อยากให้เพื่อนๆช่วยแชร์ประสบการณ์ในการพาแมวไปหาหมอค่ะ
|
 |
สืบเนื่องมาจากอยู่มาวันนึงในเดือนตุลาคม เห็นตาโปนกำลังอึน่ะค่ะ เป็นคนที่ถ้าเห็นแมวอึจะเก็บเลย แต่พอเดินไปก็เห็นกองเลือดสดๆกองอยู่ ตอนนั้นตกใจมากค่ะ เลี้ยงแมวมากี่ตัวไม่เคยมีอึเป็นเลือดเลย คิดไปต่างๆนา นา ลำใส้อักเสบ มะเร็งลำใส้ ฯลฯ จิตตกมาก ตอนนั้นไม่รู้ว่าจะพาไปตรวจที่ไหนดี ไม่เป็นอันทำการทำงานเลย นั่งหาแต่ฃื่อคลีนิคแถวละแวกบ้าน บ้านอยู่แถวเดอะมอลล์บางแคค่ะ จนมาได้คลินิกนึง ในห้องหมา ได้อ่านแล้วคิดว่าหมอคนนี้เก่ง และราคาถูกด้วย แต่วันนี้นก็ยังไม่ได้เบอร์นะคะ เพราะส่งหลังไมด์ ไปถามแล้วยังไม่ได้รับคำตอบอ่ะค่ะ ได้อีกวันนึง ทีนี้เราก็ใจร้อนเลยพาไปหาโรงพยาบาลสัตว์ที่เปิด24ชม.แถวปิ่นเกล้า-ตลิ่งชัน ค่ะเอาไปหมด 3 ตัวเลย ตาโปน ทาโร่ และเจ้าจ้อย เพราะกลัวถ้าเป็นโรคร้ายแรงจะติดกัน พอไปถึง ก็ตรวจเลือดตาโปน วัดไข้ ผลปรากฏว่าทุกตัวปกติค่ะ ก็เลยถ่ายพยาธิให้เจ้าจ้อย และฉีดวัคซีนไข้หัดครั้งที่2 ให้ทาโร่ด้วย ได้ยามา 3ชนิดสำหรับตาโปน หมดไป 3800 T_T กระเป๋าแฟบเลยแม่มัน แต่ไม่เป็นไรเพราะทำใจ ไว้แล้วว่าที่นี่แพง แต่คิดว่าเครื่องมือเค้าครบไม่ต้องรอข้ามวัน แต่ขอบอกว่าหมอฉีดยาได้แรงมาก ทาโร่เคยไป ฉีดยากันพิษสุนัขบ้าคลีนิกแถวบ้าน ไม่มีร้องเลย แต่ที่นี่หมอปักเข็ม ย้ำนะคะว่าปักเลยแล้วฉีดแบบว่าแมวเรา ร้องอ้าปากค้างเลยค่ะ ตอนนั้นสงสารมากไม่คิดว่าหมอจะรุนแรงขนาดนี้ ทาโร่โดนฉีด2เข็มค่ะ ร้องและกลัว ไปเลยอ่ะค่ะ พอกลับบ้านก็ป้อนยาตามที่หมอให้มาค่ะ แต่ตาโปนก็ยังอึเหลวอยู่ค่ะ กินจนเป็นอาทิตย์แล้วก็ยังไม่ เป็นก้อนซะที เปลี่ยนอาหารก็แล้ว แอบสงสัยนิดหน่อยว่ายาไม่ถูกกับโรคหรือไงหว่า ***ตอนนี้ได้เบอร์คลีนิคจากที่ส่งหลังไมด์ไปขอแล้วค่ะ ชื่อคลินิกสัตว์แพทย์รุ่งเรือง ชื่อไม่คุ้นเลยแฮะ แต่ก็ลองพาแมวของน้องสาวไปหาดู แมวชื่อส้ม เป็นหวัดและปอดชื้นค่ะ เคยรักษาแล้วแต่ไปไม่หาย ที่ไหนว่าดีก็พาไปหมดนะคะ แต่ก็ไม่หายค่ะอาจเป็นเพราะ ที่ดีๆบางที่เปลี่ยนหมอหลายคนเลยไม่รู้อาการว่าเป็นยังไงบ้างค่ะ เคยขนาดจะโดนเจาะเอาน้ำออกจากปอดเลย แต่น้องสาวถามว่าเจาะแล้วจะหายมั้ย หมอ บอก50-50 น้องก็เลยพาแมวกลับเลยค่ะไม่กล้าเสี่ยง ถ้าทำแล้วไม่หายจะทำ ให้แมวเจ็บตัวทำไม (แอบฉุนหมอ) ก็เลยลองพาส้มไปหาก่อน ตอนที่ไปหาเนี่ยส้มมีอาการขี้มูกยืดเขียว หายใจทางปาก จมูกซีด เหงือกซีดมาก อาการหนักค่ะ ป็นคลินิกเล็กนะคะ หมอชื่อปูเปหน้าตายังเด็กอยู่เลย ในใจคิดว่าจะเก่งจริงหรือเปล่าหว่า พอเอาส้มขึ้นตรวจ หมอบอกว่า ปอดชื้น เหงือกซีด เป็นไข้ มีแนว โน้มเป็นพยาธิเม็ดเลือด เสี่ยงเป็นเอดส์แมวด้วย โอ๊ยทำไมมันเป็นเยอะจัง แต่แมวน้องเป็นแมวเที่ยวค่ะ ก็ได้ยากิน ยาฉีด หมอบอกว่าจะรักษาไข้หวัดกับปอดชื้นก่อนแล้วค่อยรักษาพยาธิเม็ดเลือด หมดไป หกร้อยกว่า บาท ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าแพงไม่แพง รู้อย่างเดียวอยากดูอาการส้มว่าจะดีขึ้นมั้ย พอผ่านไป1อาทิตย์ ส้มจากที่นอนซมอยู่กับที่ ดีขึ้นแฮะ ทีนี้พอครบ1อาทิตย์ ที่หมอนัดก็เลยเอา ตาโปนไปด้วย(ป่วยไล่เลีี่ยกัน) ไม่เอาไปที่เก่าแล้วจะลองดู พอไปตรวจ ส้มหายไข้แล้วก็รักษาพยาธิเม็ดเลือดต่อ +กับต้องกินยาเพิ่มภูมิคุ้มกันซึ่งแพงกว่าตัวอื่นหน่อย ประมาณร้อยกว่าบาทซึ่งก็ok ถ้ากินแล้วดีขึ้นถือว่าไม่แพง พอถึงคิวตาโปน หมอวัดไข้ ปรากฏว่ามีไข้ ได้ยาบำรุงเลือดและยาแก้ไข้มากิน พอกลับมากินได้วันที่2 เฮ้ยอึเป็นก้อน แล้วอ่ะ ก็เลยคิดว่าหรือว่าตาโปนไข้ก็เลยอึเหลว แล้วทำไมที่แรกตรวจไม่เจอไข้หว่าหรือว่าตอนนั้นไม่มีไข้(แอบคิดค่ะ) และเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็เลยเอาแมวบ้านน้อง 2 ตัว และที่บ้านอีก 3 ตัวไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนพร้อมกัน ตาโปนหายแล้ว เจ้าจ้อยถ่ายพยาธิ ฉีดวัคซีนยังไม่ได้เพราะยังเล็กอยู่ ส่วนทาโร่ พอให้หมอดูใบวัคซีน หมอบอกว่าต้องฉีดหัดซำ้ เราก็อ้าวเราบอกหมอที่แรกให้ฉีดแล้ว หมอปูเป้ก็เลยถามว่า ทำไมไม่มีสติกเกอร์วัคซีน เราก็งง หมอก็อธิบายว่าวัคซีนที่ฉีดจะมีสติกเกอร์ที่ขวด ถ้าหมอฉีดแล้วหมอจะลอกสติกเกอร์มาติดให้ที่สมุด เราก็อ้าวแล้วเค้าฉีดอะไรให้ทาโร่หว่า ส่วนใบนัดก็เขียนว่านัดฉีด felineเราก็เลยถามหมอว่านี่มันคือวัคซีนอะไร หมอก็บอกว่าวัคซีนหัดอะค่ะ งงเลยทีนี้เสียเงินแพงไม่ว่าทำไมทำกันอย่างนี้ หรืออยากได้เงินอย่างเดียว (น้องหมาที่บ้านฟันผุค่ะมีกลิ่นปาก ไปที่แรกบอกหมาเราฟันผุถอนฟันหน้าหมดแผงเลย หมดไปสี่พันกว่า บาท ) ตอนเอาแมวไปตรวจที่ใหม่ก็เอาน้องหมาไปด้วย หมอปูเป้ก็ตรวจให้ฟรีก็เลยได้ความรู้ว่า หมาฟันผุและมีกลิ่นปากและเหงือกอักเสบ มีแนวโน้มจะเป็นโรคไต ตอนนัั้นถึงบางอ้อเลย สงสารหมาตัวเองจริงๆที่แม่มันโง่พาหนูไปทรมานแท้ๆ แอบเซ็งกับหมอที่ถอนฟันหมาเราเลย ทำไมไม่สงสัยหรือตรวจค่าไตหมาเราเลยเพราะถึงถอนฟันแล้วเหงือกก็ยังอักเสบอยู่ เซ็งตัวเองมากค่ะ T_T สัตว์มันก็มีชีวิตจิตใจนะ เพียงแต่พวกเค้าบอกเราไม่ได้ว่าเค้าดีขึ้นหรือแย่ลงเราต้องสังเกตุพวกเค้าเอง หมอก็เลยสอนว่าถ้าหมอมีจรรยาบรรณไมตุกติกกับลูกค้าต้องติดสติ๊กเกอร์วัคซีน ให้ทุกครั้งจะได้รู้ว่าไม่ใช่วัคซีนเถื่อน หมดค่ารักษาไปพันกว่าบาท ถ่ายพยาธิให้เจ้าจ้อยฟรีด้วย สำหรับแมว 5 ตัวหมอไม่คิดค่าตัวค่ะ ที่แรกถ้าพาไป5ตัว คิดค่าตัวหมอก็หมดไปเป็นพันแล้ว ** ยาถูกวินิจฉัยตรงโรค ใส่ใจสัตว์เลี้ยง แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเรา^ ^ เขียนมาซะยืดยาว เพียงแค่อยากจะบอกเพื่อนๆว่า ที่ๆเราคิดว่ามีเครื่องมือ พร้อมจะดีที่สุดสำหรับแมวของเรา เราคิดว่าไม่ใช่แล้วค่ะในเวลานี้ หมอนี่แหละที่เป็นคนที่จะทำให้แมวเรา รอดหรือตายได้ เพราะเราเคยพาแมวที่เลี้ยงตระเวนรักษาโรคท้องเสีย ที่ไหนว่าดีไปหมด กว่าจะหายแมวเกือบตาย เพราะหมอวินิจฉัยโรคผิด รวมทั้งเจ้าของด้วยว่าจะเฉลียวใจ สังเกตอาการลูกๆว่าดีขึ้นมั้ยกับการรักษาในแต่ละที่ ถ้าไม่ดีขึ้นให้ลองไปหาที่ใหม่ค่ะ ปล.ไม่ได้จะว่าที่ไหนไม่ดีนะคะ แค่อยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้เพื่อนๆในห้องแมวค่ะ อยากให้แชร์กันค่ะว่าที่ไหนที่เราวางใจ เพื่อเป็นทางเลือกให้คนบ้านใกล้พาลูกๆไปรักษาค่ะ เผื่อฉุกเฉินจะได้พาไปเลยไม่ต้องกังวล ***ส่วนตัวเองได้เจอคลีนิคที่จะวางใจให้ลูกๆที่บ้านแล้วค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 53 16:40:58
จากคุณ |
:
ทาโร่ตาโปน
|
เขียนเมื่อ |
:
12 พ.ย. 53 16:33:59
|
|
|
|