 |
ถ้าพอจะหาซื้อได้ก็ให้กิน Brewer Yeast เพิ่มด้วยก็ดีนะคะ ตัวนี้จะเป็นสารธรรมชาติ ให้ทั้งโปรตีนและวิตามินบี ทำให้ร่างกายสุนัขสามารถดูดซึมสารอาหารต่างๆได้ดีขึ้นด้วยค่ะ
เช้าๆ เมื่อมีแดดอ่อนๆ ก็ปล่อยให้น้องได้นอนอาบแดดเพื่อรับวิตามินดี เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น ทั้งยังทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดีขนเป็นเงางามด้วย
............................
วิธีที่ควรปฏิบัติ -ให้สุนัขกินเนื้อดิบติดกระดูก ประมาณ 60% -อีก 40% เป็นอาหารสุขภาพต่างๆที่คนรับประทาน ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ตัวอย่างเมนูบาร์ฟ
1.โครงไก่บด,หัวใจหมู,เนื้อจระเข้สับ,แครอท,ขนมปังโฮลวีต,น้ำมันมะกอก,ACV,ไข่ต้มครึ่งฟอง 2.โครงไก่บด,เนื้อบด,ทูน่าในน้ำมันพืช,ขนมปังโฮลวีต,แอ๊ปเปิ้ล,ACV,น้ำมันมะกอก 3.โครงไก่บด,หมูบด,ชีส(เชดดา,มอสซาเรลล่า,คอทเทสชีส อะไรก็ได้ค่ะ)ประมาณครึ่งแผ่น ถ้าคอทเทสก็ 1 ชต.,ข้าวโอ๊ต,น้ำผึ้ง 1/2 ชช.,น้ำมันดอกคาโนล่า 4.โครงไก่บด,เนื้อกวางบด,ข้าวโอ๊ต,สะระแหน่,น้ำมันรำข้าว,ACV,ไข่ไก่ดิบ 5.โครงไก่บด,เครื่องในวัว,ทูน่าในน้ำมันพืช,กรีนโอ้ค,มะเขือเทศ,ข้าวกล้อง,น้ำมันงา 6.โครงไก่บด,ปลาแซลมอน,ปลาทูน่า,ใบกระเพรา,ฟักทอง,ข้าวโอ๊ต,น้ำมันดอกทานตะวัน,ACV 7.ปลาทูทั้งตัว 2-3 ตัว,ปลาไข่ทั้งตัว 5-6 ตัว (ไม่ต้องหั่น) 8.เมื่อสุนัขมีฟันแท้ขึ้นครบแล้ว (อายุประมาณ 5 เดือน+-) ให้ซี่โครงหมู,แกะ,แพะปนในมื้ออาหารได้แล้วค่ะ เป็นต้น
**(ไม่มีอะไรตายตัวหรอกค่ะ เอาตามสะดวกและหมั่นสังเกตลักษณะของอุจจาระของสุนัขด้วยค่ะ) อุจจาระของสุนัขที่กิน Barf ที่ดีนั้น จะถ่ายน้อยกว่าสุนัขที่กินอาหารเม็ด เพราะร่างกายจะดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้ดีกว่า และมากกว่าอาหารเม็ด ซึ่งสูญเสียสารอาหารที่ดีหลายอย่างไปในขั้นตอนกระบวนการผลิต
อุจจาระที่ได้จึงก้อนเล็กกว่า แห้งกว่า แทบไม่มีกลิ่นเหม็น เก็บง่าย และถ่ายน้อยกว่าสุนัขที่กินอาหารเม็ด ซึ่งทางผู้ผลิตมักใส่โปรตีนที่มาจากพืช,กระดูกป่นเพื่อเพิ่มปริมาณให้ดูเยอะๆ และสุนัขต้องกินอาหารเม็ดในปริมาณที่มากกว่ากิน Barf ในความต้องการใช้สารอาหารในจำนวนที่เท่ากัน การขับถ่ายจึงมากกว่าเพราะที่กินเข้าไปเป็นกากจำนวนมาก และฟันของสุนัขที่กิน Barf ก็จะสะอาดกว่า หินปูนน้อยกว่าหรือแทบไม่มีเลย ที่สำคัญคือ ไม่มีกลิ่นปากค่ะ)
ทูน่ากระป๋องให้ใช้ชนิดในน้ำมันพืช,ในน้ำมันดอกทานตะวัน,หรือในน้ำแร่ ไม่ควรใช้ชนิดในน้ำเกลือค่ะเพราะมีโซเดียมเยอะเกินไป ทำให้ไตทำงานหนัก จะส่งผลให้เกิดโรคไตได้เมื่อสุนัขมีอายุมากขึ้น ควรให้สุนัขกินอาหารที่มีรสจืด ไม่ต้องปรุงรสชาติใดๆลงในอาหาร ไม่ว่าจะเป็น เกลือ,น้ำตาล,ซีอิ๊ว,ซอสต่างๆ เพราะอาหารสดที่สุนัขกินเป็นรสธรรมชาติที่สด อร่อยดีอยู่แล้ว และในธรรมชาติสุนัขก็ไม่สามารถปรุงรสอาหารได้เอง
ยกเว้น ในบางครั้งที่อากาศร้อน สุนัขที่ออกกำลังกายหรือฝึกฝนหรือทำงานมาอย่างหนัก อยู่ในช่วงไม่สบาย สามารถให้น้ำผึ้งหรือน้ำตาลทรายแดง Brown Sugar ได้บ้างไม่มาก และไม่ควรให้บ่อยเกินไป จนทำให้สุนัขติดหวาน
นม ในสุนัขบางตัวไม่มีน้ำย่อยที่จะใช้ย่อยแลคโตสในนมวัวก็อาจจะให้นมแพะ,นมควาย ได้
อาหารว่าง อาจจะให้กินกระดูกช่วงข้อขาหมู,ขาวัว,ซี่โครงแกะ,ซี่โครงแพะ,ซี่โครงหมู,หัวปลาแซลมอน,นม,โยเกิต ได้ตามสะดวก
ในลูกสุนัขอายุไม่เกิน 3 เดือน ให้กินวันละ 3 มื้อ + อาหารว่าง 1-2 มื้อ เช้า,กลางวัน,เย็น ของว่างช่วงสายกับบ่ายๆ ลูกสุนัขอายุไม่เกิน 6 เดือน ให้กินวันละ 2 มื้อ + อาหารว่าง 1 มื้อ เช้า,เย็น ของว่างช่วงบ่าย ลูกสุนัขอายุ 6 เดือน - 1 ปี ให้กินวัน ละ 2 มื้อ เช้า-เย็น และในสุนัขที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป ให้กินวันละ 1 มื้อ โดยดูจากกิจกรรมที่สุนัขได้ทำค่ะ
ถ้ามีเวลาว่างและไม่ยุ่งยากสำหรับคนเตรียมอาหารมากเกินไป อาจมีมื้อพิเศษเป็นนมปั่นได้ ส่วนประกอบ -นมวัว หรือ นมแพะ 100 g. -โยเกิตรสธรรมชาติ ครึ่งถ้วย -ไข่ไก่ทั้งฟอง รวมเปลือกด้วย -ผลไม้สุก -Brewer Yeast 2-3 เม็ด -น้ำมันพืช (ตามที่มีในครัว) 1 ชช. -ACV ปลายช้อนชา นำทั้งหมดมาปั่นรวมกัน อาจให้สัปดาห์ละครั้งหรือสองสัปดาห์ครั้งก็ได้ค่ะ ตามสะดวก
**ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์และวิธีการส่วนตัว ปรับใช้เอาตามที่ตนเองสะดวก และทำแล้วเห็นผลได้จริง ตอนแรกดูเหมือนจะยุ่งยากและพอทำไปสักพักจะเป็นอัตโนมัติ และสนุกไปกับเมนูต่างๆของลูกรัก มีความสุขที่หมาตนเองสุขภาพดีจากภายในค่ะ
จากคุณ |
:
BuaKwan
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.พ. 54 16:17:57
|
|
|
|
 |