 |
 
ความคิดเห็นที่ 1 |
จริงๆแล้วพืชเกือบๆจะทุกสายพันธุ์ เมื่อออกดอกแล้วนั้น ก็ต้องการน้ำอย่างเพียงพอแล้วครับ ถ้างดน้ำในช่วงที่ออกดอกแล้ว พืชจะเอาออกซิเจนจากไหนไปใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสงครับ เพราะออกซิเจนที่พืชนำไปใช้ในขบวนการสังเคราะห์แสงมาต้องได้จากน้ำครับ ไม่ใช่จากอากาศที่นำไปใช้ในขบวนการหายใจ จริงๆแล้วการที่จะทำให้พืช พืชหนึ่งออกดอกและติดผลได้เป็นที่น่าพอใจ มีวิธีที่ไม่ยากดังนี้ครับ (สำหรับกลุ่มไม่ผล ไม่รวม ผัก พืชไร่ และอื่นๆ ซึ่งสำหรับไม้ผลทั่วไป จะออกดอกปีละครั้ง หรือมากกว่านั้นหากมีการจัดการที่ดี) 1 ต้องรู้จักพืชก่อนครับ หมายความว่ารู้จักระยะพืช เช่นใน 1 ปี พืชออกดอกเดือนไหน และหลังจากออกดอกจนถึงดอกบานใช้ระยะเวลากี่วัน และหลังจากที่ติดดอกแล้วไปจนถึงเก็บเกี่ยวจะใช้เวลากี่วัน ซึ่งหลังจากที่เก็บเกี่ยวแล้วก็จะเป็นระยะเวลาฟื้นต้น ซึ่งก็ต้องดูกันอีกว่าใบอ่อนที่แตกมาใหม่จนถึงใบแก่นั้นใช้เวลากี่วัน และจะมีใบใหม่ออกมากี่ชุด หลังจากที่รู้ระยะพืชแล้วมาดูเทคนิคการทำกันต่อครับ 2 สมมติว่าเราทำใบมาได้ 1 ชุดแล้ว และชุดที่2 นี้กำลังแตกใบอ่อน สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือต้องใส่ปุ๋ยทางดิน และฉีดพ่นทางใบเพื่อให้ใบอ่อนชุดนี้ออกมาสม่ำเสมอ และแก่พร้อมกัน ทางดินอาจจะใส่ปุ๋ย 25-7-7,26-8-8 หรือ 20-20-20 เสมอ ก็ได้ โดยเน้นให้มีปุ๋ยตัวหน้ากับตัวกลางสูงกว่าหรือเท่ากับตัวหลังเป็นพอ ส่วนปุ๋ยทางใบถ้าจำเป็นต้องฉีดก็ใช้สุตรเดียวกันหรือใกล้เคียงก็ได้ อาจเพิ่มธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริมไปด้วยก็จะดีมาก 3 หลังจากที่ใบถึงระจะเพสลาด(โดยส่วนมากจะประมาณ 1 เดือนหลังแตกใบอ่อน โดยใบเพสลาดหมายความว่า เป็นระยะที่ใบขยายขนาดจนใหญ่ที่สุดแล้ว แต่ใบยังไม่แก่)ก็เปลี่ยนสูตรปุ๋ยทางดินและปุ๋ยทางใบเป็นสูตรที่มีตัวกลางกับตัวท้ายสูง เพื่อเร่งให้พืชสะสมอาหาร(คาร์โบไฮเดตร) เพื่อเตรียมการออกดอก โดยหลังจากที่ให้ปุ๋ยทางดินไป ควรรดน้ำอย่างเพียงพอเป็นเวลา 7-10 วัน เพื่อให้ต้นไม้ดูดซิมปุ๋ยได้ดีขึ้น และในช่วงนี้การฉีดพ่นทางใบก็สำคัญเป็นอย่างมากถ้าสามารถฉีดได้ก็แนะนำให้ฉีดอาจจะใช้สูตร 0-42-56,5-25-30,3-16-36+TE, หรือสูตรใกล้เคียง ฉีดพ่น 1-2 ครั้ง 7-15 วัน/ครั้ง หลังจากที่ใบแก่แล้วจึงเริ่มงดน้ำเพื่อให้ต้นพืชเกิดความเครียด แต่ยังต้องพ่นปุ๋ยทางใบอยู่ และในช่วงนี้ต้องสังเกตุใบพืชให้ดีว่าพร้อมที่จะออกดอกหรือยัง โดยต้นพืชที่หร้อมจะออกดอกปลายใบมักจะงองุ้ม(ใบแบบแขนง) แต่ถ้าใบพืชเป็นแบบช่อ(ทรงร่ม) ตรงกลุ่มโคนใบจะมีตาดอกโผล่ออกมา ซึ่งถ้าใบพืชเป็นแบบที่กล่าวมาก็ให้ฉีดปุ๋ยทางใบเปิดตาดอกได้เลย โดยใช้ปุ๋ย 13-0-46 +สาหร่าย หรือ 0-52-34 +สาหร่าย หรือสูตรอื่นๆ โดยช่วงก่อนเปิดตาดอกควรเริ่มให้น้ำด้วยแต่ไม่มากนัก 4 เมื่อพืชออกดอกมาแล้ว ตรงนี้สำคัญมากว่า "มัน" จะติดผลให้เราหรือเปล่า สำคัญตรงที่การให้น้ำและดูแลรักษา โดยในระยะดอกควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ และต้องบำรุงอย่างดี โดยต้องฉีด แคลเซียม-โบรอนให้แก่พืชในระยต้้งแต่แทงช่อ-ดอกตูม จนถึงระยะก่อนดอกบาน โดยแคลเซียมจะลดการหลุดร่วงของดอก และโบรอนจะช่วยให้พืชผสมเกสรดีขึ้นโดยจะไปเพิ่มน้ำเลี้ยงที่เกสรตัวเมียนั่นเอง 5 เมื่อพืชเริ่มติดผลอ่อนแล้ว การดูแลระยะนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะว่าผลอ่อนยังไม่สามารถดูดอาหารได้ดีเท่าใบอ่อน ถ้าหากว่ามีใบอ่อนแตกมาระยะนี้ก็จะทำให้ผลอ่อนร่วงได้เช่นกัน โดยในช่วงนี้แนะนำให้ฉีดพ่นปุ๋ยชุดเดียวกับการสะสมอาหาร โดยฉีด 10-15 วัน/ครั้ง ฉีดไปจนถึงระยะเข้าไคล(ระยะที่เมล็ดในผลสร้างเปลือกแล้ว) จึงค่อยเปลี่ยนการให้อาหารเป็นสูตรอื่นโดยเน้นสูตรที่มีตัวหน้าสูง-กลางต่ำ-หลังสูง ทั้งทางดินและทางใบ มีปัญหาติดต่อหลังไมค์ได้ครับ
จากคุณ |
:
นานๆมาที (topiero7)
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ธ.ค. 53 14:55:21
|
|
|
|
 |