ความคิดเห็นที่ 1 ----------------------------------------- รบกวนผู้รู้ช่วยวิเคราะห์ให้หน่อยนะคะ ------------------------------------------ ไม่ได้เป็นผู้รู้ แต่อยากจะตอบให้ครับ   ต้องมีรายละเอียดการปลูกมากกว่านี้ ครับ ถ่ายรูปชุดปลูกมาดูกันได้ใหม ครับ เอามาวิเคาระห์  ตามคำถามที่โพสมาก่อนแล้วกันนะครับ ------------------------------------------------- กี้เพิ่งเริ่มปลูก ผักไฮโดรพอนิกส์ครั้งแรกค่ะ ------------------------------------------------- :- คุณกี้ได้เซอร์ทอ่าน หรือศึกษาระบบไฮโดรโปนิค แบบที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ มาเป็นแนวทางบ้างหรือเปล่า ครับ เบื้องต้นแนะนำให้อ่านจาก เวปของ ชมรมปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแห่งประเทศไทย อ่านลิงค์นี้ให้จบก่อนครับ http://www.kmitl.ac.th/hydro/ ถึงค่อยหาซื้อหนังสือตำรามาอ่าน โดยเลือกอ่านจากตำราไทยและฝรังประกอบกัน จากลิงค์นี้ ครับ http://agri.wu.ac.th/msomsak/Soilless/Book.htm เมื่อศึกษาได้พอสมควรแล้วถึงค่อยซื้อชุดทดลองมาตรฐานเล็กๆมาทดลองทำ เพื่อสร้างทักษะและความชำนาญ ชุดรางไฮโดรฯมาตรฐานนะครับ ไม่ใช่ท่อปะปา --------------------------------------------------------------------------------------- ทางร้านเค้าเพาะเมล็ดมาให้ ตอนที่ได้มา อายุน่าจะประมาณ 7 -8 วันค่ะ หลังจากนั้น พอครบ 14 วัน ก็เริ่มย้ายมาลงรางตามคำแนะนำค่ะ --------------------------------------------------------------------------------------- :- แล้วระหว่างวันที่ 8 ถึงวันที่ 14 ซึ่งสำคัญมาก น้องกี้ทำอย่างไรกับผักชุดนี้ ครับ --------------------------------------------------------------------------------------- ณ ตอนนั้น มีต้นที่ โตมากหน่อยและเพิ่งเริ่มงอกปะปนกันไปค่ะ แต่หลังจากย้ายมาลงรางปลูก ผักน้อยๆก็เริ่มทยอยตายทีละต้นๆค่ะ ตกใจมากไม่ทราบเป็นเพราะอะไรค่ะ ------------------------------------------------------------------------------------- :- น้ำสารละลายอาหารABน้องกี้ทำอย่างไร ต้องเขียนเล่ามาด้วย ผสมสารละลาย ให้เข้มข้นมาก เข้มข้นน้อย  คุณน้องกี้ทราบได้อย่างไร ------------------------------------------------------------------------------------ ป.ล. เค้าแนะนำว่า น้ำในถังควรจะเย็นอยู่เสมอ กี้เลยเอาน้ำขวดแช่แข็งมาใส่ค่ะในถังสารละลายค่ะ และวัด pH ทุกวัน ------------------------------------------------------------------------------------- ระบบไฮโดรโปนิคอุณหภูมิที่รากทำงานตามปกติอยู่ที่ไม่เกิน 35 องศาC ในช่วง กลางวัน และ ไม่ต่ำกว่า 15 องศาC ในช่วงกลางคืน  (อ้างอิงจากหนังสือประกอบ การเรียน ของ รศ.ดร. นพดล เรียบเลิศหิรัญ เรื่องการปลูกผักไร้ดิน หน้า94) แล้ววัด pH แท้จริงแล้วเพื่อต้องการทราบสภาวะของน้ำสารละลาย ไม่ให้สูงเป็นด่าง มากเกินไป เชื้อโรคและราจะเจริญได้ดี  และถ้าต่ำเป็นกรดมากเกินไป ผักเครียสจะดูด ซึมสารอาหารได้ไม่ดี โตช้า ค่าpH จะอยู่ระหว่าง 5.2 ถึง 6.5 ครับ ถ้าไม่ใช่ระบบใหญ่ ไม่ต้องเช็ค pH ทุกวันก็ได้ครับ --------------------------------------------------------------------------------------- แต่ น้ำแข็งมันละลายเร็วเนื่องจากอากาศร้อน และ ตู้เย็นก็ทำน้ำแข็งไม่ทัน ไม่ทราบว่า น้ำร้อนเกินไป นี่เป็นสาเหตุหรือเปล่าค่ะ --------------------------------------------------------------------------------------- :-การระบายความร้อนโต๊ะแปลงผัก ส่วนใหญ่ใช้วิธีฝังถังรวมสารละลายไว้เสมอดิน หรือใต้ดิน ร่วมกับ ใช้สปริงเกอร์ ช่วย  ครับ -------------------------------------------------------------------------------------- ป.ล. เมล็ดพันธุ์ที่ได้มา เป็นแบบเคลือบค่ะ จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็นหรือไม่คะ ถ้าตอนนี้ (หลังจากได้มาประมาณ 2 อาทิตย์) จะเอาไปแช่ ยังทันมั้ยคะ จะมีผลกับการปลูกครั้งต่อๆไปมั้ยเอ่ย --------------------------------------------------------------------------------------- :-เมล็ดพันธุ์ผักสลัด ควรเก็บใส่โหลใส่ขวด ใส่ถุงดูดความชื้น ไว้ในอุณหภูมิห้อง   จะใช้เพาะค่อยแบ่งใส่ถุงเอาไปใสในตู้เย็นข่องธรรมดา สองวัน แล้วถึงค่อยเอามาเพาะ จะเป็นการ กระตุ้น คัพภะที่อยู่ภายในเมล็ดให้รู้สึกตัว เริ่มทำงานตามธรรมชาติ ครับ ส่วนเมล็ดพันธุ์ผักเมืองร้อน เก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง เพาะตามปกติครับ อย่าลืมถ่ายรูปชุดที่ปลูกอยู่    มาโพสด้วยนะครับ เพื่อนๆจะได้ช่วยกัน วิเคราะห์ วิจารญ์ได้ ครับ ในนี้มีเพื่อนที่ปลูกผักไฮโดรเป็นอาชีพ เป็นธุรกิจ ที่ประสพความสำเร็จ ชำนาญ มากๆ หลายท่าน ครับ   ตัวอย่างเช่นท่าน มับนะขู และเพื่อนท่านอื่นๆ แต่คุณน้องกี้ต้องให้รายละเอียด มากกว่านี้พอสมควรถึงจะช่วยกันตอบในรายละเอียด ให้ได้ครับ ด้วยความยินดี ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 10:00:23

ความคิดเห็นที่ 2 ชุดรางมาตรฐานขนาดเล็ก ชนิด 3 เมตร 4 ราง 48 หลุมปลูก จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 10:15:38

ความคิดเห็นที่ 3 ตัวอย่างชุดรางมาตรฐาน ขนาด 1.5 เมตร 4ราง ขนาด 28 ,32 และ 48 หลุมปลูก ขนาดความจุ ถังสารละลาย40ลิตร  ลองเซอร์ท จากเนท ดูขนาดที่เราต้องการ จากหลายๆที่  ครับ แล้วไปดูที่เค้าขายจริง ดูวัสดุที่ทำ หน้าร้อนตับแลบแบบนี้ รางที่ทำด้วยท่อปะปา จะดูดความร้อน ทำให้สารละลายร้อนเกินไป  ผิวโค้งด้านล่างทำให้ระดับน้ำลึก รากแช่อยู่ใต้น้ำทำให้อากาศสัมผัสรากได้ไม่ดี โตช้ากว่าปกติที่ควรจะเป็น ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 10:36:59

ความคิดเห็นที่ 4 ต้องขอดูรูปครับ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 11:33:35

ความคิดเห็นที่ 5 ต้องขอดูรูปครับ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 11:38:30

ความคิดเห็นที่ 6 ต้องขอดูรูปครับ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 11:40:00

ความคิดเห็นที่ 7 รูปชุดรางปลูก ขนาด 25 ต้นค่ะ กี้วางไว้ที่ระเบียงหน้าห้องค่ะ  จากคุณ : EddieKikie เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 16:03:43

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณค่ะ คุณ กา คาบพริก ตอนที่ได้เมล็ดที่ปลูกแล้ว 7-8 วัน เค้าบอกว่า "เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 7 วัน ต้นกล้าจะเริ่มมีแตกใบที่ 3 ออกมา ให้เติมน้ำผสมสารละลายธาตุอาหาร A และ B อย่างละ 5 cc ต่อน้ำ 1 ลิตร และหมั่นตรวจสอบระดับน้ำอยู่เสมอ ให้สูงประมาณ 1/2 ฟองน้ำ" ซึ่งวันที่กี้ไปเอา เค้าจัดการเติมสารละลายให้แล้วค่ะ จากนั้นช่วงวันที่ 8-14 กี้จะเอามาตากแดดตอนเช้าประมาณ วันละ 3 ชั่วโมงค่ะ จริงๆ แดด ไม่ได้ส่องโดนตรงๆค่ะ ด้วยทิศทางของบ้าน แดดจะส่องมาแรงในช่วงบ่ายค่ะ เมื่อครบ 14 วัน ต้นกล้าก็โตขึ้นค่ะ แตกใบออกมา 4-5 ใบในบางต้น และบางเมล็ดก็เริ่มออกไปที่สองหรือสามค่ะ ส่วนเวลาลงราง กี้เติมน้ำลงไปในถัง 50 ลิตรค่ะ ปรับ pH ให้เหมาะสมโดยใช้ pH down จากนั้นเติมสารละลายธาตุอาหาร A = 250 cc และ สารละลาย B = 250 cc  โดยเติม A ก่อน B 30 นาที ค่ะ ซึ่งจุดนี้ กิี้เตรียมน้ำผสมสารละลายก่อนหน้าวันที่เอาต้นกล้าลงราง 1 วันค่ะ เนื่องจากวันนั้นต่อรางอุปกรณ์ไม่พร้อมค่ะ ส่วนอุณหภูมิกลางวันไม่ควรเกิน 35C กี้ว่าเกินแน่ๆค่ะ อากาศร้อนมาก จะมีทางแก้อย่างไรบ้างคะ อีกเรื่องนึงค่ะ (เพิ่งนึกได้) กี้ปลูกที่ระเบียงบ้านค่ะ  เวลาเปิดแอร์ (ปกติเปิดวันละประมาณ 2 ชั่วโมง) กี้เอาลังกระดาษ ใหญ่ๆ มากั้นไม่ให้ลมร้อนไปยังรางปลูกค่ะ โดยมีระยะห่างประมาณ 1/2 - 1 เมตรค่ะ จากคุณ : EddieKikie เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 16:39:11

ความคิดเห็นที่ 9 รูป ถังน้ำค่ะ จากคุณ : EddieKikie เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 54 16:41:23

ความคิดเห็นที่ 10 ก่อนอื่นผมต้องชมความพยายามของคุณน้องกี้ ครับ   พยายามดีครับ โดยเฉพาะมาเริ่มปลูกในหน้าร้อน หน้าปราบเซียนผัก ครับ  เยี่ยมมากครับ มาดูกันว่าเราจะแก้ไขยังไงให้ไปรอด ตลอดหน้าร้อนนี้กัน ครับ :-พฤติกรรมของเมล็ด ใบเลี้ยงคู่แรก และรากหลัก ของผักจะงอกได้ ภายหลังจาก ได้รับความชื้นและน้ำ ควรจัดสภาพแวดล้อมให้ความชื้นสัมพัทธ์ให้ได้ 85-100% โดยจะได้รับสารอาหารจากเนื้อภายในเมล็ด หรือเรียกว่าคัพภะ(embryo) การงอก ของเมล็ดในระยะนี้ไม่ใช้สารอาหารจากภายนอกเลย ครับ ระยะนี้จะใช้น้ำและ ความชื้นเป็นตัวช่วยในการงอก เท่านั้นครับ สองสามวันแรกเราจึงไม่ต้องเติมสารอาหาร รากเริ่มพัฒนา เจริญขึ้น เริ่มทำหน้าที่ของมันคือ เริ่มดูดสารอาหาร เข้าไปสู่ใบคู่แรก เพื่อปรุงอาหารสร้างสารอาหาร แทนคัพภะ ที่สารอาหารภายในกำลังจะหมดไป ครับ หลังจากนี้ไปเราต้องเริ่มให้อาหารแร่ธาตุที่จำเป็นในการเจริญเติบโต ตัวที่สำคัญคือ แคลเซี่ยมไนเตรท ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักอยู่ในสารละลาย A เราจะผสมสารละลาย ให้เจือจางที่สุด เพื่อเป็นการสอนให้ ระบบรากของผักได้เริ่มทำงาน โดยมีสารละลายA มากกว่าสารละลายB อยู่ถึง 3:2  ในกะบะเพาะ  น้ำ 1000cc .ใส่สารละA 3cc ใส่B 2cc ในกรณีที่ผสมปกติจะใช้สารละลาย AB อย่างละ 4 cc  ต่อน้ำ 1000cc แต่เนื้องจากสารละลายAB จากผู้ขายแต่ละคนถูกเตรียมมามีความเข้มข้นของ สารละลายไม่เหมือนกัน เราจึงต้องมีเครื่องมือสำหรับวัด ความเข้มข้น ครับ ซึ่งเรียกว่า EC มิเตอร์  รายละเอียดวิธีใช้ ผมตอบให้เพื่อน อยู่ในลิงค์นี้ ครับ http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2011/02/J10229078/J10229078.html รายละเอียดการงอก การให้ความเข้มข้นของน้ำสารละลาย อยู่หคห.1 ในลิงค์นี้ ครับ http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J10397674/J10397674.html โดยปกติน้ำปะปาจะมี pH ประมาณ 6 เศษๆ อยู่แล้ว และถ้าเราใช้สารละลาย AB ที่มีคุณภาพ เมื่อเราผสมตามอัตราส่วนที่ผู้จำหน่าย บอกมาแล้ว เราจะได้ความเข้มข้นของสารละลาย ค่าประมาณ1-1.8 มิลิกรัมซีเมนซ์ต่อเซนต์ติเมตร และค่าpH จะอยู่ที่ประมาณ 5.2-6.5 ซึ่งจะพอดีกับที่ผักต้องการ โดยไม่ต้องใช้pH lower ช่วยเลย ครับ บริษัทขายปุ๋ยไฮโดรจะแข่งขันกันในเรื่องนี้ ครับ ปุ๋ยใครผสมแล้วนิ่ง ผสมแล้ว เมื่อผู้ใช้นำไปใช้ตามอัตราส่วนที่กำหนด จะได้ค่า EC และ pH อยู่ในย่านที่ผัก ต้องการ ครับ แต่ปุ๋ยระดับเทพพวกนี้จะแพง ครับ โดยทั่วไปอายุใช้งานสารละลายเมื่อผสม ใช้งานอยู่ในระบบแล้ว จะใช้งาน อยู่ได้ในระบบ 10-21 วัน จะไม่ให้นานไปกว่านี้  ครับ เพราะจะเกิดเกลือในระบบมากเกินไป ทำให้ระบบรากดูดซึมสารละลายที่แตกเป็น ไออ้อน ได้ไม่ดี ครับ และประกอบกับเมื่อระบบรากใช้สารละลายไปเรื่อยๆ ค่าpHของสารละลายจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เป็นด่างมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งจะเป็นบอกเกิดของแบคที่เรีย และเชื้อรา จะเข้าสู่ระบบได้ง่ายขึ้น ผักดูดซึมสารอาหารบางตัวได้ไม่ดีครับ เราถึงต้องคอยวัด pH หลังจากเริ่มใช้น้ำพร้อมกับคอยปรับเติมกรดให้มีสภาวะเป็น กรดอ่อนๆอยูเสมอ ครับ ค่าจะวิ่งอยู่ระหว่าง ประมาณ 5.2-6.5 ครับ โดยทั่วไปเราจะนิยมใช้กรด ฟอสฟอริก และกรดไนตริก ในการปรับสารละลาย ให้ค่าpHต่ำลงเป็นกรดมากขึ้น  และใช้ โปแตสเซียมไฮดร๊อกไซย์ ในการปรับให้ ค่า pHสูงขึ้น คือเป็นด่างมากขึ้น ครับ คราวนี้กลับมาดูระบบของคุณน้องกี้ สารละลายที่ใช้ เข้มข้นมากไปหรือเปล่า ครับ  เข้มข้นมากไปถ้าต้นยังเล็กมากอยู่ ระบบรากก็จะล้มเหลวทำงานไม่ได้ เนื่องจาก รากทำงานดูดสารละลายธาตุอาหาร โดยวิธี แอกทีฟทรานสปอร์ต (Active Transport ) รายละเอียดการทำงาน ก๊อป แล้วไปเพรส ขยายความต่อ ในกูเกิลนะครับ การผสมสารละลายอัตราส่วนควรถูกต้อง ตรงเพ็ะ นะครับ ระบบขนาดทดลอง โดยปกติ เราจะใช้เข็มฉีดยาขนาดใหญ่ดูดตวงสารละลายครับ ดูจากอัตราส่วนที่ บอกมา   ใช้สารละลายอย่างละ 5cc ต่อน้ำ 1000cc  หรือ ใช้ 250cc ต่อน้ำ 50ลิตร  ไม่แน่ใจว่าเมื่อผสมแล้วความเข้มข้นเป็นอย่างไร ผมอยากให้ซื้อ EC Meter มาใช้วัดจังเลยครับ เพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้ ครับ :-ระบบและ รางที่ใช้ ผมไม่แน่ใจว่าระบบที่ใช้เป็น NFT หรือ DRFT เพราะไม่มีรูปด้านน้ำออก ถ้าเป็น DRFT ไปไม่รอด ถึงรอดก็ไม่ดี ครับ เพราะอุณหภูมิภาพนอกสูงเกินไป ถ้ารากมีอุณภูมิเกิน 35 องศาซี ระบบการดูดซึมธาตุอาหารจะหยุดทำงาน รากจะชดเชยด้วยการดูดน้ำมากขึ้น เพื่อการคายน้ำลดอุณหภูมิที่ใบ ครับ พืชดูดซึมน้ำด้วยวิธีออสโมซิส(Osmosis)ต่างกับการดูดซึมแร่ธาตุสารอาหาร ครับ ต้นอ่อนระยะอนุบาลอยู่ไม่ได้ ถ้ากินแต่น้ำ แต่กินอาหารไม่ได้ ครับ ทางแก้ไขคือต้องลดอุณหภูมิที่ราก และใบลง ครับ ที่ราก ดูจากรูปถังใส่สารละลายขนาด 50ลิตร ก็น่าจะลึกพอให้น้ำคายความร้อน ลงได้บ้าง ไม่ทราบว่าที่ปั๊มมีระบบผสมอากาศกับน้ำด้วยหรือเปล่า ซึ่งโดยปกติ น้ำร้อนจะมีอ๊อกซิเจ่นผสมอยู่น้อยครับ  ปั๊มควรใช้เป็นระบบฉีดผสมอากาศ จะทำให้สารละลายมีอ๊อกซิเจ่นไปผสมมากขึ้น  ซึ่งผักนำไปใช้ในการดูดซึมธาตุสารอาหารได้ดีขึ้นครับ มาดูที่ราง        รางที่พัฒนามาล่าสุดจะมีร่องเล็กๆอยู่ที่พื้นรางด้านใน ครับ เพื่อจะเป็นตัวยกปลายราก หรือรากอ่อนและขนรากไม่ให้สัมผัสพื้นรางรางได้โดยตรง รากจะเย็นกว่ารางที่มีพื้นเรียบ การยกตัวของรากลักษณะนี้จะทำให้อากาศสามารถ สัมผัสรากได้เกือบโดยรอบ  ทำให้สัมผัสอ๊อกซิเจ่นได้มากกว่ารางพื้นเรียบ มากกว่ามากครับ ซึ่งจำเป็นสำหรับระบบ NFT ครับ พอดีผมมีรางที่ยังไม่ได้ประกอบเลยไปรื้อถ่ายพื้น รางมาให้ดูครับ สังเกตุดูพื้นรางนะ ครับ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 54 21:05:52 แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 54 10:50:52 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 10:13:58

ความคิดเห็นที่ 11 ซูมขยายพื้นรางกันดูชัดๆ ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 10:17:19

ความคิดเห็นที่ 12 เอาเท่านี้ก่อนนะครับ ฟังความเห็นของเพื่อนๆท่านอื่นบ้างนะครับ เพราะรู้สึกว่าจะยาวไป เพี่อนๆจะเบื่อกันครับ จริงๆแล้วจากรูปที่เห็นมีเรื่องอีกเยอะเลย ครับ หาซื้อ ที่ฉีดพ่นฆ่าหญ้า มาแขวนดิดตั้งลดอุณหภูมิ ด้วยครับ อันนึงประมาณสามร้อยกว่าบาท ครับ ท่าน มับนะขู อนุเคราะห์ช่วยน้องกี้หน่อยครับ คุณน้องกี้โพสรูปมาให้แล้ว ผมพิมพ์เมื้อยนิ้วแล้วคราบ หน้าตาที่ฉีดพ่นฆ่าหญ้า ครับ แก้ไขเมื่อ 19 เม.ย. 54 10:38:34 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 10:28:21

ความคิดเห็นที่ 13 คุณกาฯ ตอบไปหมดแล้ว ...ผมขอ หนึ่งข้อ ครับ ...กรุณาเปิดฝาถังสารละลายโดยด่วนครับ ...ห้ามปิดฝาถังสารละลายนะครับ อย่างนี้น้ำร้อนตลอดเวลาแน่ ...เดี๋ยวก็ดีเอง ครับ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 10:32:05

ความคิดเห็นที่ 14 คุณกาฯ ตอบไปหมดแล้ว ...ผมขอ หนึ่งข้อ ครับ ...กรุณาเปิดฝาถังสารละลายโดยด่วนครับ ...ห้ามปิดฝาถังสารละลายนะครับ อย่างนี้น้ำร้อนตลอดเวลาแน่ ...เดี๋ยวก็ดีเอง ครับ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 10:32:59

ความคิดเห็นที่ 15 อ้อ อีกเรื่องครับ ...ถ้าปลูกบริเวณระเบียงแล้วมีคอนเดนซิ่ง (เรียกอย่างนี้ถูกหรือเปล่า) ของแอร์อยู่ใกล้ บังอย่างไรก็ไม่มิดครับ ...ความร้อนจะอบอวลมาก ...ถ้าไม่ย้ายคอนเดนซิ่ง (ย้ายขึ้นไปแขวนข้างบนและอาจทำปล่องให้ระบายออกไปนอกระเบียงด้วย) ก็ ต้องย้ายโต๊ะปลูกครับ ถ้ายังรักจะปลูกผักให้งามชื่นใจ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 10:45:37

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเห็นด้วยกับคุณน้า มับนะขู ครับ ตัวระบายความร้อนแอร นี่ละ ผมว่าเป็นต้นเหตุที่สำคัญ เลยละครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 10:58:55

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณคุณกา...คาบพริก และ คุณมับนะขูมากๆเลยค่ะ เดี๋ยวกี้จะลองไปปรับปรุง ได้ผลยังไง จะมาบอกนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ จากคุณ : EddieKikie เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 15:11:57

ความคิดเห็นที่ 18 เอาใจช่วยครับ คุณน้องกี้ เพาะเมล็ดใหม่เลยครับ วิธีเพาะจากลิงค์ที่สองข้างบนนั่นแหละครับ ขอยืมรูปแปลงเพาะของท่านมับนะขู มาให้เป็นกำลังใจ ครับ ขอให้ประสพความสำเร็จ ครับผม จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 16:31:08