ความคิดเห็นที่ 1 เดินมาอีกร้าน เห็นขายปุ๊ยเยอะดี เลยถามเขาดูเขาแนะให้ใช้อันนี้ค่ะ ขวดเล็กๆ แต่60บาทแนะ ไม่รู้ใช้ได้รึเปล่า ช่วยกันดูหน่อยค่ะ จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 54 23:53:05

ความคิดเห็นที่ 2 ฉลากตามนี้ค่ะ 1. จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 54 23:55:16

ความคิดเห็นที่ 3 2. จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 54 23:56:35

ความคิดเห็นที่ 4 คนขายถึงกับคุยว่า ใส่ยาฆ่าราเขาเนี่ยไม่ต้องใส่ปุ๋ย AB ยังได้ อะไรจะขนาดนั้น 3. จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 54 23:58:29

ความคิดเห็นที่ 5 เมล็ด ห่อละ 15  3 ห่อ40 จัดมา 6 ห่อ ลองปลูกอย่างละหน่อยค่ะ จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 00:01:00

ความคิดเห็นที่ 6 ผักแบบนี้ปลูกยากไหมคะ จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 00:02:06

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วแต่ละอันใช้เวลาปลุกเท่าไหร่กันบ้างคะ จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 00:03:30

ความคิดเห็นที่ 8 เมล็ดผักบุ้งต้องแช่น้ำค้างคืนไว้ 1 คืนก่อนถูกไหมคะ จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 00:05:46

ความคิดเห็นที่ 9 ผ่าฟอง น้ำ เอาเมล็ดใส่แล้วค่ะ ทีนี้บางคนเขาก็บอกว่าแช่น้ำไว้แบบนี้ บางคนเขาแค่วางไว้เฉยๆ จริงๆมันต้องแบบไหนคะ แต่นุ่นใส่น้ำไว้ซักครึ่งเซ็นค่ะ เอาผ้ากับกระดาษหนังสือพิมพ์ชุบน้ำคลุมไว้ ยังงงอยู่ว่าพรุ่งนี้ต้องเอากะละมังไปรับแดดรึเปล่าคะเนี่ย จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 00:10:55

ความคิดเห็นที่ 10 อีกเรื่องที่สงสัยมากค่ะ นุ่นปลูกในกล่องโฟมนะคะ ช่วยดูเรื่องระยะห่งในการเจาะรูหน่อยค่ะแค่นี้พอได้ไหมอ่ะค่ะ ช่องห่างปากแก้วแต่ละใบ 2นิ้วน้อยไปไหมคะ ด้านนี้ วางซัก 4 ใบ จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 00:15:13

ความคิดเห็นที่ 11 ด้านนี้วาง 5 ใบ แบบนี้เป็นไปได้ไหมคะ รึควรเท่าไหร่ แล้วพี่ๆมีเท็คนิคการเจาะโฟมหนาๆไหมคะ ชี้แนะหน่อยค่ะ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 54 00:18:08 จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 00:17:18

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วกล่องโฟมนู๋สูงเท่านี้ใส่น้ำแค่ไหนดีคะ แล้วเราต้องตวงใช่ไหมคะว่ากี่ลิตรเพื่อเอามาตวงปุ๋ย เริ่มงแล้วค่ะ จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 00:21:16

ความคิดเห็นที่ 13 มาเป็นกำลังใจให้คุณนุ่น....อิอิ ไม่ต้องแอบงง เราเข้าก้นครัวบ่อยๆ จึงรู้ว่าจขกท. ชื่อนุ่นจ้ะ จากคุณ : เจ้าปลาทอง เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 04:44:32

ความคิดเห็นที่ 14 ฝากล่อง  เราใช้คัตเตอร์คม ๆ เจาะค่ะ  เจ็บมือนิดนึง แต่ทนได้เพื่อผักน้อย จากคุณ : The Gollum เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 09:07:45

ความคิดเห็นที่ 15 ซื้อมาซะเกือบครบเลย... เริ่มเลย  เอาเมล็ดลงแช่น้ำ คืนนึง รุ่งขึ้นเอาเมล็ดยัดใส่ฟองน้ำ เอาไปแช่น้ำธรรมดา ใส่ในถาดหรือภาชนะที่มีฝาปิด หรือใช้ หนังสือพิมพ์ชุบน้ำปิดก็ได้ครับ ปิดทิ้งไว้ ในที่เย็นๆ สามถึงสี่วัน ให้มีรากงอกทะลุฟองน้ำออกมาเยอะๆ ยิ่งดีครับ สองวันแรก ไม่ต้องไปยุ่งอะไร วันที่สาม เปิดออกแล้วเอาไปตากแดดเช้าๆ สักครึ่งวัน ให้แข็งแรงและ ไม่ให้ยาวจนเกินไป ใส่ยาเร่งรากลงไปหนึ่งหยด ต่อไปต้องอ่านข้างขวดสาร A  สาร B หาก่อนครับว่า เค้าให้เราผสมอัตราส่วนเท่าไรในการทำสารละลาย A และ B  ครับ เพื่อลดการเกิดปัญหาภายหลัง เราต้องผสม ให้ได้ สารละลายตามอัตราส่วน ตามที่เค้า บอกมา เพ๊ะ หรือใกล้เคียงให้มากที่สุดครับ ดังนั้นเราต้องมีกระบอกตวงครับ เราต้องจัดหา หรือทำกระบอกตวง จากขวดน้ำลิตรครึ่งขึ้นมาไว้ใช้ก่อนครับ ใช้เทียบกับ เข็มฉีดยา 10 cc  หรือถ้าหา 100 cc ได้ ยิ่งดีครับ เอามาเป็นตัวเทียบตวงมาตรฐาน ครับ ดูจากรูปตัวอย่าง กระบอกตวงที่ผมทำขึ้นมาใช้ก็ได้ครับ ใช้หัวแรงหรือสว่านโฮลซอร์ เจาะรูก้นแก้ว  เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ สองเซนต์ ถึงสองเซนต์ครึ่ง ให้พอจับฟองน้ำที่เราเพาะเมล็ดได้อยู่พอดีๆ ครับ น้ำยา AB ที่ผสมแล้ว  ยาฆ่ารา ยาเร่งราก  ผสมใส่ลงไปในกล่องโฟมด้วยครับ การเติมน้ำในกล่องโฟม ว่าจะเติมระดับที่เท่าไร เราใช้เช็คดูจาก ความยาวของรากผักครับ สองสามวันแรก ระดับน้ำสูงแตะถึงฟองน้ำก้นแก้วพอดี พอรากเริ่มยาวก็ค่อยๆลดระดับน้ำลงเรื่อยๆ ครับ จนช่องว่าง  จากฟองน้ำก้นแก้วถึงระดับผิวน้ำ สูงสุดจะอยู่ประมาณ สามถึงสี่เซนติเมตร ครับ ถ้าต่ำกว่านี้ ให้เติมน้ำ  ถ้าฝนตก น้ำไหลลงไปต้องตักน้ำออก แล้วเติมน้ำยา แนะนำว่าควรเจาะรูด้านข้างของกล่องโฟม ในตำแหน่งที่ ระดับน้ำสูงสุดแตะฟองน้ำก้นแก้วพอดีเอาไว้   เพื่อเดรนน้ำออก เวลาฝนตกน้ำเข้า  น้ำจะได้ไม่ท่วมผัก ครับ ผักซีด เติมน้ำยา AB อย่างละเท่าๆกัน ผักเขียวจัดเติมน้ำ ขยันดูระดับน้ำทุกวัน โดยเฉพาะสาม - สี่ อาทิตย์แรก น้ำลงเร็วมาก ต้องเติมน้ำทุกวัน ประมาณอาทิตย์ที่สาม เปลี่ยนผสมน้ำยาABใหม่ ประมาณ 55 วัน ก่อนเก็บผัก3วัน เทน้ำยาออกให้หมด เตินน้ำเปล่าแทน แล้วให้ถูกแดดแรงๆ เพื่อลดสารตกค้างและ ลดไนเตรส ที่สะสมที่ยอดผักลง คนเป็นเก๊าจะได้กินได้อย่างปลอดภัย สบายใจครับ โดยสามวันนี้ให้เปลี่ยนน้ำเปล่าทุกเช้า เย็น ให้ผักดูดซึมน้ำเปล่าแทนปุ๋ยครับ โดยปกติผักชอบน้ำมากกว่าปุ๋ยครับ ใช้น้ำปะปาดีที่สุดครับ คลอรีน(Cl)ในน้ำปะปาเป็นจุลธาติ  เป็นอาหารของผักด้วยครับ ผักต้องการ 5-220 ppm พอดีกับน้ำปะปาจะมีคลอรีน ประมาณนี้ครับ ความรู้ทั้งหมดนี้ ได้มาจากคุณตู้ไฟ007 ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 10:05:44

ความคิดเห็นที่ 16 ผักซีด เติมน้ำยา AB อย่างละเท่าๆกัน ผักเขียวจัดเติมน้ำ ----------------------------------------- จริงๆแล้วเหมือนดำน้ำหน่อยๆ ทางที่ดี...ใหนๆจะทำให้ได้กินผักสมบูรณ์ๆแล้ว ลงทุนซื้อ Electro Conductivity หรือ EC Meter มาจิ้มวัดดูความเข้มข้น ของสารละลาย AB จะเป็นการดีกว่ามากครับ หลังจากผสมน้ำยาแล้วน้ำยาควรมีค่าความเข้มข้นสำหรับผักไทย หรือผักจีน อยู่ระหว่าง 2400 - 3600 มิวซีเมนซ์  หรือ 2.4 - 3.6 มิลิซิเมนซ์ ครับ เกินกว่านี้  เป็น สี่ เป็นห้า เป็นหก มิลิซิเมนซ์ก็ได้ ผักจะเขียวดี  กรอบ รสอร่อย แต่คนกินอันตราย ครับ      เคมีในน้ำปุ๋ย จะไปสะสมในทุกเซลของเนื้อเยื่อผัก โดยเฉพาะบริเวณเนื้อเยื่อเจริญ เช่นที่ยอดผัก ครับ EC Meter มีขายตามร้านเคมีเกษตรทั้วไป ของจีนประมาณสองพัน ของเยอรมันประมาณ ห้าพันครับ  หาซื้อในเนตมีผู้นำมาจำหน่ายครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 10:26:45

ความคิดเห็นที่ 17 เอาอีกตัว ใหนๆจะซื้อแล้ว  pH มิเตอร์ ครับ ใช้วัดความเป็นกรด เป็นด่างของน้ำ ครับ โดยปกติผักจะงามสวยดี สภาพของน้ำต้องเป็น กรดอ่อนๆ ครับ คือมีค่าอยู่ระหว่าง  5.2 ถึง 6.5 โดยที่ถ้าค่าน้ำอยู่ในระหว่างนี้ จะมีผลทำให้ผักดูดซึมสารอาหารได้ดี ผักจะงามแข็งแรง และเชื้อโรคแบคทีเรีย ราต่างๆ จะเจริญได้ยากในสภาวะน้ำที่เป็นกรดอ่อนๆนี้ ครับ ถ้าน้ำเป็นด่างมากๆ พืชจะดูดซึมได้ช้า เกิดมูก ราดำต่างๆ ถ้ายกผักขึ้นมาดูราก จะเห็นว่ารากไม่เป็นสีขาวสวย เป็นสีดำ เกิดราประเภท พีเตี่ยม เกิดสภาวะรากเน่าสโคร่า การคุม pHของน้ำจึงสำคัญต่อการ ควบคุณคุณภาพของสารละลายปุ๋ย ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 10:43:25

ความคิดเห็นที่ 18 ^^^ คุณกา... ขยันพิมพ์จัง  ให้กิฟท์ค่ะ จากคุณ : The Gollum เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 10:49:38

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบคุณThe Gollum ไปเรียน  กับดูงานมาเยอะ ครับ สามมหาวิทยาลัย สี่สวนไฮโดรโปนิคใหญ่ๆ มันอัดอั้น อกมันจะแตกครับ  ปีนี้ที่ทำงานดันไม่มีเกษียรอีก ปีหน้าถึงจะเกษียรได้          จะได้ทำจริงๆ ซะที ครับ ตอนนี้ทำเล่นๆ หมดไปหลาย  แล้วครับ .......ชิมิ ชิมิ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 11:12:34

ความคิดเห็นที่ 20 ข้างบนบอกวิธีการไปแล้วนะคะ พี่ขอแชร์วิธีตัดโฟมแบบพี่นิดนึงค่ะ ทำได้ไม่ได้ไม่ว่ากัน เผื่อคนไม่มีตัวเจาะ ถ้าไม่เจาะเยอะแบบนี้ก็ง่ายค่ะ ถ้าเจาะแบบกดคัทเตอร์ตามวงกลมไปเลยมันชอบเบี้ยวๆ แรงเราไม่เท่าผู้ชาย เผลอๆก็ทำมีดหักอีก แต่พอทำเยอะขึ้นซื้อหัวเจาะมาเจาะเร็วกว่าค่ะ จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 11:27:40

ความคิดเห็นที่ 21 โห..คุณกา..คาบพริกจะเกษียรแล้วเหรอคะ  อ่านๆคิดว่าน่าจะสี่สิบ ต้องเรียกคุณอาแล้ว.. จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 11:29:28

ความคิดเห็นที่ 22 วิธีที่พี่ใช้สำหรับการปลูกแบบรากแช่ ในระยะแรกคือ หาวัสดุที่ใส่เพื่อแทนที่ปริมาตรในกล่องเพื่อลดปริมาณน้ำที่เกินจำเป็น คือในระยะแรกที่ย้ายต้นกล้าที่เริ่มมีใบลงภาชนะนั้น  รากของต้นกล้ามันจะยังไม่มีรากที่ยาวมากนัก เราจำเป็นต้องให้ก้นถ้วยแตะระดับผิวน้ำ  แต่  ภาชนะของเรามักจะมีเพียงขนาดเดียวในระยะเริ่มหัดปลูก ทำให้ต้องเติมน้ำลงไปในปริมาณมาก พี่เลยใช้วิธี หลักการอคีมีดิส  คือแทนที่ปริมาตรน้ำโดยใช้ขวดบรรจุน้ำเปล่าใส่ลงไป หรือก้อนอิฐสะอาด อะไรก็ว่าไป(แต่ขวดพลาสติกเวิร์คที่สุด) ตัวอย่างรางยาวแบบคุณตู้ไฟ  พี่ต้องใช้น้ำถึงสิบลิตรในระยะแรกเพื่อจะให้ระดับน้ำมันแตะก้นแก้ว  แต่ใช้ขวดแทนที่ทำให้ใช้น้ำแค่สี่ลิตร เท่านั้น ถ้ารากมันยาวแต่น้ำมันไม่พร่องก็ดึงขวดออก ให้ระดับน้ำลดลงตามที่ต้องการ แต่พี่จะเปลี่ยนน้ำทุกๆสิบวัน เพื่อป้องกันเชื้อรา และตะไคร่น้ำ อยู่แล้ว สิบวันผักก็โตพอดี  รากก็ยาวพอ ต่อไปเปลี่ยนน้ำปุ๋ยใหม่ก็ไม่ต้องใช้น้ำเต็มถึงก้นแก้ว  ปริมาณน้ำก็จะลดไปโดยปริยาย ระยะสิบวันต่อไปแค่เติมปุ๋ยให้ได้ขนาดครั้งแรก แล้วคอยเชคน้ำแค่นั้นค่ะ จะเติมให้ได้ระดับเหลือรากอากาศหนึ่งส่วนสามของภาชนะแทน คือดูจะยุ่งยากนะคะ แต่พี่แอบงกน่ะค่ะ ปุ๋ยพี่อัตราส่วนสองซีซีต่อน้ำหนึ่งลิตร ห้าลิตรก็สิบซีซีแล้ว เสียดาย ตอนนี้พี่ปลูกเยอะขึ้นเลยแก้ไขโดยการทำภาชนะปลูกเป็นสามสเตป ถาดเพาะครั้งแรก  ถาดก้นตื้นในระยะสอง  และภาชนะที่ลึก(พี่ใช้รางแบบคุณตู้ไฟ)ในระยะต่อไปจนเก็บเกี่ยว ที่เหลือก็แบบคุณกา..คาบพริกบอกไว้ทั้งหมดค่ะ จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 11:53:59

ความคิดเห็นที่ 23 ถามคุณกา..คาบพริกค่ะ ที่บอกว่า  น้ำที่แช่ผัก ควรจะอยู่ในสภาวะ กรดอ่อนๆ   กรณีนี้ถ้าวัดออกมาแล้ว เป็นด่าง  เราจะต้องทำอย่างไรให้น้ำมีสภาวะกรดล่ะคะ   ช่วยอธิบายหน่อยค่ะ  หรือเราต้องไปซื้อหาสารตัวไหนเพื่อมาเติม ส่วนถ้าเป็นกรดมากไป เติมน้ำเข้าไปเยอะๆ หรือเปล่าเพื่อเจือจางสภาพความเป็นกรด เก้าไม่ค่อยรู้เรื่องทางนี้อ่ะค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 12:34:54

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ เติมน้ำส้มสายชู ได้หรือไม่ ???? จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 12:43:20

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณพี่ๆทุกท่านมากค่ะ ที่มาอธิบาย ให้เข้าใจมากขึ้น โดยเฉพาะคุณ : กา...คาบพริก  อธิบายเข้าใจง่ายดีจังค่ะ ขอบพระคุณอย่างสูงเลย แต่นุ่นคงยังไม่มีปัญญาซื้อเครื่งวัดอ่ะค่ะแพงจัง รอปลูกผักให้งอกก่อน ค่อยว่าวันใหม่ ช่วงนี้คงมีคำถามมาเรื่อยๆนะขอยังไงต้องขอรบกวนพี่ๆทุกคนด้วยนะคะ คุณ : anavrin พูดถึงการแทนค่าน้ำได้ถูกจุดเลยค่ะ กำลังคิดอยู่เชียว ว่าเปล์องปุ๋ยจัง ปุ๋ยที่นุ่นซื้อมา ให้ใช้ 5 CC ต่อน้ำ 1 ลิตรแนะ  วิธีการตัดโฟมก็ยอดเยี่ยมเลยค่ะ ว่าแต่ที่เจาะโฟมนี่เป็นไงเหรอคะแล้วราคาแพงไหมเอ่ย ตอนนี้นุ่นรอให้ผักงอกออกจากเมล็ดก่อนแล้วค่อยตัดโฟมอ่ะค่ะ อรกอย่างค่อควรเว้นระยะห่างในการ เจาะโฟม แต่ละหลุมเท่าไหร่คะพี่ๆ อีกคำถาม ค่ะ ยาเร่งรากเป็นไงคะ ราคาเท่าไหร่ นู๋ไม่ได้ซื้อมาค่ะ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 54 13:12:56 จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 13:00:33

ความคิดเห็นที่ 26 สวัสดี คุณ : เจ้าปลาทอง    ช่วงนี้ไม่ได้ถ่ายขนมเลยค่ะ ทำอะไรนานๆไม่ได้หมาที่บ้านใกล้คลอดลูกแล้วเลยเป็นห่วงค่ะ คุณ : The Gollum   เตรียมใจและเตรียมมือแล้วค่ะ ฮือๆๆๆ จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 13:10:38

ความคิดเห็นที่ 27 เอารูหัวเจาะมาให้ดูค่ะ  ปกติเป็นเครื่องมือช่างไม้ ใช้เจาะรูลูกบิดประตู หรือรูขนาดต่างๆ พี่ไปค้นๆในห้องไม้คุณพ่อเจอเลยลองเอามาใช้เจาะโฟมตามคำแนะนำของคุณตู้ไฟ ใช้ง่ายดี  คือต่อเข้ากับหัวสว่านไฟฟ้า แต่หากไม่เคยลองใช้เลยให้คนที่ทำเป็นทำให้ดูก่อนดีกว่าค่ะ เอารูปมาจากเวปนี้..เครดิตhttp://www.siamfishing.com/content/view.php?id=1547&cat=handmade จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 13:15:22

ความคิดเห็นที่ 28 ใจเดียวกันเลย  ถามเหมือนผมถามตอนสมัยที่อบรมเลยครับ ผมจะเล่นเอาน้ำขี้เถ้าเติม ให้มันกรดลดลงเหมือนกันครับ โดยปกติ ถ้าเป็นดินใช้อะไรเติมก็ได้ในการปรับ pH  ครับ ขอให้มันลง หรือขึ้นมาอยู่ในเรจน์ที่เราต้องการ ที่สำคัญสาร  ที่เติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบไฮโดรโปนิค ต้องสะอาดครับ ต้องไม่ใช่น้ำเชื้อโรค หรือน้ำหมัก และต้องไม่ใช่เมื่อเติมแล้ว ค่าความเข็มข้นของปุ๋ย(ค่าEC)เสียไปด้วย  ที่นิยมเติมเพื่อปรับ ค่า pH ให้มาเป็นกรดที่ใช้อยู่จะมีอยู่สองตัว คือ กรดไนตริก 68 % หรือกรดฟอสเฟอรริก ครับ ใช้ตัวใหนก็ได้ครับ ที่หาซื้อ ได้สะดวกน่ะครับ ข้อดีข้อเสียของแต่ละตัวนี่ต้องพิมพ์กันยาวเลยครับ เอาไว้ก่อนนะครับ ถ้าเป็นกรดแล้วเจือน้ำเราจะได้กรดเจือจาง แต่ยังมีคุณสมบัติเป็นกรดอยู่ครับ ผมว่าเปลี่ยนน้ำปุ๋ยไปเลยจะแก้ไขได้ถูกต้องกว่าครับ น้ำส้มสายชูเป็นน้ำหมัก ไม่นิยมใช้ในระบบไฮโดรฯ ครับ เช่นเดียวกันน้ำหมักชีวภาพ หรือน้ำ EM ก็ใช้ไม่ได้ในระบบนี้นะครับ เพราะจะทำให้ค่า EC ของปุ๋ยไม่นิ่ง ในสภาวะอุณหภูมิที่เหมาะสม เชื้อจุลลินทรี EM ขยายมีมากมีน้อยได้ในน้ำปุ๋ยครับ และในทางไฮโดรโปนิค เค้าบอกว่าน้ำหมัก EM นี่เป็นเชื้อโรคเลยครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 13:44:11

ความคิดเห็นที่ 29 ยาเร่งรากเป็นฮอโมนประเภทหนึ่งใช้กับพืช ชื่อในทางการค้ามีหลายตัว หาซื้อตัวที่ใช้กับ ผักในระบบไฮโดรโปนิค ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 13:49:32

ความคิดเห็นที่ 30 ส่วนระยะห่าง ต้องขึ้นกับชนิดของผักที่ปลูกนะคะ อย่างผักบุ้ง ผักคะน้า  พี่ใช้แก้วพลาสติกเหลือใช้ แก้วโยเกิร์ต ทรงมันสูงๆก็ห่างกันแค่5cm แต่ผักสลัดจะห่างหน่อยคือ10cm เพราะทรงมันจะเป็นพุ่มๆ  ถ้าโตแล้วมันจะเบียดกันมาก กำลังทดลองปลูกผักสลัดในแก้วทรงสูงๆไม่รู้ว่าจะบังคับทรงมันให้สูงขึ้นได้หรือเปล่าค่ะ จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 13:49:41

ความคิดเห็นที่ 31 แวะมาเก็บความรู้ค๊า จากคุณ : Schwabbbbb เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 18:21:39 A:125.27.191.87 X: TicketID:292061

ความคิดเห็นที่ 32 มาสวัสดีด้วยคนค่ะ เราเองก็ได้แรงบันดาลใจจากคุณ ตู้ไฟ007 เหมือนกันค่ะ เริ่มลองปลูกมาตั้งแต่ปลายเดือน พย. ปีที่แล้ว ตอนแรกที่เพาะเมล็ด ต้นอ่อนมันยืด หมดเลยค่ะ ก็ลองศึกษา แก้ปัญหาไปเรื่อย ๆ ค่ะ ตอนนี้กำลังปลูก ผักชี (เพาะแล้วรอดมา 3 ต้นเองค่ะ), บล๊อคเคอรี่ และผักกาดเขียว ส่วนที่กำลังลองปลูกคือพวกผักสลัดค่ะ อันนี้สภาพปัจจุบันของผักชี กับ บล๊อคเคอรี่ค่ะ แอบมีผักคอสมาต้นนึง เป็นรุ่นแรก ต้นมันยืดมากเลยค่ะ จากคุณ : Netmafia เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 00:36:55

ความคิดเห็นที่ 33 ทั้ง 3 ชนิดข้างบนอายุประมาณ 1 เดือนค่ะ บล๊อคเคอรี่ (เป็นพันธุ์ดอกเล็กนะคะ) ต้องรออีกเกือบ 2 เดือนถึงจะกินได้ กำลังคิดว่าต้องขยายที่ปลูก ไม่งั้นมันต้องเบียดกันตายแน่ ๆ เลยค่ะ เราประยุกต์จากคุณตู้ไฟ โดยใช้ถาดพลาสติก เป็นถาดสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน ลึกประมาณ 12 cm แล้วเอาตะแกรงพลาสติกขนาดช่อง 1x1 นิ้ว เอามาวางได้พอดีเลยค่ะ แล้วเราก็เพาะเมล็ดในฟองน้ำตามคุณตู้ไฟ แต่เวลาจะเอาลงแปลง ก็เอามาใส่ในถ้วยปลูกขนาด 1 นิ้วค่ะ ส่วนที่เห็นเป็นแก้วสีขาวนั่นคือ ต้นมันโตขึ้นเลยเอาแก้วมาครอบไว้ กันล้มค่ะ ตระแกรงแบบนี้ค่ะ ซื้อจากร้านขายกระถางพลาสติก แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 01:02:49 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 01:01:46 จากคุณ : Netmafia เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 00:42:25

ความคิดเห็นที่ 34 ตอนแรกใช้โฟมเจาะรูค่ะ ปรากฏว่าเราไม่มีที่เจาะ ใช้คัทเตอร์ตัดเอา อืมม์ เศษโฟมปลิวว่อน เหมือนหิมะตกในบ้านเลยค่ะ เลยประยุกต์มาเป็น ถาดสี่เหลี่ยม ตระแกรงพลาสติก แล้วคลุมทับด้วยถุงขยะสีดำ แล้วบากเป็นช่อง ๆ เพื่อเอาถ้วยปลูกวางลงไปค่ะ ไม่แน่ใจว่าจะเห็นชัดหรือเปล่า อันนี้ลองใช้ถ้วยปลูกไฮโดรโปรนิค แต่ใช้ฟองน้ำเพาะเหมือนเดิมค่ะ อันนี้ปลูกผักสลัด เราวางถาดบนราวตากผ้าเก่า เลยถือโอกาสเอาผ้ามุ้งมาคลุมกันแมลงด้วยเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 00:47:24 จากคุณ : Netmafia เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 00:47:06

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนนี้กำลังกลุ้มใจเรื่อง ตะกอนปุ๋ยน่ะค่ะ มันตกตะกอนอยู่ก้นถาด เยอะเหมือนกันทั้ง ๆ ที่เราก็แบ่งเติมปุ๋ย A B ห่างกันหลายชั่วโมง -_-! โดยรวมเราว่า เราค้นพบความสุขจากการปลูกผักพวกนี้ค่ะ เราไม่เคยปลูกอะไรมาก่อนเลยในชีวิต ข้ออ้างคือกลัวมือเปื้อน ดินเลอะ หนอน ฯลฯ แต่พอมาลองปลูกแบบไฮโดรโปนิค เพลินเลยค่ะ ทำได้ทั้งวัน ฟังเพลงไป ทำไป สุขสงบดีจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณคุณตู้ไฟค่ะ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เรา ตอนนี้ได้กินผักบุ้งที่ปลูกเองไปรอบนึงแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 01:04:20 จากคุณ : Netmafia เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 00:53:54

ความคิดเห็นที่ 36 สวัสดีค่ะทุกท่าน เห็นสมาชิกที่ปลูกผักไฮโดรเข้ามาร่วมสนทนา แชร์ความรู้ แล้วชื่นใจแทนคุณตู้ไฟจังเลยค่ะ ไอเดียของคุุณ Netmafia บรรเจิดเลย  เข้าท่ามาก เรื่องเอากระบะ กับตะแกรง  และถุงพลาสติก  โอ..มาก นิ๊งเลยค่ะ เพราะตอนเก้าใช้คัตเตอร์ตัดโฟมอ่ะ  ปลิวว่อนเหมือนกันค่ะ ตอนนี้ผักที่บ้านยังไม่ได้กางมุ้งค่ะ  เมื่อคืนคิดหลายตลบว่า จะทำยังไงดี กำลังรบพุ่งกับหนอนและเพลี๊ย   เมื่อวานคุณแฟน ไปหาน้ำส้มควันไม้มา เพื่อเอาเจือจาง แล้วก็พ่นทางใบค่ะ จะพยายามหาทางสำหรับการทำเกษตรอินทรีย์จริงๆ ไม่ใช้เคมี  แต่ถ้ามันสู้ไม่ไหว ก็ต้องคลุมมุ้ง จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 09:41:16

ความคิดเห็นที่ 37 อันนี้ผักที่เราปลูกค่ะ  โตขึ้นเยอะ หลังจากส่งการบ้านคุณตู้ไฟครั้งแรก จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 09:55:27

ความคิดเห็นที่ 38 วันที่อากาศเปลี่ยน วันกรุงเทพมีฝน มีหมอกหลายวันก่อน  เป็นวันที่เส็งเคร็งมั่กๆๆๆ เพราะเพลี้ยลง หนอนมา... กลุ้มใจมากค่ะ  ตอนนี้คือใช้ลูกวิชาลองของ มั่วหมด ทั้งน้ำยาล้างจาน, ยาฉุน, น้ำส้มควันไม้  ถ้าไม่ไหว ต้องคลุมมุ้งแล้วล่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 09:57:22

ความคิดเห็นที่ 39 ณ วันนี้ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 10:14:09

ความคิดเห็นที่ 40 ดูเพลี้ย  ทำให้เพลียใจ.. จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 10:14:56

ความคิดเห็นที่ 41 ลองซื้อน้ำส้มควันไม้มาเจือจางตามที่เค้าแนะนำมาค่ะ พ่นทางใบ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 10:16:22

ความคิดเห็นที่ 42 รุ่นใหม่  ปลูกผักสลัดค่ะ  อายุได้ 1 อาทิตย์แล้ว จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 10:17:04

ความคิดเห็นที่ 43 .. ความคืบหน้าเป็นอย่างไรจะมาโพสต์อีกค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 10:17:55

ความคิดเห็นที่ 44 เยี่ยมทุกท่านเลยครับ.. จากคุณ : คนดง คนเดิม เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 12:17:34

ความคิดเห็นที่ 45 ลงเมล็ดในฟองน้ำแช่น้ำมา2วันแล้ว(ตั้งแต่คืนวันที่13)ยังไม่มีวีแววเลยค่ะ ผิดปกติรึเปล่าคะ เดี๋ยวดึกๆมาลงรูปให้ดูนะคะ จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 12:47:10

ความคิดเห็นที่ 46 ใจเย็นๆค่ะ  บางชนิดอาจใช้เวลานิดนึงสามถึงห้าวัน มีข้อแนะนำสำหรับการเลือกซื้อเมล็ดพันธุ์นะคะ ควรสังเกตุการวางขายปกติแล้วไม่ควรซื้อเมล็ดพันธุ์จากร้านค้าที่เอาแผงเมล็ดมาโชว์หน้าร้าน เพราะโดนแดดแรงๆ จะทำให้เมล้ดพันธุ์มีโอกาสงอกต่ำมากๆ ร้านค้าที่รู้จริงจะเก็บซองไว้ในที่ร่ม เย็น โชว์แต่ตัวอย่าง ยกเว้นว่าร้านนั้นจะขายได้เร็ว จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 13:36:44

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ kaoim ผมขออนุญาต แนะนำเรื่องน้ำส้มควันไม้เล็กน้อยนะครับ กรณีไล่แมลงและฆ่าหนอนจากตัวมอสเล็กๆ เท่าที่ผมใช้สารพวกนี้ เราต้องผสมสารจับใบลงไปด้วยครับ ไม่งั้นแล้วน้ำส้มควันไม้จะระเหย ไปหมดอยู่ได้ไม่นานครับ โดยเฉพาะถ้ามีฝนตก หรือเราสปริงเกอร์รดน้ำ ยิ่งหมดฤทธิ์ไปเร็วมากครับ เท่าที่ผมได้ทดลองใช้น้ำมันมะพร้าวผสมเป็นสารตัวจับใบก็ใช้การได้ดีครับ สูตรที่ผมใช้ ในฟ๊อกกี้ขนาดหนึ่งลิตร น้ำส้มควันไม้ 5cc น้ำสะเดาสกัด 5cc น้ำแช่ยาสูบ 10cc และ น้ำมันมะพร้าว 5cc ระหว่างฉีดเราต้องเขย่าขวดไปด้วยนะครับ ตอนหลังผมทดลองใช้ สารจับใบทั่วๆไปของ บ.ขายตรง ยี่ห้อหนึ่ง ผสมแทน น้ำมันมะพร้าวเขย่าขวดครั้งเดียวตอนแรกหลังจากนั้นก็ฉีดได้ตลอด ก็ใช้ได้ครับ คุณkaoim ลองดูอีกครั้งนะครับ ของผมตอนนี้หมดปัญหาเรื่องแมลงไปแล้วครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 14:08:46

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณคุณกา..มากค่ะ เก้าเข้าใจแล้วค่ะ  พอดีมีน้ำมันมะพร้าวที่ซื้อไว้ขวดนึงจะนำมาลองผสมลงในน้ำส้มควันไม้ เมื่อเช้าตอนที่ลองไปพ่นๆ  เห็นเจ้าแมลงวันทอง บนมาวนเวียน  แหมๆ ...หนอยแน่ อย่าได้ landing ลงมาเด็ดขาด ปล.  วันนี้ไปเดินๆ  ได้น้ำยาเร่งราก เร่งใบมาอีกขวด อิอิ แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 54 19:54:34 จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 19:45:33

ความคิดเห็นที่ 49 สูตรไล่แมลงของคุณกา..คาบพริก น่าสนใจมากเลยค่ะ ตอนนี้เพิ่งเจอวิธีกำจัดหนอน แต่กว่าจะเจอคือโดนแทะไปบางส่วนแล้วโดยเฉพาะใบอ่อนกลางต้น ถ้าเจอก็จะจับแช่น้ำให้หนอนจมน้ำตาย  ไม่รู้รูปจะเล็กไปหรือเปล่านะคะ จับแช่สิบห้านาทีหนอนจมน้ำตายหมด วันก่อนเพิ่งสังเกตุเห็นใบมีสีซีดเป็นจุดๆประปรายทั่วใบ เอามือลูบๆติดเป็นสีแดงๆน่าจะเป็นเพลี้ยอีกแบบหรือเปล่าคะ พอดีลูกเข้าโรงพยาบาลอีกรอบเลยทิ้งไว้ไม่ได้กลับไปดู เดี๋ยวจะลองสูตรนี้ดูค่ะ จะได้กันทั้งเพลี้ยทั้งหนอน จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 20:06:01

ความคิดเห็นที่ 50 แงๆๆๆ วันนี้วันอะไรเนี่ยหมาที่บ้านคลอดลูกก็กินลูก ต้นไม้ใบหย้าไม่ได้ดูพาแม่หมาไปผ่าคลอดก่อนนะคะ เครียดจริง จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 54 21:11:44

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ anavrin คะ  เวลาเก้าเจอพวกที่เป็นผงดำๆ  เกาะอยู่เป็นกระจุกๆ ตรงกลางลำต้น แถวๆ ใบอ่อนนะ  เก้าคิดว่ามันน่าจะเป็นพวกหนอน หรืออะไรก็ไม่รู้  ใช้วิธีอย่างนี้ค่ะ ยกแก้วที่เราปลูกต้นนั้นออกมา  ยกคว่ำลง เอาสายยางฉีดน้ำ (อย่าแรงมากค่ะ) ให้พวกดำๆ หรือหนอน หลุดออกมาจากต้นให้หมด  (เนื่องจากเก้าไม่อยากฆ่าสัตว์ค่ะ T^T เลยจำต้องใช้วิธีไล่ด้วยน้ำให้มันออกไป)  แล้วค่อยนำแก้วผัก กลับไปใส่ไว้ในหลุมตามเดิม  ใช้ได้ดีเหมือนกัน เช้าวันนี้ เก้าลองเอาน้ำมันมะพร้าวผสมลงไปในขวดที่ผสมน้ำส้มควันไม้ + ยาฉุนค่ะ   อากาศมันหนาวอ่ะ  น้ำมันมะพร้าวเป็นไขเลย 55555 แต่เจ้าแมลงวันนี่มันร้ายจริงๆ นะคะ  ขนาดเราฉีดๆ พ่นๆ ไปนี่  มันยังคอยจะเกาะใบผักให้ได้เลยค่ะ  เฮ้อ... จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 09:39:04

ความคิดเห็นที่ 52 นำมาฝากกันค่ะ.. ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะได้ผลแค่ไหน  แต่ทุกอย่างน่าทดลองทำทั้งนั้น "เพื่อผลิตผลและความรุ่งเรืองของเกษตรกร ในอนาคต" แมลงวันทอง หรือ แมลงวันผลไม้  เป็นศัตรูพืชที่สำคัญอย่างหนึ่งของเกษตรกรที่ปลูกพืชผักและผลไม้ต่างๆ  ซึ่งแมลงวันทองก็มีหลายชนิด  บางชนิดเข้าทำความเสียหายให้กับผลผลิตของเกษตรกรตั้งแต่ผลไม้ยังมีขนาดเล็ก จนถึงผลไม้ที่สุกแก่  บางชนิดเข้าทำลายพืชผักต่างๆ เกษตรกรต่างก็มีวีการ ในการป้องกันกำจัดได้หลายวิธี เช่น การทำกับดักเหยื่อล่อ          เหยื่อล่อแมลงวันทองนั้น  มีทั้งเป็นสารสังเคราะห์ที่มีวางจำหน่าย  และเกษตรกรยังสามารถใช้พืชสมุนไพรต่างๆ มาเป็นเหยื่อล่อได้อีกด้วย เช่น กระเพรา ,พลับพลึง , เล็บมือนาง , เดหลีใบกล้วย ฯลฯ  โดยพืชเหล่านี้จะมีกลิ่นคล้ายกลิ่นของแมลงวันทองเพศเมีย  ดังนั้นการใช้สมุนไพรที่ดึงดูดแมลงวันทองจะสามารถกำจัดได้เฉพาะแมลงวันทองเพศผู้เท่านั้น          นอกจากนี้ยังมีพืชสมุนไพรที่มีพิษต่อแมลงวันทอง เช่น มีกลิ่นที่แมลงวันทองไม่ชอบ หรือมีพิษต่อแมลงวันทอง  ดังนั้นการใช้สมุนไพรที่ป้องกันและกำจัดแมลงวันทองจะเป็นการไล่หรือป้องกันการวางไข่ของแมงวันทอง  ได้แก่  ข่า ข่า          ส่วนที่ใช้  :  เหง้า วิธีการใช้          วิธีที่ 1)  ตำ ข่า 200 กรัม เมล็ดสะเดา 200 กรัม ตะไคร้หอม 200 กรัม แช่ผสมกันในน้ำ 20 ลิตร สารสกัดที่ได้ 1 ลิตร ผสมน้ำ 1 ปี๊บ ฉีดฆ่าแมลงศัตรูพืช          วิธีที่ 2)  ตำข่าแก่ 1 กิโลกรัม แช่ในน้ำ  20  ลิตร  นาน  1  คืน  นำน้ำที่ได้ไปฉีดพ่น ฉีดทุกๆ  5  วัน เพื่อป้องกันแมลงวันทองมาวางไข่ ที่มา gotoknow.org/blog/kasetchan/209736 จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 09:43:37

ความคิดเห็นที่ 53 หนอนที่คุณเก้าเจอน่าจะเป็นหนอนผีเสื้อแบบเดียวกัน  บางทีมูลมันเขียวๆ บางทีเห็นมูลดำๆ แต่ตอนถามน้องนิสิตที่ไปออกบูทงานเกษตรเขาบอกว่าเป็นจำพวกหนอนเจาะใบเหมือนกันค่ะ เคยเอาน้ำฉีดเหมือนกันค่ะแต่มันไม่หมด  คุณเก้าลองสังเกตดีๆตรงขอบก้าน ขอบเส้นใบหนาๆ หรือใจกลางผักมันจะเจาะทำลายฝังตัวเข้าไปแทะใบ ลำต้นจนถึงเวลาเป็นดักแด้ แค่เอาน้ำฉีดๆบางทีก็ไม่หมดค่ะ ปัญหาคือ ผักเราจะถูกทำลายจากการตัดท่อลำเลียงอาหาร เมื่อก่อนเราเคยเอาคีมคีบออกแต่ช้า เราเลยใช้วิธีจับกดน้ำ(ใจร้ายเนาะ) ตัวที่ฝังในแกนผักมันจะหนีออกมาเอง ตอนนี้จะปล่อยหรือจะทำลายก็ตามใจเลย เราเคยช้อนๆไปวางที่อื่น แต่นกกระจอกมันก็เจอจนได้ เคยปล่อยโล่งไม่กางมุ้งเพื่อให้นกมากำจัด แต่นกก็พาเพลี้ยเข้ามาติดผัก เลยจำเป็นต้องกางมุ้งแล้วคอยดูๆเอาเพราะเราว่ากำจัดหนอนง่ายกว่าเพลี้ยมากเลย(โชคดีที่ไม่กลัวหนอน)   เดี๋ยวว่าจะลองไปหาซื้อของมาทำตามสูตรคุณกา  คาบพริกดูค่ะ เคยไปขอเอกสารเกี่ยวกับงานวิจัยพิษของแบคทีเรียเพื่อกำจัดหนอนเจาะใบ ของม.เกษตร แนะนำเพื่อนๆไปหนนึงแต่ตัวเองยังไม่ลองไปซื้อมาใช้เลย  อยากได้แบบสารธรรมชาติที่พอหาได้มากกว่า เพราะเราปลูกนิดๆหน่อยๆ ( อ่านการออกฤทธิ์แล้วยังลังเลแบบว่าสยดสยองมาก ฮ่าๆเดี๋ยวลูกออกจากโรงพยาบาลแล้วจะกลับไปพิมพ์ให้ดูนะคะ) ที่เคยใช้นะคะ คือตำกระเทียมหนึ่งถ้วย แช่น้ำสะอาดไว้หนึ่งคืน  น้ำเราใช้ถ้วยนึงให้เข้มๆ แล้วกรองมาผสมน้ำลิตรหนึง เราปนน้ำสบู่ ลงไปด้วยให้จับใบหนืดๆหน่อย พ่นไล่เพลี้ย มดที่จะคาบเพลี้ยมาค่ะ  ก็พอไหวแต่แหม ตำกระเทียมทีจะขาดใจ กระเทียมแพงเลื้อเกิน.. ตอนนี้มีศัตรูตัวใหม่  หนูค่ะ คนงานมาถางหญ้าที่ว่างข้างๆบ้านสัตว์หนีข้ามมาอาศัยที่บ้านกันหมด ทั้งหนูทั้งงู เพิ่งเจอหนูมาแทะมะเขือเทศ เห็นจะๆ ตอนนี้ลามมาแทะโฟมที่ปลูก ต้องขนกระบะเข้าบ้านหมด เข้าใจเกษตรกรมากๆก็วันนี้..ทุกอย่างที่เรากินไม่ได้มาง่ายๆเลย  แต่แลกกับผักปลอดสารพิษจริงๆก็ยอมเหนื่อยค่ะ เป็นความเหนื่อยที่มีความสุข สุขแบบพอเพียงและเพียงพอ จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 12:22:28

ความคิดเห็นที่ 54 ของเราเคยเจออาการหนอนชอนใบค่ะ อาการคือใบจะเป็นเส้นขาว ๆ คดไปคดมา ที่บ้านบอกว่าให้ลองเอากระเทียมกลีบมาทุบสัก 4-5 กลีบ แล้วเอาใส่ขวดฟ๊อกกี้ เติมน้ำสัก 1/4 ขวด แล้วเขย่าแรง ๆ ให้มันผสมกัน แล้วเอาไปพ่นตามใบผักค่ะ เค้าว่ากลิ่นกระเทียมจะช่วยไล่พวกแมลง ก็ไม่รู้จะได้ผลไหม วันนี้เลยลองทำดูค่ะ ได้ผลยังไงจะมารายงานนะคะ จากคุณ : Netmafia เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 21:08:09

ความคิดเห็นที่ 55 สวัสดีค่ะ  คุณ anavrin และคุณ netmafia ชื่นใจจังเลยค่ะ ที่เพื่อนๆ ช่วยกันมาโพสต์ความคิดเห็นและก็แชร์ความรู้เรื่องผักไฮโดรฯ เมื่อวานเก้าก็งงๆ เหมือนกันว่า เกิดไรขึ้นเนี่ย  ผักฉันเหี่ยวววววว  ก่อนจะหมดแสงพระอาทิตย์รีบไปเปลี่ยนน้ำค่ะ  เข้าใจว่า น้ำจะเน่า  เลยรีบล้างกระบะขัดถูอย่างดี แล้วก็ใส่น้ำเปล่าๆ ไว้ก่อนค่ะ ยังไม่ได้ใส่ปุ๋ย เช้าวันนี้ลงไปดู  โอ..ผักกลับมาสดชื่น  เป็นเพราะเก้าไม่ได้เปลี่ยนน้ำเลยค่ะ   ได้รับบทสรุปข้อนึงว่า  เราเลี้ยงระบบน้ำนิ่งเนี่ย  ต้องมีตารางที่เปลี่ยนน้ำทั้งกระบะไว้ด้วย เพื่อป้องกันน้ำเน่า จะด้วยสาเหตุจากตะไคร่น้ำ หรือ สารละลายตกตะกอน หรืออะไรก็ตาม  อย่างที่เพื่อนๆ แนะนำในความเห็นข้างบนว่า  เปลี่ยนน้ำทุกๆ 10 วัน ส่วนเรื่องแมลง  เก้ายังสู้ด้วยยาฉุนและน้ำส้มควันไม้  ใส่น้ำมันมะพร้าวลงไปให้หนืดๆ ค่ะ ถ้ากระเทียมได้ผล เก้าก็จะลองดูด้วยนะคะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 10:26:07

ความคิดเห็นที่ 56 คิดถึงคุณตู้ไฟ จังเลยค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 10:26:27

ความคิดเห็นที่ 57 เอารูปหนอนกระทู้ใยผัก ที่ผมเลี้ยงศึกษาดูวงจรชีวิต มาให้ดูกันอีกที ครับ โตขึ้นมันจะเป็น ตัวมอสผีเสื้อกลางคืน รูปร่างหน้าตาแบบนี้ มาเที่ยวบินใข่ในแปลงผักของเราตอนกลางคืน ครับ หนอนฯไม่ชอบผักรสขมสะเดาและเมายาฉุน ครับ เมื่อกินเข้าไปแล้ว ตัวเล็กๆจะตาย ตัวใหญ่หน่อยจะเมาม้วนตัวกลมตกลงมาข้างล่าง เราก็คีบไปทิ้งครับ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 54 12:38:00 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 12:29:59

ความคิดเห็นที่ 58 ออกจากดักแด้แล้ว    เป็นตัว ผีเสื้อกลางคืน สีน้ำตาลลายๆ หน้าตาขี้เหล่น่าดู ได้ทดลองอะไรสองสามอย่าง กับเจ้านี่ เอาค๊อตต้อนบัด จุ่มสารละลายสะเดา  1:50 เข้าไปแหย่ใกล้ๆ ไม่หนี เอาค๊อตต้อนบัด อันใหม่ จุ่มสารละลายยาสูบ เข้มข้น เข้าไปแหย่ใกล้ๆ ถอยไปแอบ เอาค๊อตต้อนบัดอันใหม่ จุ่มสารละลายน้ำส้มควันไม้ 1:50 ไม่ทันจะได้แย่เลย เจ้าผีเสื้อคีเมโจด๋าย วิ่งพล่านไปรอบๆกล่อง ทำท่าจะตาย พยามขยับปีกจะบินหนี เท่าที่ทดลองสองวันที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่า เจ้านี่ไม่ชอบกลิ่น น้ำส้มควันไม้ครับ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 54 12:39:47 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 12:32:17

ความคิดเห็นที่ 59 เจ้านี่แหละตัวดีนัก หนอนกระทู้ใยผัก พอเข้าดักแด้แล้วออกมาเป็นผีเสื้อกลางคืน ข้างบน บินไข่เป็นหนอนเล็กๆไปทั่วครับ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 54 12:38:38 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 12:35:17

ความคิดเห็นที่ 60 เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ที่ทุกท่านพยายามช่วยกัน ไม่ใช้สารเคมี         ในการปราบหนอนและแมลง ทุกวันนี้ผักในตลาดผมว่าคงมีน้อยราย ที่ปลูกแบบไม่ใช้ยาฆ่าแมลง แล้วครับ ใช้สะเดา ใช้ยาฉุน ใช้น้ำส้มควันไม้ มันอาจจะได้ผลช้า หลายวันกว่าจะปราบหมด   แต่ผักที่เราได้     ให้คุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเยอะ ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 12:49:58

ความคิดเห็นที่ 61 คุณ kokang&nana ครับ รบกวนขอสถานที่จำหน่ายสาร A B จะได้ไหมครับ เบอร์โทรก็ได้ครับ ผมลงเมล็ดไว้แล้ว แต่ยังหาสาร A B ไม่ได้เลย โทรไปที่ ลาดพร้าว 71 ก็ไม่แบ่งขาย ไอ้เราก็ไม่ต้องการเยอะขนานั้น มือใหม่ด้วยลองผิดลองถูกไปก่อน ถ้าไม่เป็นการรบกวนนะครับ ขอบพระคุณครับ ป.ล.ถ้ากลัวเป็นการโฆษณาขายของนี่ครับ dang_bee@hotmail.com ขอบพระคุณอีกครั้งครับ.......... จากคุณ : dangbee เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 14:12:33 A:119.46.92.46 X: TicketID:122790

ความคิดเห็นที่ 62 ปุ๋ยน้ำ ที่เราซื้อ มีที่ข้าง ๆ อตก ตรงแถวร้านขายก๊วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู ไม่ก็ที่สนามหลวง 2 ช่วงประมาณแยกแรก ร้านหัวมุมค่ะ จากคุณ : Netmafia เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 22:18:32

ความคิดเห็นที่ 63 ช่วยดูหน่อยค่ะทำไงต่อดี จากคุณ : kokang&nana เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 22:50:45

ความคิดเห็นที่ 64 นวัตกรรมใหม่สำหรับการเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ โดยใช้นาโนจุลินทรีย์ ผลิตโดย ดร.จรูญเกียรติ ภัทรมนตรีสิน www.supernanobio.com หรือติดต่อ 081-9040545 ขอบคุณครับ จากคุณ : umponpong@yahoo.com เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 16:37:52 A:203.113.97.9 X: TicketID:303446