 |
แต่เลือกเรียนเภสัชเป็นอันดับ 2 รองจากแพทย์?
..........................เหมือนคนทั่วๆ ไปที่ต้องการความมั่นคงของชีวิต แต่เมื่อเราได้รับวิชาชีพนี้มาแล้ว เราค้นพบว่าตัวเองทำให้วิชาชีพเป็นประโยชน์ได้ ทั้งประโยชน์ตนละประโยชน์ท่าน
มาเริ่มงานที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศน์เลย ?
..........................ค่ะ
อะไรคือจุดที่ทำให้สนใจสมุนไพร
..........................ไปสอนชาวบ้านแล้วพบว่าชาว บ้านคุยกันงึมงำๆ เอ๊ะ เขาคุยอะไรกัน เขาพูดถึงต้นไม้ที่เราไม่รู้จัก เขามีความรู้มากกว่าเราตั้งเยอะ อยากรู้ไงเลยตามไปหาหมอยา เจอหมอยาทักต้นไม้เหมือนทักคน ยิ่งสงสัยว่าทำไมรู้จักต้นไม้ทุกต้นเลย ทั้งหญ้าปากควาย หญ้าคมบาง หญ้าบาดดูก คือคมบาดถึงกระดูก เกลือด่างไว้ทำน้ำด่าง หญ้าหนอนตาย ชาวบ้านเอาไปใส่หนอนในไหปลาร้าให้มันตาย
มันมีองค์ความรู้เหล่านี้ อยู่ในขณะที่เราซึ่งถูกตัดขาดจากภูมิปัญญาดั้งเดิมด้วยระบบการศึกษาแผนใหม่ เราไม่ได้รู้ว่าเรามีอะไร นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
ตั้งใจไปสอนชาวบ้าน แต่เขากลับสอนเรามากกว่า?
...........................(พยักหน้า) ยาตัวโน้นแก้อะไร ตัวนี้แก้อะไร ท่องไปไม่เคยใช้หรอก ท่องเป็นตารางเหมือนนกท่องแต่ชาวบ้านเขาใช้จริง เขารู้เรื่องเกี่ยวกับน้ำมันจากกะลามะพร้าว เราบอกน้ำมันมะพร้าวรึเปล่า เขาบอกไม่ใช่ เป็นน้ำมันจากกะลามะพร้าว เราก็หัวเราะกันเอิ๊กอ๊ากๆ ยังถามเขาว่าใช้ได้จริงเหรอ แต่ชาวบ้านใช้แก้สังคัง (เชื้อราในร่มผ้า) ตอนหลังเราถึงไปค้นพี่ก็พบว่าในนั้นมันมีสาร "ฟีนอล" ซึ่งอยู่ในซีม่าโลชั่น
เภสัชกรจึงเป็นตัวเชื่อม 2 โลก คือ วิทยาศาสตร์ (โรคภัยไข้เจ็บ,อาการ) กับภูมิปัญญาไทย (สมุนไพรไทย) นำมาพัฒนาควบคู่กันจนได้เป็นยาสมุนไพรออกมา
ย้อนกลับไปสมัยเรียนเภสัช สายงานมีทั้งเอกชนและรัฐบาลให้เลือก ทำไมจึงเลือกอย่างหลัง
...........................ธรรมชาติตัวเองเป็นคนชอบความรู้ มีความสุขที่ได้อ่านหนังสือ เอาตรงนี้มาช่วยเพื่อนทางวิชาการ สำหรับตัวเองมันคือความสุข
ตอนนั้นเภสัชก็มีทางเลือก ค่อนข้างเยอะ ตัวเองตัดสินใจไปทำงานที่บ้านนอก ส่วนหนึ่งคือใกล้บ้าน ตอนนั้นโรงพยาบาลยังไม่มีตำแหน่ง แต่ก็ไป
เราเองก็มีเพื่อนเป็นเซลล์ เป็นผู้จัดการใหญ่ๆ ของบริษัทยาฝรั่ง เขาก็เป็นโค้ชให้เราในการทำธุรกิจเพื่อสังคม เขามีมุมมองเพื่อสังคม ทุกวันนี้ก็ทำกิจกรรมด้วยกัน เพื่อนๆ อาจจะเห็นว่ามาทำอย่างเรามันเหนื่อย ขณะเดียวกันเขาเองก็มีความจำเป็นทางบ้านที่จะต้องไปทำงานเอกชน แต่จิตสาธารณะเขาก็มีอยู่ ถึงเขาอยู่ในอาชีพที่เหมือนไม่ได้ทำประโยชน์ แต่เขาก็ยังทำงานช่วยเด็กอ่อน ไปทำประโยชน์อื่นๆ นอกเหนือจากงานเขา
ยอมรับว่าตัวเองอายเรื่อง ขายของ พอเราทำสมุนไพรออกมาขายแต่ไม่กล้าขาย ก็ได้เพื่อนเนี่ยแหละ ถามว่า "แกรู้สึกว่าของแกดีไหม ถ้ารู้สึกว่าของแกดีทำไมไม่อยากให้คนอื่นใช้ของดีๆ บ้าง" จากคำพูดนี้ ทำให้เรายืนขายของได้
ถึงแม้ว่าเภสัชมีความแตก ต่าง แต่ในความเป็นมนุษย์มีความดีความงาม แม้ว่าเขาจะต้องไปทำบทบาทอื่นๆ เพราะเงื่อนไขชีวิตเขาเป็นแบบนั้น แต่ในมิติหนึ่งเขามีความเป็นมนุษย์ ได้ทำหน้าที่เกื้อกูลประโยชน์ตนประโยชน์ท่านในวิถีอื่นๆ
จากคุณ |
:
ญี่ปุ่น35
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ม.ค. 54 00:56:32
|
|
|
|
 |