ความคิดเห็นที่ 1 เป็นผักปลูกโดยไม่ใช้ดิน ใช้น้ำยา กับฟองน้ำ ===>> ช่ายคะ และต้องมีอุปกรณ์ราคาแพงมากพอสมควร ===>>ไม่จำเป็นเลยคะ ส่วนเรื่องอื่นๆ รอผู้รู้มาตอบนะคะ เรากินเพราะปลอดสารพิษคะ แล้วก็ปลูกง่ายกว่าปลูกบนดินคะ ^^ จากคุณ : fin_jung เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 22:26:21

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ใส่ยาฆ่าแมลง ศัตรูพืชมีน้อยมาก เพราะไม่อยู่ในดิน แถมมีตาข่ายมุ้งครอบ ไม่เปลืองเนื้อที่ จากคุณ : birdeyeview เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 22:33:53

ความคิดเห็นที่ 3 ความจริงแล้วผักไฮโดรไม่ใช่เป็นผักที่ดีที่สุดในความคิดผม เพียงแต่ในภาวะขณะนี้การปลูกผักใช้สารเคมีมาก ทำให้ผักในตลาดดูจะไม่ปลอดภัยเท่ากับผักไฮโดร ที่ใช้แต่สารละลายปลูก แต่บางครั้งมีแมลงรบกวนผู้ปลูกก็ต้องใช้สารเคมี ใช้สมุนไพรในการป้องกันเหมือนกัน แต่เนื่องด้วยบริเวณที่ปลูกแหละอุปกรณ์ปลูกที่ยกสูงจากพื้นทำให้การป้องกันโรคพืชทำได้ง่าย ก็เลยทำให้ใช้ยาน้อยไปด้วย แต่การทีผู้ปลูกไม่เข้าใจในการปลูกแหละวิธีใช้งานสารละลายก็อาจทำให้เกิดสารตกค้างในพืชได้เหมือนกัน อีกวิธีหนึ่งที่ผมคิดว่าดีคือผักออแกนนิคหรือผักปลอดสารพิษ ผักพวกนี้ถ้าปลูกแหละดูแลดีๆผมว่าปลอดภัยกับผู้บริโภคมาก และเหมาะกับประเทศไทยมากที่ปลูกผักไว้บริโภคเอง จากคุณ : คนสวนบ้านคลอง เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 08:28:09

ความคิดเห็นที่ 4 อยากจะถามมานานแล้วน่ะครับ ผักไฮโดรโปนิก เป็นผักอินทรีย์ไหมครับ!!! เพราะเห็น ใช้ ปุ๋ย AและB ซึ่งเป็นสารเคมีที่ได้จากการสังเคาะห์ เลยอยากจะทราบครับ จากคุณ : fish boy เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 08:41:35

ความคิดเห็นที่ 5 เพื่อนของพี่สาวของพี่ที่ออฟฟิศปลูกผักไฮโดรขายค่ะ  เขาไม่กินผักที่เขาปลูกขายค่ะ เขาบอกว่ามันใช้เคมีคือตัวปุ๋ย A และ B จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:05:28

ความคิดเห็นที่ 6 เรามีสิ่งที่ดีอยู่แล้วคือธรรมชาติ -------------------------------------------- ถูกต้องเลยครับ แต่อย่าลืมว่าธรรมชาติก็ให้ หนอนไส้เดือนแดงตัวสั้นๆกินรากผัก และ ทากกินโคนต้นผัก และ สารพัดแมลงที่หนีมาจากแปลงผัก หรือนาข้าว ของเพื่อนบ้าน มารุมกินใบ และยอดของต้นผัก ของเราเหมือนกันครับ แล้วที่นี้ เราจะทำอย่างไรครับ ไม่ให้ล้มละลาย ล่มจม ไปกับแปลงผัก นี่ไง  สตารเกิลจี รองก้นหลุมปลูก     แถมด้วยยาฆ่าทาก ยาฆ่าหนอน แถมด้วยยาฆ่าแมลงสารพัดยี่ห้อ ที่ฉีดหุ้มเคลือบยอด เคลือบใบเอาไว้ ระบบไฮโดรโปนิกที่ท่านว่ามีเคมี มีสารปรุงแต่งนี่ละครับ   ที่ไม่ได้เจอกับ สิ่งที่ธรรมชาติให้มา พวกนี้ครับ ระบบไฮโดรโปนิค มีส่วนที่เสีย คือแพง และจะไม่ปลอดภัยจากสารอาหาร ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง  และเช่นเดียวกันก็มีส่วนที่ดีอยู่ มากมาย ที่หักลบกลบหนี้ กันแล้วก็ยังคุ้มค่ากว่ามากครับ   มีหนังสือตำราเอกสารให้เราศึกษาเยอะแยะ ฝรั่งมันทำก่อนเรามาเป็นยี่สิบปี มันตาขาวกลัวสารเคมีตกค้างมากกว่าเราเยอะแยะ เวลาผ่านมานานจนระบบ มันนิ่ง จนมันปลอดภัยจากการตกค้างของเคมีต่างๆแล้วละครับ   ถ้ามีการทำ การปลูกที่ถูกต้อง มีการควบคุม เอาใจใส่ค่า ความเข้มข้นของสารละลายปุ๋ย ที่ถูกต้อง ครับ ลำพังแค่ไม่ต้องใช้ ไม่ต้องฉีด ยาฆ่าแมลง ที่นับวันจะแพงขึ้น ๆ    ไม่ต้องใช้ สตารเกิลจี รองก้นหลุม ไม่ต้องใช้ยาฆ่าทาก ยาฆ่าหนอนไส้เดือน เหมือนกับ ผักที่ปลูกแบบธรรมชาติบนดิน   ผมคิดว่า.... ก็คุ้มค่าสำหรับผม แล้วละครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 09:28:24

ความคิดเห็นที่ 7 สงสัยเหมือนกันมันปลอดสารยังไง ปุ๋ย A B นี่มันสารเคมีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงยังมีคนเถียงเป็นฟืนเป็นไฟว่า มันไม่ใช่สารเคมี????? จากคุณ : ตะวันขึ้นทิศตะวันตก เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 11:35:59

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ ^ ตอบกระทู้ #4,5 และ7 ครับ ครับเป็นสารเคมี ไม่ได้เถียงเป็นฟืนเป็นไฟ สักคำ ครับ แต่ อาหารที่พืชดูดเข้าไปไม่ว่าจะเป็นจากดินหรือสารอาหารเคมี ABในระบบไฮโดร เมื่อแตกตัวแล้ว จะประกอบด้วย ธาตุอาหารที่พืชต้องการใช้ที่จำเป็นทั้งหมด16 ชนิด ที่ใช้มากมี9ชนิด คือ C,H,O,N,P,K,Ca,Mg และ S   และที่ใช้น้อยอีก 7 ชนิด คือ Fe, Mn,Cl,B, Zn, Cu และ Mo และที่ใช้น้อยมาก อีก 7 ชนิด ได้แก่ Si, Ni ,Al ,Co, V ,Se ,Pt (อ้างอิง:Schwaz,M.1968. Guide to Commercial Hydroponics.) ธาตุทั้งหมดหล่าวนี้ นอกจากมีอยู่ในดิน ในน้ำ และในอากาศ แล้ว   เรายังสามารถจัดหาให้แก่พืชได้โดยตรงอีกด้วย โดยทางเคมี โดยการศึกษา หาว่าพืชมีความต้องการธาตุหล่าวนี้ในแต่ละชนิดมีจำนวน น้ำหนักโมเลกุลเท่าไหร่ เราก็จะให้จำนวนที่พอดีกับที่พืชต้องการ ตรงนี้แหละครับที่ ต้องได้มาจากการทดลอง ศึกษาและคำนวนน้ำหนักโมเลกุล ของธาตุที่ใช้ในแต่ละชนิดของพืช  ซึ่งรายละเอียดฝรังเค้าทดลองกันมาแล้ว เราเป็นเพียงเอาวิธีการของเค้ามาใช้ ครับ รากอ่อนพืช ทุกชนิด ดูดอาหารโดยวิธีการแลกเปลี่ยนประจุไออ้อน ทางไฟฟ้า มีขบวนการทั้งการรับประจุ และการให้ประจุ ผ่านตัวกลางคือน้ำโดยวิธีแอ๊กทีฟ ทรานสปอท์ด ไม่ว่าธาตุจะมาในรูปแบบของธาตุอาหารจากดิน หรือธาตุอาหาร จากการแตกตัวทางเคมีที่ใช้ในระบบไฮโดร  ก็ต้องผ่านขบวนการนี้ ทั้งนั้นครับ เมื่อสารเคมี ที่อยู่ไม่ว่าในดิน หรือในน้ำปุ๋ยAB    เมื่อผ่านรากพืชเข้า ท่อไซเล่มแล้วจะอยูในรูปของธาตุ ทั้ง 16+7 ชนิด ที่เขียนไว้ข้างบนเหมือนกัน ทั้งหมด ครับ จากนั้น  ก็จะลำเลียงไปที่ใบเพื่อปรุงเป็นอาหาร เป็นไฟเบอร์ เป็นแป้ง เป็นโปรตีน เป็นวิตามิน เป็นฯลฯ โดย..ผ่านขบวนการสังเคราะห์แสงร่วมกับโครโรฟีล ส่งฝ่าน ท่อโฟลเอ่ม  ไปเก็บไปใช้ ไปสร้างพลังงาน ไปสร้างเนื้อเยื่อ ไปสร้างสารพัด ฯลฯ สรุปก็คือ  เราไม่ได้กิน แคลเซี่ยมไนเตรท เราไม่ได้กิน โปแตสเซี่ยมไนเตรส เราไม่ได้กิน แม็กนีเซี่ยมซัลเฟต หรือเราไม่ได้กินโมโนโปแตสเซี่ยมฟอสเฟต หรือ ฯลฯ  จากสารABโดยตรงครับ ที่เรากิน   เรากินธาตุสารอาหารที่ผ่านขบวนการดูดซึมของรากพืชมาแล้ว ธาตุสารอาหารที่ผ่านขบวนการสังเคราะแสงเป็นอาหาร เป็นไฟเบอร์ เป็นแป้ง เป็นวิตามิน เป็น ฯลฯ มาแล้ว ครับ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับร่างกายของเราครับ ยกเว้นพืชบางชนิด ที่มี ขบวนการดูดซึมพิเศษสามารถสร้างสารที่เป็นท๊อกซิน เก็บไว้ในตัวได้ อันนั้นก็ว่ากันไปเป็นเรื่องยาวอีกเรื่องหนึงครับ จริงๆแล้วความรู้พวกนี้เราสามารถเซร์ท  หาได้ทั่วไปในเนต ครับ เพราะเป็นองค์ความรู้ทั่วๆไปในเรื่องของการดูดซึมของรากพืช ครับ หรือเอาคำนี้ไปเป็นคีย์เวิดเซอร์ท ก็ได้ครับ  " Active Transport " จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 13:10:01

ความคิดเห็นที่ 9 เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายในการลงทุนค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงต้องอาศัย เพิ่มมูลค่าให้สินค้า เพื่อให้สินค้าดูดี มีราคาแพงค่ะ ส่วนเรื่องปุ๋ยนั้น เนื่องจากปุ๋ย A+B จัดเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ซึ่งเมื่อแตกตัวออกมา ก็ได้ธาตุอาหาร P,K,N หรือธาตุอื่นๆตามความต้องการของพืช ซึ่งพืชสามารถดูเอาไปใช้ได้เต็มๆเพราะไม่ถูกดูดซึมไปโดยดินค่ะ ดังนัุ้นจึงทำให้การปลูกพืชด้วยระบบ hydroponic ต้นจะสวย อวบ เนื่องจากได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่นั่นเองค่ะ ส่วนการปลูกพืชบนดินธรรมดานั้น ก็แน่นอนว่าอาจมีเรื่องโรค เรื่องแมลงบ้าง แต่ก็ดูแลไม่เยอะเท่าปลูกในระบบ hydro ซึ่งต้องคอยเติมปุ๋ยตลอด ยิ่งระบบ NFT ไฟดับเมื่อไร ตายทุกแปลงเมื่อนั้น ไปต่างจังหวัดทีนี่ คิดหนักกันเลยทีเดียวค่ะ ประคบประหงมยิ่งกว่าลูก = =" ส่วนตัวเคยปลูกมาแล้ว ทัี้งระบบ hydro และปลูกดินค่ะ แนะนำปลูกกับดินมากกว่าค่ะ ดูแลน้อยกว่า กางมุ้งไปก็ช่วยเรื่องแมลงได้ระดับนึง ต้นทุนต่ำกว่าเยอะเลยค่ะ แต่หากคิดทำเป็นการค้า ก็ hydro ดีกว่าค่ะ จากคุณ : รักหนักแน่น เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 20:17:29

ความคิดเห็นที่ 10 ผักไฮโดรผมว่าดูจากวิธีการปลูกแล้วน่ากลัว มันออกแนวคล้ายผักสังเคราะห์ยังไงไม่รู้ ในดินผมว่ามันมีสารอาหารมากมายกว่าสารเคมีที่ใช้ปลูกแบบไฮโดร คุณประโยชน์จึงน่าจะมากกว่า อย่างน้อยก็เป็นธรรมชาติมากกว่า ไหนๆจะดูแลสุขภาพแล้ว ผมว่าเลือกผักออแกนนิคส์น่าจะดีกว่า จากคุณ : กิ่งก้ามปู เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 12:13:08

ความคิดเห็นที่ 11 เคยเห็นเคยปลูกต้นไม้ประดับด้วยวิธีไฮโดมานานกว่าสิบปี แต่เคยเห็นการปลูกผักด้วยวิธีไฮโดจากทาง ทีวี ไทย จากคุณ : บอนเนอร์ เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 12:32:25

ความคิดเห็นที่ 12 หากไม่ใช้ สติและปัญญา ในการพิจารณา ก็คงมีคำตอบของความคิดที่หลากหลาย ...เห็นมีคนบอกว่า มีคนรู้จักกันปลูกผักไฮโดรฯ ขาย แต่ไม่ยอมกินเอง ต้องถามว่า เขาคนนั้นปลูกแบบไหน มีความรู้ที่เพียงพอหรือไม่ และใช่ยาฆ่าแมลง ใช่หรือไม่ ...หากมีความรู้ที่ดีพอ ก็คงไม่ต้องสิ้นเปลืองใช้สารสิ้นคิดแบบนั้น ...และขอตำหนิด้วย คุณปลูกผักเอง ไม่กล้ากินเอง แต่กล้าขายให้คนอื่น แถวบ้านผมเรียก "โคตรเลว" ...มีบางคนถามว่า ผักไฮโดรฯ ก็ใช้สารเคมีคือปุ๋ยไม่ใช่หรือทำไมถึงเรียกว่าผักปลอดสาร ...ต้องตอบว่า "ผักปลอดสาร" ที่ว่านี้ หมายถึง ผักปลอดสารพิษ ครับ ไม่ใช่ปลอดสารเคมี บางที่เรียก "ผักปลอดภัยจากสารพิษ" และสารเคมีในที่นี้ก็คือสารอาหารที่คุณต้องการและจำเป็นต้องใช้ในแต่ละวันนั้นแหละ ...ช่วยกรุณาใช้ปัญญาทำความเข้าใจด้วย ...แล้วก็มีคนถามว่า ผักไฮโดรฯ เป็นผักอินทรีย์มั้ย นี่ก็ ไปกันใหญ่อีก แสดงว่าคนสมัยนี้บริโภคสื่อ และสังเคราะห์ความรู้กันไม่เป็นเลย ...ผักอินทรีย์ คือ ผักออร์แกนิค หมายถึง ผักที่ไม่ใช้สารเคมีในขั้นตอนการผลิตเลย ทั้งปุ๋ย และยา ...ผักไฮโดรโพนิกส์ คือ ผักไร้ดิน หมายถึง ผักที่มีขั้นตอนการผลิตทั้งกระบวนการโดยใช้น้ำ ซึ่งแน่นอน ไม่ได้ปลูกผักในดิน เราจึงต้องใส่ปุ๋ยหรือสารอาหารลงในน้ำ ...ผมอยากถามว่าผักอินทรีย์ ไม่ได้ใช้สารเคมีเลยหรือ ผมคนหนึ่ง ที่ไม่เชื่อ ...และคิดว่า น่ากลัวกว่า ผักไฮโดรฯ เสียอีก ...ในดินมีอะไร มีเชื้อโรค มีปรสิต มีสารปนเปื้อน และมีฉี่หนู ...และถ้าคุณเคยกินผักอินทรีย์ หรือผักออร์แกนิค ที่ใบสวยสวย คุณคิดว่าคนปลูกเก่งจริงเลยปลูกผักอินทรีย์สวยจัง ...ช่วยใช้ปัญญาตรองซิว่า การปลูกผักอินทรีย์โดยไม่ใช้ยา แล้วผักออกมาสวยใบไม่มีตำหนินี่ เป็นไปได้หรือไม่ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 08:30:36

ความคิดเห็นที่ 13 การปลูกผักไฮโดรโพนิกส์ โดยยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ว่าใช้สารเคมี คือปุ๋ย นั้น ...อย่างน้อยผู้บริโภก็ต้องเข้าใจว่า หรือมีความรู้สักเล็กน้อยว่า ...การปลูกพืชผัก มันต้องใส่ปุ๋ย เพียงแต่คุณจะใส่มันให้กับพืชผักของคุณในรูปแบบไหน จะใส่ปุ๋ยขี้วัว แล้วรอให้มันแตกตัว แตกอนุภาคออกมาเป็น ไนโตรเจน ฟอสเฟต ฯลฯ ...หรือจะเลือกใส่ธาตุอาหารที่พืชต้องการในสัดส่วนที่ "คุมได้" ลงไปโดยตรง ...ซึ่งก็ทำให้เกิดระบบขึ้นมาสองระบบ คือ "อินทรีย์" กับ "ไร้ดิน" ...ทีนี้คุณก็เลือกว่าจะชอบระบบใด ...แต่อย่าได้มาตะแบงว่า การใส่ปุ๋ยคือสารเคมีลงไปนั้น มีอันตราย เพราะปุ๋ยที่คุณใส่ลงไปนั้น ไม่ว่าจะ อินทรีย์ จะ ไร้ดิน มันก็คือเคมีครับ ปุ๋ยคอก ขี้วัว ก็คือเคมีครับ ...ในเนื้อ ในตัว คุณเอง ก็เคมีทั้งสิ้น ...ปุ๋ยเคมี เกิดจากการสังเคราะห์ จริงครับ ถ้าอยากจะเถียง ...แล้วสังเคราะห์จากอะไรครับ สังเคราะห์เอาจากธรรมชาติไงครับ ...N P K ไนโตรเจน ฟอสเฟต โพแตช มันมีอยู่ในธรรมชาติ แล้วเขาก็นำมาสังเคราะห์ให้มันบริสูทธิ์ จับต้องได้ เป็นปุ๋ยเคมี ไงครับ ...คือถ้าใช้ปัญญาพิจารณา จะไม่มีการเถียงเรื่องแบบนี้เลยครับ ...แต่ทุกวันนี้ คุณตกเป็นเครื่องมือของการประชาสัมพันธ์ที่ผิดผิด โดยคนที่พูดออกมาผิดผิด จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 08:52:27

ความคิดเห็นที่ 14 ต้องขอโทษ คุณกาฯ ด้วย ที่ปล่อยให้ตอบอย่างเดียวดาย ...ผมเปิดอ่านตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่พออ่านได้ไม่นานก็ error ...นี่ผมต้องเปิดโดยวิธี เสิร์ชเอาจากกูเกิ้ล ถึงจะอ่านและตอบได้ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 09:03:12

ความคิดเห็นที่ 15 โห..วันนี้ ท่านมับนะขู "แรง" นะครับเนี่ย แต่ก็  ตรงๆ  ดีครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 09:18:23

ความคิดเห็นที่ 16 แหะ แหะ ...ผมตอบแรงกว่านี้ มาก็เยอะครับ เพียงแต่ไม่ได้ออนไลน์ ...มันน่าตอบครับ สำหรับพวกที่ชอบใช้คำว่า ... ...ผมว่า , น่าจะ ,ฯลฯ ...คือเป็นประเภท ไม่ศึกษาหาความรู้ เอาความคิดตัวเป็นใหญ่ แล้วก็มาแสดงความ "ทึ่ม" ...แล เรื่องบางอย่าง แค่คุณหยุดวิพากย์ แล้วลองนึกคิด โดยใช้เพียงเสี้ยวสติปัญญา ...ก็ได้คำตอบแล้ว มันมีคำตอบแล้ว อยู่ตรงหน้าคุณเอง ...บางคนนี่ อคติ ล้วนล้วน ...อคติ ที่แปลว่า "ความไม่รู้"  ไม่รู้แล้วยังกล้าแสดงความคิดนั้นออกมาเป็น "ลบ" จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 09:25:38

ความคิดเห็นที่ 17 วันนี้ผมอาจจะ "เป็นฟืนเป็นไฟ" ไปหน่อย ...แต่ที่ผมทำ ที่ผมตอบ ผมตอบตามข้อเท็จจริง ตอบในแนวทางเพื่อรักษาชื่อเสียงของวงการไฮโดรโพนิกส์ ...เพราะมันไม่มีคนตอบแบบชัดชัดแบบนี้ หรือมีก็เสียงเบา น้ำหนักน้อยไปหน่อย ...เมื่อเกิดการเข้าใจผิด ก็ไม่มี "หน่วยกู้หน้า" จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 09:41:30

ความคิดเห็นที่ 18 ฝากกระทู้นี้ด้วยครับ น่ารักดี http://www.pantip.com/cafe/isolate/topic/M10537854/M10537854.html จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 11:15:51

ความคิดเห็นที่ 19 ได้ลองไปลิ้ม ชิมรสมาแล้วครับ มันก็กรอบ ฉ่ำๆดี ไม่ขมเท่าไร ถึงแม้จะ ราคากิโลละ 60 บาท (ซื้อที่แปลงผัก) ผมว่า สมราคาครับ เพราะกรรมวิธีการปลูก เหนื่อยมาก เมื่อยด้วย เรียกได้ว่า ปลูกกันต้นต่อต้นเลย พอดีไปอบรม การปลูกมา ต้องนั่งเรียงเมล็ดตอนเพาะ ย้ายลงถาดใหญ่ เมื่อยมากๆ ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้วว่า มันมีความแตกต่างตรงรสชาติ และ ไม่มีสารพิษ แต่ที่ว่าใช้ปุ๋ยเคมี ก็มีกรรมวิธี เก็บเกี่ยวคือ ต้องผ่านน้ำเปล่า 1 วันกลางแดด เพื่อให้พืชใช้ไนเตรต ไปสังเคราะห์แสงจนหมด ก็เป็นธรรมดาของพืชที่มีนำอุดมสมบูรณ์ จะสร้างเนื้อเยื่อที่ฉ่ำน้ำ ผักก็เลยกรอบ ก็นับถือ คนที่คิดค้นน่ะ สำหรับปลูกในพื้นที่ที่จำกัด แต่จากที่สังเกตมา เราอาจะทำลดต้นทุนค่าโรงเพาะได้มาก ถ้าใช้วัสดุอื่น ไม่แน่ อาจจะทดลองประดิษฐ์ โรงเรือนราคาถูกชุดเล็กๆ ให้คนซื้อเอาไปปลูกเล่นๆ กินเองที่บ้าน คงจะน่าสนุกดี เพราะเคยปลูกผักไว้กินเอง เช่น แตงกวา คะน้า ผักบุ้งจีน ต้นหอม มะรุม แป๊ะตำปึง ผักชีลาว ดอกแค คือปลูกที่ปลูกง่ายๆ สำหรับพื้นที่อันจำกัดในกรุงเทพ กว่าจะได้กิน ปลุกเป็นอาทตเป็น์ เดือน กินแค่มื้อเดียวเกลี้ยงเลย จากคุณ : นักแสวงหา เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 13:12:26 A:14.207.143.95 X: TicketID:288860

ความคิดเห็นที่ 20 โดยปกติ คนเราได้รับไนเตรท จากทางอื่นมากกว่าได้จากปุ๋ยผักเยอะครับ   เช่น ใน เนื้อเค็ม ใน ปลาช่อนแห้ง ใส่ให้เนื้อสีสวย ขายง่าย   ในแหนม ในหมูยอ ใน กุนเชียง ในปลาร้าและ ในไส้กรอก ฯลฯ  อาหารที่ใส่ดินประสิวทั้งหมดนั่น แหละ    มากด้วยครับ กินไนเตรทกันเป็นประจำอยู่แล้ว ครับ กระทรวงสาธารณสุขประกาศ  อนุญาตให้ผสมไนเตรทในอาหารได้   ในปริมาณที่กำหนด คือ ใช้ไนเตรทได้ไม่เกิน 500 มิลลิกรัมต่ออาหาร 1 กิโลกรัม ครับ อาการเบื้องต้น ที่ร่างกายเตือน เมื่อได้รับไนเตรท มากเกินไปคือ มีอาการ ปวดหัว อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และอาเจียนขับสารที่เป็นพิษออกมา ครับ ถ้าได้รับจำนวนมากทันทีทันใด  จะเกิดอาการปวดท้องและกล้ามเนื้อไม่มีแรง ต้องส่งโรงพยาบาล ให้หมอแก้ไข ให้ครับ ร่างกายก็มีกระบวนการขับสารที่ร่างการไม่ต้องการ หรือมากเกินไป ได้อยู่แล้ว ครับ ถ้าได้รับไม่เยอะเกินกำหนด   ร่างกายจะขับออกได้เอง ครับ สำหรับผักไฮโดรโปนิค ถ้ามีการเลี้ยงถึง อายุผักอาทิตย์ที่ 7 ขึ้นไปแล้ว จำนวนไนเตรท จะลดลง สะสมน้อยลง เพราะเลยระยะเจริญเติบโตไปแล้ว เข้าสู่ระยะเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งยอดผักผ่านการเจริญเต็มที่ไปแล้ว คนที่ปลูกเป็นอาชีพจะเข้าใจดี โดยปกติ เค้าจะไม่ขายผักช่วงที่กำลังเจริญ ในระยะที่3 ซึ่งอายุผักจะอยู่ใน อาทิตย์ที่ 5 .6และ7 เพราะผักจะมีการทำน้ำหนักและเจริญเติบโตเร็วมาก ในระยะที่3นี้ เหมือนเลี้ยงหมูนั่นแหละครับ คนเลี้ยงหมูจะไม่อยากขายหมู ในขณะที่น้ำหนักหมูอยูที่ 70 ถึง 90 โล เพราะจะอยู่ในช่วงมี  อัตราแลกเนื้อต่ออาหารที่ให้  จะสูงมาก แต่พอถึง 100 ถึง 120 โล น้ำหนักตรงจุดนี้เป็นจุดที่ พีกสูงสุด คือขายหมูได้กำไรสูงสุด ครับ ถ้าเลยจุด 120 โลไปแล้วอาหารที่ให้ กับ น้ำหนักที่ได้จะไม่คุ้มกัน ครับ เช่นเดียวกัน ผู้ปลูกผักสลัด   จะเก็บผลผลิตในระยะที่4 อายุผักอยู่ใน อาทิตย์ที่ 7 ,8 และ 9 ซึ่งระยะนี้ เป็นระะพีกสูงสุดของผักสลัด ครับ  ซึ่ง ผู้ปลูกจะลดค่า ความเข้มของสารอาหารลงเหลือค่า EC ไม่เกิน 1.2 mili Sements/cm. คอยเลี้ยงค่าpH ให้เป็นกรดจางๆ ระหว่าง 6 ขึ้นไปถึง 6.8     ช่วงนี้ไนเตรทแทบไม่เหลือแล้ว ครับ ไนเตรทจะสะสม   มีมาก ในระยะเจริญเติบโต สัปดาห์ที่ 5,6,7 เท่านั้น ครับ จะสะสมมากบริเวณเยื่อเจริญส่วนยอดผัก และ คนปลูกจะไม่ขายผักระยะนี้ครับ (ยกเว้นร้อนเงิน) เพราะผักกำลังทำน้ำหนัก ให้ได้ราคาดี เพียงแค่รอออกไปอีก หนึ่ง หรือสองอาทิตย์ ก็เก็ยขายได้น้ำหนักดีแล้ว ครับ ถ้าคนซื้อ กังวนใจ กลัวจะได้รับไนเตรท จากผักพวกนี้มากไป  ก็เอาผักมาแช่น้ำเปล่า สัก1-2 ชั่วโมง ให้ผักดูดน้ำเปล่าเข้าไปไล่ไนเตรทที่ยังตกค้างอยู่ ให้ระเหยไป ก็กินได้ปลอดภัยแล้วละ ครับ ซื้อกิโลละ 60 บาท ถูกมากนะครับ ผักสลัดเมืองจีนเข้ามาอีก ขายโลละ 35   คนทำผักสลัดไฮโดร จะแย่เอา ครับ ที่ผมไปฝึกงานมา ขาย คัดเกรดสองขีดขึ้นต่อต้นขาย โลละ 120  ตกเกรด โลละ 80 บาท ครับ แก้ไขเมื่อ 14 พ.ค. 54 13:04:12 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:25:49

ความคิดเห็นที่ 21 ผมขายผักหน้าฟาร์ม กิโลละ ๑๐๐ บาท คละเกรด ...ซื้อเป็นต้น ขาย ต้นละ ๑๒-๑๙ บาท ตามเกรด ...ถ้าขายต่ำกว่านี้ ผมยอมให้มันเน่าคาแปลง ครับ ...แหะ แหะ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 17:23:04

ความคิดเห็นที่ 22 ...คุณ มับนะขู น่าจะมาปลูกผักขายที่ภูเก็ต...ต้นละ 39 บาท ต้นนิดเดียว ...ภาพนี้อยู่ที่โลตัส ภูเก็ต ...แพ็คละ 1 ต้น...ของเค้ามีเครื่องหมาย Q ด้วยค่ะ จากคุณ : ตู้ไฟ007 (ตู้ไฟ007) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 19:20:34

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ ^ เป็นผักปลูกที่อื่นแล้วส่งขึ้นเครื่องไปขายน่ะครับ ราคามันเลยขนาดนี้ ...จะลงทุนไปปลูกที่นั่น คงไม่ไหว ดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจเลย จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 09:41:21

ความคิดเห็นที่ 24 สำหรับคุณมับนะขู ผมเห็นด้วยนะครับ แข่งกันลด แข่งกันตัดราคากันเอง   มีแต่จะแข่งกัน ไปไม่รอด ครับ โห....สลัดแพ็กละต้น ต้นละ 39 บาท รวยเละเทะ เลยครับ แต่อย่างว่าแหละเมืองท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายสูง ครับ คุณพี่ตู้ไฟ เริ่มปลูกผักสลัด บนดาดฟ้าโรงแรมหรือยังครับ ถ่ายรูปมาชมกันบ้างนะครับ ปลูกใช้ประกอบอาหาร ในห้องอาหารของ โรงแรม ผมว่าดีครับ จะได้ไม่ต้องซื้อผักที่อื่น  ผักสลัดคิดแล้วโลนึงเกือบ สองร้อย  แพงมากครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 09:57:19

ความคิดเห็นที่ 25 แบบนี้น่าหาตัวแทนขาย เอาไว้ทำตลาดส่งโรงแรมทางใต้ (ซึ่งปกติก็มีอยู่แล้ว แต่ตลาดยังน่าจะไปได้อีก) ...ฟาร์มไม่ต้องเอากำไรมาก ขอแค่ค่าขนส่งและค่าหีบห่อให้คุ้ม บวกค่าเสียโอกาสในการขายในภาคกลางกรณีผักขาด ...แล้วให้เปอร์เซ็นต์ตัวแทนสูงหน่อย รวยเละครับ ...มีใครสนใจมั้ยครับ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 10:19:05

ความคิดเห็นที่ 26 ...ซึ้้งเลย เหมือนเสื้อแดง เสื้อเหลืองไม่มีผิด ต่างคนต่างเชื่อในสิ่งที่ตนคิด ...อคติ กับฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าเหตุผลแต่ละฝ่ายจะเป็นยังไง ...อนาถใจประเทศไทย จากคุณ : ตะวันขึ้นทิศตะวันตก เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 20:13:42

ความคิดเห็นที่ 27 ...ขอ อนุญาตเจ้าของกระทู้ตอบคุณ  กา...คาบพริก และคุณ มับนะขู ค่ะ ...ตอบคุณ กา...คาบพริก ตู้ไฟยังไม่เริ่มปลูกผักเลยค่ะ...น้ำประปา,ไฟฟ้ายังไม่เข้า...ได้แต่รอๆๆๆเมื่อไหร่โรงแรมจะเสร็จซะที...จะได้ปลูกผัก ...ตอบคุณ มับนะขู ที่ภูเก็ต ต้องเจาะตลาดในห้างสรรพสินค้าค่ะ เห็นเค้ามีขายแค่ 2 ยี่ห้อ...คู่แข่งมีน้อย...ราคาเลยแพง ...ยังระลึกถึงทั้งสองท่านเสมอค่ะ บ้ายบายยยยย จากคุณ : ตู้ไฟ007 (ตู้ไฟ007) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 23:39:30

ความคิดเห็นที่ 28 ความคิดเห็นที่ 26     ...ซึ้้งเลย เหมือนเสื้อแดง เสื้อเหลืองไม่มีผิด ต่างคนต่างเชื่อในสิ่งที่ตนคิด ...อคติ กับฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าเหตุผลแต่ละฝ่ายจะเป็นยังไง ...อนาถใจประเทศไทย จากคุณ : ตะวันขึ้นทิศตะวันตก     เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 20:13:42   ---------------------------------------------------------------- ...ผมว่า ผมพยามอธิบายเหตุผลในสิ่งที่เพื่อนๆถาม ที่เพื่อนๆสงสัย อย่างง่ายที่สุด เท่าที่สติปัญญาผมมีแล้วละครับ   อยากทำความเข้าใจกับท่านก่อน ในสิ่งที่เรากำลังพูดถึง  มันเป็นความรู้ มันเป็นวิทยาศาสตร์ ครับ พิสูจน์ได้เป็นตัวเลขด้วย มีตำรามากมาย คำนวนถึงในระดับ โมเลกุลของธาตุในทางเคมี ทำให้เรารู้ถึงที่มาที่ไป รู้ถึงการปลูก แบบไฮโดรฯครับ อยากจะบอกท่านว่า การปลูกแบบไฮโดรโปนิคเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เป็นความเชื่อ  หรือต่างคนต่างเชื่อ ในสิ่งที่ตนคิดครับ ไม่ว่าเหตุผลแต่ละฝ่ายจะเป็นยังไง ...คุณโพสมาสองความเห็น ผมยังมองไม่เห็นเหตุผล ของคุณเลยครับ รู้เพียงแต่ว่า คุณบอกว่า เป็นผักเลี้ยงด้วยสารเคมี ซึ่งผมกับท่านมับนะขู ก็ตอบขยายความให้ไปหมดแล้ว ว่าเป็นเคมี ที่ร่างกายต้องการ ครับ แล้วที่ว่าอคติกับฝ่ายตรงข้าม ช่วยบอกสักนิดเถอะครับ ว่าคนกินผักไฮโดร ฯ อคติกับฝ่ายตรงข้ามยังไง ครับ หรือว่าเราต้องไปรบกับใคร   แดงหรือเหลือง เหรอครับ ใครไม่รู้ถามมา  ผมรู้ผมก็บอกไป เพื่อนผม  ท่านมับนะขู   ท่านทราบ  ท่าน ก็บอกไป เล่าไปให้เป็นความรู้ คิดว่าให้เป็นวิทยาทาน แก่เพื่อนๆที่ยังไม่ทราบ ครับ ผมเอง..ปลูกผักกับดิน ทั้งกินเอง ทั้งขายเพื่อนบ้าน มาสามสิบกว่าปี เพิ่งจะเริ่ม มาศึกษา มาวิจัย มาทดลองปลูกแบบไฮโดรโปนิกจริงจังได้ประมาณปีนึงนี้เอง ครับ ยังไม่เก่ง ยังไม่เชี่ยวชาญ เท่ากับอีกหลายๆท่านในห้องนี้ อาจตอบไม่เข้าใจ ไม่เครีย    ผมต้องขออภัยท่านด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 54 11:04:54 จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 09:14:50

ความคิดเห็นที่ 29 คิดไม่ถึงแฮะ  ปลูกไฮโดรฯ  ยังมีคนเขียนโยงไปถึง   เสื้อเหลือง เสื้อแดง ได้ เก่งจริงๆ ...น่าไปอยู่"ราชดำเนิน"ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 09:25:39

ความคิดเห็นที่ 30 ขออนุญาตครับ ...คุณตะวันขึ้นทิศตะวันตก ครับ ...คุณเป็นฝ่ายตรงข้ามกับผมตั้งแต่เมื่อไร ...ผมอคติ กับคุณ ตั้งแต่เมื่อไร ...คุณเชื่อเรื่องอะไร ... ...สิ่งที่ผมเขียนเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความเชื่อ ...ว่าแต่คุณเชื่อว่าอย่างไร ...คุณเอาความเชื่อของคุณมาถกเถียง แล้วบอกว่าคนอื่นมีอคติ มีฝ่ายตรงข้าม คุณคิดได้อย่างไร ...ลองดูเหตุผลของคุณสิ  "ความคิดเห็นที่ 7  สงสัยเหมือนกันมันปลอดสารยังไง ปุ๋ย A B นี่มันสารเคมีไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงยังมีคนเถียงเป็นฟืนเป็นไฟว่า มันไม่ใช่สารเคมี????? " ...ผมเองก็มองไม่เห็นเหตุผลอะไรของคุณเลย นอกจาก "อคติ" คือความไม่รู้ของคุณ ...คุณไม่รู้แม้กระทั่งว่า คำว่า "ผักปลอดสาร" ที่เขาใช้กันทั่วไปมันมาจากคำว่า "ผักปลอดสารพิษ" (จริงจริงแล้วถ้าจะใช้ย่อย่อ ควรใช้ว่า "ผักปลอดสารฯ" ) ...ฤ คุณก็จะเถียงอีกว่า สารเคมี ก็คือ สารพิษ เหมือนกัน ...ถ้าคุณคิดแบบนี้ ...ผมก็อนาถใจประเทศไทย จริงจริง จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 09:48:45

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าคำพูดคำเขียนของผมจะรุนแรงไป จนเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยก ...อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ...ก็ต้องกราบขอโทษเจ้าของกระทู้ เจ้าของความคิดเห็นทั้งหมด รวมทั้ง คุณกาฯ ด้วย ...ผมคิดเห็นอย่างไร ก็ตอบอย่างนั้น ตรงตรง ...หากต้องการความจริงใจ ไม่เสแสร้ง ผมเป็นเพื่อนคุณเสมอ ...หากต้องการคำพูดรื่นหู เจือความเชื่อโง่เขลา ผมคงไม่ใช่เพื่อนคุณ จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 10:16:19

ความคิดเห็นที่ 32 ต่อไปคงต้องให้ทางฟาร์มออกใบรับรองไนเตรด นะครับ   และมีกราสุ่มตรวจค่าให้ผู้บริโภคตรวจสอบได้และสร้างความมั่นใจมากขึ้น  ....รับรองครับตลาดในประเทศสามารถทำส่งออกนอกได้อย่างสบายใจ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 11:59:10

ความคิดเห็นที่ 33  ชอบครับสาระดีครับ..  ... อ่านเอามาเพิ่มรอยหยักในสมอง  ...เลือกเอาว่าจะกินแบบไหน  คุณๆ มีสิทธิ์ที่จะเลือก  เพราะสิทธิ์นั้นอยู่ในมือคุณ... จากคุณ : คนดง คนเดิม เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 13:56:30

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ ^ แจ่ม จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : วันพืชมงคล 54 10:03:48

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ^ แจ่ม จากคุณ : มับนะขู เขียนเมื่อ : วันพืชมงคล 54 10:05:59

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาแสดงความคิดเห็นนะคะ.. ส่วนตัวที่บ้านปลูกผักทั้งสองชนิดเลยค่ะ บริโภคทั้งสองชนิดด้วย..เพราะ.. ไม่ไว้ใจผักที่ขายในท้องตลาดค่ะ... ทางเลือกที่เราทำได้คือปลูกเองควบคุมคุณภาพเอง ทำให้บริโภคได้มั่นใจกว่าค่ะ เราเจอญาติถามคำถามแบบนี้ และตั้งธงในใจแล้วว่า ผักไฮโดรมันน่ากลัวเพราะเป็นเคมี..โดยที่ไม่ยอมจะรับฟังหรือศึกษาการเจริญเติบโตของพืช อย่างจริงจัง เราสมมุติว่าหากซื้อผักที่ปลูกจากดินที่เจ้าของใส่ยาฆ่าแมลงลงดิน หรือมีการรั่วไหล ของสารพิษปะปนมากับดินเขาจะรู้ไหม..แม้แต่เราที่ปลูกเอง วันนึงมีใครไม่รู้เทสารเคมีใกล้ๆแล้วไหลซึมปนเปื้อนมา แล้วพืชดูดซึมเข้าไปเราก็ไม่มีทางรู้เลย ดังนั้นมันไม่เกี่ยวอะไรกับวิธีการปลูกแบบไหนที่ดีกว่าหรือไม่ดีกว่า..แต่เป็นแต่ละขั้นตอน  ผู้ปลูกได้เอาใจใส่กับพืชที่ตัวเองปลูกดีแค่ไหน.. แต่ญาติเราก้ไม่ฟังเราเหมือนกัน.. เราว่าหากต่างเอาข้อเสียที่ตัวเองเคยเจอมา..เอามาบลัฟวิธีการอีกฝ่ายก็คงไม่แฟรืเท่าไหร่..หากเอาข้อเสีย ข้อดีของแต่ละวิธีมาแชร์กันมันน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่านะคะ จะได้รู้ว่าต้องมีข้อควรระวัง ในการปลูกผักให้บริโภคได้อย่างสบายใจอย่างไร เหมือนเถียงกันเรื่องปุ๋ยเคมี ปุ๋ยหมักเลย.. ปุ๋ยเคมีใช้ไม่ถูกก็ไม่ดี..ปุ๋ยหมักทำไม่ถูกวิธีก็แย่เหมือนกัน(อันนี้ประสบการณ์จริง คนแถวบ้านหมักปุ๋ยเองแบบมั่วๆไม่ศึกษา  เอาไปรดต้นไม้ตายเป็นเบือเพราะเกิดกรดอย่างมาก  แล้วโทษว่าปุ๋ยหมักไม่เห็นดีทั้งๆที่ตัวเองทำไม่ถูกวิธี) ว่าแต่อย่าห่วงแต่ผักกันนะคะ..ตามตลาดนี่ สารเคมีแฝงกับอาหารเยอะกว่าที่คาดคิดนะคะ..อย่าได้วางใจเชียว จากคุณ : anavrin เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 54 18:50:37