Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เคล็ดวิธีกำจัด "ขยะเปียก" ในบ้านให้สิ้นซาก ติดต่อทีมงาน

...........................เมื่อพูดถึงประเภทของขยะ "ขยะเปียก" นับเป็นหนึ่งในขยะที่สร้างความรำคาญใจให้กับพ่อบ้านแม่บ้านมากที่สุด เพราะหากจัดการไม่ดี อาจก่อให้เกิดเชื้อโรค และส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ตามมาได้ วันนี้บ้านไหนที่อยากจัดการกับขยะเปียกเจ้าปัญหาให้สิ้นซาก เรามีวิธีง่าย ๆ มาฝากกัน
     
                          โดย ดร.สมไทย วงษ์เจริญ ผู้ รู้ในเรื่องการจัดการขยะอย่างถูกวิธี บอกว่า การจัดการขยะนั้นต้องเริ่มแยกขยะตัวร้ายอย่างขยะเปียกออกจากขยะทั้งหมดก่อน ซึ่งขยะประเภทนี้ หากหมักหมมไว้นานโดยไม่ได้จัดการอย่างถูกวิธี นอกจากจะเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ และเป็นแหล่งเชื้อโรคแล้ว ยังทำให้ขยะชนิดอื่น ๆ ที่อยู่ร่วมกันสกปรก และไม่สามารถเข้าสู่การบวนการรีไซเคิลได้
     
                          สำหรับการจัดการกับขยะเปียก นั้น กูรูท่านนี้ บอกว่า มีอยู่ 2 วิธี คือ เศษอาหารที่ยังไม่บูดเน่า เช่น กระดูกไก่ ก้างปลา น้ำแกง สับบดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เป็นอาหารสัตว์ได้ ส่วนเศษอาหารที่บูดเน่าแล้วเหลือพืชผัก ไม่ว่าจะเป็นเปลือกผลไม้ เศษผัก หรือเศษใบไม้ สับ บด และป่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำมาเป็นจุลินทรีย์หมักทำปุ๋ยได้
     
                          อย่างไรก็ดี ในขั้นตอนการจัดการขยะให้เหลือศูนย์ หรือทำปุ๋ยนั้น ดร.สมไทย เผยว่า การหมักเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะช่วยกำจัดขยะเปียกแล้ว ยังได้น้ำปุ๋ยหมักชีวภาพไว้ใช้ในครัวเรือนอีกด้วย แต่ก่อนอื่นทุกบ้านต้องมีถังหมักประจำบ้านเสียก่อน ซึ่งมีวิธีการทำง่าย ๆ ดังนี้
     
      1. ถังทำจาก ถังสีเก่าเหลือใช้ขนาด 20 ลิตร
     
      2. เจาะรูตัวถังด้านล่างใส่ก๊อกน้ำพลาสติก เพื่อใช้เปิดปิดน้ำหมัก
     
      3. ฝาด้านบนเจาะรู สำหรับให้ออกซิเจนถ่ายเทอากาศได้ดี เพื่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์
     
      4. ใช้ตะกร้าพลาสติกวางลงไป ให้ช่องว่างระหว่างก้นตะกร้ากับพื้นถังห่างกันประมาณ 5 ซม. เพื่อให้น้ำแกงตกอยู่ด้านล่าง สำหรับเป็นปุ๋ยน้ำ แยกออกจากด้านบน เป็นกากย่อยสลาย


                         ส่วนวิธีการจัดการเศษอาหารด้วยถังหมักประจำบ้านนั้น มี ส่วนประกอบที่สำคัญคือ เศษอาหาร 40 เปอร์เซ็นต์ เศษใบไม้ 30 เปอร์เซ็นต์ เศษผัก เศษเปลือกผลไม้ 30 เปอร์เซ็นต์ และจุลินทรีย์ EM 200 ซีซี. ผสมน้ำ 2 ลิตร
     
     

hahaขั้นตอนการทำ
     
      1. นำส่วนผสมต่าง ๆ มาผสมเข้าด้วยกัน (เศษอาหาร ใบไม้ เศษผัก เศษผลไม้สับ หรือบดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ และจุลินทรีย์ EM ผสมให้เข้ากัน (ใส่ลงในถังหมัก) พลิกทุก ๆ 2 วัน
     
      2. ใช้ฝาถังที่มีช่องระบายอากาศ เพื่อให้ออกซิเจนถ่ายเทได้สะดวก เพื่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ในการย่อยสลาย เปิดวาล์วรวบรวมน้ำหมักชีวภาพเพื่อนำไปใช้ประโยชน์
     
      3. ระยะการบ่มหมัก 3 สัปดาห์ (21 วัน) สำหรับผลิตปุ๋ยหมัก
     
      4. ควรเก็บไว้ในที่ร่ม เนื่องจากคุณสมบัติจุลินทรีย์ EM จะเติบโต และทำงานได้ดีในที่ร่ม เพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรียที่ส่งกลิ่นเหม็น และทำการย่อยสลายขยะในอุณหภูมิที่ออกซิเจนถ่ายเทได้ดี ถ้านำออกไปตากแดด เกิดความร้อน จุลินทรีย์จะตาย ทำให้ขยะที่ต้องการหมักเน่าเสีย ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้
     

...........................ทีนี้ "ขยะเปียก" เจ้าปัญหาก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป แถมยังได้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพมาใช้ในครัวเรือนได้อีกด้วย ไม่ว่าจะนำไปใช้เป็นปุ๋ยเพิ่มการเจริญเติบโตของต้นไม้ ดับกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ เป็นต้น
     
                          อย่างไรก็ดี ไม่เพียงแต่ขยะเปียกเท่านั้นที่จะต้องจัดการอย่างถูกวิธี ขยะอื่น ๆ ต้องคัดแยกให้ตรงตามประเภทด้วย เพื่อความสะดวกในการดำเนินการขั้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการขายต่อให้ร้านค้าที่รับซื้อ หรือส่งให้หน่วยงานที่จะดำเนินการบำบัดก็ตาม ที่สำคัญ การคัดแยกขยะต้องย่อส่วน และจัดระเบียบขยะไม่ให้เกะกะ หรือกินพื้นที่ ด้วยการมัดให้เป็นระเบียบ ทุบให้แบน ตัดให้สั้น หรือบรรจุเป็นหีบห่อ เพื่อประหยัดพื้นที่จัดเก็บ และการขนย้าย
     
      ////////////////////
     
      ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากหนังสือสัมผัสทองราชาขยะ โดยดร.สมไทย วงษ์เจริญ สำนักพิมพ์ฟรีมายด์

ที่มา  http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000168816

จากคุณ : ญี่ปุ่น35
เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 53 01:20:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com