ชี้ลานิญารุนแรงรอบ100ปี ส่งผลหนาวยาว

..........................ชี้ลานิญา แนวโน้มแรงสุดรอบ 100 ส่งผลไทยเย็นจัดและฝนมาก เตรียมรับมือน้ำท่วมต่ออีกปี เลือก “เชียงคาน” นำร่องโครงการชุมชนปรับตัวรับภาวะโลกร้อน เหตุวันหนาวหด อากาศร้อนขึ้น แถมเจอโครงการพัฒนาพ่วง ส่วนภูกระดึง เปิดโซนเมเปิ้ลแดงรับท่องเที่ยวครั้งแรกรอบ 20 ปี

                         (12ต.ค.) ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา   ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์ วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยน แปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( START )   จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   กล่าวในงานเสวนาเชิงปฏิบัติการ “ มองกว้างไกล คิดไกล วิสัยทัศน์เชียงคาน 2580 ” ที่ จ.เลย ว่า   จากการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ จ.เลย ย้อนหลังช่วง 20 ปี แบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือระหว่างพ.ศ. 2518-2527 พบว่าพื้นที่ จ.เลย เคยมีอากาศหนาวเย็นในช่วงฤดูหนาวต่ำสุดเฉลี่ย 20 องศาเซลเซียสต่อเนื่อง 18 สัปดาห์   ขณะที่ช่วง พ.ศ. 2538-2547 อุณหภูมิหน้าหนาวเฉลี่ย 21 องศาฯต่อเนื่อง 20 สัปดาห์ ซึ่งสอดคล้องกับอุณหภูมิช่วงหน้าร้อนจากช่วงแรกที่เคยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 31 องศาฯ 15 สัปดาห์ ก็เพิ่มเป็นอุณหภูมิสูง 34 องศาฯเป็น 16 สัปดาห์ ส่วนปริมาณฝนเฉลี่ยรายปีมีแนวโน้มมากขึ้นโดยเฉพาะรอบ 10 ปีพบจำนวนปีที่ ฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 7 ปี

                          ดร.อานนท์ กล่าวว่า   นอกจากนี้จากการวิเคราะห์แบบจำลองการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในช่วง 30 ปีข้าง หรือพ.ศ 2580 จ.เลยจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 องศาฯ ซึ่งอาจจะดูไม่สูงมากนัก แต่ก็จะส่งผลกับจุดขายด้านการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวโดย เฉพาะที่เชียงคาน ในอดีตเคยเป็นพื้นที่ที่ติดอันดับอุณหภูมิต่ำสุดของประเทศศไทย   แต่ปัจจุบันจากกระแสการท่องเที่ยวที่บูมมาก ส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านสาธารณูปโภค และโครงการพัฒ นาเขื่อนขนาดใหญ่บนแม่น้ำโขง ตามมา และอาจเป็นตัวแปรเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอุณหภูมิเร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นศูนย์ฯ ร่วมกับสถาบันสิ่งแวดล้อมสต็อคโฮล์ม ภาคพื้นเอเชีย จึงเลือกเชียงคาน เป็นพื้นที่นำร่องเพื่อรองรับการปรับตัวต่อาวะโลกร้อนในระดับชุมชน โดยจะออกคู่มือการเรียนรู้ให้กับทุกภาคส่วน อาทิ ชาวบ้าน กลุ่มผู้ประกอบการโฮมสเตย์ ธุรกิจท่องเที่ยว หน่วยงานในท้องถิ่น รวมทั้งเตรียมจะตั้งสถานีอุตุนิยมชุมชน   เพื่อทำการตรวจวัดอากาศแบบง่ายๆในพื้นที่นี้ ภายในเดือนพ.ย.นี้ อีกด้วย

                        “ภาพรวมฤดูหนาวของไทยปีนี้ ทางกรมอุตุนิยม ระบุว่าจะมีอากาศหนาวเย็น ที่สุดในรอบ 30 ปี   และอากาศจะเย็นกว่าปกตินั้นเป็นข้อมูลที่ตรงกัน   สาเหตุมาจากอิทธิพลของลานิญา   เนื่องจากพบว่าขณะนี้ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบ ริเวณตอนกลางและด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตรเย็นลงกว่า 2 องศาฯ และยังมีแนวโน้มที่จะลดลงไปอีกเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนมี.ค. - เม.ย. 2554     ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงปรากฎการณ์ลานิญาครั้งนี้จะถือว่ารุนแรงในรอบ 100 ปี ทั้งนี้จะส่งผลให้ไทยมีอากาศหนาวเย็น กว่าปกติ และฤดูฝนจะมาเร็วจากอากาศเย็นที่ยังค้างอยู่   ดังนั้นจึงต้องเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมต่อไปจนถึงปีหน้าด้วย ”    

                         ด้านนายสมชาย ใบม่วง   รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา    ช่วงปลายฤดูฝนระหว่างก.ย. - ต.ค.นี้ที่หลายพื้นที่ ยังคงมีฝนตกหนักนั้น ส่วนหนึ่งเป็นอิทธิพลของลานีญา ที่มีกำลังรุนแรง หลังจากพบอุณหภูมิผิวน้ำทะเล ในมหาสมุทรแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร ต่ำกว่าค่าปกติกว่า 2 องศาเซลเซียส ดังนั้น ไทยตอนบนจะมีปริมาณฝนมากกว่าปกติ และภาคใต้จะมีฝนมากกว่าปกติไปจนถึงปลายปีนี้   ทั้งนี้ในช่วงฤดูหนาวปี นี้ ตั้งแต่กลางเดือนต.ค.นี้ หลายพื้นที่จะเริ่มมีความกดอากาศสูงหรือมวลเย็นจากจีนเริ่มแผ่ลงมาปกคลุม เป็นระยะๆ ทำให้เริ่มมีอากาศเย็นสบาย และเข้าสู่ช่วงหน้าหนาวของไทย โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง รวม   11 จังหวัดที่คาดว่าจะมีอากาศหนาวเย็นจัด ได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน เลย อุดรธานี หนองคาย สกลนคร  

                        “ช่วงเดือนธ.ค. - ม.ค. 54 คาดว่าหลายจังหวัด จะมีอากาศหนาวกว่า ปีที่แล้ว และอุณหภูมิจะต่ำกว่าค่าปกติเล็กน้อย    2-3   องศาฯ      เช่น ภาคเหนือที่จ.เชียงราย ช่วงเดือนธ.ค. 2552 อุณหภูมิต่ำสุด 11.1 องศาฯ แต่คาดหมายว่าเดือนธ.ค.นี้ อุณหภูมิจะต่ำสุดที่   6-8 องศาฯ และในเดือนม.ค. 2554   อุณหภูมิก็จะต่ำสุดที่ 7-9 องศาฯ ส่วนภาคอีสาน จ.เลย ในปีนี้อาจจะมีอุณหภูมิต่ำสุด   6-8 องศาในเดือนธ.ค.นี้ ส่วน จ.อุดรธานี ปี 2552 เคยมีอุณหภูมิต่ำสุด 14.3 องศาฯ เดือนธ.ค.นี้ อุณหภูมิ 7-8 องศาฯ ส่วนกทม.ปี 52 แถวเขตบางนา อุณหภูมิต่ำสุด 20 องศาฯ เดือนธ.ค.นี้ อากาศจะเย็น 16-18 องศาฯ เป็นต้น ” รองอธิบดีกรมอุตุนิยม ระบุ

                         ด้านนายรณภพ คัชมาตย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูกระดึง กล่าวว่า   หลังจากเปิดการท่องเที่ยวบนภูกระ ดึงมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นภูกระดึงเฉลี่ยวันละ 200 คน ซึ่งจากการสอบถามเสียงตอบรับพึงพอใจกับระบบการจัดการท่องเที่ยวที่มีการปรับ ใหม่ ทั้งการจองพี่พัก การเปิดเรือนห้องแถว และเปิดร้านอาหารบริเวณเส้นทางซำกกหว้า   นอกจากนี้ยังมีการจัดชุดสายตรวจชุดละ 7 คน เพื่อคอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยว ที่สำคัญยังเป็นปีแรกที่ภูกระดึง ได้เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่คือ ป่าปิด   ซึ่งมีต้นเมเปิ้ลแดงสวยงามที่สุดตั้งแต่ต้นฤดูกาลให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี เพราะที่ผ่านมาจะเปิดให้ชมเฉพาะเดือน เม.ย.เท่านั้น แต่ต้นเมเปิ้ลไม่สวยงามเท่าฤดูนี้   ส่วนอีกจุดหนึ่งที่เปิดก็คือ น้ำตกตาดฮ้อง ซึ่งเป็นต้นน้ำพอง เป็นน้ำตกชั้นเดียวสูงกว่า 40 เมตร สวยงามมาก ตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์นาน้อย ทั้งนี้เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมภูกระดึงจำนวนมาก โดยมีการเตรียมพื้นที่กางเต้นท์ไว้ 40 ร่ รองรับนักท่องเที่ยวไม่เกิน 5000 คนต่อคืน แม้ว่าช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ทั้งลอยกระทง ปีใหม่ ก็จะยังคงตัวเลขนี้


ที่มา  http://www.komchadluek.net/detail/20101012/76077/%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A100%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7.html

จากคุณ	: ญี่ปุ่น35
เขียนเมื่อ	: 13 ต.ค. 53 02:54:55