มันไม่ใช่มะม่วง อะ ทางบ้านเราเรียก ลูกมุด กลิ่นแรงมากกกกกกก กินได้ คนชอบก็ชอบ คนไม่ชอบบอกว่ากลิ่นมันแรง ยิ่งสุกกลิ่นยิ่งแร๊งงงงงงงงง
ชื่อ ส้มมุด ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mangifera foetida Lour ชื่อวงศ์ : ANACARDIACEAE ลักษณะหรือลักษณะพิเศษ ส้มมุดเป็นไม้ยืนต้นสูง 30-40 เมตร เรือนยอดแผ่เป็นพุ่มกลม หรือทรงกระบอก ลำต้นเปลาตรง เปลือกแตกเป็นสะเก็ด สีน้ำตาลคล้ำ เปลือกชั้นในสีน้ำตาลแดง เมื่อมีบาดแผลมีน้ำยางสีขาวขุ่นซึมออกมาเป็นเม็ด เนื้อไม้ที่ติดกับเปลือกสีขาวไม่เรียบ ลักษณะเป็นคลื่นตามยาว ใบเดี่ยว เรียงเวียนสลับ เป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง แผ่นใบคล้ายแผ่นหนัง เป็นคลื่นแข็งกรอบรูปรี แกมรูปขอบขนาดยาว 15-35 เซนติเมตร กว้าง 5-15 เซนติเมตร ปลายใบมนหรือทู่ ใบต้นขนาดเล็ก ผิวใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน เส้นแขนงใบ 11-30 คู่ นูนเด่นชัดทั้งสองด้าน ก้านใบยาว 2-8 เซนติเมตร ดอกเล็กสีชมพูหรือสีแดง ออกเป็นช่อแยกแขนงตามปลายยอก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกัน กลีบดอกและเกสรตัวผู้มีจำนวนเท่ากับกลีบเลี้ยง ผลรูปไข่แกมรูปขอบขนาน เบี้ยว เนื้อหนา ยาว 8-10 เซนติเมตร กว้าง 6-7 เซนติเมตร สุกสีเหลืองแกมเขียว รับประทานได้ แหล่งที่พบ ส้มมุดเป็นพืชพื้นเมืองภาคใต้ ขึ้นในป่าดิบชื้นที่ลุ่มและป่าพรุ มีเขตการกระจายพันธุ์ทางภาคใต้ของประเทศไทย และพบมากในจังหวัดพังงา ความสัมพันธ์กับชุมชน ประชาชนโดยทั่วไปใช้ประโยชน์จากส้มมุดโดยใช้ไม้ส้มมุดทำฝืนและทำไม้แบบในการก่อสร้าง ผลสุกนิยมรับประทาน มีรสเปรี้ยวอมหวาน ผลแก่นำมาปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิด และนำมาทำเป็นผักเกร็ดใช้รับประทานเป็นผักสด ในทางยาสมุนไพร ใช้เนื้อสดเมล็ดกับน้ำซาวข้าวทาแก้แผลเปื่อย แผลเป็นหนอง แผลฝี เมล็ดฝนกับน้ำปูนทาบาดแผล ใบอ่อนหรือยอดอ่อนขยี้กับปูนแดงเอาน้ำหรือเมือกทาแผลเปื่อยผุพอง ความสำคัญทางเศรษฐกิจ ส้มมุดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ที่นิยมบริโภคเป็นของว่างและนำผลแก่มาเป็นผักใช้ ในการปรุงอาหาร ไม้มีราคาแพงและผลก็มีราคา และตลาดของผู้บริโภคมีความต้องการ
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://kanchanapisek.or.th/oncc-cgi/text.cgi?no=11083
จากคุณ |
:
MISS KAKA
|
เขียนเมื่อ |
:
18 เม.ย. 54 09:46:37
|
|
|
|