 |
รายการแรก ชินราชเข่าลอย
เหรียญหล่อพระพุทธชินราช พิมพ์เข่าลอยนั้น พระเดชพระคุณ หลวงพ่อเงิน เทพเจ้าแห่งดอนยายหอม ได้จัดสร้างขึ้นเมื่อใดไม่มีประวัติบันทึกไว้แน่ชัด แต่เชื่อกันว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วงปี 2485-2490 โดยวัตถุประสงค์ เพื่อจะไว้ตอบแทนให้กับผู้อุปถัมภ์ในการบริจาคทรัพย์ในการสร้างโบสถ์วัดดอนยายหอม โดยในการสร้างพระพุทธชินราชเข่าลอยนั้น ทางวัดได้ว่าจ้างโรงงานหล่อพระให้จัดสร้างขึ้น โดยมีนายช่างสนิท เปาวโร เป็นผู้แกะแบบพิมพ์และหล่อพระขึ้น ทำให้พระชินราชเข่าลอยนั้นมีรูปลักษณะพิมพ์ทรงและการหล่อที่งดงาม
สาเหตุที่ถูกเรียกกันว่าชินราชเข่าลอยนั้น ก็ด้วยก่อนที่จะมีการจัดสร้างชินราชเข่าลอยนั้น ทางหลวงพ่อเงินได้จัดสร้างพระพุทธชินราชหล่อเนื้อทองผสมขึ้นเองมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยจัดสร้างกันเองภายในวัด การแกะแบบได้จัดทำมาแบบศิลปะนูนต่ำ ในขณะที่ชินราชเช่าลอยนั้นจัดสร้างแบบศิลปะนูนสูง ส่วนที่แตกต่างกันมากที่สุดของทั้งสองรุ่นคือบริเวณเข่าขององค์พระพุทธชินราชนั้น ส่วนของพระพิมพ์เข่าลอยที่สร้างจากโรงงานนั้นดูจะลึก โดยส่วนของเข่านี้ยกตัวสูงจากพื้นเหรียญมาก ทำให้ถูกขนานนามว่าชินราชเข่าลอย และเช่นกันอีกพิมพ์ที่วัดจัดสร้างจึงกลายเป็นชินราชเข่าจม
พุทธลักษณะของพระรุ่นนี้ ด้านหน้าเป็นพระพุทธชินราช คือองค์พระพุทธปางมารวิชัย ประทับนั่งบนฐานบัว โดยมีเปลวพระรัศมีลายกนกปกคลุม ศิลปะแบบนูนสูงอย่างที่กล่าวไว้ เอกลักษณ์อย่างหนึ่งคือพระพิมพ์นี้จะมีรอยแตกที่ขอบเหรียญด้านขวาองค์พระ คล้ายกับตัว ส. เสือ บางองค์อาจมีทั้งสองด้านแต่ด้านซ้ายองค์พระมักจะไม่ชัดและดูไม่เหมือน ส.เสือ มากนัก
ด้านหลังจะปรากฏยันต์ทั้งหมด 4 ตัว คือ ตัวอุณาโลมที่อยู่บนสุด มีตัว มิ อยู่ใต้อุณาโลม และแถวสุดท้ายสองตัวคือตัว นะ นะ ซึ่งเป็นยันต์สองตัวที่หลวงพ่อรุ่ง แห่งวัดดอนยายหอม อาจารย์ของหลวงพ่อเงินมักจะใช้จารวัตถุมงคลของท่าน ซึ่งเชื่อว่าหลวงพ่อเงินได้ใช้ยันต์สองตัวนี้เป็นการสืบทอดกันมา ในส่วนของลักษณะรูปทรงจะเป็นทรงน้ำเต้ายอดแหลม แบ่งเป็น 3 ชั้น ค่อยๆ ลดขนาดลงไป
ในการหล่อพระพุทธชินราชเข่าลอยนั้น ปรากฏว่านายช่างสนิทได้จัดสร้างพิมพ์สองหน้าขึ้นมาเองโดยทางวัดไม่ได้สั่ง คือองค์พระทั้งสองด้านจะมีพระพุทธชินราชแบบเดียวกันทั้งคู่ ซึ่งก็คาดกว่าจะเป็นองค์ยอดช่อ เนื่องจากการหล่อนั้นใช้วิธีหล่อทั้งช่อ แล้วค่อยเคาะแยกออกเป็นองค์ๆ ในภายหลัง
เนื้อหานั้นแม้จะมีการสร้างจากโรงงาน แต่ก็เป็นเนื้อโลหะผสมทำให้มีชนวนหลายประเภทที่ผสมกันอยู่ ผิวพรรณวรรณะขององค์พระจึงมีหลายสีหลายโทน ที่พบมากที่สุดคือผิววรรณะสีเหลืองออกคล้ำและมักจะมีคราบสีดำปกคลุมอยู่ ส่วนผิวสีอื่นๆ คือสีออกดำบางทีเรียกว่าเนื้อขันลงหิน คาดว่าจะแก่เงินเมื่อเกิดสนิมจึงกลับดำ ส่วนอีกสีผิวหนึ่งเรียกกันว่าผิวก้านมะลิ ซึ่งผิวจะออกโซนก้านมะลิคือสีออกเขียวเข้มจัดใกล้เคียงสีดำแต่จะขึ้นพรายเงิน
ด้านราคาการเล่นหา ปัจจุบัน(ต้นปี 2554) ราคาขยับตัวไปไกลพอสมควร แต่เนื่องจากชินราชเข่าลอยไม่มีการแยกพิมพ์แยกบล็อก บรรดาเซียนจึงแยกกันที่สีของเนื้อหาตามความหายาก หากเป็นผิวก้านมะลิ สวยๆ เวลานี้คงต้องว่ากันที่หลักหมื่นปลายถึงแสน ในขณะที่ผิวดำหรือขันลงหินงามๆ ว่ากันที่หมื่นกลางแตะหมื่นปลายนิดหน่อย ส่วนวรรณะแบบทองเหลือราคายังอยู่ที่หมื่นต้นๆ เท่านั้น และส่วนของพิมพ์สองหน้าว่ากันที่หลายแสน ส่วนตัวผู้เขียนเคยเห็นเปลี่ยนมือองค์ที่ไม่งามนักว่ากันไปที่ 180,000 บาท และองค์ที่งามจัดทั้งสองหน้าเคยมีคนเปิดไป 250,000 บาทแต่เจ้าของยังนิ่งอยู่
(อนึ่ง ผมได้ไปงานประกวดพระพันทิพ 27/3/54 องค์แชมป์เข่าลอย งามเกินบรรยาย ผิวพรายก้านมะลิเดิมๆ ทั้งองค์ ไม่เปิดไม่สึก กรรมการคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าองค์นี้แชมป์โลก เคยเปิดไป 150,000 บาท เจ้าของยังนิ่ง)
ในส่วนของท่านใดที่สนใจอยากได้ไว้ครอบครองแต่ไม่อยากจ่ายเงินหลักแสนหรือครึ่งแสน ในองค์ที่หย่อนงามลงไปก็ยังพอหาได้ที่หลักพันหรือหมื่นเศษ แต่ก็ได้พุทธคุณเท่ากัน
องค์ที่ผมโชว์อยู่นี้เนื้อผิวอออกวรรณะดำหรือขันลงหิน เขาว่าแก่เงินแต่ส่วนตัวมองว่าน่าจะแก่พวกโลหะแข็งเช่นอัลปาก้ามากกว่าองค์พระจึงหล่อไม่เรียบตึงเป็นเนื้อเดียวกัน ดังปรากฏที่รอยแยกด้านหลังองค์พระ แต่กระนั้นก็งามมากงามจัดชนิดไม่เคยโดนมือใครเลย น้ำทองติดเต็มองค์กระจายให้มองงามอย่างเพลินตาครับผม
ขอแจ้งให้ทราบว่ารุ่นนี้ของเก๊เยอะมาก มีทั้งแกะบล็อคใหม่และถอดพิมพ์ พวกแกะใหม่ไม่น่ากลัว พวกถอดมาก็ยังไม่เคยเจองานฝีมือครับ ถ้าจำได้ก็ไม่น่าโดนครับ
จากคุณ |
:
oxyjack
|
เขียนเมื่อ |
:
10 เม.ย. 54 00:14:41
|
|
|
|
 |