ความคิดเห็นที่ 1 แต่จ่าฝูงใช้จิตวิทยาสุนัขในการปกครองฝูง การทำให้สุนัขอีกตัวยอมจำนนโดยใช้จิตวิทยาสุนัข มีการแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ การใช้ท่าทาง การใช้ความใหญ่โตของร่างกาย เช่น การพองขนคอ ขนหลัง หูตั้ง หางตั้ง เพื่อทำให้ัตัวเองดูตัวใหญ่กว่าอีกตัว การโชว์อาวุธของตัวเอง เช่น การโชว์ฟัน แยกเขี้ยว เื่พื่อเป็นการข่มขวัญคู่ต่อสู้ว่าฉันเขี้ยวใหญ่นะ จะกล้าหือไหม ถ้า โชว์อาวุธแล้ว อีกตัวก็มีขนาดอาวุธเท่ากัน เมื่อนั้นก็ต้องตามมาด้วยทาทางต่างๆ่ ซึ่งวัดกันด้วยจิตใจ เช่น ใครถอยก่อน ฝ่ายนั้นแพ้ แต่ถ้าไม่มีใครยอมกัน ภาวะจิตใจแน่วแน่เท่ากัน เมื่อนั้นก็จะประลองกำลังกัน แต่การประลองกำลังกัน สุนัขจะสื่อด้วยท่าทางตลอดเวลา ถ้าตัวไหนรู้ว่าสู้อีกตัวไม่ได้ ก็จะยอมจำนนโดยการนอนหงายท้อง หางจุกก้น จะำทำให้ฝ่ายที่แข็งแรงกว่ารู้ว่า คู่ต่อสู้ได้ยอมแล้ว เมื่อนั้นการโจมตีก็จะหยุด จะจบแบบบาดเจ็บแต่ไม่ถึงกับชีวิต แต่สุนัขตามธรรมชาติ น้อยมากที่จะสู้กัน บาง คนสงสัยว่า ทำไมสุนัขปัจจุบันถึงกัดกันถึงตาย แต่สุนัขในธรรมชาติกัดกันไม่ถึงตาย ? เนื่องจากสุนัขในธรรมชาตินั้นเก่งและแม่นเรื่องภาษากายสุนัข เพราะใช้ตลอดเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะฉะนั้น การที่อีกตัวเห็นท่าทางยอมจำนนของอีกตัวเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้หยุดการต่อสู้แล้ว นั่นเองถึงทำให้สุนัขไม่กัดกันถึงตาย แต่สุนัขเลี้ยง สุนัขเมืองในปัจจุบัน เข้าสังคมไม่เป็น เจอสุนัขน้อย เข้าสังคมน้อย ทำให้ด้อยประสบการณ์เรื่องภาษากายสุนัข หรือ เข้าสังคมบ่อย แ่่ต่ก็ไปเจอแต่สุนัขที่ด้อยเรื่องภาษากายเหมือนกัน อ่อนกับอ่อนมาเจอกัน ก็มีแต่ชวนกันลงเหว นั่นเอง ทำให้สุนัขในปัจจุับันถึงกัดกันบ่อย สุนัขไม่ถูกกัน กัดกันถึงตาย ก็เพราะด้อยและอ่อนเรื่องภาษากายนั่นเอง เวลาต่อสู้กัน พออีกตัวแสดงท่ายอมจำนนแล้ว แต่อีกตัวไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็ทำให้กัดกันไม่เลิก ยิ่งกัดกันนาน ความบาดเจ็บก็มากขึ้น เมื่อนั้นการเสียชีวิตก็จะตามมา หรือ สุนัขบางสายพันธุ์ถูกมนุษย์เพาะพันธุ์มาเพื่อจุดประสงค์ความก้าวร้าวมากเป็น พิเศษ จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:18:09

ความคิดเห็นที่ 2 พฤติกรรมธรรมชาติของสุนัขทั่วๆไปในฝูง(ทำการศึกษาจากการ สังเกตพฤติกรรมสุนัขป่า) ไม่ใช้กำลังทำร้ายกันรุนแรง จ่าฝูงตักเตือนลูกฝูงด้วยเพียงการใช้พลังงาน ท่าทาง หรือ เสียง น้อยมากที่จะถึงขั้นลงมือทำร้าย แม้การช่วงชิงตำแหน่งจ่าฝูง ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต การที่คนบางคน สังเกตพฤติกรรมก้าวร้าวของสุนัขบ้านในปัจจุบัน (ซึ่งมักเป็นสุนัขที่มีปัญหาพฤติกรรมติดตัวไม่มากก็น้อย ไม่ใช่สุนัขที่มีพฤติกรรมปกติ) แล้วทึกทักเอาเองว่านี่คือพฤติกรรมปกติของสุนัขตามธรรมชาติ ก็เลยใช้กำลังทำร้ายสุนัขให้ได้รับบาดเจ็บเพราะคิดว่าเป็นพฤติกรรมปกติของ สุนัข จึงเป็นการเข้าใจผิดอย่างยิ่ง การที่คนบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจ จิตวิทยาสุนัขแบบถูกต้อง หรือ ชอบคิดเอาเอง หรือ หาข้อมูลแบบผิดๆแล้วก็มาคิดว่าตัวเองถูก ก็จะมาตีความเรื่องสุนัขต่อสู้กันเพื่อแย่งความเป็นใหญ่ หรือ การที่จัดการกับลูกฝูงที่มาท้าทายว่า เป็นการแสดงความก้าวร้าว แต่ไม่ได้มองภาพความเป็นจริงว่า การที่เราคิดว่ามันเป็นความก้าวร้าว เพราะเรามัวแต่มองในมุมของมนุษย์ที่เวลาแสดงความก้าวร้าวกันก็ต้องต่อยต้อง เตะ ก็เลยคิดว่าสุนัขทะเลาะกันก็เหมือนกับคนที่ทะเลาะกัน ก็ทำให้ตัดสินลวกๆเอาเองว่า ถ้าเราจะจัดการกับสุนัข เราก็ต้องแสดงความก้าวร้าวให้สุนัขเห็น ต้องทำให้สุนัขเจ็บ ต้องทำร้ายร่างกายสุนัขเหมือนกับเราทำร้ายร่างกายมนุษย์ด้วยกันเอง ถึงจะคุมสุนัขอยู่ เมื่อนั้น คนก็จะเอาอาวุธที่ตนคุ้นเคย และความได้เปรียบ ร่วมกับการนั่งเทียนคิดเอาจิตวิยามนุษย์มาปรับใช้กับสุนัขแบบมั่วๆ มาจัดการกับสุนัข จะเลือกวิธีโหดแรง โหดน้อย ก็ขึ้นกับจริยธรรมส่วนบุคคลและพื้นฐานการดำรงชีวิต จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:18:35

ความคิดเห็นที่ 3 บางคนมั่นใจตัวเองว่า ได้ทำร้ายสุนัขให้เจ็บแล้ว แต่สุนัขก็เชื่อฟังดีอยู่ ก็คิดว่าการทำให้สุนัขเจ็บ คือการทำโทษที่ได้ผล แต่จริงๆสุนัขเขากลัว เขาถึงยอมทำตาม ทำตามเพราะกลัว แต่คุณจะไม่ได้ความเคารพ หรือ เขาไม่ได้ยอมทำให้จากใจ เขาอาจยอมทำตามที่เราสั่งก็จริง แต่ทำจากความกลัว ไม่ได้ทำจากใจ มันต่างกันตรงนี้ และการตีสุนัข โดยที่สุนัขตัวนั้นไม่ได้เป็นสุนัขจ่าฝูงตัวจริง คุณก็อาจทำให้เขากลัวได้ และ เขาก็ไม่ทำพฤติกรรมที่เราไม่ต้องการ แต่ถ้าคุณไปเจอสุนัขจ่าฝูงตัวจริงเข้าให้ นั่นเองคุณจะถูกสุนัขกัดสวน หรือ สุนัขลอบกัดตอนคุณเผลอ เพราะเขาไม่ได้ยอมจากใจ เมื่อสุนัขไม่ได้ยอมจากใจ นั่นเอง พฤติกรรมที่เราเคยห้าม มักจะเกิดขึ้นมาอีก สุนัขจะลักปิดลักเปิด ไม่หายถาวร หรือ สุนัขจะทำอีกเมื่อเราเผลอ อยากจะให้คนที่เลี้ยง สุนัขด้วยลำแข้ง หรือ ด้วยไม้ คิดดูว่า ถ้าคุณพิการ ขายกไม่ได้ เตะหมาไม้ได้ มือหยิบไม้เรียวไม่ไ้ด้ หมาก็คงไม่มีทางเชื่อฟังคุณ จริงๆแล้วคุณไม่มีความสามารถอะไรเลยในการที่จะทำให้สุนัขยอมรับคุณ เพราะคุณใช้แต่ตัวช่วย ใช้อุปกรณ์ช่วย ถ้าไม่มีตัวช่วย คุณก็ไม่ได้เก่งอะไร และไม่่่มีความหมายอะไรสำหรับสุนัข จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:19:00

ความคิดเห็นที่ 4 โดยส่วนตัวไม่สนับสนุนการทำร้ายร่างกายสุนัขให้ได้รับความ เจ็บปวด เพื่อสั่งสอนพฤติกรรม เราเป็นมนุษย์เราไม่ควรใช้กำลังกับสัตว์ที่ไม่มีทางสู้ มันไม่แฟร์ เหมือนผู้ชายที่ชอบเอาชนะผู้หญิงด้วยการใช้กำลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่ขี้ขลาดมาก ไม่แมนเสียเลย เมื่อไหร่ที่ตีสุนัข เรากำลังทำลายความเชื่อใจที่เขามีต่ีอเราไป ความเชื่อใจ ความไว้วางใจ ถ้าอยากจะได้จากสุนัข ต้องทำให้เขายอมเราด้วยใจ ไม่ใช่ใช้กำลังเพื่อให้ได้มา ซึ่งสุนัขไม่มีทางจะให้ การอาชนะสุนัขด้วยจิตใจ เช่น เมื่อ ต้องการจับเท้่าแล้วสุนัขชักเท้าหนี พร้อมขู่ เราก็ต้องจับเท้าจนกว่าเขาจะเลิกชักเท้าหนี การที่เขาเลิกชักเท้าหนี นั้นคือ เขายอมแพ้เราไปเอง เมื่อเขารู้ตัวว่า ชักเท้าหนี หรือขู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเราก็จะจับเท้าเขาอยู่ดี เมื่อนั้นเขาจะยอมเราในที่สุด แต่ถ้าเราเลิกจับเท้าเขาเพราะเขาชักเท้าหนี เราหมดความอดทนไปเอง เมื่อนั้นเขาชนะ และครั้งต่อไปเขาก็จะทำอีก การตี ไม่ใช่วิถีของจ่าฝูง จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:19:19

ความคิดเห็นที่ 5 บางคนใช้วิธีโบราณ คือ เอาหนังสือพิมพ์ม้วนแล้วตีพื้นให้เสียงดัง ก็ทำให้สุนัขกลัวและเชื่อฟัง การ ที่คุณหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมานั้น สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีคือ คุณมั่นใจ คุณแน่วแน่ และเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นว่าเราต้องคุมสุนัขได้ ความมั่นใจแบบนี้แหละ ที่ทำให้สุนัขยอมจำนน เขายอมจำนนต่อพลังงานจิตใจของคุณขณะนั้นที่หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา แต่ไม่ได้เกี่ยวกับหนังสือพิมพ์แต่อย่างใด แต่ถ้าคุณได้ใจ และใช้หนังสือพิมพ์ทุกครั้งที่ตักเตือนสุนัข สุนัขจะเริ่มนับถือหนังสือพิมพ์มากกว่าตัวคุณแทน เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่า ถ้าเราไม่มีหนังสือพิมพ์เราก็คุมสุนัขไม่ได้ หรือ สุนัขบางตัวกล้าและดื้อ หนังสือพิมพ์ก็เอาไม่อยู่ เขาก็จะหาทางกำจัดหนังสือพิมพ์ เราจะเห็นว่า สุนัขบางตัวไม่กลัวหนังสือพิมพ์อีกต่อไป แต่ไล่งับหนังสือพิมพ์แทน หรือ เอาหนังสือพิมพ์มาทำลาย ก็ไม่ต่างอะไรกับการตีสุนัขด้วยมือ เมื่อหมาคิดสู้ เขาก็จะไล่กัดมือ หรือ ลอบกัดตอนคุณเผลอ เหมือนไล่กัดหนังสือพิมพ์ หรือ เอาหนังสือพิมพ์มากัดทำลายถ้าเขามีโอกาส และการใช้หนังสือพิมพ์ในการตักเตือนสุนัข ถือว่าเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับชีวิตมาก เราคงต้องเตรียมหนังสือพิมพ์ไว้ทุกห้องเพื่อสะดวกในการหยิบจับ หรือ ต้องพกออกไปเที่ยว ออกไปนอกบ้านด้วย ดูแล้วช่างน่าขันเสียกระไร ที่ จริงเรามีอาวุธที่ดีที่สุดอยู่กับตัว ซึ่งไม่มีหนังสือพิมพ์ม้วน หรือ ไม้อันไหนจะสู้ได้ และเรายังใช้อาวุธนั้นได้ทุกเมื่อ เมื่อต้องการ ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน อยู่นอกบ้าน ขึ้นรถ ลงเรือ ก็ใช้ได้ อาวุธนั้นก็คือ จิตใจเรา พลังงานของเรา และ มือ สำหรับคนที่เคยชินกับการใช้หนังสือ พิมพ์ ให้เราค่อยๆลดการใช้หนังสือพิมพ์ลง และจำพลังจิตใจในขณะเราหยิบหนังสือพิมพ์ไว้ แล้วมาใช้กับสุนัขโดยที่ไม่ต้องถือหนังสือพิมพ์ เพื่อให้สุนัขกลับมาเคารพเรา เคารพพลังงานของเรา แทนที่จะเคารพหนังสือพิมพ์ จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:19:38

ความคิดเห็นที่ 6 ในแนวทางของซีซาร์ มิลลาน การตักเตือนสุนัขที่ไ้ด้ผล ถูกหลักจิตวิทยาสุนัข และ ในวิถีจ่าฝูงก็คือ เราต้องมีความนิ่ง สุขุม มั่นคง แน่วแน่ จริงจัง และ แสดงออกผ่านเสียง ท่าทาง หรือใช้มือเราสำหรับการฉกเพื่อตักเตือนสุนัข โดยไม่ต้องพึ่งพาอาวุธใดๆให้วุ่นวาย หรืออาจมีสายจูงเป็นตัวช่วย ในกรณีที่เราใส่สายจูงสุนัขอยู่ การกดคอหรือการฉก เป็นการตักเตือนที่สุนัขเข้าใจเพราะเลียนแบบวิถีที่สุนัขเขาใช้กันตาม ธรรมชาติ และไม่เป็นการทำร้ายร่างกายใดๆ และไม่ทำร้ายจิตใจสุนัขด้วย ขณะที่เราทำ เราทำด้วยจิตใจที่่สุขุม นิ่ง มั่นคง มีความแน่วแน่ และความเมตตา โดยปราศจากความโกรธ โมโห เพื่อจุดประสงค์ในการตักเตือน เตือนสติ ให้สุนัขหยุดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและหันมาสนใจเรา ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายสุนัขให้เจ็บ บางครั้งเราอาจจะฉกด้วยมือ บางครั้งอาจสะกิดด้วยเท้าก็ได้ ถ้ามือไม่ว่าง หรือแม้กระทั้งใช้อุปกรณ์ตัวช่วยอื่นๆ จุดประสงค์คือ ให้สุนัขสะดุ้ง แล้วมีสติกลับมามองที่เรา แค่นั้น จุดสำคัญคือ สภาวะจิตใจของเราขณะทำการตักเตือนสุนัข และ ความตั้งใจของเรา ถ้าเราใช้เท้าสะกิดสุนัขเพื่อให้สุนัขสะดุ้งแล้วให้สุนัขหันกลับมามองเรา โดยเขาไม่เจ็บ เขาก็ยังเคารพเราอยู่ กับ การใช้เท้าเตะสุนัขเพื่อจุุดประสงค์ให้สุนัขเจ็บ และเราทำด้วยความโมโห สุนัขจะตอบกลับด้วยความก้าวร้าว โมโหกลับ หรือ ตอบกลับด้วยความกลัว และ เสียความนับถือ ความเชื่อใจในตัวเรา แม้ใช้เท้าเหมือนกัน แต่ความตั้งใจต่างกัน ความแรงต่างกัน ทำด้วยสภาวะจิตใจที่ต่างกัน ผลที่ได้ก็ต่างกัน เพราะสุนัขสามารถรับรู้จิตใจของเราลึกๆลงไปได้ด้วย จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:19:58

ความคิดเห็นที่ 7 การตี การเตะ การทำร้ายร่างกาย จะมีผลเสียตามมา สุนัขจะกลัวมือ เรียกมาบ้างไม่มาบ้าง หวงตัว ชอบงับมือ เพราะเขาไม่ไว้ใจเรา เขาไม่อยากเข้ามาหาแล้วเจ็บตัว การที่สุนัขยอมทำตามยอมเรา เขายอมด้วยความกลัวไม่ได้ยอมจากใจ เขากลัวโดนทำร้ายเขาถึงยอมทำตามต่างหาก ถ้าเราตีสุนัขขี้กลัว สุนัขก็จะขี้กลัวมากขึ้น ถ้าเราตีสุนัขก้าวร้าวที่เป็นจ่าฝูงตัวจริง สุนัขก็จะก้าวร้าวมากขึ้น สุนัขจะสู้ หรือ สุนัขอาจจะหงอตอนนี้แต่จะเป็นสุนัขรอบกัดทีหลัง พฤติกรรมจะไม่หายถาวร เพราะฉะนั้นไม่ควรทำ ได้ไม่คุ้มเสีย เราควรเลี้ยงสุนัขแบบผู้ที่มีความเจริญทางจิตใจ อ่านเพิ่มเติม Dog Training; "การฉก"...... ตักเตือนสุนัขเมื่อทำผิด...... ให้ได้ผล ต้องทำอย่างไร ? http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=08-01-2010&group=6&gblog=51 Dog Control http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=16-11-2008&group=6&gblog=4 วิธีใช้ Check chain อย่างถูกต้อง http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=18-08-2009&group=6&gblog=46 จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:20:23

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณนะคะสำหรับคำแนะนำดีๆค่ะ ถามนิดนึง ถ้าสุนัขต้องการความรักอย่างมาก ไม่ยอมอยู่ตัวเดียวเลย ขังกรงไม่ได้เลย ต้องอยู่ใกล้คนเท่านั้น จะแก้ไขยังดีคะ จากคุณ : เม็ดทรายในทะเล เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:56:19

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องฝึกคะ เป็นปัญหาพฤติกรรมนะคะ เรียกว่า Separation anxiety ไม่ใช่การขาดความรักแบบที่มนุษย์ขาดความรักจากคนรักแล้วโหยหา ไม่ใช่อย่างนั้นคะ ทำไมสุนัขเห่าหอนเมื่อถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง? http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=19-12-2009&group=7&gblog=13 เลี้ยงสุนัขติดตัวเกินไป จนติดงอมแงม คราวนี้ต้องแยกชั่วคราว ทำไงดี? http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yojajiji&month=24-02-2010&group=7&gblog=33 จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:01:30

ความคิดเห็นที่ 10 เปงเหมือนกัลเรยT__Tคุงเม็ดทรายในทะเล..... เราว่าจะแก้โดยหักดิบ ด้วยการขังเค้าไว้ ร้องยังไงก็ไม่เปิดประตูให้ออกให้เค้าชินไปเอง เพราะน้องหมาเริ่มโตเค้าน่าจะเริ่มเรียนรู้ และรู้เรื่อง นี่กะว่าถ้าน้องหมาเสียนิสัยมากๆจะลองซื้อปลอกคอกันเห่ามาลองดูว่าได้ผลหรือเปล่า เห็นโฆษณาว่าไม่มีอันตรายต่อน้องหมา จากคุณ : บุ้งกี๋กาก้า...ปีศาจตัวน้อย เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:03:28

ความคิดเห็นที่ 11 ใครชอบตีน้องหมา ต้องอ่านนะคะ ... จากคุณ : ningnoi เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:14:24

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะ  ที่ญี่ปุ่นมีคนฝึกสุนัขเก่งมากๆอยู่คนนึง  เขาบอกว่าคนมักเข้าใจผิดว่าพูดกับหมามากๆหมาจะเข้าใจ  ถ้าอยากให้หมารักต้องคุยกับหมามากๆ  เขาบอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการฝึกหมาหรืออยู่ร่วมกันคือ ภาษากาย ค่ะ  เพราะยังไงหมาก็คือหมา  เข้าใจภาษาแต่ก็แค่ในระดับหนึ่ง  พูดไปมากๆหมาก็ไม่เข้าใจ  หมาสื่อสารกับเราทางกายค่ะ  แต่คนไม่รู้  ไม่เ้ข้่าใจ  หมาไม่ทำตามก็บ่นเหมือนบ่นกับคน  แต่หมาไม่เข้าใจ  นั่นคือเหตุผลที่คนบางคนฝึกหมาไม่ได้  เราอ่านมานานแล้ว  ก็คิดว่าจริงค่ะ  ตรงกับที่จขกทเอามาให้อ่านด้วย   อีกอัน (อ่านมาอีกเหมือนกัน)  เขาบอกว่าที่หมาบ้านทุกวันนี้อ่อนหัดเรื่องภาษากาย  สื่อสารกับหมาด้วยกันเองไม่ได้  นอกจากเป็นเพราะอยู่กับคนมาก  ไม่ได้ใช้ทักษะนั้นแล้ว  เหตุผลอีกอย่างคือ  หมาสมัยใหม่บางทีก็โดนปรับแปลงสายพันธุ์จนไม่สามารถแสดงออกทางภาษากายได้ดี  เช่น หูที่ยาวเกินไป  ขนบนใบหน้าที่ยาว  ปิดตาทำให้แสดงออกทางสายตาไม่ได้  ว่าโกรธหรือกลัว  ขนที่ปากยาว  แยกเขี้ยวไม่เห็น  โดนตัดหางบ้าง ฯลฯ  เขาบอกว่าให้เทียบกับหมาป่าซึ่งทุกวันนี้ยังใชุ้ภาษากายสื่อสารปกครองกันเองในฝูง  หมาป่าุึถึงขนยาวแต่ที่ใบหน้าจะไม่สิ่งรบกวน  ตาเปิดเห็นชัด  ปากและขาไม่มีขนรุงรัง  หางเป็นช่อ  หูตั้ง  เรียกว่าใชุ้ภาษากายได้ทุกส่วน  อันนี้อ่านมาจากบทความหนึ่งเรื่องว่าทำไมหมาเฝ้าปศุสัตว์ถึงโดนหมาป่าฆ่าตายได้  ทั้งๆที่หมาบางตัวเป็นหมาที่ใช้ล่าหมาป่า(ตัวใหญ่กว่าหมาป่า)  และโดนฆ่าตายที่หน้าคอกตัวเอง(คือถ้าเข้าป่าถิ่นหมาป่าไม่ว่าหมาไหนก็ตาย จึงไม่พูดถึงประเด็นนั้นค่ะ)  เขาก็เลยวิเคราะห์มาแบบนี้บางส่วน  หมาบ้านก็ไม่เข้าใจหมาป่า  หมาป่าก็ไม่เข้าใจหมาบ้าน  หมาป่าไม่เห็นว่าหมาบ้านกลัวแล้ว  หมาบ้านไม่รู้ว่าหมาป่า(บางตัว)คนละระดับกับตน ก็แค่บางส่วนค่ะ  เหตุผลอื่นๆมีอีกมากมายแต่อันนี้คือที่เกี่ยวกับเรื่องภาษากายของหมาค่ะ  เป็นบทความเขียนคัดค้านกฏหมายอนุญาตการล่าหมาป่าในสหรัฐค่ะ   แต่นั่นก็เพราะหมาป่าคือหมาป่า  วิถีการดำรงชีวิตไม่เหมือนหมาบ้าน  และ้เขาเป็นต้นกำเนิดของหมา  ก็ไม่แปลกถ้าเขาจะยังคงรูปร่างและทักษะแบบนั้นไว้ได้   หมาบ้านของเราตัวเล็กๆน้อยๆ  กินๆนอนๆหมูๆ  ไม่ต้องไปสู้รบกับใคร  ถึงผมเผ้าจะรกหูรกตาไปบ้างก็ไม่เป็นไร  ไม่ต้องมีทักษะของหมาเต็มร้อยแบบหมาป่าก็ไม่เป็นไร  เอาแค่สื่อสารภาษากายขั้นต้นได้ดี  เชื่อฟังเราเป็นเด็กดีก็พอค่ะ  เราเองก็ฝึกเข้าใจภาษากายของหมาไปด้วย  แค่นี้ก็แฮ๊ปปี้แฮ๊ปปี้ค่ะ ปล อ่านกระทู้เลยทำให้นึกถึงเรื่องที่ได้อ่านมา  ชอบหมาป่าน่ะค่ะเลยชอบอ่านเรื่องของพวกมัน  แล้วหมาป่าก็ใชุุ้ึภาษากายมากและเก่งด้วย  เลยอยากเอามาเล่าน่ะค่ะ  อาจจะไม่เกี่ยวหรือไมุ่ถูกต้องยังไงต้องขออภัยจขกทด้วยนะคะ  ที่บ้านก็ใช้วิธีของจขกทฝึกมาแล้วหลายเรื่องค่ะ  ได้ผลค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 53 23:50:56 จากคุณ : ไซเฟอร์มาเนีย เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:47:47

ความคิดเห็นที่ 13 ง้านขอถามอีกข้อนะคะ ถ้าคนติดน้องหมามากๆ จะทำยังไงดีคร๊า ^ ^ จากคุณ : เม็ดทรายในทะเล เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:53:07

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณสำหรับความรู้นะครับ อยากให้เจ้าหมาที่บ้านนิสัยดีแบบนี้บ้างจัง แต่ไม่มีเวลาจริงๆจิ้ง จะพยายามทำตามที่เขียนในบล๊อกนะครับ จากคุณ : พ่อสามถุงกับหนึ่งหนุ่ม (I am soda) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 01:57:47

ความคิดเห็นที่ 15 เด็ก ๆ บ้านนี้เรียบร้อยน่ารักทั้งนั้น เด็ก ๆ ที่บ้านเราเสียหมาหมดแล้ว คงฝึกไม่ทันแล้วละ จากคุณ : ปอมชิ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 07:52:21

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณสำหรับความรู้ ที่นำมาแบ่งปันนะคะ จากคุณ : ลูกชิ้น shineedog เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 09:42:40

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณค่ะ ^ ^ แต่บางที...มือมันไปไวกว่าความคิด แหะๆๆๆ >///< เจ้าหู้ เวลาทำเสียงดุ ชอบวิ่งเข้ามาตะกุยเหมือนอ้อน แต่ถ้ามาอ้อนแล้วยังทำเสียงดุใส่อีก คราวนี้จะรีบวิ่งจู๊ดไปซุกมุม   ไม่เข้าใจว่า ทำไมเวลาดุ ต้องวิ่งกระดิกหางเข้ามาตะกายด้วย _ _" จากคุณ : ipod_nenaz เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:05:24

ความคิดเห็นที่ 18 ต่อต้านการตีหมา การทารุณหมาอยู่แล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันความรู้ดีๆ นะคะคุณหญิง :) จากคุณ : กะลาสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 11:28:36

ความคิดเห็นที่ 19 เราก็ตีนะ แบบบ้างทีก็มีป้าปบ้าง แต่ทีเดียวและไม่แรง ที่โดนนี่เบ่เบ๋ตัวเดียวนะคะ แบบมันมึนมาก............ไม่ได้ตีให้มันจำหรอกค่ะ แบบตีเรียกสติ รอกท.พาเที่ยวดูหมานอกอยู่นะคะ จากคุณ : MY PIDPEE เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 11:33:04