PANTIP.COM : J10253093 "ชะมดเช็ด" ไขกิโลละ 2-4 แสนบาท วันนี้...เตรียมเพาะพันธุ์ได้ในเชิงพาณิชย์ [มุมเกษตรกร]

ความคิดเห็นที่ 1

haha หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้ามาส่งเสริม

...........................จากราคา ′เช็ดชะมด′ หรือ ′ไขชะมด′เป็นที่ล่อตาล่อใจของคนเลี้ยง จึงส่งผลทำให้เกิดความต้องการเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการอนุรักษ์สายพันธุ์ให้คงไว้และขยายเพิ่มมากยิ่งขึ้นต่อไป หน่วยงานภาครัฐและเอกชนจึงเข้ามาส่งเสริมการเพาะเลี้ยงและการขยายพันธุ์ชะมด อย่างจริงจัง และให้ถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย เพื่อต้องการให้ไขชะมดเข้าสู่ระดับอุตสาหกรรมต่อไป ′สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ′ หรือ (สพภ.) มีโครงการส่งเสริมพัฒนาสัตว์ป่าที่เพาะพันธุ์ได้ในเชิงพาณิชย์ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของธุรกิจการเลี้ยงชะมด ซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่ให้ไขมีขี้ค่าอยู่ในขณะนี้

ดังนั้น เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สพภ.ได้นัดหมายกลุ่มผู้สื่อข่าวเพื่อพาเดินทางเข้าไปทำข่าวที่ "สถานีการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ฟาร์มเพาะเลี้ยงชะมดป้าน้อย อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี กาแฟที่ได้จากชะมดไร่กาแฟคุณหญิง อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี" เพื่อให้ได้ทราบข้อขี้ที่แท้จริงให้มากที่สุดเกี่ยวกับสถานการณ์การเลี้ยง การขยายพันธุ์ การมีไว้ครอบครอง การแปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากขี้ชะมดเช็ดที่ดื่มกาแฟเข้าไป และทราบถึงลักษณะการตลาดที่ยังเปิดกว้างอยู่ รวมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริมให้ธุรกิจการเลี้ยงชะมดเช็ดพัฒนายิ่งๆ ขึ้นไป

ดร.ชวาล ทัฬหิกรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรชีวภาพได้กล่าวถึงบทบาทของ สพภ. ทางด้านการเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ว่า ชะมดเช็ดเป็นสัตว์ป่าที่สามารถสร้างรายได้ให้กับคนเลี้ยงได้เป็นอย่างสูง กิโลหนึ่งราคาเริ่มตั้งแต่ 2-4 แสนบาท ที่สำคัญ...ใช้พื้นที่เลี้ยงไม่มากมายนัก ประเทศไทยเองมีความหลากหลายทางชีวภาพสูงอยู่แล้ว ซึ่งเหมาะต่อการดำรงชีวิตของชะมดเช็ดเป็นอย่างดี และถ้าหากจะเปรียบเทียบราคาไขชะมดเช็ดดูแล้วจะสูงกว่าราคาสัตว์ชนิดอื่นๆ อย่างลิบลับ เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่มีการส่งเสริมการเลี้ยงอย่างเป็นรูปธรรมเท่านั้นเอง การที่ สพภ. พาสื่อมวลชนมาดูในครั้งนี้ เพราะต้องการให้เห็นว่า การเลี้ยงชะมดเช็ดไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด แต่อาจจะขยายพันธุ์ได้ยากอยู่ เพราะคนเลี้ยงยังไม่เข้าใจลักษณะนิสัยโดยธรรมชาติของเขา ในขณะนี้สถานีการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยทราย อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี กำลังทำการวิจัยในเรื่องการขยายพันธุ์ ซึ่งน่าจะเห็นผลได้ในเร็ววันนี้

ขณะนี้ สพภ. กำลังประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุทยานฯ ที่ดูแลจำนวนประชากรชะมดเช็ด ในเมื่อกฎหมายผ่อนปรนให้เลี้ยงเชิงพาณิชย์ได้แล้ว ต่อไปจะให้การสนับสนุนพันธุ์ชะมดเช็ดอย่างไร และเพียงพอหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาการจับชะมดเช็ดจากป่าทำให้ไม่ทราบอายุของสัตว์อย่างแน่ชัด ประกอบกับลักษณะนิสัยอันดุร้ายทำให้การจับต้องตัวชะมดยากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้ไม่ทราบเพศ ซึ่งก็ทำให้เกิดปัญหาทางด้านการจัดการด้านผสมพันธุ์เป็นแบบแผน หรือมีการเพาะพันธุ์บ้างแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร อย่างเช่น ′ฟาร์มป้าน้อย′ ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

แต่ถ้าหากว่าจะยุ่งยากมากเกินไป สพภ. คิดว่าสามารถนำเข้ามาจากประเทศลาวและประเทศกัมพูชาได้ เพราะระเบียบกฎหมายได้ระบุไว้ว่าสามารถนำเข้ามาเลี้ยงได้ ในที่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าพันธุ์ชะมดในประเทศไทยขาดแคลน แต่อาจจะติดปัญหาตรงที่เกิดความยุ่งยากตามกฎระเบียบของกรมอุทยานฯ หรือมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งก็ไม่มั่นใจว่าจะสนับสนุนได้มากน้อยแค่ไหน การปรึกษาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้รับความเห็นด้วย แต่จะเน้นไปทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจมากกว่า ซึ่งจะแตกต่างไปจากปัจจัยการพัฒนาสายพันธุ์ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับกรมอุทยานฯ ด้วยว่า จะสามารถจับมาเพื่อขยายพันธุ์ได้หรือไม่

"ในส่วนของ สพภ. เองก็มองเห็นว่า การนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำมาขยายพันธุ์ พร้อมกับการพัฒนาไปด้วยในอนาคต เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในขณะนี้ จุดประสงค์หลักก็เพื่อทำให้เป็นระบบ ไม่ใช่ทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ใต้ดิน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะสูญเสียโอกาสการเลี้ยงให้ถูกกฎหมาย และยังสามารถช่วยทางด้านการอนุรักษ์ได้อีกด้วย ดังนั้น ขณะนี้ก็อยู่ในช่วงการสัมมนากันกับทุกฝ่ายให้เข้ามาถกปัญหาในทุกๆ เรื่อง รวมถึงทางด้านการตลาดที่ขายเช็ดชะมดได้ราคาสูง รวมถึงผู้ประกอบการที่นำไปผลิตเป็นน้ำหอมหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่ง สพภ. มีกำหนดการจัดสัมมนาขึ้น ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์"

นั่นก็คือ ความคิดเห็นของ ดร.ชวาล ที่ได้ให้สัมภาษณ์ในนามของ สพภ. ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นให้การสนับสนุนทางด้านการส่งเสริมและการเลี้ยงให้ เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น การนำเข้าจึงเป็นทางเลือกแรกในจุดเริ่มต้นทางด้านการพัฒนาสายพันธุ์ชะมดเช็ด ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจอยู่แล้วในขณะนี้ แต่จะทำอย่างไร ให้มีมาตรฐานที่ดีต่อไปในอนาคตเท่านั้นเอง

จากคุณ : ญี่ปุ่น35

เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 01:32:09

ความคิดเห็นที่ 3

...........................จากนั้น คณะผู้สื่อข่าวก็เดินทางเข้าไปดูวิธีการเลี้ยงชะมดเช็ดให้เห็นกับตา โดยมีเจ้าของฟาร์มชื่อ คุณพจนีย์ น้อยปิ่น หรือ คุณเอ คนรุ่นใหม่ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีออกมาหมาดๆ แต่ไม่ได้มุ่งหวังที่จะหางานทำตามสาขาที่ตัวเองจบออกมา เธอกลับมองเห็นอาชีพ ′การทำฟาร์มเลี้ยงชะมด′ซึ่งเป็นอาชีพที่เป็นมรดกตกทอดมากว่า 50 ปี ซึ่งเริ่มต้นจากทวดของเธอ ในครั้งแรกที่เริ่มเลี้ยงได้ไปขอซื้อมาจากชนเผ่ากะเหรี่ยงจนถึงปัจจุบันได้ ขอซื้อมาตัวละ 2,000-3,000 บาท ในช่วงแรกต้องปรับเปลี่ยนนิสัยการกินของเขาให้ได้ก่อน เพราะเป็นสัตว์ป่า ยังไม่คุ้นเคยกับความเป็นอยู่ที่มีคนพลุกพล่าน

ปัจจุบัน ′ฟาร์มชะมดเช็ดป้าน้อย′ สามารถจำหน่ายพ่อ-แม่พันธุ์ได้แล้ว ซึ่งกำหนดราคาอยู่ที่คู่ละ 10,000 บาท ทางด้านการขยายพันธุ์ได้พยายามทำเรื่อยมาแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จสักครั้ง คุณลุงผง หอมระรื่น ซึ่งเป็นคุณตาของคุณเอยังตั้งข้อสังเกตว่า ชะมดเช็ดจะใช้ระยะเวลาตั้งท้องนานประมาณ 2 เดือน ลูกที่คลอดออกมาจะได้ครั้งละ 3-5 ตัว มีรอบวงจรชีวิตอยู่ที่ 8-9 ปี ส่วนสาเหตุที่ไม่สามารถขยายพันธุ์ได้นั้น ทุกคนที่ร่วมเดินทางไปในวันนั้นก็ได้ประจักษ์ว่า "ชะมดเช็ด" จะคาบลูกแล้ววิ่งวนอยู่ภายในกรง หรือกัดลูกจนตายเมื่อเขาเห็นคนเดินมาใกล้

"เป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องหรือนักวิจัยที่จะทำการวิจัย ศึกษาต่อไป การศึกษาการใช้ชีวิตและการดูแลรักษาว่าจะใช้ยาอะไรมาดูแลป้องกัน หรือการศึกษาเกี่ยวกับการเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็น การจัดการโรงเรือน การจัดการด้านอาหารการกินที่ถูกต้อง ความเข้าใจการเพาะขยายพันธุ์ การเก็บไขชะมดเช็ดและการตลาดที่แน่นอนและมั่นใจได้"

คุณลุงผง ผู้สืบทอดการเลี้ยงมาเป็นรุ่นที่ 2 พร้อมทั้งพกพาประสบการณ์ที่ถูกถ่ายทอดมาจากพ่ออย่างเต็มกระเป๋าได้มองเห็น ปัจจัยหลายอย่างที่ยังขาดหายไป ซึ่งถ้าหากทำได้อย่างที่กล่าวมาอย่างแท้จริง ชะมดเช็ดก็น่าจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่ได้รับความนิยมจากคนเลี้ยงกัน เป็นจำนวนมากเลยทีเดียว

haha วิธีการเพาะเลี้ยงและการดูแล

............................ต้องยอมรับว่า ′ฟาร์มชะมดป้าน้อย′ เป็นฟาร์มชะมดเช็ดฟาร์มแรกของประเทศไทยที่เลี้ยงชะมดเช็ดมากที่สุดในขณะนี้ การตัดสินใจเข้ามาดูแลกิจการฟาร์มชะมดเช็ดในครั้งนี้คุณเอยังได้กล่าวว่า เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยยุ่งยากเท่าไหร่นัก และที่สำคัญเป็นอาชีพที่สร้างเงินให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างมากทีเดียว ถึงแม้ว่าจะขยายพันธุ์ไม่ได้ เหตุผลที่เลี้ยงคุณตาได้เล่าให้คุณเอฟังว่า ′เช็ดชะมด หรือ ไขชะมด′ ตลาดมีความต้องการสูงมาก และตัวชะมดเองก็ยังหายากอีกด้วย การทำฟาร์มถือว่าเป็นอาชีพรองจากอาชีพทำนา แต่ถ้าหากจะเทียบผลตอบแทนรายได้อาชีพรองจะทำเงินให้มากกว่าถึงกิโลกรัมละ 4-5 แสนบาท ในครั้งแรก ต้องถือเป็นรายได้ที่ดีกว่าอาชีพหลักเสียอีก ปัจจุบันคุณเอเลี้ยงชะมดเช็ดไว้ในฟาร์มทั้งเพศผู้และเพศเมีย 150 กว่าตัว ซึ่งทั้ง 2 เพศ จะให้ไขเหมือนกัน การให้ไขของเพศเมียจะเป็นตัวดึงดูดความสนใจจากเพศผู้ในช่วงผสมพันธุ์ แต่ถ้ามองเข้าไปถึงปริมาณการให้ไขเพศผู้จะให้ได้มากกว่าเพศเมีย

การเลี้ยงของคุณเอจะใช้ลักษณะการเลี้ยงในกรง ซึ่งมีขนาดความกว้าง ความยาว และความสูง ประมาณ 0.90x1x0.50 เมตร โดยมีความสูงจากพื้นดินประมาณ 70-100 เมตร เพื่อไม่ให้ชะมดวิ่งชนจนทำให้ช้ำ ดังนั้นกรงขนาดเล็กจะต้องทำด้วยไม้เนื้อแข็ง หรือไม้ไผ่ขัดเรียบไม่มีเสี้ยน พื้นกรงตีด้วยไม้ระแนง และปูด้วยฟากไม้ไผ่สำหรับไว้ให้ชะมดนอน ไม้จะต้องขัดให้เรียบไม่มีเสี้ยนโดยใช้กาบมะพร้าวขัด และมี ′หลักไม้สำหรับเช็ด′ซึ่งต้องเป็นไม้ที่ไม่มียาง ไม่ดูดน้ำมัน ไม่มีสีหรือกลิ่น เช่น ′ไม้ตะแบกและไม้มูก′เหลาให้มีเหลี่ยมขัดให้เรียบ สำหรับให้ชะมดเช็ดไขของเหลว ซึ่งถ้าหากจะเลี้ยงกับพื้นดินอาจจะทำให้คุณภาพของไขของเหลวสกปรกได้

สำหรับการให้อาหารในช่วงเย็น ได้แก่ ปลากะพง โครงไก่ นำมานึ่งแล้วบด หลังจากนั้น ก็นำมาลวนให้สุกเพื่อไม่ให้มีกลิ่นเหม็น หลังจากนั้น ก็นำมาคลุกกับข้าวสุกเป็นกะละมังแล้วนำไปให้อย่างพอเหมาะ โดยจะให้อาหารวันละ 1 ครั้ง ในช่วงเย็นเวลาประมาณ 16.00 น. นอกจากนั้น ก็จะให้ ′กล้วยและจิ้งจก′ ใส่กะลาตัวเป็นๆ มาให้ ซึ่งจิ้งจกนั้นถือว่าเป็นยาให้กับชะมดเช็ดอีกด้านหนึ่ง ในช่วงเช้าตัวไหนที่ไม่กินอาหารก็จะให้ เขียด 3 ตัว ต่อชะมดเช็ด 1 ตัว หรือถ้าต้องการให้ได้ไขมากๆ จะต้องให้นมผงผสมกับไข่ซึ่งจะนำมาให้ในช่วงเช้า เฉลี่ยค่าอาหารต่อตัวอยู่ระหว่าง 2-5 บาท ต่อวัน

′หลังจากที่ได้ให้อาหารแล้ว ช่วงเช้าจะเก็บไขมันชะมดเช็ดได้ตัวละประมาณ 1 กรัม ต่อวัน แต่ก็ไม่ได้ให้เท่ากันหมดทุกตัว ปีหนึ่งรวมไขชะมดเช็ดที่เก็บได้ทั้งหมด 10 กิโลกรัม ราคาที่ได้สูงสุดเมื่อปีที่แล้ว กิโลกรัมละ 220,000 บาท ถือว่าเป็นตัวเลขที่อยู่ได้อย่างสบาย หลังจากที่ขูดไขออกจากหลักที่เสียบไว้ที่กลางกรงจะคัดเลือกขนชะมดเช็ดที่ปน มาด้วย หลังจากนั้น จะนำไปเก็บไว้ในโอ่งน้ำที่มีน้ำอยู่ด้วยเพื่อให้รักษาความเย็นเอาไว้ ซึ่งจะส่งผลทำให้ไขเป็นมันเงางาม แต่ถ้าแช่ไว้ในตู้เย็นจะทำให้ไขแข็งตัวด้านไม่เงางาม วิธีการส่งก็จะส่งทางไปรษณีย์ หรือ ขายให้กับคนที่สนใจเข้ามาซื้อในฟาร์มก็ได้ ซึ่งส่วนมากที่ซื้อไปเขาก็จะนำไปทำเป็นยา หรือถ้าจะนำไปทำน้ำหอมจะต้องใช้จำนวนมาก′

จากคุณ : ญี่ปุ่น35

เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 54 01:37:51