ขอระบายความในใจ + ไว้อาลัยคุณ "หนูจรจัด" -- คนเกลียดหนูไม่ต้องเข้ามานะคะ
|
 |
เมื่อวานนี้มีเรื่องกระทบใจ 2 เรื่องทั้งดีและร้ายอันเนื่องมากจาก "หนูจรจัด" ตัวนึง ทำเอาเราร้องไห้เป็นชั่วโมงเลย ของเล่าตามลำดับเหตุการณ์นะคะ (ยาวหน่อยอย่าว่ากันนะคะ ความในใจมันเยอะ)
เราเป็นอาจารย์ในมหาลัยแห่งนึง เมื่อวานเย็นมีสอนนักศึกษาพวกเรียนภาคค่ำ พอใกล้เวลาเราก็ขับรถมาที่ตึกที่เราจะต้องสอน พอใกล้ๆจะถึงก็เห็นนักศึกษาที่เราเคยสอนเมื่อเทอมก่อนกลุ่มนึงกำลังจับกลุ่มมองลุ้นอะไรบางอย่าง แต่เพราะกำลังขับรถหาที่จอดอยุ่ก็เลยไม่ได้ดูว่าเค้าดูอะไรกัน
พอจอดรถได้ เดินกลับมาทางเดิมก็เห็นนักศึกษากลุ่มนั้นบางคนยังยืนที่เดิม หลังจากทักทายกันแล้ว นักศึกษาก็ชี้ให้เราดูหนู (rat) ตัวนึง เน้นว่า rat นะคะ ไม่ใช่ mouse น่ารักๆเลย
ขนมันสีน้ำตาล ตัวเปื้อนน้ำครำดำๆ ขาหน้าด้านซ้ายเหมือนจะหักพับเข้าด้านในจนดูเหมือนมี 3 ขา ตรงก้นมีบวมๆแปลกๆ มีรอยแผลที่ขาหน้าด้วย
นักศึกษาเล่าว่าหนูตัวนี้บาดเจ็บ พยายามจะกระโดดจากถนนเพื่อปีน footpath ขึ้นมา แต่ขึ้นไม่ไหว พวกเค้ากลัวว่าถ้าอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวรถมาทับ เลยหาทางช่วยให้มันขึ้น footpath มาได้ อย่างน้อยก็มีโคนต้นไม้และสนามหญ้าให้หลบภัย หาอะไรจะเขี่ยก็ไม่มี จับก็กลัวโดนกัดและตัวคุณหนูก็สกปรกมากมาย ก็เลยมีนักศึกษาใจกล้าคนนึง (ผู้ชาย ใส่รองเท้าคัชชูปิดๆ) ที่ค่อยๆยื่นเอาเท้าตัวเองยกตัวคุณหนูขึ้นมาได้สำเร็จ คุณหนูก็มาอยู่แถวๆโคนต้นไทร (หรือต้นโพธิ์?) บน foot path เดินได้กระย่องกระแย่ง
นักศึกษาคุยกับเราว่า สงสารจังเลย จะทำยังไงได้บ้าง จะพาไปหาหมอได้ไหม หมอจะรับรักษาไหม ฯลฯ
เรื่องกระทบใจเรื่องแรกมาแล้วค่ะ นักศึกษากลุ่มนี้ขอพูดตรงๆเลยว่าไม่น่ารักเอาเลยในแง่ความเป็นนักศึกษา หนีเรียนเป็นว่าเล่น คะแนนต่ำแทบจะตก แต่งตัวก็.. ผู้หญิงนุ่งสั้น แต่งหน้าจัด จนถ้าใครปากร้ายๆอาจจะถามได้ว่ามาเรียนหรือมาทำอะไร ผู้ชายกลุ่มนี้ก็สำอาง สูบบุหรี่ หนีเรียน ฯลฯ ครบสูตร แต่วันนี้เราเห็นความงามในใจเค้าค่ะ อย่างน้อยเค้าก็มีแง่ดีที่เมตตาสัตว์ เรารู้สึกผิดจังเลยที่เคยมองนักศึกษากลุ่มนี้แต่แง่ไม่ดี
นี่ไม่ใช่หมา ไม่ใช่แมวที่สังคมกำหนดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ควรจะต้องใส่ใจ นี่เป็นแค่หนูท่อจรจัดสกปรกตัวนึง แต่พวกเค้ามาช่วยมันเท่าที่เค้าทำได้ ในขณะที่นักศึกษาจำนวนมากที่อาจจะแต่งตัวถูกระเบียบ ตั้งใจเรียน เดินกันตัวปลิวผ่านไปพร้อมกับทำท่ารังเกียจหนูบาดเจ็บ
เราไล่นักศึกษากลุ่มนี้ว่าไปเถอะ ไปเรียนซะ เดี๋ยวครูจะพยายามช่วยมันเอง พวกเค้าก็เลยจากไป เหลือเรายืนมองคุณหนูด้วยความสงสาร แต่ไม่รู้จริงๆว่าจะช่วยยังไง
จะจับตัวคุณหนูได้ยังไง จับแล้วจะใส่อะไรไป จะเอาไปไหน สัตวแพทย์จะรักษาไหม แล้วใครจะจับตัวคุณหนูไว้นิ่งๆให้หมอรักษาได้ รักษาเสร็จจะเอาไปไว้ไหน บ้านเรามีเด็กเล็กแถมเป็นบ้านแคบๆ คุณหนูจะอยู่ยังไง แล้วจะแพร่เชื้อให้เด็กในบ้านเราไหม ฯลฯ
เคยช่วยนกบาดเจ็บมาหลายตัว หมาบาดเจ็บ แมวบาดเจ็บ ช่วยมาหมด แต่หนูนี่ช่วยยากจัง สัตว์อย่างอื่นสัตวแพทย์เค้ายอมรักษาโดยดีนี่นา
สุดท้ายเราก็ทำได้เท่าที่ทำได้ คือวิ่งไปที่ซุ้มขายของว่างแถวๆนั้น ซื้อขนมปังมา 1 ชิ้น แล้ววิ่งกลับมาให้คุณหนู แต่ก็ใจหายวาบเมื่อเห็นผู้ชายหน้าโหดๆคนนึงเดินรี่เข้าไปหาคุณหนูแบบไม่ยั้งความเร็ว ดูรู้ว่ามองเห็นคุณหนูแล้วแต่จงใจเดินเข้าไปหา เรากลัวเค้าจะกระทืบหรือเตะคุณหนูของเราตาย เราเลยตะโกนทันทีว่า "คุณอย่าไปทำอะไรมันนะ"
ชายหน้าโหดคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลคอยล็อกล้อรถที่ไม่มีสติกเกอร์จอดรถของมหาลัย เค้าบอกเราว่า "เดี๋ยวมันก็ตายแล้ว" (หมายความว่าไง ... บอกเฉยๆหรือหมายความว่าคุณก็เลยจะให้มันตายไปซะเลย...)
เราฉีกขนมปังเป็น 3 ชิ้นวางให้คุณหนูกินข้างตัว คุณหนูคงกลัวเรา เลยเดินหนีเข้าไปที่โคนต้นไทร ตรงนั้นมีคนเอาผ้าสีๆไปพันไว้ เราก็มองว่าดี อย่างน้อยก็เป็นที่นุ่มๆและบังตัวคุณหนูได้ตอนกลางคืน
ถึงเวลาสอนแล้ว แต่เรายังไม่ยอมไปสอน ยอมเข้าสอนช้าสักหน่อย เราขอยืนเฝ้าให้ชายหน้าโหดคนนั้นไปก่อน เรากลัวเค้าจะมาทำร้ายคุณหนูของเรา
คุณหนูไม่มีตาขาว เราเลยไม่รู้ว่าคุณหนูมองเราหรือเปล่า แต่กระแสจิตบอกเราว่าคุณหนูมองเรา พร้อมกับค่อยๆมาแทะขนมปังที่เราให้ เราก็ส่งกระแสจิตบอกคุณหนูว่า "ชั้นชอบแกนะ ชั้นมาช่วยนะ ไม่ต้องกลัว"
พอชายหน้าโหดไปจากตรงนั้น เราก็ไปสอนอย่างอาลัยอาวรณ์ สอนเสร็จลงมาทางเดิม ฟ้ามืดแล้ว เรามองส่องที่โคนต้นไทร เจอหางคุณหนูโผล่ออกมาจากใต้ผ้าสีๆ แสดงว่าไปหลบในนั้น ผ้าขยับนิดๆตามจังหวะหายใจ เราก็โล่งใจว่าคุณหนูคงกินอิ่มและกำลังพักผ่อน
เราขับรถกลับบ้าน ร้องไห้เป็นครั้งแรกในรอบ 1 หรือ 2 ปี ร้องมันตลอดทางกลับบ้านเลย สงสารคุณหนูอ่ะค่ะ นึกถึงว่ามันเป็นสัตว์ที่ใครๆก็เกลียด บาดเจ็บด้วย ป่านนี้นอนระบบเจ็บปวดอยู่ลำพังใต้ต้นไทร.. โอว เศร้า
เราทำไรไม่ได้มากกว่านี้ เลยอธิษฐานตามความเชื่อของเราให้พระเจ้าดูแลคุณหนูด้วย ถ้าคุณหนูจะยังอยู่รอดก็ขอพระเจ้ารักษาคุณหนูด้วย แต่ถ้าคุณหนูจะต้องตายก็ขอให้ตายแบบสงบ... อืม หนูตายไปสวรรค์ได้ป่าวนะ
ไม่เคยมีตรงไหนที่เราเรียนรู้มาว่าหนูตายแล้วไปสวรรค์หรือเปล่า แต่เราอยากให้คุณหนูได้ไปจังเลย คุณหนูคงทุกข์ทรมานมามากแล้วตอนมีชีวิต เราก็เลยโทรหารุ่นพี่คนนึงที่เป็นคนรักสัตว์และเชื่อในพระเจ้าเหมือนเรา พี่เค้าก็เคยเลี้ยงอาหารหนูจรจัดแถวบ้านเป็นประจำ
พี่เค้าก็ปลอบใจว่าเราทำดีที่สุดแล้ว คงต้องขอให้พระเจ้าดูแลต่อ และพูด (ปลอบใจ) เราว่า ไม่แน่นะวันนึงถ้าเราตายแล้วไปสวรรค์ เราอาจจะไปเจอคุณหนูเดินมาบอกว่า "ขอบคุณนะครับสำหรับขนมปังวันนั้น"
โอย.. ฟังแล้วน้ำตาร่วงเลย อธิบายไม่ถูกว่าทำไมน้ำตาร่วง แต่มันเป็นอ่ะ ขนาดนั่งพิมพ์กระทุ้นี้ยังกลับมาร้องไห้อีกครั้งเลย
เราหวังว่าอย่างน้อยตอนที่เรายืนมองคุณหนูกินขนมปัง คุณหนูจะรับกระแสจิตเราได้ว่าเรารักคุณหนู เราคิดว่าหนูจรจัดแบบนี้คงไม่เคยมีใครรัก เราอยากให้คุณหนูรู้สึกดีๆอย่างน้อยสักครั้งในชีวิตว่ามีคนรักมัน ไม่ใช่แค่เรานะ.. นักศึกษาของเรากลุ่มนั้นด้วยไง
วันนี้เราไม่ได้เข้าไปที่มหาลัย แต่ก็ขอร้องเพื่อนอาจารย์คนนึงให้ช่วยเอาน้ำใส่ถาดเล็กๆไปวางแถวโคนต้นไทร เพื่อคุณหนูยังอยู่จะได้มากินน้ำได้ ปรากฏว่าเพื่อนคนนี้เล่าว่าคุณหนูยังอยู่ แต่อาการสาหัสใกล้ตาย เค้าเลยพยายามช่วยด้วยการเอาน้ำหยดใส่ปาก เพื่อคุณหนูจะได้กินน้ำบ้าง
แต่..กินไปนิดนึงคุณหนูก็ตัวแข็ง ตายไปเลย คิดแง่ร้ายว่าสำลักน้ำ แต่คิดแง่ดี (ดีกว่า) ว่าคุณหนูคงรู้สึกสบายที่ได้กินน้ำ จากที่หิวน้ำมานาน พอได้รู้สึกสบายก็เลยไปอย่างสงบ (เพื่อนเราก็เลือกที่จะเชื่ออย่างนี้)
เพื่อนเราก็เป็นคนที่มีความเชื่อในแบบเดียวกับเรา เราเลยปลอบเพื่อนเรา (สไตล์ที่รุ่นพี่ปลอบเราเมื่อคืน) ว่าวันนึงในสวรรค์คุณหนูก็คงมาพูดกับเพื่อนเราเหมือนกันว่า "ขอบคุณครับที่ป้อนน้ำให้ผม"
ตอนนี้คุณหนูไม่ทรมานแล้ว จะดับสูญหรือไปสวรรค์ก็ไม่รู้ได้ แต่เราอยากจะเชื่อว่าคุณหนูของเราอยู่ในสวรรค์แล้วล่ะ
เฮ้อ.. ไม่รู้จะระบายความเศร้านี้ที่ไหนดี คนไม่รักสัตว์คงหาว่าเราบ้า ขอระบายที่ห้องจตุจักรนี่แล้วกันนะคะ
แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 53 10:21:27
จากคุณ |
:
big black eyes
|
เขียนเมื่อ |
:
18 พ.ย. 53 09:59:08
|
|
|
|