสู้ (สู้แบบจิตใจอ่อนแอ) เขาก็จะสู้กลับ เมื่อนั้นเราก็จะถูกกัดโดยไม่รู้ตัว ภาวะอารมณ์ที่ไม่ถูกกัดก็คือ อารมณ์เฉยๆ กลางๆ อยู่กับปัจจุบัน ไม่กังวลกับอนาคตที่ยังไม่เกิด ไม่ติดภาพเลวร้ายเก่าๆ จริงจัง แน่วแน่กับสิ่งที่เราต้องการ สงบ นั้นคืออารมณ์ของจ่าฝูง และ น้องหมาจะเคารพ เขาก็จะไม่กัด เพราะเราไม่ใช่เหยื่อ และ เราก็ไม่ได้ท้าทายเพื่อจะต่อสู้กับเขา จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:13:17

ความคิดเห็นที่ 4 เวลาจะปรับพฤติกรรมสุนัขหรือเวลาเราเลี้ยงสุนัข เราต้องสร้างภาพในหัวมีแต่สิ่งดีๆ เช่น น้องหมานิสัยดี น้องหมาเรียบร้อย น้องหมาไม่กัด น้องหมานั่งนิ่งๆ น้องหมาไม่เห่า เมื่อมีภาพดีๆในหัวแล้ว จิตใจเราก็จะดีตาม ไม่เกร็ง ไม่ประหม่า ไม่กลัว และมันจะออกมาผ่านท่าทางของเรา ท่าทางเราก็จะสงบ ไม่ลุกลี้ลุกลน ไม่ยึกๆยัก เมื่อเราสงบทั้งกายและใจ น้องหมาก็จะสงบ น้องหมาก็จะดีตาม แต่ถ้า เราสร้างภาพในหัวว่า น้องหมาต้องดุแน่เลย น้องหมาต้องกัดแน่ๆ น้องหมาของเราต้องพุ่งใส่น้องหมาตัวที่เดินผ่านมาอย่างแน่นอน หรือ คิดแต่เรื่องเลวร้ายที่เราได้เจอเมื่ออดีต และคิดคาดหวังในอนาคตว่า เรื่องร้ายๆก็จะเกิดขึ้นอีกในไม่ช้า เมื่อเราคิดแต่เรื่องแย่ๆในหัว ใจเราก็จะแย่ไปตัว เราก็จะกลัว ไม่กล้า เกร็งๆ ทำอะไรก็ไม่มั่นใจ มันจะออกมาทางร่างกายการกระทำด้วย เมื่อกายและใจพร้อมที่จะเป็นเหยื่อที่อ่อนแอ น้องหมาซึ่งเป็นผู้ล่า ก็จะทำตามสัญชาตญาณของตน ก็คือ กัดเหยื่อ หรือถ้าเราสร้างภาพว่าน้องหมา ของเราต้องดุ เขาก็จะดุตามที่เราคิด ถ้าสร้างภาพว่าน้องหมาต้องก้าวร้าวใส่หมาตัวอื่นแน่ๆ น้องหมาก็จะก้าวร้าวใส่หมาตัวอื่นจริงๆ ตามที่เราคิด เวลาสุนัขมีพฤติกรรมไม่ดี ต้องโทษที่ตัวเอง โทษที่ผู้เลี้ยง ห้ามโทษน้องหมา จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:13:44

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นจ่่าูฝูงที่สุขุมมั่นคง ต้องเป็นทั้งกายและใจ บางคนเข้าใจผิด คิดว่าแค่เก็กหน้านิ่ง ทำหน้าบึ้ง ทำท่าขึงขังจริงจัง เสียงดังกังวาล ทำท่าทางให้ดูน่าเคารพ เพราะคิดว่า ท่าทางแบบนี้่ดูสุขุม จริงจัง ดูเป็นจ่าฝูง แต่จริงๆแล้ว ในใจมีแต่ความหวาดกลัว แทบจะพลิกแผ่นดินหนีหมา ไม่มั่นใจ ลังเล อาย เมื่อกายและใจไม่ไปในทาง เดียวกันแล้ว น้องหมาเขาฉลาดนะคะ คุณอาจหลอกคนได้ แต่หลอกหมาไม่ได้ น้องหมาก็คือ เครื่องจับเท็จสี่ขา ที่เขารู้ว่าเบื้องลึกแก่นแท้ของคุณเป็นอย่างไร ถ้าไม่แน่จริง ไม่นิ่งจริง น้องหมาก็ไม่เคารพ ไม่เห็นคุณเป็นจ่าฝูงอยู่ดี การตักเตือนสุนัข ไม่ว่าจะเป็นการฉก การกดคอ การดุด้วยเสียง การกระตุกสายจูง แม้วิธี จังหวะ ท่าทางคุณจะดีแค่ไหน แม่นแค่ไหน แต่ภาวะอารมณ์คุณไม่นิ่งจริง น้องหมาก็ไม่หาย ถ้าใจคุณนิ่งจริง เป็นจ่าฝูงจริงทั้งกายและใจ แค่เรามองน้องหมา น้องหมาก็นิ่งแล้ว แทบไม่ต้องเดินไปฉก หรือ สัมผัสหมาเลย น้องหมาเขารับรู้ได้ทันที หลอกหมาไม่ได้ จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:14:17

ความคิดเห็นที่ 6 บางท่านอาจมีคำถามว่า ทำไมคนสมัยก่อนถึงเลี้ยงน้องหมาได้ไม่มีปัญหาพฤติกรรม น้องหมาทำตัวดี ไม่ก้าวร้าว แถมทำงาน เฝ้าบ้านได้ด้วย กินอยู่ก็ไม่ดีเหมือนปัจจุบัน ปล่อยเดินไปมาอิสระ นอนกลางดินกินกลางทราย ก็ยังนิสัยดีอยู่ ไม่เหมือนน้องหมาปัจจุบัน ดูแลปูเสื่ออย่างดี แต่ทำไมถึงนิสัยเสียได้? จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:14:49

ความคิดเห็นที่ 7 นื่องจากคนสมัยก่อน หรือ ชาวบ้านที่เลี้ยงน้องหมาจรข้างถนน(ในปัจจุบัน) ส่วนใหญ่น้องหมาพวกนี้ไม่มีปัญหาพฤติกรรม ก็เพราะน้องหมาพวกนี้เขาสมดุล เขาอิสระ ไม่ได้อยู่หลังกำแพงเหมือนกับสุนัขเลี้ยงในปัจจุบัน นกต้องบิน ปลาต้องว่ายน้ำ หมาก็ต้องเดิน เดินไปทั่ว เดินหาอาหาร น้อง หมาจร น้องหมาสมัยก่อน ไม่ต้องถูกกักขัง ไม่อยู่่หลัีงกำแพง เดินไปไหนต่อไหนได้อิสระ เขาได้ระบายพลังงานไปโดยธรรมชาติ และ ส่วนใหญ่จะอยู่กันเป็นฝูง ไม่มีคนมายุ่งวุ่นวายสักเท่าไหร่ ก็เลยไม่มีปัจจัยอื่นมาทำให้ฝูงเสียสมดุล และ สุนัขสมัยก่อนทำงานให้คน เมื่อน้องหมาทำงานเสร็จ คนถึงให้เศษอาหารกิน นั้นถือเป็นการเติมเต็มสุนัขให้สมดุล ก็คือ work for food น้องหมาทำงานเพื่อแลกอาหาร ได้เดินไปทั่ว ได้ทำงาน ตกดึกเหนื่อยก็หลับพักผ่อน ชีวิตมีเท่านี้ และคนสมัยนั้นก็ไม่ได้ไปสนิทชิดเชื้อกับน้องหมาเท่าไหร่ ไม่อุ้มน้องหมา ไม่หอมน้องหมา ไม่เล่นกับน้องหมา ไม่จัดงานวันเกิดให้น้องหมา จะมีสัมพันธ์กับน้องหมาก็ต่อเมื่อ คนมาสั่งให้น้องหมาทำงาน และ เอาอาหารให้กิน เมื่อเจอน้องหมาน้อย และไม่เปิดโอกาสให้น้องหมามาข่ม น้องหมาก็เลยไม่ได้ข่ม เพราะมัวแต่ทำงานให้คน และ ทำงานเสร็จก็ได้ของกิน น้องหมาก็เลยนิสัยดี ไม่ค่อยหือกับคนสักเท่าไหร่ และ คนสมัยนั้นก็ไม่มัวมาคิดเอาใจน้องหมา พยายามทำให้น้องหมาประทับใจ หรือ มาคำนึงว่าน้องหมาจะคิดอะไร น้องหมาน้อยใจไหม น้องหมาอิจฉากันหรือไม่ น้องหมากำลังประชดหรือเปล่า เพราะคนสมัยนั้นมองหมาเป็นหมา ไม่ได้มองหมาเป็นคนหรือเป็นลูกเหมือนในปัจจุบัน หมาเลยไม่เสียหมา เหมือนในสมัยนี้ จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:15:05

ความคิดเห็นที่ 8 กิจกรรมหลักที่น้องหมาต้องทำก็คือ ได้เดินนอกบ้านทุกวัน ทุกเช้า (อาจเพิ่มช่วงเย็นด้วย) อาหารและความรักไม่ใช่สิ่งที่ได้มาฟรีๆ น้องหมาต้องทำงานแรก นี่คือการเติมเต็มสุนัข แต่ คนในปัจจุบัน ลืมจุดสำคัญนี้ไป พาเดินนอกบ้านก็ไม่พาเดิน (ข้ออ้างที่ใช้จนเคยชินคือ ไม่มีเวลา) เพราะคิดว่าแค่มีเนื้อที่(ในรั้วบ้าน)ให้วิ่งก็เพียงพอแล้วสำหรับสุนัข แต่จริงๆแล้วไม่พอ แม้คุณจะมีพื้นที่บ้านเป็นไร่ สำหรับสุนัขแล้ว มันก็คือคอกที่ีใหญ่นั้นเอง เพราะยังไงเขาก็ถูกขังอยู่หลังกำแพงอยู่ดี ไม่ต่างอะไรกับการถูกขังกรงตลอด 24 ชั่วโมง บางคนคิดว่า ตัวเองไม่เคยขังสุนัขเลย สุนัขไม่เครียด เพราะไม่ถูกขัง แต่จริงๆแล้ว การที่ไม่พาเขาไปเดินนอกบ้าน ก็เหมือนการขังเขาโดยคุณไม่รู้ตัว และ น้องหมาก็เครียดด้วย แถมอาหารและความรักก็ได้ทันที น้องหมาไม่ต้องทำอะไรให้เหนื่อย ถ้าเลี้ยงหมาแบบหมาเป็นคนหรือเป็นลูก เสียหมาทุกตัว จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:15:34

ความคิดเห็นที่ 9 ..... โปรดรักสุนัขแบบที่สุนัขเป็น .............. โปรดอย่าให้รักบังตา ............. จนมองเห็นเป็นเด็กที่ใส่ชุดสุนัข Yoja&Jiji&Yuji จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:15:59

ความคิดเห็นที่ 10 ยอดมากค่ะ เรื่องบางเรื่องพยายามบอกคนที่บ้านให้ช่วยเตือนแล้ว เค้าก็ไม่ฟังทำให้เด็กๆที่บ้านยังดื้ออยู่เลยค่ะ เดี๋ยวส่งไปให้อ่านดีก่า จะได้รู้เรื่องซะบ้าง ^ ^ จากคุณ : เม็ดทรายในทะเล เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:28:47

ความคิดเห็นที่ 11 กำลังไล่อ่านอยู่ครับ ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆจะส่งให้แฟนกับพี่ชายที่อยู่ด้วยกันอ่านเพิ่มเติมอีกทีครับจะได้ฝึกไปพร้อมๆกันทั้งบ้าน จากคุณ : คุณคนเดียวที่ผมรัก เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:42:19

ความคิดเห็นที่ 12 อ่านคห.8 มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเล็กน้อยครับ อย่างกรณีลูกหมาชิสุ 3 เดือนเค้ายังเล็กมากสำหรับการพาเดินข้างนอกไหมครับ เริ่มได้เลยหรือว่าต้องรออีกหน่อย สายจูงที่ถูกต้องควรเป็นสายจูงแบบไหนครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับผม จากคุณ : คุณคนเดียวที่ผมรัก เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:44:23

ความคิดเห็นที่ 13 ตอนนี้กำลังพยายาม กับ ลูกชายตัวใหม่ ซีอิ๊ว อยู่ค่ะ รายนี้ทั้งดื้อ ทั้งเห่าเถียง แรงก็เยอะ แต่จะพยายามไปเรื่อยๆค่ะ จากคุณ : หมีต๋ากับม๋าออม เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 12:49:26

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณค่ะ เป็นประโยชน์มากๆ ค่ะ ขออนุญาตแชร์นะคะ จากคุณ : gijane เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 13:06:24

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากค่ะคุณหญิง^_^ ต้องไปฝึกตี๋เล็กใหม่+ความอดทนของตัวเองอีกนิด เพราะพูฝึกเขาทีไรก็ใจอ่อน...อ่อนใจทุกที นิสัยเขาเลยขี้ตื่นเต้นตลอด ว่าแต่ฝึกสุนัขเนี่ยช่วงเวลาของการฝึกการสอนสำคัญหรือเปล่าคะ แล้วช่วงเวลาไหนดีที่สุดค่ะ? จากคุณ : PRINCE TEELEK เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 13:39:16

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณค่ะ เป็นประโยชน์ทีเดียว หมาที่บ้าน บีเกิ้ลอายุ13 ปีแล้ว มีนิสัยจ่าฝูง อย่างชัดเจนมาก แก้ไม่ได้เลย คือถ้าเราทำของหล่นเค้าจะตะครุบไว้ทันที และไม่คืนของ มีการขู่ ถ้าเราจะแย่งคืน แต่เราไม่กล้าแย่งคืนกลัวกัด จะต้องเอาของกินมาแลกถึงยอมปล่อยคืน และเป็นแบบนี้ทุกครั้ง อย่าเผลอให้ของหล่น เพราะเค้ารู้ว่าต้องเอาของกินมาแลก ถ้าไม่แลกไม่คืนของ ไม่รู้ว่าจะเปลื่ยนพฤติกรรมอย่างไรดี ค่ะ ช่วยกรุณาแนะนำด้วย แล้วปกติคุณพ่อสามีจะพาเดินเช้าเย็นสองครั้ง ถ้าเราจะพามันเดินเล่นตอนกลางวันด้วยเนี่ย เหมาะสมหรือไม่ จะเสียวินัยหรือไม่ค่ะ หรือดีต่อหมาที่ได้เดินเยอะๆ อันนี้ไม่ทราบจริงๆ รบกวนด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : decoba เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 13:41:32

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบคห  12 คุณคนเดียวที่ผมรัก ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกหมาในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ปรับตัวเข้ากับคน สิ่งแวดล้อม เข้าสังคมหมา ก็คือ ช่วงอายุ 2-4 เดือน แต่ช่วงเวลานี้ก็มีจุดอ่อนเหมือนที่ต้องใส่ใจเหมือนกันคือ -เรื่องสุขภาพ เนื่องจากวัคซีนยังได้ไม่ครบ ภูมิคุ้มกันที่ได้จากแม่ก็เริ่มลดน้อยลง วัคซีนที่เพิ่มฉีดก็ต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์กว่าจะใช้การได้ ถือเป็นช่วงอายุที่เสี่ยงต่อการติดเชื้่อโรคต่างๆ -และช่วงอายุ 8-10 สัปดาห์ ก็ยังเป็นช่วงอายุที่หมาจะเริ่มพัฒนาความกลัว ถ้าเขาได้เจอประสบการณ์อะไรก็ตามแต่ในแง่ลบและจะมีผลต่อพฤติกรรมต่อไปในระยะยาวที่เราต้องมานั่งแก้ เราต้องชั่งใจดูว่า สิ่งแวดลอ้มนอกรั้วบ้านปลอดภัยไหม หมาจรเยอะไหม เราคุมสภานกาณ์ได้ไหมในกรณีไปเจอหมาตัวอื่นๆ และหมาตัวอื่นๆนั้นนิสัยดีไหม สุขภาพดีไหม ก็ต้องประเมินความเหมาะสม ถ้าสิ่งแวดล้อมสะอาด ปลอดภัย เราคุมอยู่ในทุกสถานการณ์มีทางหนีทีไล่ น้องหมาแข็งแรงวัคซีนครบ ก็พาเดินได้เลยคะ ให้เขาอยู่ในสายจูง เดินไม่ให้ดม ไม่ให้เลียพื้น ไม่ให้แวะข้างทาง เดินอย่างเีดียว เดินแบบ Mastering the walk ก็จะปลอดภัยได้เหมือนกัน เพราะเราไม่อนุญาตให้แวะข้างทาง ไม่ให้ดมหรือเลียพื้น และถ้าอยากจะฝึกหมาให้เข้าสังคม ควรจะเลือกหมาที่จะให้ลูกหมาไปเจอด้วย ควรเลือกหมาที่ใจดี เข้าสังคมเป็น ไม่ก้าวร้าว เขาจะได้ไม่พัฒนาความกลัว ถ้าเขาถูกหมากัดในช่วงอายุเท่านี้ก็อาจทำให้เขามีพฤติกรรมก้าวร้าวต่อสุนัขด้วยกันถึงโตได้ หรือถ้าเขากลัวไปพบสัตวแพทย์ช่วงนี้ ก็ทำให้เขามีปัญหาเวลาจะไปพบสัตวแพทย์ตอนโตได้ จำไว้ว่า จะให้หมาไปเจออะไร ต้องให้เขาเจอในแง่บวก เราต้องคุมสถานการณ์ให้อยู่ เราต้องนิ่งเพื่อให้หมาเลียนแบบความนิ่งของเราเวลาจะรับมือกับสถานการณ์ต่าง แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 53 13:55:25 จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 13:42:30

ความคิดเห็นที่ 18   ขอบคุณข้อมูลดีๆ ค่ะ จะเอาไปใช้กับน้องหมาที่บ้านนะคะ น้องที่บ้านดื้อ ซน ปานกลาง ค่ะ น่ารักที่สุดแล้ว จากคุณ : nuekoo (เนื้อคู่) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 13:46:15

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณสำหรับคำตอบมากๆครับ จากคุณ : คุณคนเดียวที่ผมรัก เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 13:50:07

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบคุณ  PRINCE TEELEK ความคิดเห็นที่ 15 ช่่วงเวลาก็สำคัญคะ -เป็นช่วงเวลาที่เราอารมณ์ดี ไม่รีบ เพราะถ้าจะปรับพฤติกรรมหรือตักเตือนในเรื่องใดๆก็ตาม ต้องทำให้จบในครั้งนั้น หมาต้องจบด้วยความสงบ ยอม เท่านั้น อย่าทำแบบครึ่งๆกลางๆ ทำแบบรีบๆ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่เราแพ้แน่ๆ เมื่อนั้น เราจะเสียการปกครอง หมาจะไม่เคารพเรา และ การปรับพฤติกรรมในครั้งต่อไปจะยากขึ้นกว่าเดิม เพราะ เขาเคยชนะเราแล้ว เขาก็ย่อมจะท้าทายอีกในครั้งต่อๆไป ถ้าจะทำจะฝึก จะปรับ ต้องทำให้จบ และ สำเร็จทุกครั้งไป จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 14:03:43

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบคุณ decoba ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องสุนัขหวงของ Feeding ritual 2 [claiming food or objects] http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=13-01-2009&group=6&gblog=31 วิธีทำให้สุนัขยอมปล่อยของออกจากปาก แบบจิตวิทยาสุนัข จ่าฝูง - ลูกฝูง http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=18-01-2010&group=6&gblog=53 --------------------- เรื่องพาเดิน น้องหมาอายุ 13 ขวบแล้ว ให้เดินแต่พอเหมาะคะ แต่สุนัขแต่ละตัวความคึกก็ต่างกันคะ ถ้าเดินตอนกลางวันด้วยแล้วเขาไหวก็พาเดินได้คะ การออกกำลังกายที่ดี ก็คือให้ออกบ่อยๆ แต่ละครั้งใช้เวลาไม่ต้องนานมาก จะดีกว่า การออกกำลังกายแต่ละครั้งยาวๆนานๆ นะคะ อย่าลืมฝึกเรื่องแก้หวงของด้วยนะคะ จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 14:26:29

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นบทความที่ดีครับ เพราะสมัยนี้เลี้ยงสุนัขกันเป็นลูกจริงๆ เลี้ยงหมาเล็ก มันแว้งกัดเป็นแผลเล็กๆไม่เยอะ แต่พอวันไหนนึกครึ้มเอาหมาใหญ่เข้าบ้านที่นี้แหละ แผลที่มันกัดได้เหวอะหวะ ก็หาว่าหมาก้าวร้าว เล่นเลี้ยงมันยั่งกะเทพบูชา เอาไปนอนด้วย อย่างนี้เค้าเรียกเสียหมาของแท้เลยครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 53 14:57:43 จากคุณ : MIVA เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 14:42:40

ความคิดเห็นที่ 23 รายละเอียดเยอะดีจังค่ะ ขอเซฟไปปริ๊นท์ไว้อ่านค่ะ จากคุณ : กะลาสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 15:07:09

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นความรู้ดีค่ะ แต่เผอิญเลี้ยงเค้าแบบลูกไปแล้วก็เลยเสียหมาอย่างที่ จขกท.ว่าเลยค่ะ ทุกวันนี้ต้องง้อลูกทุกวันให้กินข้าว เพราะถ้าเค้าไม่กินเราก็เป็นทุกข์กลัวเค้าจะหิว  ก็ต้องคอยหาอะไรให้กิน เฮ้อ แย่จัง อยากเป็นได้อย่างที่ทุกคนทำกันจังค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่าค่ะ จากคุณ : (แม่บอล+น้องฟ้า+ลูกบิ๊ก) (สุชาดา) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 16:06:31

ความคิดเห็นที่ 25 ก่อนอื่น ขอขอบคุณนะคะ สำหรับบทความดี ๆ   อ่านแล้ว มีสุนัขอยู่ 1 ตัว จาก 7 ตัวที่เลี้ยงไว้ อุปนิสัย ขี้กลัว กลัว ๆ กล้า ๆ ตื่นเต้น ใจร้อน อ้วน ก้าวร้าว ไม่อยู่ในระเบียบ นั่นหมายถึง ... เราเป็นคนไม่เชื่อมั่นตัวเอง + คนอารมณ์ขึ้นๆลงๆ  + คนตื่นเต้นใจร้อน + คนอ้วน ชวนกันนอนอุดอู้ ไม่ออกำลังกาย + คนก้าวร้าว และขี้หงุดหงิด ขัดใจไม่ได้ + เราเป็นคนไม่ชอบอยู่ในกฎระเบียบ แย่แล้วววว ..... หาข้อดีเจอไม๊เนี่ยเรา ...  อิอิ จากคุณ : แก๊งค์แจ๊คทั้ง 4 (หะนุง-หะนิง) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 16:29:02

ความคิดเห็นที่ 26 อยากจะฝึกบ้างค่ะ แต่ทำไม่ได้ซักที จากคุณ : มีลูกดื้อๆ 6 ตัว (jobee_p) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 17:06:49

ความคิดเห็นที่ 27 อืม  จากที่อ่านมาเครียดๆ มาเจอ ข้อความคุณหนิง เครียดหนักกว่าเดิม ว่า เรา จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย หาข้อดีไม่ได้เช่นกัน โฮกกกกกกกกกกก จากคุณ : สิบล้อมอร์ไซค์ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 17:25:26

ความคิดเห็นที่ 28 ถูกต้องที่ซู๊ดเลยค้าบ หมาแต่ละตัวที่บ้าน..เหมือนเจ้าของเลย.. อะไรที่ไม่ดีของเรา... มันเอาไปทั้งน้าน.... แต่ไอ้ที่ดีๆหละ ...ไม่มีหยิบไปเลย 555+ จากคุณ : k_puiky เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 19:23:33

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณค่ะ สำหรับบทความดี ๆ คำแนะนำเป็นประโยชน์มาก ๆ จากคุณ : ลูกชิ้น shineedog เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 20:47:23

ความคิดเห็นที่ 30 ถามคุณหญิงหน่อยจ้า สุนัขที่เขาเคยโดนทำร้ายมาก่อน สังเกตุจากพฤติกรรมของเขานะจ้า จะแก้อย่างไร กลัวคนด้วย กลัวถังแก๊ส เวลาพาไปเดินก็ไม่ยอมไป ถ้าลงจากบ้าน พอถึงชั้น 3 ก็จะวิ่งกลับขึ้นบ้านเลย ไม่ยอมมีสังคม อยู่แต่กับเพื่อน ๆๆ ในห้อง แต่ตัวอื่น ๆๆ เขาลงไปข้างล่างทุกวัน ได้เจอะ ได้เจอะสังคม แต่ตัวนี้กลัวมาก อยู่บ้านอย่างเดียวเลยจ้า เคยพูดว่า ไปเที่ยว พอพูดคำนี้ วิ่งเข้าบ้านเลย ไม่ไปไหนอีก สงสัยว่า คนที่ปล่อยเขา คงบอกไปเที่ยว แล้วนำมาปล่อยแน่เลย เลยกลัว ไม่ยอมไปไหน อุ้มไม่ไหวด้วยจ้า ตัวเขาโต กลัวกล้อง กลัวไปหมด หวาดระแวง เลี้ยงเขามาก็ย่างเข้าปีที่ 7 แล้วจ้า หลงมาตอน 3 เดือน เป็นสุนัข ที่ก้าวร้าวมาก แต่ก็พอเอาอยู่ แต่ไม่ยอมลงไปเดินเล่น อยู่ แต่บ้านอย่างเดียวจริง จากคุณ : checgo (ji-ju) เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 21:16:28

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบคุณ checgo (ji-ju) คห 30 สุนัขที่เคยเจอประสบการณ์ร้ายๆในอดีต เขาก็จะแสดงพฤติกรรมแบบเดิมๆที่เขาเคยชิน เมื่อเจอเหตุการณ์นั้นอีก หรือ เจอสิ่งกระตุ้นนั้นๆ เขาก็จะมีภาวะอารมณ์แบบเดิมๆ ความกลัวแบบเดิมๆ ท่าทางแบบเดิมๆ เราก็จะพบว่า น้องหมากลัวสิ่งนี้ไม่หายเสียที เชื่อไหมว่า ถ้าเขาอยู่กันเองตามธรรมชาติ อยู่กับฝูงหมาด้วยกันตามธรรมชาติ พฤติกรรมการกลัวนั้นจะหายไปนานแล้ว เพราะพลังของฝูง ยกตัวอย่าง มีหมาตัวหนึ่ีงกลัวถังขยะ อยู่กับฝูงที่ไม่กลัวถังขยะ เมื่อหมาตัวที่กลัวถังขยะมีท่าทางกลัว หมาตัวอื่นในฝูงจะเข้ามาตักเตือนหมาที่มีอาการกลัวทันที อาจกัดเตือนเบาๆหรือดันตัว เพื่อเรียกสติหมาตัวที่กลัว ให้กลับมาสู่ภาวะสมดุลเป็นปกติ แล้วหมาตัวที่มากัดเตือนก็จะใช้ชีวิตตามปกติต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หมาที่กลัวถังขยะเมื่อถูกกัดเตือนเรียกสติแล้ว สติก็จะกลับมาสู่ภาวะสมดุล แล้วสุนัขตัวที่กลัวถัง ก็จะเลียนแบบพลังงานสุนัขตัวอื่นๆในฝูง เมื่อเห็นสุนัขตัวอื่นอยู่รอบๆถังขยะแบบไม่ได้กลัว ไม่ได้มีปฎิกิริยาอะไรกับถัง หมาก็จะเรียนรู้ว่า ถังนั้นไม่ได้น่ากลัวอะไร เมื่อหมาเรียนรู้จากฝูงว่าถังไม่น่ากลัว หมาก็จะเลิกกลัวถังในที่สุด นี่คือตัวอย่างพลังของฝูงเวลาหมาแก้ปัญหาพฤติกรรมหมาด้วยกัน ในแบบจิตวิทยาสุนัข วิเคราะห์ในแบบจิตวิทยาสุนัข สุนัขเห็นถัง -เกิดความกลัว ตัวสั่น วิ่งหนี ภาวะอารมณ์แบบนี้่เป็นความเคยชินที่เขาทำทุกครั้งที่เห็นถัง เหมือนกับคนเมายาบ้า พอเมายาก็ทุบตีพ่อแม่ เพราะทำแบบไม่รู้ตัว ทำเป็นแพทเทิร์นความเคยชิน สุนัขก็เหมือนกัน เวลาเขาอยู่ในภาวะกลัว เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ อะไรที่เป็นความเคยชินเขาก็จะทำ เช่น หนีจนชิน น้ำลายยืดจนชิน ถ้าไม่มีใครไปช่วยให้เขารู้สึกตัว ไม่มีใครเรียกสติเขา เขาก็จะไม่สามารถหลุดออกมาได้ด้วยตนเอง สุนัขเห็นถัง - เราเห็นถัง - หมากลัวตัวสั่น - เราเครียด -หมาเครียดตามเรา หมาก็จะเชื่อมโยงถังในแง่ลบเข้าไปใหญ่ ขนาดเรายังรู้สึกเครียดเมื่อเห็นถังขยะ กลิ่นเราเครียด หัวใจเราเต้นเร็วเพราะความเครียด หมารับรู้ได้ เขาก็จะเครียดตาม ยิ่งไปเชื่อโยงถังในแง่ร้ายเข้าไปอีก คราวนี้เครียดทั้งคนทั้งหมา และทุกครั้งที่เราเห็นถังเราก็จะเครียด หมาก็จะเครียด กลายเป็นความเคยชิน หมาก็ไม่หายเสียที เพราะเราเห็นถึงทีไรก็เครียดทุกครั้งไป ถ้าอยากให้หมาหายจากการกลัวถังขยะ เราต้องเปลี่ยนภาวะอารมณ์ของสุนัข จากความกลัว ลุกลี้ลุกลน ให้ไปสู่ภาวะอารมณ์สงบ นิ่งๆ และ เปลี่ยนท่าทางเขาไปสู่ท่าทางอื่นๆที่ไม่ใช่ความเคยชิน และเราห้ามเครียดเด็ดขาด เช่น จากที่เคยเห็นถังแล้ววิ่งหนี ก็ให้เห็นถังแล้วให้หมานั่งหรือหมอบแทน ไม่ให้หนีไปไหน ถ้าเขาหนีก็จับเขามาหมอบที่เดิม จนกว่าเขาจะยอม ให้เขาทนต่อสิ่งที่เขากลัวให้ได้ เมื่อเขายอมอยู่กับที่ ไม่วิ่งหนี เขาก็จะหายกลัวในที่สุด นั่นเอง การปรับพฤติกรรมสุนัข ถึงให้คิดแต่เรื่องที่ดีๆในหัว อย่าคิดเหตุการณ์ที่เลวร้่ายหรือติดภาพในอดีต อย่าไปคาดการณ์สิ่งเลวร้ายล่วงหน้า ให้เราอยู่กับปัจจุบัน สงบ นิ่ง แน่วแน่ ตลอดเวลา เราคิดว่าหมาเป็นแบบไหน หมาก็จะเป็นแบบที่เราคิด เราคิดว่าหมาต้องกลัวแน่ๆ หมาก็จะกลัวอย่างที่เราคิด เป็นต้น ถ้าเราเห็นถังขยะ แล้วเราคิดไปก่อนแล้วว่า หมาต้องกลัวแน่ๆเลย เมื่อวานหมายังกลัวเลย เราต้องเหนื่อยอีกแน่ๆเลย ความเครียดก็ตามมา หมาก็รับรู้ว่าเราเครียด หมาก็เริ่มเครียดตาม เมื่อเห็นถังขยะก็เครียดอีกเหมือนเคย เพราะฉะนั้นเมื่อเราต้องการจะแก้สุนัขเรื่องความกลัว เราต้องไม่เครียด และอยู่กับปัจจุบัน ------- การที่เราชอบบอกว่า หมากลัวอันโน่นอันนี้ เพราะมีประสบการณ์ร้ายๆมาก่อนในอดีต ที่จริงแล้วที่หมาไม่หายเสียที ก็เพราะเราต่างหากที่เป็นคนทำให้หมาไม่หาย ก็เพราะเราไม่บอกให้เขาหลุดจากแพทเิทิร์นความเคยชินที่เขาเคยทำ เนื่องจากเขาหลุดด้วยตัวเองไม่ได้ และเราก็ยังสร้างภาพในหัวในลักษณะเดิมๆ ติดอยู่กับอดีต หมาก็เลยไม่หาย ------------------ และที่สำคัญ ถ้าหมากลัว ห้ามโอ๋เด็ดขาด ห้ามเรียกชื่อเด็ดขาด เพราะการสัมผัสตัวสุนัขขณะที่สุนัขมีภาวะอารมณ์นั้นๆ เป็นการย้ำเตือนให้สุนัขรู้ว่า ภาวะอารมณ์นั้นๆเป็นสิ่งที่เราสนับสนุน เราชื่นชอบ ถ้าเราปลอบโอ๋ลูบตัวเวลาเขากลัว เหมือนเป็นการบอกกับเขาว่า จงกลัวต่อไป ดีแล้ว ข้าชอบให้เจ้ากลัว นั่นเอง หมาถึงไม่หายเสียที มีแต่จะกลัวมากขึ้น ---------------- วิธีแก้ -หมากลัวอะไร ให้พาไปเจอสิ่งนั้น  ไม่ให้หมาวิ่งหนี เราอาจใส่สายจูงไว้เพื่อกันหมาวิ่งหนี -เราห้ามกังวล ห้ามเครียด อย่านึกภาพในอดีต อย่าคิดเหตุการณ์ร้ายๆล่วงหน้า ให้เราอยู่กับปัจจุบัน และทำใจสบายๆเหมือนไม่มีอะไรที่ต้องน่ากังวล -ถ้าเขาไม่กล้าลงบันไดไปชั้นล่าง และ กลัวถังแก็ส เราอาจต้องฝึกแยกระหว่างการลงบันได และ เรื่องถังแก็ส เราต้องพาเขาขึ้นลงบันไดแบบเร็วๆ ให้ทำเป็นเหมือนเกมส์สนุกๆ อาจใช้ขนมล่อ ของเล่นล่อ ให้เขาขึ้นลงบันไดแบบไหลลื่นไม่ฝืน เมื่อผ่านด่านบันไดแล้วก็มาด่านถังแก็ส เราอาจพาเขาเดินผ่านถังแก็สแบบห่างๆก่อน เดินกลับไปกลับมาจนเขาเดินได้ไหลลื่นแล้วให้ขนมเป็นรางวัล เมื่อเดินห่างได้แล้ว ก็ค่อยๆพาเดินผ่านใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผ่านได้ไหลลื่น ก็พาเดินใกล้ขึ้นๆ ตามลำดับ หรือ จะใช้วิธีเล่นสนุกเหมือนเป็นเกมส์ เช่น เอาขนมไปวางหน้าถังแก็ส แล้วให้เขาเข้าไปกินขนม พอเขากล้าเข้าไปกินขนมเราก็เลื่อนขนมชิ้นต่อไปเข้าใกล้ถังแก็สขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ฝึกแบบนี้เป็นการเปลี่ยนความเคยชินเดิมๆของหมา ที่ไม่กล้าลงบันได เราก็มาเล่นเกมส์ลงบันไดแทน หมาวิ่งหนีถังแก็ส เราก็มาเล่นเกมส์เข้าไปกินขนมใกล้ถังแก็สแทน หมาจะได้เชื่อมโยงถังแก็สในสิ่งบวก ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี ยิ่งอยู่ใกล้ถังยิ่งได้ของกิน เป็นต้น ลองดูนะคะ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 53 22:36:42 แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 53 22:35:45 จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 22:29:07

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณค่ะ ^ ^ เจ้าหู้ตอนนี้เริ่มเสียนิสัยค่ะ หลังผ่าตัดมา มีแต่คนรุมเอาใจ อยากกินขนมก็ไม่ต้องทำนู่นทำนี่ ป้อนให้ถึงปาก อะไรๆก็ไม่ต้องทำ นอนพักอย่างเดียว รอตัดไหมก่อนเถ๊อะ จะพากระโดดซะให้เข็ด ^ ^ ปล.เจ้าหู้ เริ่มหายกลัวห่วงฮูลาฮูปแล้วค่ะ ยอมกระโดดข้ามแล้วในบางครั้ง ^ ^ จากคุณ : ipod_nenaz เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 22:32:27

ความคิดเห็นที่ 33 ได้ความรู้จากคุณหญิงไปมากมาย แต่เอาไปใช้ได้ไม่ถึงขี้เล็บ น่าอายจริงๆ ค่ะ จากคุณ : viee เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 10:42:36

ความคิดเห็นที่ 34 ตามใจมากก็ไม่ดีจิงๆแหละ ทุกวันนี้เด็กน้อยที่บ้านโดนกักบริเวณทุกวันให้อยู่นอกบ้าน วันละ 7 ชั่วโมง เห็นมันข่วนประตูสุดชีวิตแล้วก็สงสารมันแต่ก็จำเป็นที่จะต้องฝึกดีกว่าให้มันมานิสัยเสียตอนโต จากคุณ : Auntanupong (Auntanupong) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 13:06:12

ความคิดเห็นที่ 35 "..... โปรดรักสุนัขแบบที่สุนัขเป็น .............. โปรดอย่าให้รักบังตา ............. จนมองเห็นเป็นเด็กที่ใส่ชุดสุนัข" ชอบประโยคนี้มาก ๆ เลยครับ จากคุณ : mercides เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 14:19:46

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาขอเก็บเข้าคลังกระทู้เช่นเคยค่ะ คุณหญิง ^__^    สำหรับกระทู้และข้อมูลดีๆ   ขอบคุณนะคะ จากคุณ : DOGHALL เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 03:02:30