ความคิดเห็นที่ 1 น้ำประปาที่ใช้ก่อนผสมปุ๋ย AB  ลองวัดค่า pH ดู ได้ประมาณ 6 กว่าๆ ค่ะ ลองเปลี่ยนน้ำที่ปลูก เปลี่ยนค่าปุ๋ย วัดด้วยเครื่อง EC เลย นี่เป็นผลจากที่เก้าวัดค่าปุ๋ยอย่างจริงจัง อันนี้ผัก lot 3 ค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 09:44:41

ความคิดเห็นที่ 2 มาดูผัก lot 2 ค่ะ  อายุได้ 1 เดือน จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 09:46:08

ความคิดเห็นที่ 3 เก้าเปลี่ยนตัวถ้วยที่ปลูกด้วยค่ะ  แต่เดิมเป็นถ้วยทรงแคบยาว  เป็นถ้วยทรงเตี้ยปากกว้างหน่อย ส่วนเจ้าคอสก็ต้องเอาถ้วยกาแฟมาประคองต้น จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 09:47:25

ความคิดเห็นที่ 4 ชอบมากๆ คือบัตเตอร์เฮด มันจวนจะสวยแล้วค่ะ  ถึงแม้ว่ายังไม่สวยเหมือนของคนอื่น จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 09:48:31

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนกรีนโอค ยังสงสัยอยู่ค่ะ  ทำไมต้นมันยืดจังคะ  ทั้งๆ ที่แดดก็นับว่าแดดจัดนะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 09:50:08

ความคิดเห็นที่ 6 อันนี้ผักบัตเตอร์เฮด lot 1 ค่ะ  หลังจากที่ต้นอื่นๆ เก้าขาย แล้วก็กินไปหมดแล้ว เหลือเจ้านี่ไว้ ปลูกในน้ำเปล่ามานานนนน... มันกลับงอกใบอ่อน โตขึ้นอ่ะ ปลูกบัตเตอร์เฮดแล้วงงๆ กับอัตราการเจริญเติบโตของมันจังค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 09:52:01

ความคิดเห็นที่ 7 หมดแล้วค่ะ... เก้ากำลังมีผัก lot 4 ยังเป็นต้นอ่อนๆ อยู่  (lot นี้เผลอลืมเอาไปโดนแดด เลยต้นยืดไปเลย) กับ lot 5 ที่เพิ่งเริ่มเพาะเมื่อวานนี้ วันนี้จะไปซื้อไตโครเดอร์ม่าสักทีค่ะ  ส่วนเรื่องเรือนกางมุ้ง  เก็บไว้ก่อนค่ะ  หลังจากที่ใช้สารสกัดสะเดา + น้ำส้มควันไม้  พ่นแล้วเอาอยู่ค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 09:54:11

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าว่าง ๆ รบกวนคุณ kaoim ทำรีวิวให้ดูตั้งแต่เริ่มปลูกเลยซิคะ เห็นแล้วอยากปลูกมั่งจังค่ะ ^^ จากคุณ : chinmom เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 10:59:05

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ คุณ chinmon สามารถดูวิธีการปลูกได้จากกระทู้คุณตู้ไฟค่ะ http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2010/10/J9802240/J9802240.html ละเอียดที่สุดเลยอ่ะ เก้าทำตามแบบคุณตู้ไฟค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 13 มี.ค. 54 13:20:19

ความคิดเห็นที่ 10 กำลังสนใจเป็นเกษตรกรประจำบ้านพอดีเลย กระทู้นี้เยี่ยมจริงๆ ^ ^ จากคุณ : ลุงเต่าน้อย เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 08:54:11

ความคิดเห็นที่ 11 กรีนโอ๊คโดยธรรมชาติเป็นไม้พุ่มใหญ่ เลี้ยงดีๆ สองขีดกว่าขึ้นไป ครับ ถ้าจะไม่ให้ยืดคุณน้องเก้าต้องเอาออกรับแดดอ่อนๆ ตั้งแต่ระยะเพาะเมล็ด(อาทิตย์แรกถึงอาทิตย์ที่สาม) คือเริ่มงอกออกมาได้ประมาณหนึ่งเซ็นต์ก็เอาออกแดดอ่อนๆ เลยครับ ระยะอนุบาล(อาทิตย์ที่สามถึงห้า)จะยืดมากเพื่อทำทรงพุ่ม ระยะเจริญเติบโต(อาทิตย์ที่ห้าถึงเจ็ด)จะยุดยืดแต่จะขยาย ทรงพุ่มออกด้านข้าง พุ่มจะเริ่มขยายใหญ่แน่นขึ้น ชอบโดนแดดนานๆ สีจะสวยพุ่มจะแน่น สองระยะนี้คุณน้องเก้าต้องอัดปุ๋ยเต็มที่ เช็คค่าปรับค่าpHอาทิตย์ ครั้ง ECวัดเช้า เย็น พยายามเลี้ยงค่า ECให้ได้ระดับสูงสุด คือ ไม่เกิน 1.8 mS ซึ่งจะเห็นว่าช่วงเช้าเราจะได้ค่า ECปกติ คือ= 1.8 แต่ช่วงเย็น  ถ้าโดนแดดจัดๆ อาจวัดได้ถึง 2 กว่าๆ คุณน้องเก้าต้องเติมน้ำเพื่อเอาค่า EC ลงให้เหลือ 1.8 mS เหมือนเดิม ถ้าปล่อยต่อไปน้ำปุ๋ยจะข้นขึ้นเรือยๆ จะทำให้ระบบรากดูดซึมสารอาหาร ทำได้ไม่ดี ครับ และถ้าทุกวันตอนเย็นวัดค่าECได้สูงขึ้นแตกต่างกับตอนเช้ามากๆ แสดงว่าผักโดนแดดมากไป และน้ำปุ๋ยเข้มข้นมากไป ในระยะเจริญเติบโต ต่อไปจะเกิด ทริบเบิน เราต้องจัดหาสแลนมากางลดแดดลงครับ  ต้องระวังด้วยครับ เราค่อยมาลดปุ๋ยลงในระยะเก็บผลิต (อาทิตย์ที่เจ็ดถึงอาทิตย์ที่เก้า) คือค่อยๆปรับลดค่า EC ให้ลงมาช้าๆ จนถึงต่ำสุดคือ 1 mS หรือ 1000 uS ครับ หรือทำแบบผม ซึ่งเลียนแบบคุณพี่ตู้ไฟ สองสามวันก่อนเก็บขาย ผมให้ น้ำเปล่าเลย ครับ ขอให้สนุกกับการปลูกผัก ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 09:04:17

ความคิดเห็นที่ 12 ดูในรูป ตัวปรับ pH  เราต้องซื้อ กรด KCL มาด้วยครับ เอามาผสมน้ำให้เจือจาง ใช้หยดในฟองน้ำเพื่อเก็บรักษา หัวโปรพแก้ว ให้เปียกชื้นอยู่เสมอด้วยครับ pH Meter  เพื่อความถูกต้อง  ควรคาลิเบรด pH=4  และ pH=7 ก่อนใช้วัดด้วยครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 09:14:30

ความคิดเห็นที่ 13 หวัดดีค่ะคุณกา... ตอนนี้ยังไม่ได้หาซื้อกรดเลยค่ะ กะว่าจะไปถามที่ร้านขายอุปกรณ์ คิดว่าเขาน่าจะมี เมื่อวานจะไปซื้อไตรโคเดอร์ม่าพอดี  ร้านก็ปิด เซ็งเลย ไม่รู้ใน ม.เกษตรบางเขน มีขายหรือเปล่า จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 12:47:55

ความคิดเห็นที่ 14 ไตรโคเดอร์ม่าชนิดน้ำใช้กับการปลูกในระบบไฮโดรโปนิค ม.เกษตร มีขาย ครับ กรด คิดว่าคงมีแต่ กรดไนตริก ที่ใช้สำหรับปรับลด pH  เคยเห็นแวบๆ กรด KCL สำหรับรักษาหัวโปรพแก้วเครื่องเช็ค pH  คิดว่า ไม่น่าจะมีขาย ใน ม.นะครับ เพราะไม่ผ่านตาเลยครับ ถ้ายังไงลองสั่งซื้อกับเจ้าที่ขายเครื่องวัด pH มาแหละครับ  น่าจะมีขาย ครับ ซื้อขวดเล็กสุดที่เค้ามีขายแหละครับ เป็นขวดใหม่ที่ยังไม่ได้เปิด จะแพ็คมาอย่างดี เพราะถ้าเกิดแตกมาระหว่างทางละก็แย่เลย ครับ การใช้เราต้องเอามาเจือจางน้ำ ขนาดความเข้มข้น ตามคู่มือที่บอก ผสมเจือจางแล้ว  จะเยอะใช้ได้นานเลย ครับ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 13:36:55 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 13:30:13

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ กรดพวกนี้ ทั้งฟอสฟอริก หรือ ไนตรก  รวมทั้ง KCL มีอันตรายแค่ไหนคะ เวลาที่ใช้ควรจะต้องสวมถุงมือก่อนหรือเปล่า  ถุงมือยางเพียงพอไหม หรือต้องสวมหน้ากากปิดปากปิดจมูกไหมคะ เวลาใช้ พาลไปนึกถึงกรดประเภท กรดซัลฟูริกอ่ะค่ะ ที่ฤทธิ์กัดน่าดูเลย  ที่ทำงานเก้าเขาใช้ กรดประเภทนี้ในการเปลี่ยนสภาพในบ่อบำบัดน้ำเสีย  เห็นว่า ทะลุกางเกงยีนส์เลยอ่ะ ปอลิง... กรด KCL เดี๋ยวต้องไป search ว่ามันแปลว่าอะไร 555 งง จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 15:31:47

ความคิดเห็นที่ 16 ที่ถูก  มันต้องเขียน แอลตัวหลังเป็นตัวเล็กคราบ เป็น KCl ก็คือโปแตสเซียมคลอไรด์ เป็นเกลือประเภทหนึ่งครับ มีลักษณะเป็นผงละเอียดสีขาวๆ การเตรียมสารละลายเพื่อใช้เก็บรักษาหัวโปรพแก้วของเครื่องมือวัด pH ทำได้โดย ละลาย KCl 22.35 กรัม ในน้ำกลั่น 100 cc  ครับ นำสารละลายที่ได้หยดไปที่ฟองน้ำ ที่อยู่ในฝา เครื่องวัดpH สองถึงสามหยด ให้เปียกอยู่เสมอ     หลังจากเราใช้วัดค่าน้ำยาสารอาหาร มาแล้ว  ก่อนเก็บ ควรล้างหัวโปรพด้วย สารละลาย KCl ที่เราเตรียมมา แล้วถึงปิดฝาที่เราเตรียม หยดน้ำยาสารละลายKCl ไว้ที่ฟองน้ำในฝาแล้ว   ครับ   จะเป็นการรักษาหัวโปรพแก้วที่วัดpH ให้มีอายุใช้งานวัดได้ค่าที่ถูกต้อง ยาวนาน ครับ   สารละลายที่เหลือก็สามารถเก็บไว้ในตู้เย็น เอาไว้ใช้งานได้อีก ครับ โดยปกติ จะไม่ใช้น้ำธรรมดาหรือน้ำกลั่น มาแช่หัวโปรพ ครับ ต้องขออภัย พิมพ์ตอนแรกพิมพ์เพลินไปหน่อย คิดว่าคุณน้องเก้าทราบแล้วน่ะครับ สารเคมีเข้มข้น ทุกประเภท การใช้ต้องระวังมากๆ เด็กเล็ก หรือสัตว์เลี้ยง นี่ต้องอยู่ห่างๆเลยครับ ตู้เย็นเก็บรักษา พวกสารเคมี ต้องแยกต่างหากจากตู้เย็นทำกับข้าวนะครับ เดี๋ยวเผลอเอากรดฟอสฟอรริก หรือกรดไนตริก หรือสารละลาย โปแตสเซี่ยม ครอรายด์ ไปดื่มนึกว่าเป็นน้ำเห็นสีใสๆ มีหวังได้ไปเที่ยวสวรรค์แน่นอนเลย ครับ เคมีพวกนี้ต้องแยกเก็บรักษาดีๆครับ  คุณน้องเก้ายังต้องใช้อีกหลายตัวครับ ถ้าลองได้หลวมตัวเดินมาเส้นทางนี้แล้ว ครับ   ยังจะมีอีกเยอะครับรวมไปถึงสารพวก OXYGENATING AGENTเช่น hydrogen peroxide เป็นสารทำความสะอาดอุปกรณ์ไฮโดร   ในระบบไฮโดรโปนิคจะไม่ใช้โซดาไฟ หรือ โซเดียมไฮดรอกไซด์(sodium hydroxide)หรือน้ำสบู่ หรือผงซักฟอก ล้าง ทำความสะอาดอุปกรณ์ ครับ เพราะมันตกค้าง และเป็นอันตรายต่อการเจริญเติบโตของผักด้วยครับ พวกนี้  ตอนมาจะขายมาแบบเข้มข้น มาทั้งนั้นครับ ขอให้คุณน้องเก้ามีความสุขกับการปลูกฝัก  ครับ แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 23:40:23 แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 54 23:08:19 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 15:57:52

ความคิดเห็นที่ 17 KCl มีจำหน่ายทั้งแบบเป็นน้ำและผงแห้ง แบบน้ำต้องนำมาเจือจางก่อนตามอัตรส่วนเอกสารที่กำกับมา เช่นเดียวกับแบบผงใช้ยากหน่อย แต่ขนส่งง่าย คนขายทางไปรษณีย์ ส่วนมากจะขายแบบเป็นผง ครับ เวลาใช้ก็ต้องมาผสมน้ำกลั่น อีกที่  ไม่ต้องชั่งแบบเป๊ะ ทศนิยม สองตำแหน่ง ก็ใช้ได้ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 14 มี.ค. 54 23:53:22

ความคิดเห็นที่ 18 ในการล้างอุปกรณ์พวก รางปลูก แต่อย่างระบบน้ำนิ่งที่เก้าใช้ คือกระบะ หรือกาละมัง พวกนี้ใช้อะไรล้างดีที่สุดคะ  จำเป็นต้องฆ่าเชื้อโรค เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา อะไรทำนองเนี้ยไหม เก้าเคยอ่าน เพื่อนๆ สมาชิกปลูกผักใช้ไฮเตอร์ล้างกระบะ  เก้าใช้แต่ผงซักฟอกธรรมดา แล้วก็พยายามขัดเอาพวกตะไคร่น้ำออกให้หมดอ่ะค่ะ กำลังคิดว่า ใช้พวก เดทตอล ได้ไหมคะ เพื่อฆ่าเชื้อโรค ? ส่วนพวกแก้วน้ำถ้ามันพังก็ไม่ได้ใช้ซ้ำค่ะ เพราะเราซื้อมาไม่กี่บาท ซื้อเอาใหม่ได้ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 12:55:35

ความคิดเห็นที่ 19 ระบบไฮโดรโปนิคจะมีน้ำยาเฉพาะล้างครับ โดยจะกำจัดพวกรา ตกค้าง ผังแน่นต่างๆ ได้ดี ครับ ชื่อการค้าอาจแตกต่างกันไป แต่รวมๆแล้วจะอยู่ในกลุ่ม ของ OXYGENATING AGENT ครับ นอกจากจะฆ่าเชื้อต่างๆ  ฆ่าไข่หนอนที่ทำลายรากชนิดต่างๆแล้ว ยังจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยน อ๊อกซิเจ่นในระบบรากได้ดีขึ้น ในการปลูกครั้งต่อๆไป ครับ ตัวอย่างน้ำยาพวกนี้ที่เห็นง่ายที่สุด  คือ น้ำยาล้างแผล ไฮโดรเย่น เปอร์อ๊อกไซย์ด ใช้ร่วมกับการตากแดดจัดๆ หลายๆครั้งก่อนปลูกครั้งใหม่ จะดีกว่าการใช้เดทตอลครับ ในรูปเป็นน้ำยาOXYGENATINGของ บ.หนึ่งที่ผมใช้ของเค้า อยู่ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 14:40:27

ความคิดเห็นที่ 20 แต่ถ้าเราปลูกไม่เยอะ ปลูกเล่นๆเป็นแค่งานอดิเรก ปลูกพอให้เป็นผักประดับสวยงาม ผมว่าล้างทำความสะอาดภาชนะ แบบคุณเก้าว่า ก็คงจะพอครับ แต่อาจเพิ่มโดยการตากแดดจัดๆ สักสองสามแดดก็คงพอแล้วละครับ อย่าไปลงทุนมากๆ ค่อยเป็นค่อยไป ได้แค่ใหนเอาแค่นั้น สบายใจ ดีกว่าครับ คุณน้องเก้าว่าจริงใหม จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 16:25:09

ความคิดเห็นที่ 21 มีแนะนำที่จัดอบรมเกี่ยวกับไฮโดรโพนิกส์ไหมครับ จากประสบการณ์ที่คิดว่า เวิร์ค นะครับ พวกอบรมตามกระแส ไม่เอา อิๆ ขอบคุณคับ จากคุณ : JayMelb เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 17:25:14

ความคิดเห็นที่ 22 ^ ^ ^ ที่ ม.เกษตร บางเขน มีเปิดเป็นคราวๆไปครับต้องเข้าไปดูประกาศในเวป บ่อยๆ ครับ เมื่อสามปีที่แล้วผมก็อบรมจากที่นี่ครับ ค่าอบรมรู้สึกว่าจะ สามพัน จะรู้เรื่องทฤษฎีต่างๆ ระบบต่างๆของไฮโดรโปรนิคแต่ละระบบทำงานอย่างไร การดูดซึมสารอาหารของรากในรูปแบบการแลกเปลี่ยนประจุไออ้อน  องค์ ประกอบสารละลายอาหาร  ปุ๋ยธาตุอาหารต่างๆที่ผักต้องการ ธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และจุลธาตุ มีอะไรบ้างแต่ละตัวมีผลกับผักอย่างไร  มากไปเกิดผล อะไร น้อยไปเกิดอะไร   ระยะต่างๆของความเจริญเติบโตของผัก  การใช้เครื่องมือวัดต่างๆ  โรคต่างๆ และการแก้ไข  แมลงและการใช้ยาและสารชีวภาพกำจัดแมลง   ฯลฯ เรียนสามวัน ฟังไม่ทันหรอก ต้องอัดเทปเอา มาเปิดฟัง มาจดบันทึก  ทำความเข้าใจที่หลัง ครับ อบรมที่นี่ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นที่จะก้าวเข้ามาสู่วงการไฮโดรโปนิค ครับ ไม่รู้ว่ารุ่นหลังๆหลักสูตรอบรมจะเปลี่ยนไปหรือเปล่าเพราะเห็นน้องๆหลายท่าน บ่นๆว่าเรียนไม่ค่อยรู้เรือง  แต่ตอนที่ผมเรียมอาจารย์สอนสนุก มันมากครับ ถ้าชอบก็ค่อยๆหาที่อบรมขั้นแอ๊ดวานซ์ต่อไป เรื่องการเลี้ยงแบบเปิด การเพาะเลี้ยงแบบปิด โรงเรือนระบบอีแว๊บ  ระบบการลดอุณหภูมิให้ผัก ฯลฯ           ของเอกชนอีกสองสามที่ ครับ แล้วค่อยๆติดต่อ ขอเข้าไปเป็นลูกมือฟารมไฮโดรเอกชน ใหญ่ๆ มีหลายที่   เพื่อหาประสบการณ์ จะได้เห็นเครื่องมือมากมาย ระบบการจ่ายน้ำปุ๋ยใหญ่ๆ สักสองสามแห่ง ค่อยๆเรียนรู้ฝึกงาน สะสมประสบการณ์ ดูงานอีก   สักระยะ แล้วค่อยมาลงทุนทำฟารมของเราตามตำราตามประสบการณ์ ที่ได้เห็น  ได้ ฝึกงานมา ในรูปแบบที่สมบูรณ์ ฝึกหาความชำนาญ การใช้เครื่องมือ การผสม ปุ๊ยสารอาหาร แต่ต้องทำในสเกลเล็กก่อน  ทำได้ดีแล้ว คุมได้ตามที่เราต้องการแล้ว ก็ค่อยๆ ขยายสู่สเกลใหญ่ต่อไปครับ หลังจากอบรมครั้งแรก  ให้ถามใจตัวเองก่อนครับ ว่าชอบจริงๆหรือเปล่า ถ้าคิดว่าไม่ใช่ ไม่ชอบ ก็หยุด   ครับ  ถ้าใช่ก็จะได้ว่ากันต่อครับ   เพราะ ต่อไปต้องลงทุนเวลา และเงิน อีกพอสมควร ครับ สำหรับผม อบรมจากสถาบันของหลวงมาสามแห่ง เพื่อปูพื้น เนื่องจากไม่มีความรู้ อะไรเลยในเรื่องไฮโดรโปนิค  ต่อมาไปอบรมกับสถาบันเอกชนที่เปิดสอน อีกสองแห่ง พบว่าบางแห่งสอนเป็นธุรกิจมากไปแบบท่านว่า  ฝึกงานกับฟารมเอกชนอีกสองแห่ง แล้วมาอยู่บ้านเฉยๆอีกหนึ่งปี ปลูกแต่ผักกับดิน ธรรมดา เพราะป๊อดกลัวจะไม่ได้ผล เหมือนที่เรียน เหมือนที่ฝึกงานมา   มาอ่านกระทู้ คุณพี่ตู้ไฟ นี่แหละ  เกิดแรงฮึด       ย้อนกลับไปหา ไปคุยกับอาจารย์ที่สอน ขอกำลังใจ  แต่โดนด่า เอาตำราเอาหนังสือไปเยอะแยะ ไม่เห็นทำซักที ทำกับดินอยู่นั่นแหละ จึงถึงได้ทำ เตาะแตะ ๆ นี่แหละ ครับ ต้นเดือนมิถุนา ผมลงทะเบียนเรียนการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ    ลงทะเบียนไปแล้ว ที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฝ่ายเทคโนโลยีการเกษตร คลอง 5   ค่าเรียน 4800  สี่วัน พร้อมอาหารกลางวัน ท่านสนใจจะไปเรียนกับผมใหมละครับ ผมกำลังจะหาเพื่อนไปเรียนอยู่ครับ ถ้าสนใจหลังไมค์มา ผมจะพิมพ์รายละเอียดส่งไปให้ ครับ ไม่กล้าชวนคุณน้องเก้า แฟนเค้าหวง ครับ แก้ไขเมื่อ 16 มี.ค. 54 08:09:04 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 15 มี.ค. 54 22:36:33

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณมากครับ น่าสนใจคับ แต่ว่า ผมอยากเรียนเรื่องไฮโดรโพนิกส์ แต่ผมไม่ได้สนใจจะเรียนเรื่องเนื้อเยื่อนิ -__-" แต่ถ้าค่าเรียนมันถูกกว่านี้หน่อย ก็น่าสนนะ ฮ่าๆๆ ปล อย่ากลัวเลยครับ เรียนมาแล้ว ก็สั่งมาเลี้ยงเล่นๆ สักถาดสิครับ บางคนยังลองผิด ลองถูก ได้ผลในระดับหนึ่งเหมือนกัน สู้ๆ ครับ อนาคตเจ้าของสวนผัก เป็นเจ้าชายผักกัน ฮ่าๆ จากคุณ : JayMelb เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 08:02:17

ความคิดเห็นที่ 24 ตัดใจทำไปแล้วครับ ซึ้อมา 4ถาด 16ราง แล้วครับ ตกถาดละ หกพันเศษ แบ่งเป็น ระบบ NFT สองถาด  DFT หนึ่งถาก DRFT อีกหนึ่งถาด ตอนนี้ปลูกได้ห้ารุ่นแล้ว ครับ ลงทุนกางมุ้ง ลงทุนสปริงเกอร ลงทุนระบบลดอุณหภูมิ ก็หมดไปหลาย เหมือนกันครับ อ่อ...ตอนนี้ขยายมี DFTเพิ่มมาอีก4ถาด เอาไว้ปลูกผักจีน และซื้อรางNFT ปลูกสลัด ยาว6เมตร  มากองไว้เตรียมขยายต่อ อีก 4เส้น ทำแล้วยิ่งทำยิ่งเพลินดี ครับ ลิงค์ มุ้งไฮโดรเล็กๆเตาะแตะๆ ของผมครับ http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2011/01/J10096316/J10096316.html ชอบจริงๆเจ้าชายสวนผัก 5555 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 08:37:59

ความคิดเห็นที่ 25 บรรยากาศภายในมุ้งเตาะแตะ ของผม ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 08:47:11

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ kaoim ปลูกได้งามจังเลยครับ ไม่ทราบว่าปลูกแบบ ระบบปิด น้ำนิ่ง หรือระบบน้ำหมุนเวียนครับ ผมเพราะเมล็ด บัตเตอร์เฮด กรีนโอค เรดโอค ไม่งอกเลย เพราะใส่ฟองน้ำครับ แต่ถ้าเพราะเมล็ดผักไทย งอกทุกหลุม แล้วถ้าฝนตกมีผลกระทบต่อผักที่ปลูกหรือเปล่าครับ ผมเห็นแถวบ้านมาจากฟาร์ม ขายต้นละ 30 บาทงามจัง คุณ กาคาบพริก มีไรดีรบขอความรู้บ้างนะครับ เกี่ยวกับการเพราะเมล็ด จากคุณ : dangbee เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 15:33:44 A:119.46.92.46 X: TicketID:122790

ความคิดเห็นที่ 27 โห  เก้ายังไม่ค่อยมีกะตังค์สำหรับไปลงทุนอบรมจริงๆ จังๆ  นี่พูดกันอย่างเปิดอก ..55 จะซื้ออุปกรณ์ที หรือจะคิดกางมุ้ง ก็รอเก็บตังค์เงินเดือนแต่ละเดือนสะสมไว้ก่อนค่ะ แล้วค่อยๆ ซื้อไปทีละอย่าง  จะสังเกตว่า เก้าค่อยๆ ถามไปทีละตัวๆ เรื่องลงทุนรางอย่างที่คุณกา..แนะมาว่า ใ้ห้ลอง NFT สักราง ก็คิดแล้วคิดอีกค่ะ  เพราะที่บ้านไม่มีเนื้อที่ เรื่องค่าไฟที่ต้องลงทุนเปิดปั๊ม ยิ่งต้องคิดหนัก  จึงต้องใช้ระบบน้ำนิ่ง ตอบคุณ dangbee ไปเลยค่ะ ว่าเก้าใช้ระบบน้ำนิ่งค่ะ  ซึ่งต้องคอยเปลี่ยนน้ำทุกๆ 20 วัน หรือคอยสังเกตอาการของผักว่า มันเริ่มไม่งาม  สังเกตน้ำในกระบะ ว่าสกปรก ไม่เห็นแผ่นฟิล์มลอยๆ อย่างที่คุณตู้ไฟสอนว่า ให้คอยสังเกตถ้าเห็นแผ่นฟิล์มสักประมาณ 30 % แสดงว่าน้ำยังมีปุ๋ยอยู่ จริงๆ เก้าสนใจเรื่องการปลูกด้วยระบบรางมาก  และก็สนใจระบบรากลอย เค้าเรียก DRFT ใช่ไหมคะ  สนใจตรงที่ว่า  รากมันดูดซึมแค่ตอนที่เราพ่นปุ๋ยลงไปเท่านั้น เป็นช่วงๆ ใช่ไหมเอ่ย  นอกนั้นรากก็ได้ใช้ออกซิเจนเต็มที่ น่าสนใจมาก ดูๆ แล้วเหมือนเลี้ยงกล้วยไม้ 555 สามสี่วันมานี้ฝนตก เซ็งเลย  เนื่องจาก ยังไม่ได้ทำโรงเรือน  ที่บ้านกำลังปรับปรุงห้องน้ำอยู่ค่ะ เลยขนกระบะผักย้ายที่ไปมา เพื่อหนีฝุ่นซีเมนต์  ไม่มีที่วางถาวร  แถมเจอฝนเข้าไปอีก  ผักที่กำลังงามๆ เลยโดนฝนกระหน่ำ  เฮ้อ... เดี๋ยวต้องลงทุนเรื่องทำเรือนเป็นอันดับต่อไปค่ะ  ตอนแรกคิดว่าจะกางมุ้งเฉยๆ  ตอนนี้เพิ่มความคิดที่ต้องเพิ่มพลาสติกใสด้านบน  เรื่องการ design เรือนกางมุ้งต้องคิดใหม่ เพราะจะทำเป็นสี่เหลี่ยมธรรมดา  ขืนกางพลาสติกเฉยๆ เจอฝนตก มันก็กลายเป็นแอ่งรับน้ำ แบบท้องช้างอีก...โอยๆ เดี๋ยวขอเวลาไปคิดก่อนค่ะ..  555 จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 21:20:48

ความคิดเห็นที่ 28 ตอบคุณdangbee ตอนนี้ผมเพาะแบบคอมเมอเชียล คือเพาะแบบการค้า แบบประหยัดลดทุนต่อต้นมากที่สุด ก็คือเพาะแบบใช้ฟองน้ำ อยู่ที่เราคุมความชื้นตอนงอกดีๆ ครับ ให้ความชื้นในกะบะเพาะ สูงที่สุดในสองสามวันแรก คือใส่น้ำเปล่าให้ฟองน้ำลอยจากพื้นกะบะ ประมาณหนึ่งเซ็นต์   แล้วเอาหนังสือพิมพ์พับหนาๆชุบน้ำให้โชกๆปิดคลุมไว้ แล้วเอาไปวางที่เย็นๆกลางวันไม่เปิดดูเลย จะเปิดดูเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น ประมาณวันที่สาม ถึงที่สี่ งอกมาแล้วสูงประมาณเซนต์นึง เอาตากแดดตอนเช้า และร่มรำไร ตอน สาย เที่ยง บ่าย และเย็น     วันที่สามถึงสี่ขณะที่เริ่มออกแดด ค่อยผสมน้ำปุ๋ยใส่ ความเข้มข้น เริ่มจาก ค่า EC=1 mS แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครั้งละ 100 uS ทุกวันจนวันที่ สิบ ค่า EC ได้ 1.6 mS ก็คงที่ไว้ เลี้ยงจนเริ่มมีใบจริงเกิดสามสี่ใบค่อยแยกเอาไปลงหลุม ปลูก ครับ อายุเมล็ดพันธุ์ ก็สำคัญครับ  ถ้าเก่ามากๆ เปอร์เซนต์ก็งอกก็จะน้อยลงเรื่อยๆ ครับ เมล็ดพันธุ์ถ้าชนิดเดียวกันแบบไม่เคลือบจะเก็บได้นานกว่าแบบเคลือบ ครับ เมล็ดพันธุ์หลังจากเอาไปเพาะแล้วที่เหลือมัดไห้แน่น ไม่ให้อากาศเข้า แล้วเอาไปเก็บไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา ที่อุณภูมิประมาณ สี่ องศาซี ครับ คุณdangbee   ถ่ายรูปแปลงผัก มาอวดกันบ้างครับ ------------------------------------------- ขออนุญาตเสริมความเข้าใจคุณน้องเก้านิดหนึ่งครับ DRFT หรือDynamic Root Floating Technique เป็นการปลูกผัก ที่มีรูปแบบ ผสมกันระหว่าง NFTหรือ Nutrient Film Technique  และ DFT หรือ Deep Flow Tecnique ครับ  คือปลูกในกะบะหรือราง ที่มี น้ำไหลถ่ายเท อยู่ตลอดเวลา แบบNFT และปลูกใน น้ำลึก แบบ DFT  ครับ คือปลูกในรางหรือกะบะ ที่มีระดับน้ำลึกมากกว่า NFT คือมากกว่า 0.2 ซม. แต่ยังไม่ถึง ระดับลึกสุดของ DFT คือ15 ซม.ครับ ที่นิยมจะอยู่ที่ประมาณ 10 ซม. ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม  ที่ปลูก และปริมาณ ของสารละลาย ด้วยครับ หมายถึงถ้าโดนแดดจัด อุณภูมิอากาศสูงอยู่ตลอด น้ำสารละลายที่ปลูก   ต้องลึก เพื่อรักษาอุณหภูมิของรากให้เย็นกว่าอุณภูมิอากาศภายนอก และก็ขึ้นอยู่กับขนาดกะบะหรือภาชนะบรรจุด้วยครับ ปริมาณสารละลายมาก อุณหภูมิของน้ำสารละลาย จะต้ำและจะเสถียรได้ดีกว่า  ตือไม่ขึ้นและลงเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว สังเกตุได้  ถ้าผักใบไม่เหี่ยว สลด แม้กลางวันแดดเปรี่ยงๆ แสดงว่าอุณหภู น้ำสารละลายของเรา ถูกต้อง ระดับความลึกของน้ำสารละลาย ถูกต้อง ถ้าขยายขนาดภาชนะบรรจุแล้ว เพิ่มความลึกแล้ว ปั๊มน้ำก็เดินเต็มที่แล้ว ยังเหี่ยวอยู่ คงต้องแก้ด้วยการใช้แสลนกางช่วยแล้ว ครับ โดยปกติเท่าที่เรียนมา ระบบไฮโดรโปนิคเราจะคุมน้ำให้ได้ ไม่เกิน 35 องศาC ในช่วง กลางวัน และ ไม่ควรต่ำกว่า 15 องศาC ในช่วงกลางคืน  (อ้างอิงจากหนังสือประกอบ การเรียน ของ รศ.ดร. นพดล เรียบเลิศหิรัญ เรื่องการปลูกผักไร้ดิน หน้า94) แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 54 12:24:54 แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 54 12:23:12 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 12:19:48

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณครับคุณ กา...คาบพริก ผมเป็นแค่บัตรผ่าน โพสรูปไม่ได้ขอรับ ตอนนี้ปลูก ผักกาดขาวปลี ไว้ครับ งามเหมือนกัน ใกล้จะเก็บเกี่ยวแล้ว แต่ช่วงนี้ฝนลง ยกเข้ายกออกทุกวันครับ ก่อนออกมาทำงาน แต่หนุกดีครับ ส่วนค่า EC=1 mS แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครั้งละ 100 uS ทุกวันจนวันที่ สิบ ค่า EC ได้ 1.6 mS ก็คงที่ไว้ บอกตามตรงไม่ค่อยเข้าใจครับ แต่จะพยายามเรียนรู้ 10 วันผมเปลี่ยนน้ำครั้งนึงครับ จากคุณ : dangbee เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 13:22:26 A:119.46.92.46 X: TicketID:122790

ความคิดเห็นที่ 30 แต่หนุกดีครับ ส่วนค่า EC=1 mS แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครั้งละ 100 uS ทุกวันจนวันที่ สิบ ค่า EC ได้ 1.6 mS ก็คงที่ไว้ บอกตามตรงไม่ค่อยเข้าใจครับ ====================================== คือเราเริ่มเพาะเมล็ดด้วยน้ำเปล่า ในสี่วันแรก เม็ดที่เพาะจะเริ่มมีรากดูดซึมสารอาหารได้ ในวันที่สี่โดยประมาณนะครับ ก่อนหน้านั้นเมล็ดจะใช้สารอาหารในตัวเมล็ดเอง  ในตัว ของคัพภะเองช่วยในการงอก ครับ เราเริ่มให้สารละลายAB ค่าความเข้มข้นทางไฟฟ้า (Electro Conductivity) ขนาด 1000 ไมโครซีเม็นส์/เซนติเมตร (ค่า EC   1000 uS/cm = 1 mS/cm )ในวันที่4 , ขนาด 1100 uS ในวันที่ 5 , ขนาด1200 uS ในวันที่6 ,ขนาด1300 uS ในวันที่7 , ขนาด 1400 uS ในวันที่8 , ขนาด 1500 ในวันที่9     และขนาด1600 uS (1600 uS/cm = 1.6 mS/cm) ในวันที่10 ครับ   แล้วคงที่ไว้ตลอดจนครบ วันที่20  ถึงเปลี่ยนน้ำครั้งที่สองครับ  ระยะเวลานี่โดยประมาณ นะครับ ผักแต่ละชนิดมีอัตรางอกแตกต่างกันเล็กน้อย ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 19 มี.ค. 54 09:06:54

ความคิดเห็นที่ 31 ตอบ คห.27 คุณน้องเก้า ครับ หลังคาก็ทำเป็นรูปจั่วแหลมๆซิครับ ให้คุณซะมีนั่นแหละใช้ไม้ไผ่มาผูกด้วยเอ็นตกปลาเส้นเล็กๆ ให้เป็นรูปหน้าจั่วหลังคา แล้วเอาแผ่นพลาสติกใส คลุม ใช้ไม่หนีบผ้าอลูมิเนียมหนีบตามสัน ตามมุมต่างๆ ก็อยู่ครับ มุ้งผมแรกๆก็ทำแบบนี้แหละ ไม้ไผ่กรุงเทพอาจจะหายากหน่อย อาจใช้ท่ออลูมิเนียมเล็กๆสองหุน หรือเหล็กเส้นก่อสร้างเส้นเล็กๆหุนนึง มาดัดเอาก็ได้ครับ แล้วเอาแผ่นพลาสติกใสมาคลุมก็พอกันฝนได้ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 01:00:16

ความคิดเห็นที่ 32 ู^ ^ แหะ ๆ  ก็จริงอยู่ค่ะ  ให้คุณซะมีดูภาพประกอบ ที่ใช้เหล็ก 2 หุน  แกก็ร้องโอ๊ค..คืออย่างว่าเนอะ  คนที่ไม่เคยมีหัวเป็นช่างมาก่อน  แกก็บอกแหมๆ ถ้าเคยเป็นช่างก็แล้วไป เผอิญสามีเก้าเป็นแต่คุณกุ๊กทำอาหารค่ะ เรื่องช่างซ่อมแซมอะไรเนี่ย ต้องหัดกันเยอะ นี่แอบนินทานะเนี่ย  ฝ่ายบู๊นี่เป็นเก้าเองซะมาก  ฝ่ายบุ๋นน่ะต้องคุณผู้ชาย เก้ามีคำถามมาอีกค่ะ  เรื่องของเชื้อราไตรโคเดอร์มา่  เมื่อวานเก้าไปสอยมาแระ  กระปุกระปุกเบ้อเริ่ม  พร้อมๆ กับกรดไนตริก สำหรับลด pH ได้มันที่ร้านที่อตก.เลยค่ะ สำหรับไตรโคเดอร์ม่ามันเป็นผงๆ  เก้าก็ผสมตามอัตราส่วนที่เขาระบุ  ทีนี้เกิดคำถามละค่ะ 1. วิธีใช้  ใช้ยังไงคะ  พ่น หรือหยดลงในกระบะปลูก เก้าก็ไม่รู้ละ  จับใส่ถังที่มีปั๊มสำหรับพ่นได้ก่อนล่ะ เพราะมันผสมได้ถนัดดี เขาบอกข้างกระปุกว่า พ่่นทางใบ ก็จับพ่นเลย  <---- มันใช่หรือเปล่าคะ  เราจะแก้ปัญหาที่รากไม่ใช่หรือ หรือเก้าต้องคำนวณว่า กระบะผักมีน้ำเท่าไหร่ แล้วใส่ไตรโคเดอร์มา่ลงไปตามอัตราส่วน   ช่วยไขปัญหาให้ทีค่ะ   2.  ได้เจ้ากรดไนตริกมาเรียบร้อย คิดว่าตัวนี้ไม่มีปัญหา นำมาเจือจาง ค่อยๆ หยดแล้ววัดค่า pH ใช่ไหมคะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 08:04:40

ความคิดเห็นที่ 33 จะตอบเรื่องทำหลังคา ดันตอบผิดกระทู้ :P เอามาตอบที่นี้อีกทีแล้วกันนะครับ ความคิดเห็นที่ 25     หลังคาบ้านครับ :) ของผมใช้ pvc สีฟ้า 1/2 นิ้วต่อเป็นเสา แล้วต่อปลายด้วยข้องอ 135 องศา แล้วหาท่อpvc สำหรับร้อยสายไฟตัวเล็กสุด มาต่อเข้ากับข้องอ 135 องศาสองด้าน แล้วคลุมพลาสติก   ตอนนี้ต่อเครื่องพ่นหมอกด้วยไฮโซซะไม่มี แจ้งข่าว ร้านขายเมล็ดผักไฮโดรโปนิกส์ที่อยู่ใน อตก. ย้ายไปอยู่โซนขายสัตว์เลี้ยงด้านหลังตลาด อตก. แล้วนะครับ :) จากคุณ : ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 17:58:29 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 54 21:38:59 แก้ไขเมื่อ 20 มี.ค. 54 21:38:30 จากคุณ : ผู้ชอบธรรม เป็นผู้เจริญ เขียนเมื่อ : 20 มี.ค. 54 18:37:47

ความคิดเห็นที่ 34 ตอบตุณน้องเก้า คห.32 โอมายก้อด แม่เจ้าประคุณไปซื้ออะไรมา ผมนึกว่าทราบแล้วซะอีก เชื้อราไตรโคเดอร์มา่ มีขายอยู่สองแบบ หนึ่ง:-  แบบผงส่วนมากจะใช้กับงานดิน ปลูกกับดิน โคยต้องเอาไปขยายเพาะเชื้อ ส่วนมาจะเพาะกับโยเกิด หรือข้าวสุก หรืออะไรก็ว่ากันไปครับ เราไม่ได้ใช้แบบนี้ ครับ แบบน้ำ:-  ของเราชาวไฮโดรโปนิก ใช้แบบน้ำครับ มีขายเป็นกระป๋องๆ ครับ ผสมให้เจือจางก็ใช้ได้เลย ตามรูป (ผมยืมมาจากจอมยุทธเชียง)  ครับ ผสมให้เจือจางตามคำแนะนำข้างๆกระป๋องนั่นแหละ เอาใส่ผสมทุกครั้ง  ที่เตรียมน้ำสารอาหารAB  ด้วยครับ สำหรับกรดไนตริก  ทำให้เจือจาง 5% ก่อน นำไปใช้ครับ (จำนวนเจือจางกี่%ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของกรดที่ซื้อมา ครับ) คือน้ำหนึ่งลิตร 1000 cc  ใส่กรด 50 cc แล้วเก็บใส่ขวดไว้ใช้ ครับ วิธีใช้ก็ค่อยๆเอาเข็มฉีดยา ดูดกรดที่เจือจาง5%นี้ ใส่ในสารละลายครั้งละ 30 cc แล้ววัด pH ครับ จนได้ตามที่เราต้องการ คือ 5.2 ถึง6.5  ครับ อย่าลืมข้างกระป๋องเอาสีเมจิกเขียนตัวใหญ่ๆว่า "กรด" ไว้ชัดๆด้วยนะครับ แล้วเก็บซ่อนๆหน่อย บอกซะมีด้วย เดี๋ยวซะมีเผลอเอาไปปรุงอาหาร คงได้อร่อยกันทั้งบ้านแหละ ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 08:30:38

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ^ แหม ... ดีจัง เดี๋ยวนี้มีแบบนี้ขายแล้ว (ฤ ว่ามันมีมานานแล้วล่ะนี่) ...ผมเคยแต่ซื้อเชื้อสดมาขยายเชื้อในข้าวสุก ...แบบน้ำนี้ดีครับ จะตวงจะผสมก็ง่ายหน่อย ไม่ต้องมานั่งร่อนข้าวละลายน้ำ ...อ้อ แนะนำสำหรับผู้ที่จะใช้นะครับ แบบที่เห็นในรูปข้างบนนี้ผลิตจากผู้คิดค้นปรับปรุงการใช้ไตรโคเดอร์มา ของแท้เลยครับ ไอ่ที่เห็นขายสำเร็จรูป ทั้งแบบผงและแบบน้ำ นั่นไม่แนะนำนะครับ แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 54 09:42:01 จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 09:40:35

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ ๓๓ ครับ ...โต๊ะติดกำแพงเกินไป พลาสติกใสเกินไป อบอ้าวครับ ...พลาสติกที่ใช้ควรเป็นแบบขุ่นนิดนิด แบบที่เขาว่ามีสารป้องกันยูวี นะครับ ...แบบนี้ ร้อนแน่ ครับ ...แบบนี้ พอพ่นหมอก ในเวลาแดดร้อน น้ำที่พ่นออกมาก็ร้อนไปด้วยครับ ...ไม่ทราบคลุมพลาสติกเพื่ออะไรครับ (ฤ ว่าคลุมในช่วงที่ฝนตก) ...ช่วงนี้ไม่มีฝนแล้ว เอาออกเถอะครับ ถ้ากลัวร้อนก็ใช้สแลนช่วยพร้อมกับการพ่นหมอกครับ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 09:55:52

ความคิดเห็นที่ 37 อ้าว เหรอคะ  สรุปว่าที่ขาย แม้กระทั่งในร้านที่ขายอุปกรณ์ไฮโดรโปนิก ก็ใช้ไม่ได้เหรอเนี่ย ตายละหวา... เดี๋ยวไปหาใหม่ค่ะ  คือว่า ม.เกษตรกำแพงแสนมันก็ไกลมาก.. เดี๋ยวจะลองไปดูที่ม.เกษตรบางเขนค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 09:57:07

ความคิดเห็นที่ 38 คุณมับนะขู  ท่าทางเป็นผู้เชี่ยวชาญมากๆ เลยค่ะ อย่างที่คุณบอกว่า  ที่เขาทำไตรโคเดอร์ม่า ใส่กระปุกออกมาขายๆ กัน มันใช้ไม่ได้เลยเหรอคะ   มันสามารถเอาไปเพาะกับข้าวสุกได้ไหมคะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 10:03:18

ความคิดเห็นที่ 39 ^ ^ ^ แนะนำให้ดูฉลากก่อนนะครับ มีการอ้างอิงถึงแหล่งผลิตที่น่าเชื้อถือ มีนักวิชาการเกษตรเกี่ยวข้องด้วยเป็นดี นะครับ ...เพราะเดี๋ยวนี้มีการผลิตขายเป็นสำเร็จรูปหลายยี่ห้อ ไอ่กระบวนการผลิตเชิงพาณิชย์นี่ล่ะครับ ต้นเหตุสำคัญของการเบี่ยงเบนสายพันธุ์ บางครั้งมีการปลอมปนของเชื้อราสายพันธุ์อื่น ทำให้ไม่ได้ผลเท่าที่ควรครับ ...ผมเองใช้วิธีซื้อเชื้อสด มาเพาะเชื้อเองครับ ยุ่งยากนิดนึง  แต่ได้เชื้อที่สดจริง และตัวหัวเชื้อก็เก็บได้นานในตู้เย็น หนึ่งขวดเชื้อสดผลิตเชื้อไตรโคเดอร์มาในข้าวสุกได้ ๒๐๐ กิโลกรัม ประหยัดและปลอดภัย ครับ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 10:06:02

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดนั้นครับ แค่เอาประสบการณ์มาตอบให้เท่านั้นครับ ...สำหรับหัวเชื้อสดไตรโคเดอร์มา หาซื้อได้แถวเกษตรนะครับ ...เอาแบบที่ได้รับการอนุญาตให้ผลิตเพื่อการพาณิชย์จากผู้คิดค้นเองเลยก็ต้อง ยี่ห้อยูนิเซฟ ของ บ.ยูนิซีดส์ ครับ ขวดละไม่เกิน ๓๐๐ บาท มีแผ่นพับสอนวิธีการเพาะเชื้อให้ด้วย จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 10:11:07

ความคิดเห็นที่ 41 ^ ^ ขอถามอีกนิดนึง  อย่าเพิ่งหาว่าจุกจิกเลยนะคะ ที่ว่าหาซื้อได้แถวเกษตร นี่คือตรงไหนคะ หลังไมค์มาก็ได้ค่ะ เห็นคุณมับนะขู อยู่คลองเก้าหรือคะ  ชื่อสวนอะไรคะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 11:55:08

ความคิดเห็นที่ 42 ^ ^ ^ ซื้อได้แถวหน้า ม.เกษตร เลยครับ ที่มีขายพวกเชื้อเห็ดก็มี ...หรือจะไปที่บริษัทเลยก็ได้อยู่แถว ม.เกษตร นั้นแหละครับ http://www.uniseedsthai.com/th/product-bio-tricho.html ...ฟาร์มผมอยู่ที่คลองเก้าครับ  เลยชื่อว่า "คลองเก้าไฮโดรฟาร์ม" ครับ ...ผ่านมาแถวนี้ก็เชิญนะครับ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 12:11:45

ความคิดเห็นที่ 43 โห...ไม่เข้ามา2วันเกือบตกข่าวแล้ว อ่านตามแทบไม่ทันเลยค่ะ ข้อมูลเพียบเลย แถมยัง งงๆ กับชื่อเคมีอีก เราเองเพิ่งลง สารพัดผักสลัดไว้เพียบ ตอนนี้เริ่มขึ้นต้นอ่อนแล้ว เมื่อวานไปหาซื้อ ถ้วยพร้อมฝา เพื่อที่จะได้เบ่งบานกันให้เต็มที่ ได้ผลอย่างไรจะนำมาให้ชมจ้า ขอปักหมุดก่อน และจะมาตามเก็บข้อมูลอีกครั้งจ้า จากคุณ : pk12th เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 15:03:17

ความคิดเห็นที่ 44 ขวดในความเห็นคุณ กา...คาบพริก  (ความคิดเห็นที่ 34) ไปที่ร้านพันธุ์ไม้ ใน ม.เกษตรบางเขน เลยครับ จากคุณ : Kid ดี เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 54 17:15:43