น้องหมาน้อยกับหญิงสติวิปลาส
|
 |
ชื่อกระทู้คล้ายดราม่า แต่ไม่แน่ๆค่ะ รับรอง
ในฐานะของคนที่เรียนเพื่อรักษาคนไข้ทางจิตอยู่ ล่าสุดฝนได้เจอประเด็นที่น่าสนใจมาก
เรื่องของหมาน้อยๆกับคนไข้จิตเภท
แค่ฟังเราก็ห่วงหมาแล้วใช่ไหมคะ จริงอยู่ค่ะ ที่คนไข้จิตเภทจะอยู่ในฐานะคนวิกลจริต ที่ศาลสามารถสั่งให้เป็นผู้ไร้ความสามารถ(หรือเสมือนไร้ความสามารถแล้วแต่กรณี)
เพราะเขาไม่อาจมีสติสัมปชัญญะได้ทุกขณะของการกระทำ การกระทำที่เราเห็นบางครั้งจึงรุนแรง ก้าวร้าว ไม่อยู่ในโลกของความเป็นจริง
ที่เห็นตีพ่อตีแม่ ไม่รู้ตัวก็ถมไป ประสาอะไรกับสัตว์เลี้ยง
แต่ที่ผ่านมาฝนเจอมาสองสามเคสที่น่าสนใจมาก เป็นเคสของจิตเภทที่ดูแลตนเองมาตลอด สามารถเข้าสังคมได้ แทบไม่เห็นความแตกต่างกับคนปรกตินอกจากต้องมาฉีดยา กินยา กับพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านทั่วไปนัก
โดยธรรมดาคนไข้จิตเภทมักอยู่เป็นโสด ด้วยเหตุผลที่เข้าใจได้ คนดูแลก็มักจะเป็นพ่อแม่ ที่แก่่เฒ่า ตายจากไปก่อน
คนไข้ของฝนสองคน อยู่คนเดียวกับสุนัข ที่เลี้ยงและรัก...จะตีสักแปะด่าสักนิดก็ไม่มี
แล้วสิ่งที่เลวร้ายก็เกิดขึ้นเมื่อสุนัขของคนไข้หญิงคนนั้นตายจากไป
จากคนไข้ที่ดีๆ รับยา พูดจารู้เรื่อง ทำงานหาเงินเองได้บ้าง ก็กลายคนไร้สติ อาละวาด ไม่รู้จักเหตุผลจนต้องจับส่งมาหาหมอ
มันเหมือนกับว่าบางสิ่งในชีวิตที่เป็นเพื่อน และตัวแทนของความภักดีสูญหายไป
เช่นเดียวกับคนไข้ซึมเศร้าหลายๆคนที่เคยเจอต่างก็ทรุดหนัก ทั้งหมดไม่ใช่ว่าโศกเศร้าจนใจสลาย
แต่เมื่อสัญลักษณ์กับความรักที่เหลือทั้งหมดในชีวิตหายไป ตัวตนและโรคร้ายที่แฝงอยู่ในตัว โรคทางจิตเวชอยู่ตรงนั้นในสมอง ไม่เคยหายไปไหน แต่ที่ผ่านมาถูกกดไว้ด้วยยาเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ และเมื่อความรักของคนไข้กับสัตว์เลี้ยงที่คล้ายไม่มีค่า(ในสายตาคนบางคน)สูญสลายลงด้วยความตาย ความรักตัวเอง ความรู้สึกที่อยากจะรักษา อยากจะเป็นปรกติ ใช้ชีวิตปรกติ ความหมายของชีวิตมันหายไป
ที่ฝนต้องการจะบอก ก็คือ สำหรับคนไข้ทางจิตเวชบางคน สัตว์เลี้ยงเป็นอะไรมากกว่าที่คุณคิด มันอาจจะเป็นโซ่เส้นสุดท้ายที่ผูกโยงเขาไว้กับความเป็นจริงบนโลกใบนี้ก็ได้ค่ะ
จุดประสงค์ของฝนที่บอกเล่าเรื่องนี้คืออะไร 1.ฝนแค่สะท้อนใจว่า ทำไมคนไข้ของฝน ถึงได้น่าสงสารและไร้ความสลักสำคัญขนาดนี้ สังคมที่สวัสดิการของรัฐไม่ครอบคลุมโรคทางจิตสักเท่าไหร่ และทัศนคติของคนไทยก็ยังแย่อยู่มาก(เช่นคำด่าว่า ไอ้โรคจิต ฝนจะปรี๊ดมากว่ามาด่าคนไข้ชั้นทำไม ถึงคนไข้ชั้นจะไม่ปรกติ แต่เป็นคนดีนะ เลวๆแบบนั้นต้องด่าไอ้ชาติชั่ว เป็นต้น) สังคมเช่นนี้ ไม่ต้องถามถึงตำแหน่งแห่งที่่ของผู้ป่วยทางจิตเลยค่ะ แน่ใจได้เลยสังคมไม่ต้อนรับ ซ้ำยังอาจผลักไส ครอบครัวต้องรับภาระหนัก และบางทีก็อยู่ไม่นานพอจะรับภาระตลอดไป ห่วงใยสุดท้าย ความรักครั้งสุดท้ายของผู้ป่วยบางคนอาจจะเป็นสุนัข หรือ แมวตัวน้อยๆที่บางทีก็ไม่ใช่สุนัขพันธ์ด้วยซ้ำ และบางตัวก็หน้าตาน่าเกลียดมาก(แต่น่ารักในสายตาเจ้าของ) มันช่างตอกย้ำของคำว่า "ไม่มีอะไรเหลือเลย" ได้ดีจริงๆ
2.ในบางคน ผู้ป่วยทางจิตอาจจะเป็นอันตรายกับคน สัตว์ สิ่งของ จริง แต่เราไม่พูดถึงกลุ่มนั้นค่ะ เรากำลังพูดถึงกลุ่มคนที่สัตว์เลี้ยงมีความหมายกับเขามากมาย...มากอย่างที่เราคิดไม่ถึง ในกลุ่มคนจำพวกนี้ บางทีฝนก็นึกถึงน้องหมาน้องแมวหาบ้านในเว็บขึ้นมาครามครัน การถูกรัก เทียบไม่ได้กับการให้ความรัก มือที่ให้ ย่อมสูงกว่ามือที่รับ และฝนเชื่อมั่นเสมอว่าการได้เมตตาปราณีบางสิ่งบางอย่าง ไม่ทำให้แค่คนไข้ได้รับการเยียวยาเท่านั้นหรอก แม้แต่คนธรรมดาๆอย่างเราๆก็มีสุขภาพจิต..และวิญญาณดีขึ้นด้วยค่ะ (แค่นึกถึงนะคะ เพราะเข้าใจว่าบางท่านอาจไม่พอใจ ไม่วางใจในความปลอดภัยมากพอ แม้ว่าหมอที่เห็นคนไข้มาตลอดจะย้ำแค่ไหนว่าปลอดภัย สังคมสมัยนี้น่ากลัวจริงอะไรจริง คนหน้าตาดีๆรับแมวไป ยังทำให้ตายจนได้ เลยต้องห่วงกันมากหน่อย)
3.สิ่งที่ทำให้ฝนตัดสินใจเขียนมาเล่าให้ฟัง ก็คือการไปอ่านเจอเรื่องการทรมานน้องหมาหน้าเซเว่น เช่นการใช้น้ำร้อนราด เป็นต้น คนพวกนั้นสติสัปชัญญะสมบูรณ์ดี ทำงานได้ มีครอบครัว มี "อะไร"ในชีวิตมากมาย แต่ยังหาความเมตตาไม่ได้ เท่าผู้ป่วยที่คนตราหน้าว่า "บ้า"เลยสักนิดเดียว
ขออภัยหากกระทู้นี้จะรบกวนทุกๆคนค่ะ
แก้ไขเมื่อ 28 ต.ค. 53 22:02:18
จากคุณ |
:
น้ำฝนหยดอ้วน
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ต.ค. 53 22:00:59
|
|
|
|