สมุนไพรไทย "ขมิ้นชัน ตรัง 2" สายพันธุ์ใหม่-ตลาดต้องการ
|
 |
...........................ด้วย "ขมิ้นชัน" มีประโยชน์หลากหลาย เป็นทั้งเครื่องเทศ สมุนไพร พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ ปัจจุบันตลาดทั้งในและต่างประเทศมีความต้องการสูง ทำให้มีการขยายพื้นที่ปลูกเพื่อการค้ามากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีพื้นที่ปลูก 5,000-6,000 ไร่ กระจายอยู่ทั่วประเทศ ผลผลิต 1-1.2 หมื่นตัน โดยหัวสดซื้อขายกันที่ กก.10-50 บาท หัวแห้ง (ทั้งหัว) กก.30-150 บาท หัวหั่นเป็นแว่นแห้ง กก.60-150 บาท และผงขมิ้นชันแห้ง กก.80-150 บาท
ศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง โดยการสนับสนุนของ นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายวิษณุศิลป์ เพชรรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง ได้มอบหมายให้ ดร.นาตยา แดงอำไพ หัวหน้าคณะศึกษาวิจัย พัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ขมิ้นชัน เริ่มปี 2541 เพื่อให้ได้พันธุ์ที่เหมาะสมในการบริโภค ให้ผลผลิตสูง รวมทั้งมีสารเคอร์คูมินอยด์ ไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดคือ 5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งมุ่งให้มีน้ำมันหอมระเหยไม่ต่ำกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้เกษตรกรนำไปปลูกเพื่อการค้าป้อนตลาด ซึ่งจะช่วยสร้างอาชีพและสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว
"การปรับปรุงพันธุ์ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งคณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร ได้พิจารณาให้เป็นชื่อพันธุ์ว่า "ขมิ้นชัน ตรัง 2" ที่มีเนื้อสีส้มแกมแดง ความสูงต้น 0.8-1.1 เมตร หลังปลูกแล้ว 9 เดือน เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ ให้ผลผลิตหัวสดประมาณไร่ละ 2.59 ตัน มีสารเคอร์คูมินอยด์ เฉลี่ย 11.04 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่ามาตรฐานยาสมุนไพรไทย 120.80 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำมันหอมระเหย เฉลี่ย 7.78 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานยาสมุนไพรไทย 29.67 เปอร์เซ็นต์" ดร.นาตยา แจง
พร้อมระบุว่า "ขมิ้นชัน" ชนิดนี้ปลูกได้ในเขตภาคใต้ และปลูกได้ทั่วไปในพื้นที่ที่มีดินร่วนปนทราย ที่อุณหภูมิ เฉลี่ย 27-33 องศาเซลเซียส และเกษตรกรไม่ควรใช้ส่วนขยายพันธุ์ (หัวและแง่ง) ที่มาจากแหล่งที่เป็นโรคเหี่ยว โรคโคนเน่าใช้เพาะปลูก เพราะจะทำให้ติดโรคโคนเน่า หรือโรคเหี่ยวได้ง่าย
จากคุณ |
:
ญี่ปุ่น35
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ต.ค. 53 00:29:45
|
|
|
|