ความคิดเห็นที่ 1 ในการนี้จึงมาขอความร่วมมือประสานกับทุกท่าน ทุกกลุ่มฝ่ายที่รักสัตว์ ผ่านเว็บบอร์ดนี้ ขอเชิญท่านมาร่วมแสดงความจำนงค์ในการที่จะร่วมมือกันผลักดันให้มีการนำไปสู่การช่วยเหลือสัตว์จรจัดที่ยั่งยืน หากท่านยินดีสนับสนุนให้เกิด ๑ ตำบล ๑ บ้าน(สงเคราะห์)สัตว์ โปรดแจ้งความจำนงค์ของท่านไปที่ อีเมล์ home4pet@hotmail.com เรื่อง สนับสนุนการก่อตั้ง ๑ ตำบล ๑ บ้าน(สงเคราะห์)สัตว์ ข้าพเจ้า (นาย/นาง/นางสาว) ........................ เลขประจำตัวประชาขน .............................. อยู่บ้านเลขที่......................................... ............................................... โทรศัพท์/โทรสาร ............................................... ขอร่วมสนับสนุนการก่อตั้ง ๑ ตำบล ๑ บ้าน(สงเคราะห์)สัตว์ มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมดังนี้ 1 ................................................ 2. ................................................ 3 ............................................... 4 ............................................... ฯลฯ และ(ถ้ายินดีร่วมเป็นเครือข่ายในการดำเนินการผลักดันโปรดคลิกในวงกลมเพื่อจะได้ประสานเพิ่มเติมต่อไป) O ขอร่วมเป็นอาสาสมัครในการรวบรวมรายชื่อ ความคิดเห็นประกอบการเสนอโครงการไปยังภาครัฐด้วย O ขอร่วมเป็นเครือข่ายในการดำเนินการผลักดัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะร่วมมือกันด้วยดีและกระจายข่าวบอกต่อ เพื่อให้มีกลุ่มคนมาร่วมกันผลักดันให้มากที่สุด 1 เสียงของท่าน สามารถช่วยสัตว์จรจัดทั้งประเทศ ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วย แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 54 13:02:03 จากคุณ : ป้าตุ้ย (amornsri) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 12:30:27

ความคิดเห็นที่ 2 โหวตให้ก่อนนะคะ จากคุณ : ชื่นใจจัง เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 13:05:56

ความคิดเห็นที่ 3 โหวดด้วยคะ ขอให้ผันเป็นจริงเสียที จากคุณ : สาวพันชั่ง เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 13:12:04

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วมีต้นแบบไหมครับ แบบสักที่นึงที่เป็นตัวอย่างว่าควรจะเป็นแบบไหน อย่างไร กลัวว่าจัดตั้งมาแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับวัด ที่มีคนเอาสัตว์เลี้ยงไปทิ้งไว้ให้พระท่านดูแล เห็นด้วยกับความคิดว่าน่าจะมีสักที่ในชุมชนหรือตำบล แต่ทำอย่างไรให้มันยั่งยืน แล้วสัตว์พวกนี้มาอยู่รวมกันมันจะแออัดเกินไปไหม แล้วที่ขนาดไหนถึงจะเหมาะสม จากคุณ : peggo เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 14:49:56

ความคิดเห็นที่ 5 ลองหา อบต. ทำนำร่องก่อนก็ดีค่ะ จากคุณ : Auntie DEE เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 15:03:45

ความคิดเห็นที่ 6 vote ผลักดันมาตรการให้ควบคุมคนเลี้ยงอย่างรับผิดชอบดีกว่าค่ะ จากคุณ : ครอบครัวตัว ม เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 15:04:31

ความคิดเห็นที่ 7 โหวตให้ครับ  ขอให้ทำได้สำเร็จ   ประเทศไทยจะได้ไม่มีหมาแมวจรจัดอีกต่อไป ใครเจอหมาแมวจรจัด ก็สามารถนำส่งไปเลี้ยงไว้ที่ บ้าน (สงเคราะห์) สัตว์ได้ หรือบ้านใครมีหมาแมวออกลูกเยอะเกินไปเลี้ยงไม่ไหว ก็สามารถส่งไปให้บ้าน (สงเคราะห์) สัตว์ได้ และมั่นใจได้ว่า หมาแมวเหล่านั้นจะได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี   มีคนดูแลด้วยความรัก ความเข้าใจ มีอาหาร มีที่ให้วิ่งเล่น และ มีสัตวแพทย์ดูแลสุขภาพเป็นประจำ จากคุณ : Chocolate_X เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:02:27

ความคิดเห็นที่ 8 โหวตแล้วค่ะ อยากให้ทำนะคะ แต่กลัวว่าระยะยาวทำๆ  ทิ้งๆ จะกลายเป็นปัญหาหนักยิ่งกว่าเก่าสิคะ ต้องเป็นคนที่รักสัตว์จริงๆมาดูแล งบประมาณเพียงพอไม่งั้นสัตว์ที่อยู่มในกรงขัง ถูกทิ้งขว้าง อาหาร+น้ำไม่ได้กินเท่ากับว่าถูกขังตายแบบที่เคยเห็นคลับคล้ายคลับคลาที่ไหนจำไม่ได้อะค่ะ ถ้าทำอย่างจริงจัง โครงการระยะยาว มีงบสนับสนุนตลอดจะดีมากค่ะ^^ จากคุณ : แม่ของเต้าหู้ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:08:38

ความคิดเห็นที่ 9 ขอเสนอความคิดในการจัดตั้้งบ้านสัตว์นะครับ 1. จดทะเบียนจัดตั้งบ้านสัตว์เป็นสมาคม   รับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเป็นสมาชิกบ้านสัตว์  ซึ่งสมาชิกนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนกิจการงานบ้านสัตว์  หรือ เป็นผู้อุปถัมภ์กิจการงานบ้านสัตว์ ด้วยการเป็นอาสาสมัครช่วยดูแลเป็นประจำหรือเป็นครั้งคราว  หรือ ด้วยการสนับสนุนจัดหาทุน 2. มองหาสถานที่ที่จะทำเป็นบ้านสัตว์ต้นแบบ  มีอาคารที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐาน   มีสถานที่ให้หมาแมวออกไปวิ่งเล่นออกกำลังกายได้โดยไม่ออกนอกบริเวณไปทำความรำคาญให้เพื่อนบ้านบริเวณใกล้เคียง    ต้องอยู่ห่างบ้านเรือนอื่นๆพอสมควร เพื่อไม่ให้เสียงเห่าหอนไปรบกวนเพื่อนบ้านได้   สัตว์แต่ละตัวมีที่นอนของตัวเองเป็นสัดส่วน    แต่มีที่ออกไปวิ่งเล่นตามเวลาประจำวัน  จัดให้มีห้องพยาบาลเพื่อให้สัตว์มาตรวจสุขภาพตามกำหนดสม่ำเสมอ 3. มองหาทีมงานอาสาสมัครดูแลสัตว์   สัตวแพทย์ที่จะผลัดกันมาดูแลสุขภาพสัตว์สัปดาห์ละครั้ง  และ เจ้าหน้าที่ประจำ 4. จัดทำแผ่นพับสำหรับประชาสัมพันธ์  มีชื่อที่อยู่ของสมาคมและหมายเลขบัญชีสมาคมสำหรับรับบริจาค   มีวัตถุประสงค์   กฎระเบียบของสมาคมบ้านสัตว์  และมีข้อมูลความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับหมาแมวจรจัด  เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญในการมีบ้านสัตว์เพื่อรองรับบรรดาสัตว์ที่ถูกทอดทิ้งไม่เป็นที่ต้องการ  จะได้มีที่พักพิงปลอดภัยและมีความเป็นอยู่ดี  ไม่ต้องออกไปทำความรำคาญให้บ้านใกล้เรือนเคียง 5. ประสานงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง   ทั้งหน่วยงานของรัฐ   ทั้งผู้มีอุปการคุณกับหมาแมวจรจัดอยู่แล้ว   เชิญชวนให้สนับสนุนโครงการนี้และร่วมเป็นเครือข่ายทั่วประเทศ  สร้างระบบบ้านสัตว์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ขอความร่วมมือกับเจ้าของหรือผู้บริหารธุรกิจอาหารและยาสำหรับหมาแมว  ขอให้ช่วยสนับสนุนบริจาคเพื่อการสร้างบ้านสัตว์ต้นแบบ รัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ให้เป็นประจำทุกปีด้วย  เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสุขความสบายใจของประชาชนที่ไม่ต้องเดือดร้อนรำคาญ หรือเวทนาหมาแมวจรจัดอีกต่อไป 6. บ้านสัตว์ต้นแบบแห่งแรก  อาจมีหมาแมวส่งเข้ามามากจนรับไว้ไม่ไหว   ต้องขยายบ้านสัตว์ต้นแบบแห่งที่สองต่อไป  ซึ่งต้องอยู่ถัดไปอีกตำบลหนึ่ง    หากบ้านสัตว์แห่งใดเต็มแล้ว ก็จะสามารถส่งต่อหมาแมวไปยังบ้านสัตว์ในเครือข่ายที่ยังไม่เต็มได้ 7. โครงการบ้านสัตว์นี้  จะทำให้เกิดการจ้างงานสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ดูแลประจำ  และมีอาสาสมัครที่เต็มใจผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลตามสะดวก   จัดให้มีการให้ความรู้ ฝึกอบรมผู้เข้าร่วมโครงการ  และมีกิจกรรมฝึกหมาแมวให้รู้ภาษาและมีวินัย การบริหารโครงการบ้านสัตว์เป็นสิ่งท้าทายความสามารถมาก   ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจและสติปัญญาที่จะทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี   ประชาชนก็จะไม่ต้องทนเห็นสภาพน่าเวทนาของหมาแมวจรจัด   ไม่ต้องได้รับความเดือดร้อนรำคาญจากหมาแมวจรจัดอีกต่อไป   และยังสามารถนำหมาแมวไปส่งให้บ้านสัตว์ได้เสมอเมื่อไม่ต้องการเลี้ยงสัตว์นั้นแล้ว    หรือถ้าต้องการหาสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยง  ก็ไม่ต้องไปซื้อที่ไหน  สามารถไปเลือกหมาแมวน่ารักๆถูกใจได้ที่บ้านสัตว์ด้วยเช่นกัน จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 16:58:22

ความคิดเห็นที่ 10 ส่งเมล์ไปแล้วนะค่ะ ป้าตุ้ย ^^ จากคุณ : Noo_moon เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 17:10:22

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่อง "คนที่ไม่รับผิดชอบหมาแมวที่ตัวเองเลี้ยง"  หรือ เลี้ยงทิ้งๆขว้างๆ รัฐสามารถออกกฏหมายให้มีการ "จดทะเบียน" สัตว์เลี้ยงได้   การเลี้ยงหมา   ต้องจดทะเบียนรูปพรรณของหมา  เป็นประชากรหมาในประเทศไทย ผู้เลี้ยงจะต้องจ่ายค่าภาษีหมาเป็นรายปี   อาจตั้งภาษีไว้ปีละ 500 บาท หากวันใดไม่ต้องการเลี้ยงหมาตัวนี้แล้ว  ก็สามารถไปส่ง "บ้าน (สงเคราะห์) สัตว์" ได้ และหมาตัวนั้นจะไปขึ้นทะเบียนเป็นหมาของบ้านสัตว์แทน แต่บ้านสัตว์  ไม่ต้องเสียภาษีสัตว์ที่รับเลี้ยงดูไว้ หากใครจะมาขอหมาจากบ้านสัตว์ไปเลี้ยง ก็อาจจะจ่ายอัตราภาษีต่ำกว่า เช่น แค่ 50 บาทต่อปี กฏหมายนี้ทำให้เรารู้จำนวนประชากรหมาในประเทศไทย หมาทุกตัวต้องมีป้ายเล็กๆห้อยคอเหมือนเป็นบัตรประชาชนหมา หากหมาตัวใดไม่มี  ถือเป็นหมาจรจัด  ต้องนำส่งบ้าน (สงเคราะห์) สัตว์ และไปขึ้นทะเบียนเป็นหมาในบ้านสัตว์นั้นจนกว่าจะมีเจ้าของใหม่มารับไปเลี้ยง จากเงินภาษีนี้  รัฐก็สามารถให้การสนับสนุนงบประมาณประจำปีแก่ "บ้านสัตว์" ได้ "บ้านสัตว์"  ก็จะอยู่ได้ด้วยเงินงบประมาณของรัฐ และ เงินบริจาคจากประชาชนผู้มีใจเมตตา กิจการบ้านสัตว์ก็จะขยายไปได้ทุกตำบล   (อย่าให้ถึงกับทุกหมู่บ้านเลย เพราะคงมากเกินไป   เอาแค่มีบ้านสัตว์ทุกจังหวัดให้ได้ก่อนก็ยังดี) นโยบาย "บ้านสัตว์"  คือ  เป็นสถานที่รับเลี้ยงสัตว์ที่ไม่มีใครต้องการ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม   บ้านสัตว์จะต้องรับเลี้ยงสัตว์จรจัดเสมอ เจ้าของหมา   หลายคนไม่มีความรับผิดชอบ  หลายคนขาดเมตตา  ไม่ได้เลี้ยงหมาด้วยความรัก ซึ่งปัญหานี้ไม่มีใครแก้นิสัยเจ้าของหมาได้ "บ้านสัตว์"  เป็นแหล่งที่พึ่งของบรรดาหมาแมว (อาจรวมไปถึง กระต่าย และสัตว์เลี้ยงอื่นๆด้วย) "บ้านสัตว์"  จะสามารถแก้ปัญหาหมาแมวจรจัดในประเทศไทยได้ ขอให้ทำได้สำเร็จนะครับ จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 17:16:30

ความคิดเห็นที่ 12 โหวตค่ะ จากคุณ : ลูกแมวน้อยของคุณแม่ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 19:33:08

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นความคิดที่ดีที่จะทำบ้านสงเคราะห์สัตว์ขนาดย่อย แต่กระจายอยู่หลายที่ เพราะขนาดใหญ่ดูจะเป็นการสร้างภาระที่หนักเกินไป เรื่องภาษีสัตว์เลี้ยง เป็นอะไรที่เราไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะคนที่รักสัตว์ มีฐานะต่างๆกัน จะเป็นการสร้างภาระเพิ่มไหม ไหนๆเขาก็พยายามดูแลให้อาหารเท่าที่จะทำได้อยู่แล้ว ---------------------------- เรามีความเห็นเรื่องบุคคลากร ทั้งผู้ดูแล และ สัตวแพทย์ ก็คงมีการจ้างเข้ามา ด้วยเงินงบประมาณที่รัฐเจียดมาให้ แต่บุคคลากรเพิ่มเติม เช่นอาสาสมัคร ทั้งผู้ดูแล และสัตวแพทย์นั้น อาจจะทำให้เหมือนการบริจาคเงินทำบุญที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ โดยคิดเป็นค่าแรงต่อวันที่ช่วยงานเทียบเป็นการบริจาคแทน เช่น... ค่าแรงของผู้ดูแล หรือสัตวแพทย์ ต่อวัน คิดเท่าไหร่ อาสาสมัครมาช่วยงานกี่วัน ก็ออกเอกสารรับรอง เพื่อนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ น่าจะเป็นแรงจูงใจสำหรับอาสาสมัครได้บ้าง สำหรับคนที่ทำด้วยใจ ก็เลือกไม่นำเอกสารนั้นไปใช้ลดหย่อนภาษีก็ได้ และบ้านสงเคราะห์สัตว์สามารถใช้เป็นสถานที่ฝึกงาน สำหรับนักศึกษาสัตวแพทย์ได้อีกด้วย โดยได้รับทุนจากสถานศึกษาที่นักศึกษามาฝึกงาน ข้อดีที่ตามมาอีกอย่างคือ นักศึกษาสามารถฝึกงานใกล้บ้านตัวเอง เพราะมีสถานสงเคราะห์สัตว์กระจายอยู่ตามตำบล ---------------------------- แหล่งทุนในการดำเนินการ เท่าที่คิดได้นะคะ 1. งบประมาณของรัฐ 2. เงินบริจาคจากบุคคลทั่วไป และ บริษัทเอกชน 3. เงินจากสถานศึกษา เพื่อให้นักศึกษาสัตวแพทย์มาฝึกงาน จากคุณ : InsomniaCat เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 20:02:38 A:58.8.56.15 X: TicketID:227348

ความคิดเห็นที่ 14 ู^ เพิ่มเติม 4. เงินจากการรับเคสรักษา ที่กลุ่มสงเคราะห์สัตว์หรือบุคคลส่งเข้ามา เราว่าค่ารักษาน่าจะย่อมเยากว่าของเอกชน ซึ่งค่าใช้จ่ายในการนำสัตว์มารักษาที่นี่ ผู้ออกค่าใช้จ่ายสามารถนำเอกสารรับรองไปลดหย่อนภาษีได้ ในกรณีของกลุ่มบุคคล อาจจะใช้นำไปขอทุนสนับสนุนจากรัฐก็ได้ จากคุณ : InsomniaCat เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 20:17:48 A:58.8.56.15 X: TicketID:227348

ความคิดเห็นที่ 15 โหวตค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่ง จะร่วมส่งเมล์ไปค่ะ จากคุณ : วังน้ำวน เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 20:19:46

ความคิดเห็นที่ 16 โหวตให้แล้วค่ะ ว่าไงว่าตามกัน ^ ^ จากคุณ : triple su เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 22:04:05

ความคิดเห็นที่ 17 ช่วยโหวตให้ค่ะ ^^ จากคุณ : raindear2528 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 22:14:19

ความคิดเห็นที่ 18 ส่งเมล์ไปแล้วคะ จากคุณ : หม่ามี้ของม่าเหมียว เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 23:00:42

ความคิดเห็นที่ 19 Vote ค่ะ จากคุณ : ขาหมูแฮม เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 54 23:36:52

ความคิดเห็นที่ 20 Vote ค่ะ จากคุณ : อสรพิษเขี้ยวขาว เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 07:24:33

ความคิดเห็นที่ 21 โหวตค่ะ จากคุณ : Bam123 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 08:40:59

ความคิดเห็นที่ 22 ถึงจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญ แต่ก็เป็นการริเริ่มที่ดี ขอสนับสนุนครับ จากคุณ : dansivilai เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 09:05:16

ความคิดเห็นที่ 23 โหวตให้แล้วนะจ๊ะ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ช่วยเหลือป้าสำรวย ป้านี และลุงทั้งหลาย ที่ช่วยเหลือสัตว์อยู่ เพราะจะได้ช่วยลดภาระของท่านเหล่านี้ก่อนน่าจะดี เห็นด้วยทุกประการ แต่มันก็เป็นภาระที่หนักพอสมควร ต้องกระตุ้นภาครัฐให้มีจิตสำนึก แล้วก็มาให้ความร่วมมือ อย่างจริงจังเสียที เราเป็นเอกชนพร้อมที่จะช่วยแล้ว จากคุณ : checgo (ji-ju) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 11:50:11

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณทุกท่านที่ทยอยกันเข้ามาสนับสนุนและแสดงความคิดเห็น ป้าตุ้ยคิดว่าถ้าสามารถผลักดันโครงการนี้ให้เกิด ทุกอย่างคงต้องจัดเข้าระบบของโครงการอย่างครบวงจร คงเริ่มตั่งแต่กระทรวงศึกษากำหนดไว้ในหลักสูตรกันเลยทีเดียว ต้องมีกฎหมาย(ที่ไม่ใช่เป็นเพียงเสือกระดาษ)รองรับอย่างเป็นรูปธรรม เอาจริงและยั่งยืน คงไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างที่หลายท่านติงมา แต่เป็นการแก้ปัญหาปัจจุบันแล้วย้อนไปจัดการกับการต้นเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาด้วย มาช่วยกันสนับสนุนและระดมความคิดที่เป็นประโยชน์กันเถอะค่ะ โปรดลงชื่อสนับสนุนตามอีเมล์ข้างต้น แล้วจะประมวลรายชื่อของท่านเสนอต่อรัฐบาล รวมทั้งประมวลความคิดเห็นที่มีประโยชน์เหล่านั้นเข้ามาลู่ระบบของโครงการนี้ เพื่อให้สามารถปิดช่องโหว่ทั้งหมด ถ้าเรามัวแต่มานั่งมองปัญหาเลวร้ายที่เกิดขึ้นตลอดเวลาโดยไม่เริ่มทำอะไรเลย แล้วเมื่อไหร่ปัญหาจะถูกแก้ไขล่ะ ทุกอย่างจะสำเร็จได้ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างจริงจังและจริงใจ ลำพังป้าตุ้ยมีแค่ 1 สมองกับ 2 มือ คงไม่สามารถทำอะไรได้เลย ถ้าท่านทั้งหลายไม่ให้ความร่วมมือ ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ ทำอย่างไรจะไม่ให้เกิดภาพน่าสลดใจเหล่านี้ จากคุณ : ป้าตุ้ย (amornsri) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 11:57:48

ความคิดเห็นที่ 25 ร่วมด้วยช่วยโหวต เรียบร้อยค่ะ จากคุณ : หนึ่ง ต. กับ สามตัว (หนึ่ง ต. กับ สามตัว) เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 12:25:52

ความคิดเห็นที่ 26 คนเราต้องอยู่กับความเป็นจริง ไม่ใช่อยู่กับฝัน อย่ามัวแต่ฝันกันอยู่เลยนะคะ มาช่วยป้าตุ้ยผลักดันโครงการนี้เถอะค่ะ ถ้าโครงการนี้เกิดเป็นรูปธรรม นั่นก็หมายความว่า ปัญหาทุกอย่างที่เคยเกิดมาต้องสามารถกำจัดได้หมดสิ้น ทุกอย่างจะถูกกำหนดไว้ในระบบของโครงการ ท่านทั้งหลายก็มาช่วยกันให้ข้อเสนอแนะในการเขียนโครงการให้ครอบคลุมซิคะ ปัญหาต้นเหตุ ปลายเหตุจะจัดการอย่างไร ชื่อโครงการมันเป็นเพียงชื่อ concept ของโครงการ ส่วนสาระ ของโครงการมีอะไรบ้าง เรายังไม่ได้พูดถึงกันเลย ป้าเขาจึงมาขอให้ทุกคนช่วยสนับสนุนและช่วยให้ข้อเสนอแนะ เพื่อนำไปประมวลใส่ในโครงการ มีการเริ่มปฏิบัติเป็นขั้นเป็นตอนให้ครอบคลุมทุกด้าน คิดว่าไม่น่าเกิดยากนะคะ เพราะแต่ละอบต.แต่ละเทศบาลก็ มีเงินงบประมาณอยู่แล้ว อยู่แต่ว่าไม่เคยคิดแบ่งมาช่วยเรื่องแบบนี้กันบ้างเท่านั้น เพราะทำไปคงไม่ได้ผลประโยชน์กันสักเท่าไหร่ จากคุณ : creamcheese57 เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 12:53:30

ความคิดเห็นที่ 27 vote จากคุณ : แทรคเตอร์ชมพู เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 18:58:40

ความคิดเห็นที่ 28 ขอร่วมสนับสนุนอีก 1 เสียงครับ ส่งอีเมลไปแล้วที่ home4pet@hotmail.com ครับ หลายๆความคิดผมก็เห็นด้วยครับ ผมเห็นใจทุกๆท่านครับ จากคุณ : CATADOG เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 54 19:29:26

ความคิดเห็นที่ 29 ขอโทษนะคะ ป้าตุ้ย ความจริงโครงการแบบนี้ ในแต่ละจังหวัดก็มีนะคะ แต่จะทุกจังหวัดหรือเปล่า ไม่ทราบคะ ก็คล้ายๆ โรง (ทารุณ) สัตว์ ประเวท นะคะ บ้านเราก็มีคะ เรื่องจิตสำนึกที่เราต้องปลูกกันไป ซึ่งวันนี้ คนไทย จิตสำนึกเรื่องนี้ต่ำเหลือเกิน ขี้เกียจเลี้ยง ภาระเยอะ ค่าใช้จ่ายแยะ ก็เอาไปทิ้งง่าย แต่พอเกิดเรื่อง น้องหมา น้องแมว ไปกัด ทำลาย ทำร้ายข้าวของ รวมถึง อุนจิ ของมัน ขึ้นมา ก็มีคนออกมาบอกว่า อย่าไปทำร้ายมัน คนๆ นั้น ใจร้าย มากกว่า คนทิ้ง อีก ทั้งๆ ที่คนทิ้งนั้นเป็น ต้นเรื่อง แค่คนทิ้ง 1 ตัว มันออกลูกปีละ กี่ตัว เขียนแล้วยังกลุ้มใจเลย เราอยากให้เดินหน้า ทำหน่วย พิทักษ์สัตว์ เหมือนอย่างเมืองนอกมากกว่า  ทำหน้าที่คล้ายๆ ตำรวจ สามารถจับกุม ผู้ที่ทิ้ง / ทารุณ ได้เลย ไม่ต้องรอตำรวจ และมีโรงพยาบาลรองรับ เลย ว่า ถ้าจับสัตว์ได้มาส่งที่นี้ มีหมอดูแล ตรวจ ถ้าเป็นสัตว์อย่าง ช้าง ร่อนเร จับมา ก็ให้มาพักที่นี้ มีอาหาร น้ำ ควาญช้างติดคุกก็ให้ทำงานที่นี้แทนไปเลย ตอนนี้ บ้านเรายังขาดหน่วยงานนี้ ตำรวจแค่จับคนก็ปวดหัว เวียนเกล้า พอแล้ว ยังต้องมาตามจับ ช้าง / จับงูเหลือมเข้าบ้าน / เอาแมวลงจากต้นไม้ /จับหมาอีก แถมจับได้ ไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหนอีก ตำรวจบางท่านก็ใจดี แต่ไปโทษตำรวจก็ไม่ได้ อย่างไปจับหมา จะเอาไปไว้ไหน ถึงมีโทษ ก็วุ่นวายกว่าจะขี้นศาล อัยการ ความสำคัญก็น้อย ส่วนมากก็ปล่อยผ่าน หรือไม่จับเลย ส่วนเฮียปอ กับ เฮียรวม ก็ไม่สามารถเข้าจับกุม ว่ากล่าวตักเตือนได้ เราจึงเห็น หมาโดนฟันหัวบาก / แมวโดนทารุณกรรม บ่อยๆ แต่ไม่เคยเห็นว่า จับคนกระทำความผิดมาติดคุกเลยสักที ทั้งๆ ที่มันมีกฎหมายบัญญัติไว้นะคะ จากคุณ : tempopo เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 01:12:54

ความคิดเห็นที่ 30 อันนี้ลองยกเหตุให้ดูนะคะ เมื่อหลายเดือนก่อน เป็นปี แล้วมั๊ง ถ้าใครจำได้ มีคลิบที่เด็กสาวโยนลูกหมาลงแม่น้ำ เขาถูกจับได้ ว่าเป็นใคร (จากประชาชนที่ดูคลิป) และเขาถูกลงโทษจากผู้พิพากษาด้วยกฎหมายที่มี ในกรณีเดียวกัน ถึงคนละประเทศ เด็กผู้ชายโยนน้องหมาลงจากสะพาน น้องหมาไม่ตายแต่พิการ เด็กผู้ชายโดนลงโทษไปแล้ว แล้วบ้านเราล่ะ....??? มีกรณีแบบนี้หรือไม่ อย่าหลอกตัวเองนะว่า คนไทยใจดี ไม่ทารุณกรรมสัตว์หรอก ถึงไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ ลากหมาให้ตายในวัด ... เพราะ คิด เดา ว่ามันเป็น บ้า ทั้งๆ ที่มันอาจเป็น ไข้หัด ขึ้นสมอง ก็มีรูปถ่ายให้ดู จากคุณ : tempopo เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 01:20:23

ความคิดเห็นที่ 31 อยากให้มีกฏหมายลงโทษพวกที่ทำทารุณกรรมกับสัตว์มากเลยค่ะ ทำยังไงถึงจะมีวันนั้นสักที ประเทศไทย จากคุณ : ไม้ขีดเจ้าเอ๋ย เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 02:59:57

ความคิดเห็นที่ 32 อืมโชคดีมาเปิดอ่านพอดี ไม่ได้มาอ่านร่วม2เดือนน่าจะได้มักระมัง ไม่มีเวลาเลย ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~ หนึ่งตำบลหนึ่งบ้านสงเคราะห์ในทางปฏิบัติจริงนั้น ไม่พอหรอกจ้ะน้องๆหลานๆ ขนาดหนึ่งกิโลหนึ่งบ้านโอบอุ้มสัตว์ สัตว์ยังมากล้น แล้วก็มีแต่คนขยันเอามาทิ้งให้ดูแลกันไม่หวาดไม่ไหวเลย ถ้ายิ่งเป็นสัตว์แรกเกิด ยังไม่ลืมตา หรือเพิ่งหัดกินเนี่ย คนเลี้ยงแทบตายเลยนะ ดังนั้นต้องมีหน่วยอาสาสมัครที่จะต้องเข้ามาช่วย โดยกินรายวันกับทางกทม.หรืออบต.ไป ถ้าจำนวนสัตว์มากกว่าในทุกรอบห้าสิบตัว ควรเพิ่มผู้ช่วยเลี้ยงอีกหนึ่งคน สมมติเช่น ไม่เกินห้าสิบตัวผู้ดูแลหนึ่งคน(นี่ก็สาหัสแล้ว) 50-100ตัวให้เพิ่มผู้ช่วยอีกคน 100-150ตัวเพิ่มผู้ช่วยอีกคน ในหนึ่งสัปดาห์ให้มีวันหยุดที่คนเลี้ยงจะต้องพักผ่อนเอาแรง หรือทำกิจกรรมส่วนตัว เช่นซักเสื้อผ้า พบปะพี่น้องหรืออกกำลัง หรือทำอะไรเป็นส่วนตัวบ้าง ถ้าไม่มีวันหยุดทั้งเดือนทั้งปี คนเลี้ยงจะหมดสภาพเร็วๆ ส่วนเรื่องภาษีคนเลี้ยงสัตว์น่ะ ขอแนะนำว่าน้องๆเลิกคิดนะจ้ะ เพราะจะมีแต่คนยิ่งขนสัตว์มาปล่อย แล้วพวกมันจะอยู่กันอย่างไร พวกขนหมาแมวขายคงถูกใจล่ะ เอาเป็นว่าใครเลี้ยงสัตว์รัฐต้อง 1.ลดภาษี เช่นถ้าใครเก็บสัตว์จรจัด(ไม่ใช่ซื้อมานะคะ เพราะนั่นคนละประเด็นกันแล้ว)มาเลี้ยงตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไป รัฐจะลดภาษีให้.25เปอร์เซนต์ และจะลดภาษีลงไปอีกเรื่อยๆเป็นอัตราก้าวหน้า ถ้ายิ่งเก็บสัตว์จรจัดมากก็ยิ่งต้องลดภาษีมากขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะคนเหล่านี้ช่วยรัฐแยกภาระไว้เต็มๆ ทำเช่นนี้ก็จะมีคนอยากเลี้ยงหรือปล่อยสัตว์น้อยลงหน่อยนะจ้ะ 2.รัฐต้องช่วยอุดหนุนด้านอาหาร เช่นมีสัตว์ในดูแลตั้งแต่3-5ตัวขึ้นไป รัฐหรือกทม.หรืออบต.จะบริจาคอาหารให้เท่าไหร่ (อาหารที่รัฐช่วย ควรเป็นอาหารที่สัตว์บ้านนั้นๆกินอยู่แล้วเป็นประจำในวงเงินที่เท่าๆกันทุกแห่งเพื่อความยุติธรรมนะคะ แล้วก็ในราคาที่บริษัทขายส่งด้วย เพื่อสัตว์จะได้อาหารเฉลี่ยทั่วถึงกัน และก็ต้องอย่าให้ผู้บริหารหรือคนของรัฐกินหัวคิวค่าอาหาร เพราะจะทำให้ได้อาหารไม่เพียงพอหรือไม่ทั่วถึงกันได้ เพื่อสัตว์จะได้กินอย่างพอเพียง) ปริมาณเฉลี่ยอาหารนี้ควรเฉลี่ยทุก5ตัวขึ้นไปค่ะ เช่น5ตัวได้เท่าไหร่ หนึ่งเดือน 10ตัวได้เท่าไหร่ 15,20,25ไปถึง100ตัวได้เท่าไหร่ เอาทีละห้ามาคำนวนก็จะเฉลี่ยอาหารได้ทั่วถึง อย่าไปเอาจำนวนมากๆมาตีถัวเฉลี่ยนะคะ อย่างเช่นอย่าไปเอาจำนวน50หรือยก100ตัวมาเฉลี่ย เพราะอาหารจะไม่พอเลี้ยงแน่ สาเหตุเพราะสัตว์ไม่ได้กินเท่ากันทุกตัว ส่วนใหญ่จะกินปริมาณกลางๆถึงค่อนข้างมาก คนเลี้ยงจะรู้ดีกว่าใครค่ะ ยกเว้นสัตว์ป่วย ก็ต้องใช้อาหารอีกแบบ 3.การดูแลเรื่องการตอนและดูแลหลังตอนจนกว่าจะตัดไหม หรือปลอดภัยแล้ว โดยไม่คิดเงิน ต้องมีทีมงานแยกต่างหากหมุนเวียนออกตอนสัตว์ ตามบ้านสงเคราะห์สัตว์หรือบ้านที่เลี้ยงสัตว์มากหน่อย และไม่สะดวกในการขนย้ายสัตว์ การตอนต้องสะอาด ทำบนพื้นที่ที่ฆ่าเชื้อสะอาด ไหมต้องไม่เอาที่หมดอายุหรือใกล้หมดอายุมาทำ ต้องละเอียดประณีต ไม่ใช่ทำลวกๆเอาปริมาณ ทุกอย่างต้องได้มาตรฐาน ที่สำคัญต้องแน่ใจว่าสัตว์แข็งแรง ไม่เจ็บป่วย หรือตั้งครรภ์อยู่ การดูแลหลังตอน ต้องจัดงบประมาณจ้างคนดูแลสัตว์หลังตอน ที่จะติดตาททีมส่วนหนึ่ง หรืออีกส่วนหนึ่งเป็นคนในท้องถิ่นที่รับจ้างดูแลสัตว์ 4.การฉีดวัคซีนและกำจัดเห็บหมัด รัฐอำนวยความสะดวกโดยจัดหน่วยเคลื่อนที่หมุนเวียนไปทุกวันตามแหล่งชุมขนโดยไม่คิดเงินเช่นกัน 5.คนดูแลสัตว์ประจำบ้านสงเคราะห์สัตว์ รัฐจัดงบประมาณและสวัสดิการให้เต็มตามที่ลูกจ้างรัฐได้รับในแต่ละเดือน ถ้าสัตว์มีจำนวนมากตั้งแต่40ตัวขึ้นไป ควรเพิ่มจำนวนผู้ดูแลสัตว์มากกว่าหนึ่งคน เช่นจาก40-80ตัว มีสองคน จาก80-120ตัว มีสามคน คือทุก40ตัวเพิ่มหนึ่งคน สาเหตุเพราะสัตว์จะไม่ได้อยู่คงตัวเลขเท่านี้ แต่กว่าจะผ่านช่วงแต่ละเดือนไป มักจะมีคนเอามาทิ้งเพิ่มเดือนหนึ่งเฉลี่ยๆ3-7-8ตัวแล้ว ดังนั้นเลี้ยงจริงๆจึงมีตัวเลขเหล่านี้แฝงอยู่ คือถ้าปล่อยให้คนเลี้ยงทำเกินกำลังจนมากเกินไป คนเลี้ยงเองก็จะเจ็บป่วยบ่อยๆ เพราะไม่มีเวลาดูแลสุขภาพตัวเอง แล้วสัตว์ก็จะแย่ลงไปด้วยเพราะคนเลี้ยงป่วยอยู่ ดังนั้นหากเพิ่มคนเลี้ยงทุกจำนวน40ตัว สัตว์ก็จะได้รับการดูแลที่ดี ไม่กัดกัน แย่งอาหารกัน และสุขภาพดี ทั้งคนทั้งสัตว์ก็จะมีความสุขขึ้น สำหรับคนเลี้ยงที่เลี้ยงคนเดียวในสัตว์ไม่เกิน40ตัวนั้น รัฐจะต้องจ้างลูกจ้างมาช่วยงานสัปดาห์ละสองวัน เพื่อให้คนดูแลสัตว์ประจำได้พีกผ่อน ได้ซักรีดเสื้อผ้า ได้ทำความสะอาดต่างๆ และจัดเตรียมซื้อหาสิ่งของที่ต้องใช้ทั้งหลายในการดูแลสัตว์ ตัวเอง และครอบครัว และได้พักผ่อนบ้างหรือมีกิจกรรมสันทนาการร่วมกับครอบครัว ไปเยี่ยมญาติ ไปพบแพทย์ หรือซื้อของใช้ในครัวเรือน ดังนั้นถ้ารัฐบาล กทม. อบต. อบจ. จัดสรรค์งบเพื่อช่วยเหลือสัตว์ ประเทศไทยก็มีคนและสัตว์ที่อยู่เป็นสุขและสงบมากขึ้น คนไทยก็จะเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันมากขึ้น และใครคนใดคนหนึ่งหรือหลายๆคนก็จะได้ไม่ต้องแบกภาระไว้กับตัวเองมากจนเกินกำลังอย่างปัจจุบันที่เป็นๆกัน บรรยากาศแห่งความเมตตากรุณาก็จะครอบคลุมบ้านเมืองไปทั่ว ประชาชนก็จะลดความก้าวร้างรุนแรงลงไปอีกมาก รวมทั้งเมื่อรัฐจัดสรรงบประมาณมาทางนี้แล้ว การคอร์รับชั่นในโครงการณ์ปลอมๆกึ่งเพ้อฝันกึ่งทำจริงก็จะลดลงไปได้มาก เงินก็จะถูกใช้ไปทางสุจริตที่เป็นบุญกุศลมากขึ้น รัฐบาลเอง กทม. อบต.อบจ.ก็จะได้รับผลานิสงฆ์ผลบุญมากขึ้น เพราะเป็นผู้สนับสนุนและผลักดันให้โครงการนี้เกิดขึ้นและอยู่รอดตลอดไป ความสุขความเจริญก็จะเกิดมีขึ้นทุกฝ่ายโดยทั่วหน้ากัน สังคมก็คอยแต่ตรวจสอบการใช้งบประมาณว่าลงไปถูกต้องไหม ผู้ดูแลสัตว์ เอาของสัตว์ไปกินไปใช้ในทางไม่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งตรงนั้นถือว่าตรวจสอบง่ามากแล้ว เพราะระบบมีอยู่แล้วและทำเป็นรูปธรรมแล้ว โหวตให้โครงการนี้สำเร็จจ้ะ ขอโทษที่อ่านหัวเรื่องแค่สองสามบรรทัดก็รีบตอบเลย เพราะจะต้องไปทำธุระและพบแพทย์แล้ว ไม่ลืมโหวตให้กระทู้นะคะ แต่อาจจะหายไปอีกร่วมเดือนหรือมากกว่าก็ยังไม่รู้ได้ ช่วงนี้มีแต่เรื่องต้องกินยา 'บวดหาย' ซะละมั้งจ้ะ(แซวตัวเอง) ส่วนใหญ่ก็เพราะช่วยสัตว์จรจัดนี่แหละค่ะ น้องๆหลานมีกำลังใจดีต่อสู้เพื่อสัตว์สำเร็จผลดีนะจ้ะ จากคุณ : น้าใส เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 07:51:04 A:58.8.172.4 X: TicketID:168613

ความคิดเห็นที่ 33 ลืมไป ขอเน้นย้ำว่า อาหารสัตว์นั้น รัฐ/กทม/อบต/อบจ ควรให้เป็นอาหารที่สัตว์เหล่านั้นกินได้จริงๆ คือกินเป็นประจำได้ ซึ่งแต่ละแห่งอาจต่างยี่ห้อกันไป ก็ไม่เป็นไร ก็ให้ไปตามแต่ที่เค้ากินๆกินอยู่ แต่เฉลี่ยออกมาแล้วในสัตว์จำนวนเท่ากันนั้น ค่าอาหารสัตว์ที่รัฐจ่ายให้คนขายอาหารสัตว์ หรือบรษัทอาหารสัตว์จะต้องเฉลี่ยเท่ากันหรือไม่ต่างกันเท่าไหร่สำหรับแต่ละบ้านที่รัฐอุดหนุนอยู่ ส่วนบางครั้งมีสัตว์ที่ถูกปล่อยออกมาใหม่ๆแล้วกินอะไรไม่ได้เพราะไม่คุ้นชินอาหารตามบ้านพัก หรือสัตว์เคยมีเจ้าของเลี้ยงดูอย่างดี แต่ต่อมาเสียชีวิตลงไป ลูกหลานหรือคนใช้เอาไปปล่อยทิ้ง นอกจากช่วงแรกสัตว์จะตรอมใจมากๆแล้ว ตามมนุษยธรรมรัฐควรช่วยอาหารที่สัตว์นั้นๆกินได้แม้จะราคาแพงอย่างน้อยสามเดือนจนกว่าสัตว์นั้นๆจะปรับตัวได้ หรือถ้าไม่ได้ คนเลี้ยงย่อมสงสารอยู่แล้วก็อาจจะช่วยเอาค่าแรงที่รัฐจ่ายให้มาออกเพิ่มเติมให้บ้างตามอัตตภาพและฐานะ สำหรับสัตว์ป่วยก็เช่นกันค่ะ ก็อาจจะให้อาหารสำหรับสัตว์ป่วยจนกว่าสัตว์จะหายและแข็งแรง ซึ่งหมายความว่า การทำทุกอย่าง การเกื้อกูลและเป็นอยู่ไปตามมนุษยธรรมออกมาจากทุกฝ่ายนะคะ อะไรๆมันก็จะแฮปปี้ทั้งคนทั้งสัตว์ทั้งรัฐและต่างชาติอาจอยากมาเที่ยวมาดูนโยบายนี้ก็ได้ และเมื่อชาวบ้าน ชาวเมือง ชาวบ้านสงเคราะห์สัตว์ ยื่นมืออกมาทุกฝ่ายๆ โยเฉพาะจากภาครัฐ องค์กร มูลนิธิ กทม. อบต.อบจ. ปัญหาก็จะสลายหรือเบาบางลงได้อย่างมาก จากคุณ : น้าส เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 08:07:40 A:58.8.172.4 X: TicketID:168613

ความคิดเห็นที่ 34 อาจมีหลายคนที่ยังอ่านไม่เข้าใจ แต่เรา get ละ ว่าโครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงที่อยู่ของสัตว์เฉยๆนะ แต่มันเป็นการแก้ปัญหาสัตว์ให้ครบวงจร ซึ่งต้องการให้ทุกคนร่วมคิด ร่วมฝ่าฟัน ร่วมผลักกัน และมาช่วยกันใส่รายละเอียดในโครงการให้สมบูรณ์ ครบถ้วน ปัญหาที่มีอยู่รู้กันเต็มอกแล้ว ไม่ต้องพูดกันซ้ำๆซากๆ แต่มาช่วยกันคิดว่าโครงการต้องทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมด หลักการของโครงการต้องการปกป้องคุ้มครองสัตว์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ได้เป็นแค่สถานกักกันสัตว์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถ้าเป็นอย่างนั้นจะมาคิดตั้งโครงการทำไม ในเมื่อมันมีอยู่แล้ว จากคุณ : น้ำพริกกุ้ง เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 08:13:47

ความคิดเห็นที่ 35 โครงการบ้านสงเคราะห์สัตว์ เป็นโครงการระดับชาติที่จะแก้ปัญหาหมาจรจัด ผมเข้าใจในสิ่งที่ป้าตุ้ยบอกนะครับ มีคนมาขอบริจาคเงินเยอะมากหลายสิบรายและผมไม่สามารถบริจาคได้ทุกรายไป ผมจึงมีความคิดว่า.....ปัญหาหมาจรจัดนี้ไม่น่าจะเป็นแบบต่างคนต่างทำ น่าจะทำเป็นเครือข่ายโดยจดทะเบียนเป็นสมาคม โดยมีหน่วยงานของรัฐให้การช่วยเหลือสนับสนุนอย่างจริงจังเพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหาของประเทศชาติ 1. เพื่อแก้ปัญหาเรื่องสัตว์จรจัด สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในย่านนั้นๆ 2. เพื่อแก้ปัญหาสัตว์ถูกทอดท้ิง ไร้ที่พึ่ง น่าสงสาร 3. เพื่อแก้ปัญหาสัตว์ถูกรังแก ถูกทำร้าย ถูกทรมาน หรือ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน 4. เพื่อแก้ปัญหาสัตว์ป่วยไม่ได้รับการรักษา 5. เพื่อส่งเสริมให้คนที่รักสัตว์ได้มีโอกาสมาเลือกเอาสัตว์ที่ตัวเองชอบไปเลี้ยงดูได้ 6. เพื่อให้ความรู้และฝึกอบรมเกี่ยวกับธรรมชาติของหมาแมวและวิธีการเลี้ยงดูที่ถูกต้อง 7. เพื่อเป็นสถานที่ฝึกงานสำหรับสัตวแพทย์ 8. และอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาสัตว์จรจัดและการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลหมาแมว โครงการนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นผลดีต่อน้องหมา แต่ยังเป็นผลดีต่อประเทศชาติและประชาชนจำนวนมาก ท่านผู้ใจบุญที่รับเลี้ยงน้องหมาน้องแมวอยู่แล้วก็จะสามารถเข้าร่วมโครงการนี้และเลี้ยงน้องหมาน้องแมวต่อไปได้ถ้าต้องการ อีกทั้งยังเป็นผลดีที่จะได้มีคนมาแบ่งเบาภาระรับผิดชอบต่อน้องหมาน้องแมว ไม่ต้องลำบากตรากตรำอยู่เพียงลำพัง แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 06:47:44 จากคุณ : Chocolate_X เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 14:46:50

ความคิดเห็นที่ 36 ตอบ  น้าใส  คห. 32-33 สิ่งสำคัญในตอนนี้คือช่วยกันผลักดันโครงการนี้ให้เกิดได้ซะก่อนนะครับ ร่วมมือร่วมใจกันร่างวัตถุประสงค์ และเลือกคณะกรรมการผู้ก่อตั้งสมาคมฯ ผลักดันให้รัฐออกกฏหมายจดทะเบียนสุนัข และ จัดเก็บภาษีสุนัข แล้วก่อสร้าง "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  แห่งแรกขึ้นมาเป็นต้นแบบที่เป็นมาตรฐาน หลังจากนั้น  ก็จะค่อยๆรู้เองครับว่าบ้านสัตว์แห่งต่อไปจะต้องเป็นที่ไหนบ้าง ปัญหาปลีกย่อยต่างๆนั้นพวกเราก็ได้รับรู้กันมาแล้วโดยตลอด แต่โครงการบ้านสงเคราะห์สัตว์นี้จะตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดอย่างถาวร แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ   และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นใหม่ด้วยครับ เรื่องเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่จะมาดูแลสัตว์นั้น   บ้านสงเคราะห์สัตว์จะประกาศรับสมัครหลังจากที่มีสถานที่รับเลี้ยงสัตว์เรียบร้อยแล้ว บุคลากรจะมี 2 กลุ่ม คือ  เจ้าหน้าที่ประจำ และ อาสาสมัครที่ไม่รับค่าตอบแทน ซึ่งจะต้องมีคุณสมบัติตามที่โครงการกำหนดไว้   เช่น  รักสัตว์ มีวินัย  รักความสะอาด มีความรู้เรื่องลักษณะนิสัยของสัตว์และการดูแลสัตว์ ฯลฯ เรื่องจำนวนเจ้าหน้าที่ประจำ และ จำนวนของอาสาสมัคร   เรื่องกำหนดเวลาทำงาน และ บทบาทหน้าที่ เป็นรายละเอียดที่จะกำหนดไว้หลังจากมีสถานที่แล้ว เรื่อง "ภาษี"  เป็นสิ่งจำเป็นครับ ส่วนมากแล้วคนที่เลี้ยงหมา  เป็นคนมีฐานะ  สามารถเลี้ยงหมาได้เป็นอย่างดี ค่าภาษีแค่ 50-1000 บาท/ ปี ขึ้นอยู่กับขนาดและแหล่งที่มาของหมา ซึ่งไม่มากเกินไปและพอจะจ่ายได้ และยังแก้ปัญหาคำครหาที่ว่า  "หมาเลี้ยงคน"  หรือ เลี้ยงหมาบังหน้าเพื่อขอรับเงินบริจาค หมาที่อยู่ในโครงการบ้านสงเคราะห์สัตว์  ไม่ต้องจ่ายภาษี ท่านที่รับเลี้ยงหมาแมวอยู่แล้ว  ก็ขอเชิญเข้าร่วมโครงการนี้ด้วยเลยนะครับ ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ  เพราะต่างคนต่างก็รักสัตว์เหมือนกัน เรามาร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหา และร่วมสร้าง "บ้านสงเคราะห์สัตว์" ด้วยกัน บ้านสงเคราะห์สัตว์ เป็นทางออกของทุกฝ่าย ทั้งผู้ใจบุญที่รับเลี้ยงหมาแมวอยู่แล้ว  และทั้งผู้ที่พบปะหมาแมวจรจัดก็สามารถนำส่งได้ "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  จะเป็นการแก้ปัญหาสัตว์จรจัดอย่างเป็นระบบและถาวรครับ ขอให้เราทำเพื่อสัตว์ที่น่าสงสาร และทำเพื่อประเทศชาติ มาร่วมด้วยช่วยกัน  ทำอย่างเป็นระบบ และ แก้ปัญหาอย่างถาวร โดยให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเถอะครับ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 22:49:03 จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 15:44:00

ความคิดเห็นที่ 37 ช่วยโหวตไปแล้ว และก็ช่วยส่งเมลล์ ทำตามที่บอกไปร่วมด้วยอีก1เสียงแล้วนะคะ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 54 16:19:31 จากคุณ : giggu1 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 16:18:52

ความคิดเห็นที่ 38 คุณออนไลน์ ตรงที่ "จ่ายภาษีทุกตัว" หมายความว่า 500 บาทต่อตัวงั้นหรือคะ คนที่เลี้ยงหมา-แมว หลายคนไม่ได้ซื้อมาเลี้ยง และคนที่มีฐานะดีก็ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ทุกคน ปัญหาที่เกิด มาจาก หมา-แมว ที่ไม่ใช่พวกสายพันธุ์ ถ้าคุณคิดจะเก็บภาษีต่อตัวที่เลี้ยง หรือแม้แต่เหมารวมก็เถอะ มันจะทำให้คนไม่อยากรับเลี้ยง และทำให้กลุ่มคนรับเลี้ยงแคบลงไปอีก เราเลี้ยงแมว 9 ตัว เราเสียค่าอาหาร+ทราย+วิตามิน เดือนละ 4-5,000 บาท และ วัคซีนปีละ 2,000บาท (ปีแรกๆมีจ่ายค่าทำหมัน) แล้วเรายังด้องมาจ่ายภาษี 500 X 9 อีกหรือคะ (เท่ากับภาษีโรงเรือนหนึ่งแห่ง เลยนะ) เราไม่ได้ยากจนค่นแค้น แต่จะให้เรามาจ่ายภาษีเพิ่ม จากภาษีที่เราต้องจ่ายทุกปี เราไม่เห็นด้วยค่ะ การลดภาษี มีช่องโหว่ แต่ก็ไม่ใช่ช่องโหว่ที่จะดูแลไม่ได้ ทุกวันนี้ ถึงไม่มีการลดภาษีจูงใจ กลุ่ม/หน่วยงาน หมาเลี้ยงคน ก็ยังมี มันอยู่ที่คนในสังคมช่วยกันสอดส่องดูแล เหมือนกับการรักษากฏหมายโดยพลเมืองที่เราทำกันอยู่ กรณีน้าของเรา ไปเก็บลูกสุนัขที่ถูกคนงานเตะตกจากชั้น 2 อาคารก่อสร้าง ลงมาต่อหน้าเขา เขาก็เอาลูกสุนัขตัวนั้นไปเลี้ยง ซึ่งมันเป็นอัมพาตขาหลัง (กายภาพบำบัดแล้วไม่หาย) เขาต่อบ้านยกสูงจากพื้นให้มันอยู่ ดูแลอาบน้ำเก็บขี้ให้มันจนโต เขาจะต้องเสียภาษีอีกหรือคะ จากคุณ : InsomniaCat เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 16:53:44 A:58.8.53.97 X: TicketID:227348

ความคิดเห็นที่ 39 ตอบคุณ InsomniaCat  คห. 38 แมวไม่ต้องเสียภาษีครับ   แต่หมาต้องเสียภาษี  ขึ้นอยู่กับว่ารัฐจะกำหนดอัตราภาษีหมาปีละเท่าไร อาจจะเป็นปีละ 100-200-300-400-500 บาท  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่ารัฐจะกำหนดนะครับ แต่อยากเสนอให้มีการเก็บภาษีหมา  เพราะจะได้มีการจดทะเบียนประชากรหมานะครับ เรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้ว  ทำให้บ้านเรามีปัญหาหมาจรจัดมากมาย สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในละแวกใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง หมาถูกรถชน   หมาเห่าเสียงดังน่ารำคาญ  หมาคุ้ยขยะสกปรกเลอะเทอะ หมากัดกัน ฯลฯ และก่อให้เกิดปัญหาที่ตามมาหลายอย่าง  ทั้งเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาด  โรคติดต่อ เห็บ หมัด ฯลฯ กรณีน้าของคุณมีเมตตาเก็บลูกสุนัขพิการมาเลี้ยง  ผมขออนุโมทนานะครับ แต่หลักการเรื่องการเสนอให้มีการเก็บภาษีหมา  ขึ้นทะเบียนประชากรหมา  ไม่ควรมีข้อยกเว้น... นอกเสียจากว่า  จะเป็นหมาของ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" เท่านั้นที่ไม่ต้องเสียภาษีหมา และท่านใดที่มีเลี้ยงหมาไว้  ต้องจดทะเบียนหมา เสียภาษีหมา  ซึ่งเป็นเงินน้อยนิด ไม่ได้มากมายอะไร การเลี้ยงหมา  "ไม่ใช่การบังคับ  แต่เป็นการสมัครใจ เลี้ยงด้วยความรักและความรับผิดชอบ" ถ้ามีการจดทะเบียนหมา และ เสียภาษีหมา  จะทำให้ทัศนคติของคนไทยเปลี่ยนไปในเรื่องของการเลี้ยงหมา จะไม่มีการเลี้ยงหมาแบบทิ้งๆขว้างๆ  เพราะหมาถือเป็นประชากรที่มีทะเบียน และติดตามร่องรอยได้ คนรวยที่รักหมา  อยากเลี้ยงหมา  เขาก็หาซื้อมาเลี้ยง คนจนที่รักหมา  อยากเลี้ยงหมา เขาก็หาหมามาเลี้ยง ซึ่งอาจรับหมามาจาก "บ้านสงเคราะห์สัตว์" ก็ได้ จะเสียภาษีน้อยกว่า   อาจจะเสียภาษีแค่ปีละ 20-50 บาท  ซึ่งก็สามารถจ่ายได้อยู่แล้ว "กลุ่มคนใจบุญรับเลี้ยงหมา"  จะกลายเป็น "บ้านสงเคราะห์สัตว์" แต่อาจไม่ได้ใช้สถานที่เดิมๆในการเลี้ยงหมาแมวจรจัด  ต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมครับ เพื่อจะได้แก้ปัญหาหมาแมวจรจัด  ได้อย่างเป็นระบบและถาวร ร่วมด้วยช่วยกันนะครับ  บ้านเราจะได้ไม่มีหมาแมวจรจัดอีกต่อไป แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 22:31:48 จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 17:39:32

ความคิดเห็นที่ 40 บังคับให้ฝังชิพใส่หมาทุกตัว (ทำฟรี) ออกกฎหมายลงโทษพวกชอบทิ้งหมาและดำเนินการอย่างเคร่งครัด แค่นี้ก็จบ ไม่ต้องเปลืองเงินทำที่เลี้ยงหมา จากคุณ : พิษปลาปักเป้า เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 19:32:07

ความคิดเห็นที่ 41 ตอบ คุณ พิษปลาปักเป้า   คห. 40 แค่ฝังชิพหมา คงไม่แก้ปัญหาได้ทั้งหมดหรอกครับ เพราะหมาที่ไม่มีเจ้าของในปัจจุบันมีอยู่เยอะมาก  ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนก็มี ฯลฯ หมาเหล่านี้ใครจะรับผิดชอบครับ อย่างไรก็ตาม  ก็ต้องมีสถานที่เลี้ยงหมาที่ไม่มีเจ้าของ หรือ ถูกเจ้าของทอดทิ้งอยู่ดีละครับ การจดทะเบียนประชากรหมาแต่ละตัว  และเก็บภาษีการมีหมา 100-500 บาทต่อปีก็ช่วยให้รัฐมีเงินได้เพิ่มขึ้นด้วย และไม่ใช่เงินที่มากมายเกินไปสำหรับเจ้าของหมาจะจ่ายได้ในแต่ละปี พวกเราต้องผลักดันให้โครงการนี้เกิดขึ้นให้ได้ครับ เพื่อเป็นการร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติ    ได้ช่วยทั้งน้องหมา และ ช่วยทั้งประชาชนที่เดือดร้อนรำคาญ จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 23:36:10

ความคิดเห็นที่ 42 แต่ที่แน่ๆและแน่นอนดิฉันอยากจะให้มีกฏหมาย คุ้มครองสัตว์เท่าเทียมกับคนมากๆเลยค่ะ พวกมีชีวิตหมาและแมวจะได้จะได้ถูกรังแกน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ ถ้ามีโครงการนี้เกิดขึ้นจริงๆดิฉันคนหนึ่งค่ะ ที่จะขออาสาทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เมลล์ไปแล้วนะคะ จากคุณ : มะลิ (guitar) เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:10:58

ความคิดเห็นที่ 43 แต่ที่แน่ๆและแน่นอนดิฉันอยากจะให้มีกฏหมาย คุ้มครองสัตว์เท่าเทียมกับคนมากๆเลยค่ะ พวกมีชีวิตหมาและแมวจะได้จะได้ถูกรังแกน้อยลงกว่าที่เป็นอยู่ ถ้ามีโครงการนี้เกิดขึ้นจริงๆดิฉันคนหนึ่งค่ะ ที่จะขออาสาทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เมลล์ไปแล้วนะคะ จากคุณ : มะลิ (guitar) เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 11:11:16

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบ คุณมะลิ (guitar) คห. 42-43 กฏหมายคุ้มครองสัตว์  ห้ามทำร้าย หรือ ทรมานสัตว์ จำเป็นต้องมีเช่นกันครับ ย่ิงถ้าสัตว์มีเจ้าของ  ก็จะย่ิงมีโทษเพิ่ม  ไม่เพียงแต่กฏหมายคุ้มครองสัตว์เท่านั้น แต่ยังเป็นกฏหมายคุ้มครองทรัพย์สินของเจ้าของด้วย "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  ต้องมีคณะทำงานแบ่งหน้าที่กันไปตามความถนัดและความสมัครใจ ช่วยกันผลักดันให้มีกฏหมายคุ้มครองสัตว์ และการจดทะเบียนประชากรหมา หากมีบ้านสงเคราะห์สัตว์ได้สำเร็จ  เราก็จะไม่มีหมาจรจัดให้เห็นอีกเลย สัตว์จรจัดทุกตัวจะต้องถูกส่งไปอยู่ที่บ้านสงเคราะห์สัตว์ที่ใกล้ที่สุด หรือ ถัดออกไป แล้วแต่ความเหมาะสม บ้านสงเคราะห์สัตว์จะมีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำทั้งก่อนและหลังการเปิดดำเนินการ ช่วยกันผลักดันให้ประเทศไทยมี "บ้านสงเคราะห์สัตว์" กันนะครับ จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 14:56:50

ความคิดเห็นที่ 45 จากเท่าที่อ่านมาอยู่หลายวัน รู้สึกถึงความพยายามอย่างยิ่งของผู้ที่อยากจะช่วยเหลือสัตว์เร่ร่อนจรจัด แต่...จากประสบการณ์ของตัวเราเอง เราว่ามันเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ เรามองว่าการแก้ปัญหาทุกๆปัญหา มีปัจจัยหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการระดมคนที่มีความคิดเห็นที่ตรงกัน เอาความคิดทั้งหลายมาแชร์กัน หาทางออกของปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นแล้ว หรือกำลังจะเกิดขึ้น ฯลฯ เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการมีสถานสงเคราะห์สัตว์  แต่ว่ามันจะสามารถทำให้สัตว์จรจัดหมดไปได้แน่หรือ  ทุกวันนี้ เราดูแลสัตว์จรจัดอยู่เพียงไม่กี่ชนิด หลักๆ ก็คือแมว  และสุนัข กระต่าย ปลา  ซึ่งเราบอกได้เลยว่า จำนวนไม่มากมายพอที่จะเรียกร้องหาความช่วยจากใครๆ  ปัจจุบันเรามีแมวที่เลี้ยงดูอยู่ในบ้าน  80-100 ชีวิต  ก็จรมากันทั้งนั้น แต่ละแวกบ้านอาจจะมีเป็นพันๆ ตัวที่มองเห็นและไม่เห็น  แล้วจะทำอย่างไร... รถหาเสียงผ่านบ้านทุกวัน ด้านหลังบ้านก็มีคนใหญ่คนโตเยอะแยะ  หมาจรจัดก็ยังวิ่งกันเกลื่อน ที่สำคัญต่อให้เอาทำหมันวัคซีนมาฉีดฟรียังไง ฉันก็ไม่แคร์ เราว่าขอแค่ปูพืั้นเรื่องความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ให้คนไทยรักสัตว์กันแบบถูกต้องก่อนจะดีกว่าไหมคะ  ทำให้มันเป็นหลักสูตรการสอนในโรงเรียนได้ยิ่งดี ผลักดันตรงนี้ให้ได้เสียก่อน รัฐบาลคงจะพอชายตามองบ้าง (เผื่อว่าจะได้คะแนนเสียงจากกลุ่มคนรักสัตว์)แต่หวังจะให้รัฐบาลมาจ่ายๆๆ คงยากไป   เรารู้ว่าคนรักสัตว์มีเยอะ สงสารคนที่เขาเลี้ยงดูสัตว์จรจัดเถอะค่ะ อย่าไปคิดว่า "หมาเลี้ยงคนเลย" อย่างน้อยจุดประสงค์แรกของเค้าคือเค้ารักและสงสารจึงได้นำมันมาเลี้ยง เจตนาดีก่อนทั้งนั้น แต่อย่าลืมว่าเมื่อเลี้ยงสัตว์มากขึ้น ไม่มีความรู้ ไม่ได้รับความช่วยเหลือ เพื่อนบ้านรังเกียจ อาหารการกิน ค่ารักษาสัตว์ก็แพง แถมงานการก็ทำไม่ได้เต็มที่ แล้วสังคมยังประนามซ้ำเนี่ย ความเครียดสูงนะคะ เลี้ยงสัตว์ก็เหมือนเลี้ยงเด็กที่ไม่มีวันโต เหนื่อยค่ะ ที่สำคัญค่าใช้จ่ายเดินนำหน้านะคะ ไม่ใช่เงาตามตัว   ทุกวันนี้ เรามีหนึ้สินเยอะแยะ ไม่ได้ขายตัวเองค่ะ และไม่ได้ขอความเห็นใจด้วย แต่เราทำไปเพื่ออะไร  คนที่เลี้ยงสัตว์จรจัด มีมานานมากนะคะ หากมามองว่าเค้าหากินกับสัตว์แล้วมาทำสิ่งใหม่ๆขึ้นมา เพราะเห็นว่ามันไม่ได้ดั่งใจ ไม่ดีพอ  ฯลฯ ทำไมเราไม่ลงไปคุยกับเค้า ช่วยเหลือเค้า ทำให้ทุกอย่างให้ดีขึ้น แล้วกำจัดคนที่หลอกลวงออกไปก่อนล่ะคะ เราว่าคนเลี้ยงสัตว์จรจัดนี่หายากนะคะ เค้าทุ่มเทเสียสละได้ยังไง เห็นใจกันเองก่อนเถอะค่ะ เราดูแลแมวจรจัดมาอาจไม่นานมากมายหรอกนะคะ แต่ ณ วันนี้เราเพิ่งมีอาสาสมัครจริงจังไม่ถึง 5 คน ค่ะ หากความเข้าใจในบทความต้นๆ ที่เราอ่านมาไม่ถูกต้องก็ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ แต่บอกตรงๆ ว่ามันเจ็บจี๊ดๆกับประโยคที่ต่อว่าคนเลี้ยงสัตว์จรจัดเหลือเกินค่ะ สิ่งที่คุณคิดแล้วบรรยายออกมา มันจะฝังไปในใจของคนอ่านนะคะ ยังไงช่วยพิจารณาก่อนที่จะพิมพ์ด้วยก็จะเป็นพระคุณค่ะ เพราะหากไม่มีคนเลี้ยงสัตว์จรจัดเกิดขึ้นมาก่อน ก็อาจจะไม่มีโครงการแบบนี้นะคะ ความรักคือ ห้วงสมุทรอันกว้างขวาง รวมอารมณ์ต่างๆไว้หลากหลาย แต่หากจะเข้าไปไม่ง่ายดาย ค่าทดแทนมากมายต้องจ่ายไป คิดดี ทำดี สักวันหนึ่งยังไงก็ต้องประสบความสำเร็จค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : แมวมากมาย เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 16:05:55

ความคิดเห็นที่ 46 ตอบ คุณ แมวมากมาย  คห. 45 ปัญหาใหญ่แค่ไหนก็สามารถแก้ไขได้ครับ   หากได้ร่วมมือร่วมใจกันทุกฝ่าย  ปัญหาใหญ่แค่ไหนก็แก้ไขได้เสมอ "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่จะแก้ปัญหาสัตว์จรจัดให้หมดไป โดยจะต้องผลักดันให้มีกฏหมาย จดทะเบียนสุนัข และเก็บภาษีสุนัข ตามที่ได้กล่าวมาแล้วใน คห. 11, 36, 39, 41, และ 44 เรื่องการช่วยเหลือสัตว์ การที่ต่างฝ่ายต่างทำ ต่างคนต่างทำ  ไม่มีมาตรฐาน ไม่เป็นเครือข่าย โอกาสที่จะมีคนเห็นด้วย มีคนเชื่อถือ  มีคนศรัทธา  มีคนอยากสนับสนุน มีน้อยมากครับ ผมเอง....มีคนส่งข้อความมาขอบริจาคเงินช่วยเหลือหมาแมวเป็นจำนวนมากมายหลายสิบราย บริจาคกันไม่ไหวเลยครับ  เมื่อก่อนเคยบริจาคทุกเดือน  จาก 1 ราย เพ่ิมเป็น 10 กว่าราย ก็เลยคิดว่า  ถ้า 10 กว่าราย หรือ อีกหลายร้อยรายนี้  มารวมกันเป็น "บ้านสงเคราะห์สัตว์" เราบริจาคไปที่เดียวเลย  น่าจะดีกว่า  และเชื่อถือได้มากกว่า   อีกทั้งยังเป็นการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ จะทำให้ไม่มีหมาแมวจรจัดตามถนนหนทางอีกต่อไป เรื่องเงินทุนของ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" นั้น จะได้มาจากงบประมาณของรัฐ  เงินบริจาค และค่าสมาชิกครับ วิธีอื่นๆที่คุณเสนอมา.... เช่น  ประชาสัมพันธ์ให้คนไทยรักสัตว์  คงได้ผลน้อย เพราะว่าการโฆษณาประชาสัมพันธ์นั้นต้องใช้เงินลงทุนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำแผ่นป้ายโฆษณา   การออกรายการโทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ เราเอาเงินเหล่านี้ไปใช้กับการซื้อที่ดิน  ปลูกสิ่งก่อสร้าง หรือ ซื้ออาหารและยาจะดีกว่านะครับ คนไทยส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธอยู่แล้ว ศีลข้อที่  1  ก็มีว่า  "ห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามทำร้าย ห้ามทรมานสัตว์" แต่เราก็ยังเห็นว่ามีการทำร้าย  มีการทรมานสัตว์อยู่ดี การรณรงค์ให้คนไทยไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด ก็ยังมีคนไทยมักง่ายที่ยังคงทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง การรณรงค์ให้คนไทยไม่สูบบุหรี่ ก็ยังคงมีคนไทยที่ยังไม่เลิกสูบบุหรี่  และยังมีคนสูบบุหรี่ต่อไป การแก้ปัญหาให้เป็นระบบ   และ ถาวร จะช่วยได้ครับ ด้วยการออกกฏหมายจดทะเบียนสุนัข   จะได้ไม่มีสุนัขจรจัด หากผู้ใดพบเห็นสุนัขจรจัด  ก็นำส่ง "บ้านสงเคราะห์สัตว์" ได้ ท่านใดที่ใจบุญรับเลี้ยงหมาแมวไว้มากมายอยู่แล้ว ก็น่าจะเข้าร่วมโครงการนี้นะครับ และกลายเป็นเครือข่ายหน่ีงของโครงการ....จะได้ร่วมด้วยช่วยกันแก้ปัญหาหมาแมวจรจัด เราคงห้ามความคิดใครๆไม่ได้หรอกครับ   ถ้าใครๆจะคิดว่าการที่คนใจบุญเอาหมามาเลี้ยงไว้ด้วยความสงสารนั้น เป็นเพียงการเอาหมามาเรียกร้องความสงสารเพื่อขอรับเงินบริจาค คนเรามีมุมมองต่างกันครับ การขอรับบริจาคเงินแต่ละครั้ง  ผู้ท่ีจะหยิบยื่นเงินให้ ก็คงคิดแล้วคิดอีก เพราะในปัจจุบัน มีผู้ขอรับบริจาคมากมายเหลือเกิน คนใจดีที่ยินดีบริจาคให้  ก็มีอยู่เท่าเดิม  บางทีก็บริจาคไปหลายรายแล้ว  แล้วก็มีรายใหม่มาขอบริจาคอีก ถ้าบริจาคกันเป็นรายปี  ส่งไปที่ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" มีใบรับเงินเป็นหลักฐาน มีการตรวจสอบยอดเงินได้  มีรายงานผลการดำเนินงานที่เชื่อถือได้ ผู้บริจาคก็จะไม่เคลือบแคลงใจ   และแก้ปัญหาเรื่องหมาแมวจรจัดได้อย่างถาวรและเป็นระบบ ต้องเห็นใจเพื่อนบ้านด้วยนะครับ  ที่เขารังเกียจหมาจรจัด เพราะสกปรก ส่งเสียงดังน่ารำคาญ สังคมต้องประนามแน่นอนครับ    อย่างที่คุณก็เจอปัญหามาแล้ว ถ้ามี "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  อยู่ห่างไกลจากชุมชน ไม่ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ปัญหาเพื่อนบ้านรังเกียจก็จะไม่มี   "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  โครงการนี้ต้องการรวบรวมคนที่รักสัตว์อย่างคุณนี่ละครับ ให้มาร่วมด้วยช่วยกัน   ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ  เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเครือข่ายเดียวกัน    นโยบายร่วมกัน  มาตรฐานเดียวกัน คุณน่าจะเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโครงการนี้นะครับ แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 54 20:06:41 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 22:27:38 จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 18:11:09

ความคิดเห็นที่ 47 คุณออนไลน์ คุณควรรับฟังความเห็นคนอื่นบ้าง ไม่ควรบอกปัดความเห็นคนอื่นไปหมด อีกอย่าง กระทู้นี้ เป็นกระทู้ของคุณป้าตุ้ย (amornsri) ต้องการความเห็นของทุกๆคน ความเห็นของคุณไม่ใช่ทางออกเดียว และคุณมองแคบไป เราเห็นด้วยกับคุณแมวมากมายในเรื่องการประชาสัมพันธ์ และัเราเชื่อว่ามันได้ผล ถึงแม้จะไม่ทันที เราเติบโตมากับโฆษณา "อ่ะ อ่ะ อย่าทิ้งขยะ ตาวิเศษเห็นนะ" ซึ่งเป็นสโลแกน รณรงค์ให้คนกรุงเทพทิ้งขยะเป็นที่เป็นทาง ในตอนนั้น ไม่ได้ใช้แค่การโฆษณาอย่างเดียว ทางกทมก็มีการปรับปรุงการจัดการเก็บขยะ และการวา่งถังขยะไปด้วย โฆษณานี้เข้าถึงเด็ก แล้วให้เด็กเตือนกลับมาที่ผู้ใหญ่ ทำให้ผู้ใหญ่ละอาย มันซึมลึก ได้ผล และปัจจุบันนี้โฆษณานี้ไม่มีความจำเป็นอีกแล้ว คุณจะมาเรียกคนที่เห็นต่าง ว่าเขาไม่คิดจะแก้ปัญหาจริงจังไม่ได้ เพราะอย่างคุณแมวมากมาย เป็นคนที่"ลงมือ"เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหา"โดยตรง" คุณควรจะดีใจที่มีคนมาช่วยคุณคิด มองเห็นต่างมุมที่คุณอาจจะไม่ทันคิดถึง จากคุณ : InsomniaCat เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 19:57:14 A:58.8.55.207 X: TicketID:227348

ความคิดเห็นที่ 48 ตอบ คุณ InsomniaCat คห. 47 คุณคง "เข้าใจผิด"  หรือ  จับประเด็นผิด หรือ "ตีความหมายผิด" หรือ อะไรสักอย่าง ทำให้คุณอ่านความคิดเห็นที่ 46 ของผมไม่เข้าใจ..... อยากให้คุณทบทวนนะครับ สิ่งที่ผมบอกไว้ใน คห. 46..... ""บ้านสงเคราะห์สัตว์"  โครงการนี้ต้องการรวบรวมคนที่รักสัตว์อย่างคุณนี่ละครับ ให้มาร่วมด้วยช่วยกัน   ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ  เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเครือข่ายเดียวกัน    นโยบายร่วมกัน  มาตรฐานเดียวกัน คุณน่าจะเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโครงการนี้นะครับ" จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 20:06:41

ความคิดเห็นที่ 49 เรียนคุณออนไลน์ คุณจะดูถูกคนรับเลี้ยงหมาแมวจรจัดมากเกินไปแล้ว คุณพูดออกมาได้อย่างไรว่าหมาเลี้ยงคน หมาเลี้ยงคนน่ะมีกี่กรณี ส่วนคนเลี้ยงหมาและแทบจะหมดเนื้อหมดตัวเพราะมันน่ะ คุณไปเบิ่งตาดูบ้าง!!! อย่าใสร้ายคนเลี้ยงสัตว์จรจัดด้วยเมตตาให้มากนัก คุณกำลังหมิ่นทั้งน้ำใจและหมิ่นประมาทเหล่าคนที่ช่วยเหลือสังคมเงียบแบบปิดทองหลังพระอย่างไม่น่าอแภะยให้ยิ่ง!!! จากคุณ : น้าใส เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 20:18:42 A:58.11.82.93 X: TicketID:168613

ความคิดเห็นที่ 50 เรียนคุณออนไลน์ คุณจะดูถูกคนรับเลี้ยงหมาแมวจรจัดมากเกินไปแล้ว คุณพูดออกมาได้อย่างไรว่าหมาเลี้ยงคน หมาเลี้ยงคนน่ะมีกี่กรณี ส่วนคนเลี้ยงหมาและแทบจะหมดเนื้อหมดตัวเพราะมันน่ะ คุณไปเบิ่งตาดูบ้าง!!! อย่าใสร้ายคนเลี้ยงสัตว์จรจัดด้วยเมตตาให้มากนัก คุณกำลังหมิ่นทั้งน้ำใจและหมิ่นประมาทเหล่าคนที่ช่วยเหลือสังคมเงียบๆแบบปิดทองหลังพระอย่างไม่น่าอแภะยให้ยิ่ง!!! จากคุณ : น้าใส เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 20:19:09 A:58.11.82.93 X: TicketID:168613

ความคิดเห็นที่ 53 มาเอาใจช่วยนะคะ เป็นโครงการที่ดีขอให้มีการเริ่มต้น ถึงแม้ว่าปลายทางยังอีกยาวไกล ก็ดีกว่าไม่มีการเริ่มต้นเลย การพยายามลดจำนวนประชากรสุนัขจรจัดด้วยการทำหมัน ก็ยังไม่ทั่วถึง ในขณะเดียวกัน การเพาะพันธุ์สุนัขออกมาขาย โดยไม่มีการควบคุมบวกกับความมักง่ายของคนที่ซื้อไปเลี้ยง ขาดความรับผืดชอบ ก็ทำให้จำนวนสุนัขจรจัดเพิ่มจำนวนขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะตามวัดวาอาราม หรือตามสถานที่รับเลี้ยงทั้งของรัฐและเอกชน บ้านเมืองเราเป็นแบบนี้แหล่ะและจะเป็นไปอีกนานหลายชั่วอายุคน เพราะไม่มีการปลูก ฝังทัศนคติที่ถูกต้องในการเลี้ยง รวมถึงไม่จริงจังในการออกกฏหมายเข้ามาบังคับใช้ จากคุณ : พะแนงหมูไข่ดาว เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 20:24:59

ความคิดเห็นที่ 54 คุณ พะแนงหมูไข่ดาว คห. 53 ขอบคุณครับสำหรับกำลังใจ   การทำงานใดๆแม้มีอุปสรรคบ้าง ก็ยังพอจะฝ่าฟันไปได้ แต่ถ้าลงเรือลำเดียวกันแล้ว  "มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ"  จะย่ิงทำให้งานนั้นสำเร็จยากย่ิงกว่ามากมายเลยครับ ฉะนั้่น  การคัดเลือกผู้ร่วมงาน  ต้องเลือกคนที่เห็นในสิ่งเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน ร่วมแรงร่วมใจกัน   งานจึงจะสำเร็จได้ครับ ถ้าเลือกผู้ร่วมงานผิด  ก็จะย่ิงทำให้งานดำเนินไปได้ยากเย็นแสนเข็ญ เพราะคนหนึ่งพาย  อีกคนหนึ่งเอาเท้าราน้ำ  งานก็จะไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับกำลังใจให้ผู้ร่วมโครงการ เนื่องจากป้าตุ้ยไม่ว่างครับ  ผมก็เลยทำหน้าที่มาตอบกระทู้แทนป้าตุ้ยไปก่อนครับ จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 20:44:50

ความคิดเห็นที่ 55 คุณออนไลนื สวัสดีจ้ะ อ่านที่คุณตอบมาหลายบล๊อก ขออนุญาตถามสักนิดนะจ้ะว่าคุณเลี้ยงสุนัขจรจัดมากี่ปีแล้วจ้ะ แล้วแมวจรจัดด้วยนานกี่ปีแล้ว คุณรักสัตว์หรือคุณเกลียดมันแต่ใส่หมวกอำพรางเพื่อชี้นำอะไรในนี้ ไม่ทราบว่าคุณมีจุดประสงค์อะไร คุณเป็นใครกันแน่จ้ะ ดูคุณตั้งตัวเป็นกุรูหรือผู้พิพากษาตัดสินอย่างนั้นอย่างนี้เอาตามอำเภอใจแบบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจริงๆ เรื่องเก็บภาษีสุนัข ไม่ทราบว่าคุณเคยลงลึกเกี่ยวกัยประเด็นนี้มากแค่ไหน หรือแค่ผิวเผินตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการรนณรงค์จดทะเบียนสุนัข มีใครได้ประโยชน์จากการขายชิพบ้าง บริษัททั้งหลาย ผู้ฝังชิพโดยตรงด้วย(55555)และ55555 นอกจากนี้ หากคุณอยู้ในวงการช่วยเหลือ+เลี้ยงสัตว์จรจัดอย่างแท้จริง คุณไม่ทราบบ้างเลยหรือว่าช่วงรนณรงค์นั้น สัตว์ถูกทิ้งออกมาวันละหลายร้อยตัวต่อวัน ถามคุณหน่อย คุณน่าจะรู้ว่าใครได้ประโยชน์บ้าง ขบวนการท่าแร่ ขบวนการ... ... ... คุณน่าจะรู้ดี บางทีตรงนี้แหละที่คุณต้องการผลักดันให้ได้ ให้มีการทั้งจดทะเบียนสัตว์ ทั้งขูดรีดภาษีจากคนทั่วไป คุณเป็นใคร ทำไมคุณถึงเบียดเบียนสิทธิที่คนจะเลี้ยงสัตว์โดยเอาเงินเป็นตัวตั้ง มันขัดรัฐธรรมนูญด้วย คุณรู้ไหม เรื่องที่คุณคำนวนว่าสัตว์จขะมาขึ้นทะเบียน500,000ตัว(ขอหัวเราะดังๆ)คุณนับถึงพ.ศ.ไหน น้าว่าถ้าคุณไม่เพ้อฝันอย่างรุนแรง คุณก็กำลังโน้มน้าวสาธารณชนในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ตัวเลขตุ๊กตาที่คุณตั้งขึ้นมานั้นมันไม่ตลกไปหน่อยรึ ไม่ทราบว่าคุณรักสัตว์จริง(แต่น้าดูว่าไม่ใช่นะ จากที่คุณพูดเอง หมาจรจัดสกปรกเห่าน่าคาญ ) หรือคุณมีอะไรแอบแฝงอยู่ในความคาดหมายของคุณหากสัตว์ถูกทิ่งออกมามากๆก็ไม่ทราบได้ จึงอยากจะขอให้คุณพูดให้ชัดและตรงๆจะดีกว่าจะได้รู้ว่าคุณอยู่ฝ่ายสัตว์+คนรักสัตว์จริง หรือว่าคุณอยู่ฝ่ายเกลียดสัตว์ หรืออยู่ฝ่ายหมาเลี้ยงคน ส่วนเรื่องหมาเลี้ยงคนที่คุณไปดูหมิ่นดูแคลนน้ำใจ+ใส่ร้ายอย่างไม่ต้องอภัยกันสำหรับคนเลี้ยงสัตว์ที่ควักกระเป๋าเลี้ยงชนิดที่แทบหมดเนื้อหมดตัวนั้น อันนี้คุณผิดเต็มประตู ส่วนคนประเภทที่หมาเลี้ยงมัน นั้น คนประเภทยี้ในวงการนี้น้าก็รู้ว่าพวกคนทรามนี้มีอยู่จริงและรบกวนใจน้ามากด้วยและต้องการขจัดให้หมดไปด้วย ซึ่งเวลาจะบอกได้ว่ามครเป็นใคร แต่คุณอย่าเหมารวม เพราะคนเสียสละด้วยใจบริสุทธิ์และประเสริฐนั้นมีอยู่จริง คุณอย่าบิดเบือน!!!!! จากคุณ : น้าใส เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 20:58:05 A:58.11.82.93 X: TicketID:168613

ความคิดเห็นที่ 56 ตอบคุณ น้าใส  คห. 49-52  A:58.11.82.93 X: TicketID:168613 ตอบ คุณ InsomniaCat คห. 47 คุณคงจับประเด็นผิดพลาดไปนะครับ   คงไม่ได้อ่านให้เข้าใจในสิ่งที่ผมเขียน 1. ในการแก้ปัญหา "หมาแมวจรจัด"  ต้องรับฟังจากทั้งผู้ใจดี และ ผู้เดือดร้อนจากหมาแมวจรจัด ด้วยนะครับ หากต้องการช่วยกันแก้ปัญหาจริงๆ  ต้องร่วมมือร่วมใจกันนะครับไม่ใช่มา "ขัด" กันเอง มีหลายคนต่อว่าผู้ที่มาขอรับบริจาค  และยังยุยงส่งเสริมคนอื่นๆว่า อย่าไปส่งเสริมให้ "หมาเลี้ยงคน" ซึ่งถ้าเราต้องการช่วยหมาแมวจริงๆ  และไม่ต้องการให้ผู้บริจาคเคลือบแคลงสงสัยหรือคลางแคลงใจ เราต้องตั้งองค์กรช่วยเหลือหมาแมว  ที่เป็นระบบและมีมาตรฐานเป็นเครือข่ายเดียวกันนะครับ ท่านที่ใจบุญรับเลี้ยงหมาแมวอยู่แล้ว  ก็สมควรจะเข้าร่วมโครงการนี้นะครับ จะได้ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยกันรับเลี้ยงหมาแมวต่อไป แต่เป็นระบบและมาตรฐานเดียวกันครับ อีกทั้งจะได้ช่วยกันผลักดันให้การรับเลี้ยงหมาแมวจรจัดเป็นที่ยอมรับของรัฐด้วย มาร่วมโครงการกันนะครับ  ติดต่อป้าตุ้ยเลยครับ 2. เรื่องการประชาสัมพันธ์ ทางโทรทัศน์ แบบ "ตาวิเศษ" คงต้องใช้เงินมหาศาล ซึ่งเปรียบเทียบกับผลที่จะได้รับแล้ว  คงน้อยมากและไม่คุ้มค่า สู้เราเอาเงินมาซื้อที่ดิน หรือ ปลูกสิ่งก่อสร้าง หรือ ซื้ออาหารและยาให้หมาแมว ฯลฯ ยังจะคุ้มค่ากว่าเสียเงินค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์นะครับ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 22:44:23 จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 20:58:42

ความคิดเห็นที่ 57 ตอบ น้าใส คห. 55       A:58.11.82.93 X: TicketID:168613 ผมทราบแต่หลักการและเป้าหมายในการแก้ปัญหา "หมาแมวจรจัด" ผมจึงมาช่วยป้าตุ้ยตอบ คห. ต่างๆครับ เพราะป้าตุ้ยไม่มีเวลา ป้าตุ้ยต้องทำอย่างอื่นเยอะแยะครับ   ส่วนไหนที่ผมพอจะช่วยป้าตุ้ยได้ ผมก็ช่วยด้วยความสมัครใจครับ ผมเห็นตัวอย่างที่ดีจากประเทศที่มีระเบียบวินัย ผมก็อยากเห็นประเทศไทย มีการจัดระเบียบหมาแมวจรจัด เรื่อง "หมาแมวจรจัด"  เป็นเรื่องที่เป็นปัญหาทั้งคนใจบุญ และ คนเดือดร้อน เช่น คนใจบุญก็อดสงสารไม่ได้  ต้องรับเลี้ยงหมาแมวจนเกินกำลัง คนใจดีก็ต้องมาสลดหดหู่ใจทุกครั้งที่เห็นหมาแมวถูกทำร้าย หรือถูกรถชน คนที่เดือดร้อนรำคาญก็บ่น   กลัวหมาแมวกัดเอาบ้าง  เหม็นมูลถ่ายของหมาแมวบ้าง หมาแมวก่อให้เกิดอุบัติเหตุบ้าง  รถต้องเบรคกระทันหัน  รถเสียหลักเพราะขับหลบหมาแมว หมาแมวส่งเสียงร้อง  หรือ เห่าหอน หนวกหู  รบกวนโสตประสาทบ้าง ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้  ต้องแก้ไขครับ   ต้องแก้ด้วยระบบ และ มีมาตรฐานครับ หากการแก้ปัญหาด้วยการมี "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  แล้วมีคนได้ประโยชน์ ซึ่งเป็นประโยชน์ที่เขาสมควรได้รับ เช่น  โรงงานผลิตอาหารสัตว์ บริษัทขายปลอกคอหมา   โรงงานผลิตยาสัตว์  สัตวแพทย์ คนว่างงานได้มีงานประจำทำ   คนอยากทำงานกุศล  ได้เป็นอาสาสมัคร  ฯลฯ ก็นับว่าเป็นการสร้างงานให้กับประเทศชาตินะครับ  "น่าส่งเสริม" ครับ การจดทะเบียนสุนัข  จะทำให้เราทราบจำนวนสุนัขในประเทศว่ามีเท่าไร ผมใช้ตัวเลข "สมมุติว่า"  เพียงเพื่อใช้ในการอธิบายตอบ คห. 47 คุณ "คนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา" ใน คห. 52 ในกระทู้นี้นะครับ http://www.pantip.com/cafe/jatujak/topic/J10538404/J10538404.html เขาอ่านคำอธิบายของผมแล้วก็เข้าใจกระจ่าง   เขายังช่วยส่งข้อมูลเกี่ยวกับการจดทะเบียนองค์กรมาให้เลยครับ เรื่องการเก็บภาษีสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัข  เป็นสิ่งจำเป็นครับ หากมีการจดทะเบียนสุนัข  ก็ต้องมีการจ้างงานเพิ่ม   มีเจ้าหน้าที่รับจดทะเบียน มีค่าใช้จ่ายต่างๆของรัฐเกิดขึ้น ต้องมีการเก็บภาษีครับ และเงินจำนวนเพียง 50-100-200-300-1000 ต่อปี ตามขนาดและแหล่งที่มาของสุนัขนั้น ก็ไม่ใช่เงินที่เราจะเรียกได้ว่า "ขูดรีด" แต่อย่างใด เพราะเป็นเงินไม่มากเลย ยกตัวอย่างนะครับ สุนัขสายพันธ์ุ Golden Retriever เป็นสุนัขอังกฤษ  ขนาดใหญ่   ราคาแพง  คนมั่งมีซื้อมาเลี้ยง หากต้องจ่ายภาษี 1,000 บาท ต่อปี  ก็ไม่หนักหนาอะไรเลย หากสุนัขพันธ์ุนี้ไปอยู่ใน "บ้านสงเคราะห์สัตว์" เพราะถูกทอดทิ้ง หากใครรับไปเลี้ยง  ก็เสียภาษีเพียง 50 บาท ก็ไม่หนักหนาอะไรเช่นกัน เรื่องภาษี  ต้องให้รัฐเป็นผู้กำหนดครับ  ผมเพียงแต่ใช้ตัวเลขสมมุติเอา ผมรักประเทศไทย  และไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีแต่เจตนาดีที่จะแก้ไขปัญหาที่เราๆท่านๆต่างก็มองเห็นกันอยู่ ไม่ได้เข้าข้างผู้เลี้ยงหมา  หรือ เข้าข้างผู้ที่ได้รับความรำคาญจากหมาแมว หมาบางตัวถูกทำร้าย  แมวบางตัวถูกทำร้าย น่าเวทนา น่าสงสาร หากเรา "ป้องกัน" ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างถาวร เราควรทำนะครับ บางรายที่ทำร้ายหมาแมว   เพียงเพราะอารมณ์เสียที่ต้องทนเหม็นมูลของหมาแมวทุกวัน บางรายทำร้ายหมาแมว เพียงเพราะหมาแมวไปขโมยอาหารของเขา ฯลฯ เราต้องช่วยกัน "ป้องกัน" ปัญหาเหล่านี้ ด้วยการจัดระบบที่ดีรองรับนะครับ การ "ด่า" หรือ "โจมตี"  หรือ "สาปแช่ง"  คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ไม่แก้ปัญหาอะไร เรารักประเทศไทย  เรารักคนไทย  เราต้องช่วยกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับระบบของเรานะครับ ………………….. ท่านที่รับหมาแมวมาเลี้ยงไว้อยู่แล้ว น่าจะให้ความสนใจในโครงการนี้ และ น่าจะรวมตัวกัน ร่วมมือร่วมใจกัน ทำโครงการนี้ให้สำเร็จขึ้นมา จะช่วยแก้ปัญหาสังคมรังเกียจ ปัญหาชาวบ้านร้องเรียนเรื่องอนามัย และ เสียงดังรบกวนจากหมาที่เลี้ยงไว้ ควรเข้าชื่อกัน ร่วมโครงการเยอะๆนะครับ จะได้ช่วยกันผลักดันรัฐ ให้ออกกฏหมายจดทะเบียนหมา และ เก็บภาษีหมา เพื่อเป็นงบประมาณให้กับ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" ที่จะมีขึ้นทั่วประเทศ ก่อนอื่นคงต้องมีบ้านสัตว์ต้นแบบก่อน แล้วค่อยๆขยายไปตามตำบลอื่นๆ ส่วนท่านใดที่สงเคราะห์สัตว์จรจัด หมา แมว อยู่แล้ว ก็ย่ิงน่าจะเข้าร่วมโครงการนี้ ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ จะได้ร่วมกันรับรู้ข้อมูลและปัญหาได้มากขึ้น ร่วมกันหาทางออกได้ดีขึ้น ลองดูนะครับ ว่าแต่ละท่านจะช่วยมีบทบาทอะไรได้บ้างสำหรับโครงการนี้ ซึ่งจะแก้ปัญหาสัตว์จรจัดได้อย่างถาวร และ เป็นระบบ สามัคคีคือพลังนะครับ รวมตัวกัน ช่วยกัน องค์กรก็จะเข้มแข็งครับ หลายหัว ดีกว่า หัวเดียวนะครับ ขอบคุณครับ ติดต่อป้าตุ้ยเลยนะครับ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 22:15:28 แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 54 21:54:09 จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 21:35:17

ความคิดเห็นที่ 58 ถึง  คุณ น้าใส    A:58.11.82.93 X: TicketID:168613 ผมมาทบทวนดูถ้อยคำของผมอีกทีหนึ่งแล้ว ต้อง "ขอโทษ" คุณไว้ ณ ที่นี้้ด้วยนะครับ  หากว่า ถ้อยคำของผมอาจทำให้คุณรู้สึกไม่ดี หรืออาจจะเหมือนพูดจาไม่อ่อนน้อมกับคุณเลย   ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆที่จะทำร้ายความรู้สึกของคุณนะครับ เราต่างมีความตั้งใจดีที่จะช่วยเหลือหมาแมวจรจัด  โดยไม่ได้หวังผลประโยชน์เข้าหาตนเอง และต่างก็อยากจะแก้ปัญหาเรื่องที่หมาแมวจรจัดทำความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนผู้อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียง เรามาร่วมด้วยช่วยกันดีกว่านะครับ หลายหัวดีกว่าหัวเดียวนะครับ ต่อไปนี้ ผมจะพยายามขัดเกลาคำพูดของผมให้สุภาพรื่นหูกว่านี้นะครับ แต่ขอให้รู้ไว้ว่า ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายคุณเลย  และไม่ได้หมิ่นน้ำใจคุณที่มีใจกุศลเลี้ยงดูหมาแมวจรจัด แต่ในการแก้ปัญหานั้น   เราต้องมองทั้ง "ปัญหาของเรา" และ "ปัญหาที่มีผลกระทบคนอื่น" ด้วย ในความใจบุญของเรา  เราเลี้ยงหมาแมวไว้เยอะแยะ แต่เราไม่มีเงินมากพอ ไม่มีเวลามากพอที่จะดูแลหมาแมวจำนวนมากๆได้ตามลำพัง ผู้ที่บริจาคเงิน  ก็หน้าเดิมๆ คนเดิมๆ รายได้เดิมๆ  แต่มีผู้ขอรับบริจาคหลายสิบรายเลยครับ บางทีเพิ่งให้รายที่ 1 ไปแล้ว  รายที่ 2, 3, 4, 5..... มาขอรับบริจาคอีก ก็ให้ไม่ไหวแล้ว คนบางคนประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักพลิกคว่ำ เพราะหมาแมวว่ิงตัดหน้ารถ คนบางคนถูกหมาบ้ากัด  เป็นโรคพิษสุนัขบ้า คนบางคนตื่นเช้าขึ้นมา  เหม็นมูลแมวที่มาถ่ายไว้หน้าบ้านทุกวัน คนบางคนวางอาหารไว้บนโต๊ะในสวน  ถูกแมวมาขโมยกินอาหาร คนบางคนเหนื่อยจากงาน อยากนอนหลับพักผ่อนให้สบาย แต่นอนไม่หลับเพราะเสียงเห่าหอน ฯลฯ ปัญหาต่างๆเหล่านี้  เราต้องช่วยกัน "ป้องกัน และ แก้ไข" นะครับ เพราะเราต่างรักสัตว์  ไม่อยากเห็นสัตว์ถูกทำร้าย  ถูกทรมาน และเราก็รักเพื่อนบ้าน  เพื่อนร่วมชาติของเราเช่นกัน  ไม่อยากเห็นเขาเดือดร้อนรำคาญเพราะหมาแมวจรจัด เรามาช่วยกันสร้างระบบที่ดี  ป้องกันและแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างถาวรกันเถอะนะครับ คนรักสัตว์อย่างคุณ  มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง "บ้านสงเคราะห์สัตว์" เถอะนะครับ "ขอโทษ" อีกครั้ง หากผมเคยใช้คำพูดที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี  ยืนยันอีกครั้งครับว่าไม่มีเจตนาเลย จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 22:14:17

ความคิดเห็นที่ 59 คุณออนไลน์ สิ่งที่ถามไป คุณยังไม่ได้ตอบ หรือคุณตอบไม่ได้ คุณถึงบิดเบือนและดิสเครดิตด้วยคำพูดทิ่มตำที่เกินจริง ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรจ้ะ แต่ก็ได้คำตอบกับตัวเองว่าคุณเป็นคนฉลาดมากในการใช้คำพูดให้ดูดี แต่คุณไม่มีประสบการณ์ในการช่วยเหลือสัตว์จรจัดด้วยการกล้าหาญที่จะเก็บเข้ามาเลี้ยงเองเมื่อมันถูกทำร้ายบนถนน หรือกล้าที่จะออกสตางค์จำนวนมากๆเลี้ยงดูเองหรืออกแรงหรือเสียสละเวลาให้พวกมันอย่างจริงจัง หรือกล้าที่จะเสี่ยงเอาสถานะภาพที่มั่นคงในชีวิตมาเสี่ยงกับการอุทิศให้สัตว์ คุณไม่มีตรงนั้นคุณเลยเหมารวมว่าคนที่ช่วยเหลือสัตว์อย่างจริงใจยาวนานหลายสิบปีและไม่เคยตั้งกล่องขอรับบริจาคหรือเรี่ยไรเงินคนไม่มีอยู่จริง หรือไม่คุณก็มองคนดีๆเหล่านั้นด้วยสายตาริษยาเพราะคุณทำไม่ได้ หรือถึงทำบ้างก็ไม่ติดต่อ ไม่ยาวนาน และไม่มาก(แบบว่าควักไม่ออก ติดหนึบๆน่ะ)55555 หรือไม่ก็ทำแค่สร้างภาพ น้าไม่ทราบว่าว่าคุณเป็นใคร แต่ตำแหน่งคำเขียน 'สัตวแพทย์'ที่คุณเขียนไว้ท้ายประโยคของผู้ได้รับประโยชน์นั้น มันช่วนคอนเฟริมสถานะของคุณสำหรับน้าชัดเจน มิน่าล่ะ คุณจะไม่ตอบก็เป็นไรจ้ะ แต่ในสายตาและความคิดที่อ่านมาน้าก็ดูและสรุปเป็นคำตอบให้กับตัวเองว่าคุณไม่โปร่งใส มีเงื่อนงำ และสร้างภาพ แต่น้าไม่ชี้นำให้คนอื่นต้องมาคิดตามน้าแบบที่คุณพยายามชี้นำและครอบงำความคิดของคุณต่อคนอื่นอยู่นะจ้ะ ทั้งนี้เพราะน้าเชื่อและคิดว่าทุกคนมีสมอง สามารถคิดเองได้ ตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องใครมาตั้งตัวเป็นกุรูหรือผู้พิพากษาที่บงการคำตัดสิน น้าเชื่อว่าคนทุกคนควรมีอิสระที่คิดและทำตามความเชื่อของตนถ้าไม่ถึงกับเป็นเรื่องผิดศีลธรรมหรือด้วยเจตนาจะทำผิดหรือผิดกฏหมายรุนแรงชนิดคอขาดบาดตาย(ไม่รวมความผิดโดยประมาท) ส่วนเรื่องที่คุณเหมารวมว่าหมาเลี้ยงคนนั้น คุณยังไม่ได้ขอโทษน้าและเหล่าคนรักสัตว์ที่เลี้ยงสัตว์ด้วยเมตตาและการกระทำออกมาจากใจลงสู่สัตว์โดยไม่ได้ไปขอเงินจากใคร(ยกเว้นนานๆซื้ออาหารมาให้1ถุง) เทียบกับที่หมดตรงนี้มากกว่าล้านบาท+ +แล้วจากกระเป๋าของน้าเองตลอดหลายปีมานี้ ไม่ได้ต้องการอวดร่ำอวดรวย แต่ต้องการให้รู้ว่ามีคนเขาทำจริงและอย่าให้ร้ายเขานัก รวมทั้งคนที่เลี้ยงจริงคนอื่นที่อาจจะหมดเงินมากหรือน้อยกว่าน้าก็ตามจ้ะ ไม่ได้ต่อต้านบ้านเลี้ยงสัตว์เพราะเคยคิดและเสนอโครงการสถานสงเคราะห์สัตส์สี่มุมเมืองให้ผู้ว่ากทม.คนเก่าๆไปทำเองมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นคุณตุ้ยตั้งกระทู้นี้น้าทั้งดีใจและมีกำลังใจมากด้วยซ้ำที่มีคนรุ่นเด็กรุ่นน้องคิดทำขึ้นมา ยิ่งน้าเองด้วยวัยและสุขภาพที่ล้าลงไป ฉะนั้นเมื่อมีคนคิดทำในแนวทางเดียวกันก็ดีใจ และมีกำลังใจขึ้นมากมาย แต่ด้วยการเห็นโลกมายาวนาน เคยพบเห็นพวกหาประโยชน์จากคนดีๆจึงได้เข้ามาเตือนให้พิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบก่อน กลั่นกรองคนให้ดีก่อน กลั่นกรองโครงการและแผนงานรวมทั้งวิธีปฏิบัติให้ดีที่สุดก่อน อย่าให้เกิดผลร้ายลงสู่ตัวของสัตว์โดยรู้ไม่เท่าทันและคนเลี้ยงที่เขาเสียสละโดยไม่เจตนา ไม่เช่นนั้นจะเจอแต่คนเลี้ยงประเภทหมาเลี้ยงคนนั่นแหละที่สืบเท้ามาพัวพันแล้ะจะนำทางออกนอกแนวแห่งความเมตตากรุณาที่ยิ่งใหญ่นั้นกลายเป็นทำร้ายเหยื่อที่บริสุทธิ์ที่มันพูดไม่ได้โดยนึกไม่ถึง ก็เพราะช่วยสัตว์มานานและมากมาย ผ่านพบคนเลวๆที่กินของหมาของแมวถึงได้ห่วงใยมาก ถึงได้เข้าเตอนไว้ก่อน อาจพูดไม่ถูกใจใครก็จริงแต่ชอบพูดจริงและตรง ถึงคนจะเกลียดก็ลงตัวคนเดียว แต่สัตว์ คนเลี้ยงที่ดี และโครงการณ์ไม่เสียหายจากคนปากหวานก้นเปรี้ยว ย่อมดีกว่าและถือว่าคุ้ม ) จากคุณ : น้าใส เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 22:27:05 A:58.11.82.93 X: TicketID:168613

ความคิดเห็นที่ 60 ตอบ คุณ น้าใส  คห. 59      A:58.11.82.93 X: TicketID:168613 โอย…..ผมอ่านเม้นต์นี้ของน้าใสแล้ว...น้ำตาซึมเลยครับ เสียใจ….และรู้สึกผิดเป็นอย่างย่ิงกับการใช้ถ้อยคำของตนเอง ผมได้ขอโทษไปก่อนหน้านี้แล้วนะครับ  ใน คห. ที่ 58 ของผม ก่อนที่น้าใสจะโพสต์  คห. ที่ 59 เสียอีกครับ เฮ้อ….ผมใช้คำพูดไม่เป็นจริงๆ   ทั้งๆที่ตัวเองมีเจตนาดีกับโครงการช่วยเหลือหมาแมวจรจัด เรามาทำความเข้าใจกันใหม่นะครับน้าใส  และ ผม "ขอโทษ" น้าใสอีกครั้ง และขอบอกจากใจจริงว่า  "เสียใจและรู้สึกผิดมากๆ" ที่คำพูดของตัวเองไปทำร้ายจิตใจคนอื่นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจเลย ต้องขอโทษทั้ง  คุณ InsomniaCat  และ  คุณ แมวมากมาย ด้วยครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายความรู้สึกของคุณ แต่ขอให้รู้ไว้ว่า  ผมมีเจตนาดีที่อยากให้แก้ปัญหาหมาแมวจรจัดได้อย่างเป็นระบบและถาวร ซึ่งเป็นส่ิงที่บ้านเราทำได้   ขอแค่ร่วมมือร่วมใจกันเท่านั้นแหละครับ น้าใสครับ... ผมเป็นผู้ที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากหมาแมวจรจัดในเมืองไทยเลย.... นอกจาก….เป็นแค่ผู้บริจาครายหนึ่งเท่านั้นเองครับ ผมเองเหนื่อยใจกับการบริจาค   เคยบริจาคไปแล้วนับสิบๆราย เพิ่งบริจาคไปได้ 1-2 วัน ก็มีคนมาขอบริจาคอีกแล้ว แต่ผมไม่ได้ร่ำรวยอะไร   ไม่สามารถบริจาคทุกเดือนให้กับทุกรายได้ จึงคิดว่า   ทำอย่างไรเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้เป็นระบบและถาวรได้ อยากบริจาคแค่รายเดียวครับ  และไม่อยากเห็นภาพหมาแมวถูกทำร้าย ผมเป็นคนใจอ่อนครับ "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  คือ คำตอบ เราต้องร่วมมือร่วมใจกันนะครับ จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 23:07:57

ความคิดเห็นที่ 61 คุณออนไลน์คะ ก่อนอื่นคุณต้องลองเลี้ยงสัตว์ดูก่อนค่ะเป็นอันดับแรก ไม่ต้องมากมายนะคะ สัก 30 ตัวพอค่ะ ไม่ต้องหมานะคะ มันหนักไปเอาแค่แมวก็พอ  มันอาจจะทำให้คุณเข้าใจคนเลี้ยงสัตว์มากขึ้นค่ะ ทุกวันนี้ เราหาเงินมาให้แมวกิน แล้วแมวก็ขับถ่ายมาให้เราเก็บ รักษาเมื่อป่วย ปรับปรุงบ้านช่องไม่ให้เกิดการรบกวนเพื่อนบ้าน ฯลฯ เราได้อะไรตอบแทนหรือคะ นอกจากเก็บมูลสัตว์ไปวันๆ ปวดหัวกับการดูแลสัตว์ป่วย ที่สำคัญเราเลี้ยงแค่แมวไม่ถึงร้อยกับหมาอีก ห้าตัว แล้วคนอื่นๆ ที่เค้าเลี้ยงกันเป็นหลายๆร้อยตัว เค้าจะทำยังไง ทุกคนต่างเลี้ยงด้วยจิตเวทนาทั้งนั้น  เมื่อเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ สอนให้คนมีเมตตาคนก็ต้องเลี้ยงสัตว์ต่อไป แล้วคุณจะไปไล่บอกกับประชากรทั้งประเทศอย่างไรว่าเลี้ยงไม่ไหวเอามันมาทิ้งที่นี่พร้อมเงินบริจาค ใครเลี้ยงสัตว์ เสียภาษีด้วย บลาๆๆๆ มันก็ต้องประชาสัมพันธ์เหมือนกันค่ะ คนไทยนะคะ เคยได้ยินไหม ว่าทำอะไรตามใจคือไทยแท้ ถ้าเค้าจะปล่อยเสียอย่าง ปล่อยหน้าบ้านเค้าก็ปล่อยได้ แค่บอกว่าไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเค้าใครก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วลำพังเงินบริจาค อยากบอกว่าไม่ต้องหาหรอกค่ะ ความไว้ใจเชื่อใจ เพราะคนบริจาคด้วยใจจริงเค้าไม่มาไล่ถามหรอกค่ะแล้วไม่ต้องมีของมาแลกมาขายให้วุ่นวาย หรือพอบริจาคเงินเสร็จถามว่าคุณเอาไปทำอะไรบ้างเนี่ย ห้ามซื้อข้าวกินเองนะ ชั้นให้หมาไม่ใช่ให้เธอ เอาใบเสร็จค่าใช้จ่ายมาให้ชั้นดูด้วย  แล้วคุณลุงคุณป้าทั้งหลายจะไปหาที่ไหนมาให้คุณ ข้าวหุงให้หมาก็หาซื้อกันตามร้านชำหน้าปากซอย มีไหมคะใบเสร็จน่ะเลี้ยงกันมาเป็นสิบปี คงไม่ต้องหาหรอกนะคะจำนวนสุทธิน่ะ แค่เงินบริจาค ยังไม่เท่ากับที่เราเสียไปเลยค่ะ บางท่านอยากเอาแมวมาปล่อยที่เราทีละสิบยี่สิบตัว แล้วบริจาคอาหารมาหนึ่งกระสอบ เรากินได้หรือเปล่าคะ บ้านเราอาหารกระสอบนึงกินได้แค่วันครึ่งค่ะคุณลองเปิดโลกทรรศน์ดูนะคะว่าหากไม่ประชาสัมพันธ์ในวงกว้างให้ทราบถึงการเลี้ยงสัตว์อย่างถูกวิธีแล้วมันจะจบได้อย่างไร  คุณคิดว่าสัตว์จรจัดที่เรามองไม่เห็นเกิดลูกพร้อมกันทั่วประเทศชั่วโมงนึงมีกี่ตัวและเกิดลูกครอกละเท่าไร เวลาเกิดโรคระบาด มันไม่ได้ออกมาโบกมือเรียกคุณให้มาเก็บมันไปหาหมอนะคะ  หรือวิ่งหลอกล่อไปมาเป็นหนังอินเดียว่าฉันอยู่นี่ ตามมาเก็บฉันไปไว้รวมๆกันเร็ว แล้วทำไมคนอย่างเราถึงยอมทุ่มเทกับสิ่งนี้ เราเลี้ยงตัวเองรอดแน่นอนค่ะเรียนหนังสือมา เคยได้ทำงานดีเงินเดือนเหลือใช้ พ่อแม่พี่น้องมีครบ ได้รับการสั่งสอนมาเหมือนกับคนอื่นๆเค้า แล้วทำไมเราถึงทิ้งโอกาสเหล่านั้น เราไม่เคยหวังความเข้าใจจากใคร เพราะแค่ตัวเราบางเวลายังท้อแท้และไม่เข้าใจตัวเองเลย คนเลี้ยงสัตว์ไม่จำเป็นจะต้องอดอยากปากแห้งรอกินของสัตว์ที่เราเลี้ยงหรอกค่ะเพราะมันได้กินก่อนเราเสมอ แถมราคาแพงกว่าที่เรากินอีกด้วย    แต่คนที่เหลือกินเหลือใช้กว่าเราเค้าจะคิดอย่างเราหรือเปล่า  ก่อนจะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ คุณต้องลงไปที่ต้นเหตุก่อน การเลี้ยงสัตว์เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นเรื่องของความรู้สึก มันแก้ปัญหาไม่ได้ด้วยเงิน หรือทฤษฏีต่างๆ มันต้องลงไปสัมผัสก่อน และไปหลายๆ ที่ด้วย  หากอยากให้รัฐบาลช่วย คุณต้องลองถามองค์กรเล็กๆก่อนเอาแค่หมู่บ้านจัดสรรต่างๆ ว่าเค้าเห็นด้วยกับคุณไหม คนรักสัตว์กับคนไม่รักสัตว์  สัดส่วนมันต่างกันเยอะค่ะ  ทุกวันนี้เราไม่ได้มองแต่ปัญหาแล้วไม่แก้ไข แต่เราวิ่งเข้าไปชนปัญหา และแก้ไขตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไม่ใช่ว่าเราเลี้ยงสัตว์จรจัดเพื่อหาเงิน เพราะหากเราไม่รับปัญหามาใครจะรับ คุณหรือเปล่า เห็นหมาแมวนอนน้ำลายฟูมปากอยู่ข้างทาง คุณจะทำยังไงคุณต้องลองค่ะ ลองมาทำอย่างที่เราทำ ไม่ใช่ชี้นิ้วให้เราทำ เพราะเราเห็นปัญหาเหล่านี้เราถึงได้ก้าวเข้ามา คุณลองมาเดินตามหลังก่อนเก็บเกี่ยวสิ่งที่คนอื่นผ่านมา จากนั้นก็มายืนเคียงข้างแล้วทำงานไปด้วยกัน   และพิจารณาหาทางที่จะนำไปสู่ความสำเร็จจะดีกว่าไหมคะ  เราคิดว่าคงไม่เสียศักดิ์ศรีและเวลามากจนเกินไปค่ะ เราเชื่อว่าการทำบ้านสงเคราะห์สัตว์เป็นความคิดที่ดี แต่...หากมันง่ายทั้งทางทฤษฏีและการปฏิบัติ มันคงเกิดขึ้นนานแล้วและก็คงไม่มีคนอย่างเราหรอกค่ะ จากคุณ : แมวมากมาย เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 23:20:24

ความคิดเห็นที่ 62 ต้องขอโทษคุณออนไลน์ที่เราอาจมีความคิดแตกต่างกันไปบ้าง บางคอมเมนต์อ่านแล้วก็อาจจะเสียความรู้สึกกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราเหมือนกันแน่นอนคือความหวังดีที่มีให้กับสัตว์เร่ร่อนจรจัดทั้งหลายเหมือนๆกัน  การสื่อความหมายเป็นเรื่องใหญ่ค่ะ ต้องพิจารณาให้ดีก่อนที่จะสื่อความหมายออกมา  หนึ่งสมอง สองมือ เหมือนๆกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ และช่วยกันแก้ปัญหานะคะ  เราขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้บ้านสงเคราะห์สัตว์ประสบความสำเร็จค่ะ จากคุณ : แมวมากมาย เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 23:32:10

ความคิดเห็นที่ 63 เรียนคุณออนไลน์ น้าไปเพิ่งไปโพสต์ที่อีกกระทู้ แล้วมาอ่านที่คุณขอโทษ ถ้ามาจากความจริงใจก็ให้อภัยค่ะและไม่ติดใจในเรื่องนี้อีกค่ะ แต่ที่สำคัญน้าอยากให้คุณทำใจให้ว่างตอนไหนก็ได้ที่คุณสบายๆใจ ลองไตร่ตรองเรื่องภาษีสัตว์เลี้ยงนะคะ มันไม่เป็นธรรมเลย ทำแบบนี้ต่อไปจะ"แทบ"ไม่มีใครอยากเลี้ยงสัตว์เลย ยกเว้นพวกเห่อตามแฟชั่น(พอเบื่อ,เจ็บป่วย,หรือแก่ก็โยนทิ้ง หรือหาทางให้สัตว์ตายด้วยหลากหลายวิธีการชั่วๆ) ยกเว้นส่วนน้อยนิดบางคนที่ผูกพันกับสัตว์หรือเลี้ยงไม่กี่ตัว หรือพอรับภาระไหว เค้าก็ย่อมเลี้ยงต่อไปได้เพราะเค้าเมตตาเอ็นดูหรือรักพวกมัน ส่วนคนที่เลี้ยงสัตว์ด้วยการสงเคราะห์จากจิตเมตตา ที่เค้าจำเป็นต้องเก็บพวกมันที่ถูกทิ้งสู่ถนนมาดูแลเอง ด้วยสาเหตุที่คนบริเวณนั้นส่วนใหญ่ใจร้าย ชอบทุบตี เตะ ถีบ หรือเอาเป็นที่ระบายอารมณ์เพียงแค่เดินผ่านทั้งๆที่มันไม่ได้ทำอะไรให้เลย บางคนทรามขนาดเอาน้ำร้อนสาด ยิงตาแตก สับเท้า หรือเอาใส่กระสอบฟาดกำแพง หรือเอาไปถ่วงน้ำ แล้วจะให้คนที่ช่วยสัตว์เหล่านี้ทนดูหรือปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำซากได้อย่างไร ถ้าไม่เอาพวกมันเข้ามาสงเคราะห์ดูแลทั้งๆที่ครอบครัวไม่ได้เห็นด้วยเลย และบางวครั้งกลับพูดให้ช้ำใจต่างๆ สิ่งที่คนช่วยสัตว์ต้องเผชิญนอกจากปัญหาทั้งจากในบ้านและจากคนภายนอกสารพัดรูปแบบ แต่ที่คนเหล่านั้นยังช่วยอยู่ก็เพราะมีใจรักจะช่วยพวกมัน เมตตาพวกมัน และส่วนใหญ่พวกเค้าก็กระเป๋าแฟบลงเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะถึงวันที่ต้องหมดเงินเมื่อไหร่ (ส่วนตัวน้าเองแม้หากมีวันหนึ่งต้องขายทรัพย์สมบัติต่างๆมาเลี้ยงพวกมันจนหมดสิ้นก็ยอมล่ะค่ะ ด้วยเพราะคนเราเกิดมาตัวเปล่า ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างใช้หมดไปเพื่อประคับประคองชีวิตเล็กๆที่อ่อนแอช่วยเหลือพึ่งพาตัวเองไม่ได้ก็ยอมละ และคิดว่าถึงเงินจะหมดลงไปก็ยังดีกว่าพวกไปเข้าผับ ไปกินเหล้า ไปคาราโอเกะ ไปเสพย์ยา ไปในแหล่งการพนัน ไปเรื่องไร้สาระ ไปซื้อของงี่ๆเง่าๆอย่างเช่นกระเป๋าใบละหลายๆแสนมาแค่เดินไปเดินมาอวดชาวบ้านประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็กลับบ้านเอากระเป๋าแพงๆไปตั้งนิ่งๆในตู้อย่างไร้ประโยยชน์อันใด ผลาญทั้งเงินเวลาโดยไม่เกิดประโยชน์อันใดเลย) ส่วนตัวทุกวันนี้ก็กราบขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าท่านประทานแรงกาย(ที่ไม่ค่อยจะมี เจ็บป่วยบ่อยๆ)แรงใจ และทรัพย์จากครอบครัวและลูกค้าที่อุดหนุนกิจการครอบครัวที่พอมีพอได้มา เพื่อเลี้ยงดูพวกมันมาตลอดยาวนาน แต่ก็ห่วงว่าวันที่จากโลกไปสัตว์จะทำอย่างไร และถ้าสัตว์ต้องพรากไปอยู่ในมือคนอื่นแม้กระทั่งบ้านสัตว์เลี้ยง เขาจะให้มันกินอะไร อย่างไร ปริมาณพอไหม ซึ่งเขาคงไม่ได้ให้อาหารและปริมาณแบบที่เราให้(ยกเว้นเวลาเราเจ็บป่วยลุกไม่ขึ้นสักพักๆก็จะพยายามลุกขึ้นให้ได้เวลาที่พอมีแรงบ้างเพื่อตะกายไปดูแลเค้าให้ได้) สัตว์ในมือคนอื่นถ้าพวกเค้าต้องเลี้ยงจำนวนมากๆแบบเราอาจจะไม่ได้รับความเมตตาจากมือที่โอบอุ้มเหมือนที่เราสัมผัสเค้าก็ไม่รู้ ยามที่ทำผิด ทำไม่ดี เห่าหรืออึฉี่ คนอื่นเค้าคงจะตีเอา กระแทกกระทั้นเอา แต่เราแค่เฉยๆยกเว้นทำความสะอาดให้เพิ่งเสร็จแล้วทำเลอะอีกไวๆและเราเหนื่อยจัดก็แค่ดุเล็กๆแค่บ่น ไม่ทุบตีมัน เพราะเลี้ยงพวกเค้าอย่างกรุณามากมาย พวกเค้าเป็นเด็กในความคุ้มครองของเรา มันรักและผูกพันชิดอยู่ในใจ คนอื่นจะเป็นอย่างเราหรือไม่ เชื่อว่าคงมีแน่แต่จะมากคนหรือไม่ไม่รู้นะ หรืออาจจะแค่เลี้ยงไปแบบแกนๆ มันก็สารพัดจะห่วงนะคุณ ส่วนเรื่องลดภาษีให้คนเลี้ยงสัตว์จำนวนมากๆนั้น น้าขอย้ำความคิดตรงนี้ เพราะมันผ่านการปฏิบัติจากตัวของตัวเองนี่แหละที่เลี้ยงมายาวนานมาในเกือบทุกวัน(ยกเว้นป่วยนอนซมอยู่)เราต้องควักเงิน(ที่หายาก)ออกมาซื้ออาหารหรือยาให้พวกมันวันหนึ่งๆไม่ใช่น้อยแถวหลักพันหรือพันเศษ และถ้าจะต้องมาเสียภาษีบ้าๆที่ว่า น้าและคนดีอีกหลายคนก็คงจะหมดกำลังใจแน่นอน ส่วนพวกหมาเลี้ยงคนนั้น ถ้าเจอเข้าแบบนี้ พวกมันคือพวกแรกที่จะเปิดก่อนเลย พวกมันไม่ทนหรอก เพราะพวกมันเป็นพวกสร้างภาพหากิน ซึ่งน่าเบื่อหน่ายและอยากให้ช่วยกันขจัดคนแบบนี้ออกไปไวๆเลย เรื่องที่เตือนไปเกี่ยวกับการจดทะเบียน หากคุณๆที่คิดทำเปิดใจกว้างขอให้พิจารณาหยุดด้วยเพราะนั่นคือความเป็นจริงที่มองเห็นชัดเจนเซ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ช่วงนั้นคนเลี้ยงสัตว์พากันเหน็ดเหนื่อยล้มเจ็บกันมาก เพราะตั้งแต่คนรวยยันชาวบ้านคนในสลัมโยนสัตว์ออกมา"เกือบ"ถ้วนหน้า น้ายังจำภาพที่ขมขื่นและเจ็บปวดใจมากสำหรับทั้งสัตว์ที่ถูกเจ้าของทิ้งและสายตาละห้อยเฝ้ารอคอยเจ้าของที่ใจดำเห็นแก่เงินมากกว่าความเป็นเพื่อนแท้ และเหล่าคนช่วยเหลือพวกมันที่ต้องมารับภาระอย่างหนักหน่วงและสาหัสสากรรจ์ เพราะความกดดันในการใช้พรบ.นี้แหละ มันบาปมากๆ เป็นสิ่งที่อมนุษย์เพราะไปกดดัน กดหัวคนเลี้ยงเพื่อสนองผลประโยชน์ของคนไม่กี่กลุ่มเล็กๆ ยกเว้นใครอยากจะจดทะเบียนสัตว์ก็ให้ทำตามสมัครใจจะดีกว่า ยิ่งเรื่องเก็นภาษีคนเลี้ยงยิ่งหนักเข้าไปอีก คุณทราบไหม คนรวย'บางคน'เงินแค่บาทเดียวสำหรับสัตว์ในเรื่องที่นอกเหนือจากเศษอาหาร(เลวๆ..กระดูก)ที่เขาโยนให้สัตว์ของตน ขอใช้คำว่า'มัน'ยังไม่ยอมควักเลย อย่าว่าแต่คนหาเช้ากินค่ำมากมายในสลัมต่างๆที่โยนเศษอาหารตามมีตามเกิดให้สัตว์ที่มายกมือขอไปแบบงั้นๆ ซึ่งก็ยังดีกว่าพวกไม่ให้ ไม่ช่วยและทำร้ายพวกมัน จึงขอให้ใคร่ครวญกันให้ดี อย่าเปิดโอกาสเกิดการ'หาเหตุ'ให้สัตว์ลูกน้อยทั้งหลายต้องถูกเจ้าของใจดำขนมาทิ้งถนนหรือต้องมาตกทุกข์ได้ยากถูกทำร้ายทุบตีหรือเสี่ยงตายบนถนนโดยไม่จำเป็น น้าขอเถอะนะ ขอให้เลิกล้มสองเรื่องนี้ แล้วไปทำเรื่องที่ให้พวกคนที่คิดเช่นนี้ไปพบไปทำแต่สิ่งดีสิ่งเจริญจนประสพความสำเร็จในชีวิตอย่างมั่นคงยาวนานดีกว่านะคะ ขอโทษคุณหากพูดอะไรทำให้คุณเสียใจเพราะน้าพูดหวานๆเอาใจคนไม่เป็น ด้วยเพราะถูกฝึกมาให้เป็นคนตรง แก้ไม่หายเรื่องปาก เลี้ยงสุนัข(+แมว)ก็แบบนี้ละค่ะ จากคุณ : น้าใส เขียนเมื่อ : วันพืชมงคล 54 00:35:35 A:58.11.82.93 X: TicketID:168613

ความคิดเห็นที่ 64 ตอบ คุณแมวมากมาย  คห. 61 ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ สิ่งที่คุณเขียนมา  ผมจับประเด็นได้ดังนี้นะครับ 1. เรื่องที่คุณอยากให้ใครๆเข้าใจคนใจบุญที่รับเลี้ยงหมาแมวเพราะเมตตาสงสารสัตว์ ว่ามีความเหนื่อยยากลำบากสักเพียงใด  ทั้งต้องหาเงินมาเป็นค่าอาหารหมาแมว ทั้งต้องชำระล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกต่างๆที่หมาแมวทำไว้ ทั้งต้องดูแลรักษาบ้านเรือนเพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านเดือดร้อนรำคาญได้ ทั้งเรื่องสัตว์ป่วยต้องดูแลรักษา 2. เรื่องปัญหาคนไทย  "ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้"   ใครใคร่อยากทิ้งหมาแมว  ก็ทิ้ง  ก็ปล่อย โดยที่ใครก็ทำอะไรผู้ที่ทิ้งหมาแมวไม่ได้ 3. เรื่องเงินบริจาคที่ผู้ใจบุญบริจาคให้คุณโดยไม่ทวงถามรายละเอียดหรือใบรับเงิน แต่เงินบริจาคก็ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงหมาแมว 4. คุณคิดว่าการประชาสัมพันธ์ให้เลี้ยงสัตว์ให้ถูกวิธีจะแก้ปัญหาเรื่องหมาแมวจรจัดได้ วิธีอื่นๆคงไม่ได้ผล 5. คุณคิดว่า  "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ 6. คุณคิดว่า  ถ้าคุณไม่รับเลี้ยงสัตว์จรจัด ก็จะไม่มีใครรับเลี้ยงหรือรับรักษาสัตว์จรจัด เพราะคุณคิดว่าไม่มีใครเข้าใจปัญหาเรื่องสัตว์จรจัด 7. คุณคิดว่า  โครงการ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" เป็นความคิดที่ดี แต่ คงเป็นเรื่องยากมากๆทั้งทางทฤษฎีและทางการปฏิบัติ ด้วยเหตุนี้  จึงไม่เคยมีใครคิดจะทำ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" มาก่อนเลย จะขอตอบทีละประเด็นดังนี้นะครับ 1. ผู้คิดริเริ่มก่อตั้งโครงการ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการรับเลี้ยงดู จัดหาบ้านและรักษาพยาบาลสัตว์จรจัดมาแล้ว 20 ปี ท่านย่อมเข้าใจปัญหาต่างๆเกี่ยวกับสัตว์จรจัดได้เป็นอย่างดีนะครับ เพราะท่านเข้าใจ  ท่านจึงคิดอยากแก้ปัญหา ด้วยการริเร่ิมโครงการนี้ขึ้นมา และอยากให้ทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  ร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาสัตว์จรจัดอย่างมีระบบและถาวร 2. เพราะนิสัย  "ทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้"  หรือ  เรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า "มักง่าย" หรือ  "เห็นแก่ตัว"  คิดจะท้ิงหมาแมวที่ไหนก็ทิ้ง โดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนรำคาญของใคร โดยไม่คำนึงถึงความทุกข์ทรมานของหมาแมว ฯลฯ นี่คือสิ่งที่เราต้องช่วยกันสร้าง "ระบบ" ขึ้นมาแก้ไขไงล่ะครับ หากออกกฏหมายเพื่อความสงบเรียบร้อยเกี่ยวกับการเลี้ยงดูสัตว์ ไม่ให้ไปก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่เพื่อนบ้าน ไม่ให้ไปสร้างความสกปรกเลอะเทอะในที่สาธารณะ หรือในบริเวณบ้านเพื่อนบ้าน กำหนดโทษจำคุกหรือปรับสำหรับคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย ต่อไปก็จะไม่มีใครทิ้งหมาเรี่ยราดอีก 3. ปัญหาเรื่องเงินบริจาคไม่เพียงพอ  เป็นปัญหาใหญ่ที่สุด เพราะจะก่อให้เกิดปัญหาหนี้สิน   ปัญหาอดอยากหิวโหย ปัญหาค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ตามมา หากเรามาร่วมมือกันจัดตั้ง "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  เป็นองค์กรที่ถูกต้องตามกฏหมาย ได้รับงบประมาณประจำปีจากรัฐบาล  ได้รับเงินค่าสมาชิกจากสมาชิกผู้ใจบุญ ได้รับเงินบริจาคจากผู้ที่ต้องการสนับสนุนงานบ้านสงเคราะห์สัตว์ หรือได้รับบริจาคอาหาร  ยา  และ การบริการทางการแพทย์ ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป และยังจะได้มีกำลังคนจากเจ้าหน้าที่ประจำ และ อาสาสมัครมาช่วยทำงานประจำวันอีกด้วย 4. การโฆษณาประชาสัมพันธ์  ต้องสิ้นเปลืองเงินเป็นจำนวนมาก ทั้งค่าวัสดุ  แผ่นป้าย  เอกสารประกอบ  ค่าวิทยากร ค่าซื้อเวลาโทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ และประชาชนที่ไม่สนใจจะฟัง  หรือ ไม่สนใจจะอ่าน  ก็จะไม่เปิดฟังรายการ หรือโยนเอกสารท้ิงโดยไม่เปิดอ่านเลย หากจะบรรจุไว้ในหลักสูตร  "หน้าที่พลเมือง - ศีลธรรม" เกี่ยวกับกฏหมายคุ้มครองสัตว์  และ สิทธิหน้าที่ของผู้ครอบครองสัตว์ ก็ต้องผลักดันกฏหมายต่างๆให้ตราขึ้นมาเสียก่อน  ซึ่งเป็นสิ่งที่ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" จะทำอยู่ 5. "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  เป็นการแก้ปัญหาครบวงจรครับ แก้ทั้งต้นตอของปัญหาทั้งหมด   และ  ปลายเหตุทั้งหมดด้วย ต้นตอของปัญหาสัตว์จรจัด  มาจาก  สัตว์ไม่มีทะเบียน  ไม่มีเจ้าของ ถ้าสัตว์มีทะเบียน   สัตว์จะไม่จรจัด    เพราะจะมีกฏหมายคุ้มครองดูแล เมื่อสัตว์จรจัด   ก็ทำให้เกิดปัญหาต่างๆตามมาอีก  เช่น สัตว์ไร้ที่พึ่งพิง   ต้องหากินเอง  สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อยู่ละแวกใกล้เคียง และเป็นที่น่าเวทนาสงสารแก่ผู้ใจบุญ  จึงต้องรับเลี้ยงไว้ด้วยเมตตา ส่วนคนที่เดือดร้อนรำคาญหมาแมว  ก็อาจหงุดหงิดอารมณ์เสียและทำร้ายสัตว์เอาได้ ก็เป็นต้นตอของการเกิดปัญหา  สัตว์ถูกรังแก  ถูกทรมาน  บาดเจ็บ  ไม่มีการดูแลรักษา ฯลฯ ฉะนั้น  "บ้านสงเคราะห์สัตว์"  สามารถช่วยสัตว์จรจัดเหล่านั้นได้ ด้วยการผลักดันให้รัฐออกกฏหมาย  ขึ้นทะเบียนหมา และเก็บภาษีหมา เพื่อเป็นรายได้ของรัฐที่จะจัดให้มีการดำเนินการเพื่อหมาแมวจรจัดและอื่นๆ 6. คงไม่มีเพียงแต่คุณคนเดียวหรอกครับ  ที่มีเมตตา  รักสัตว์  อยากช่วยเหลือสัตว์จรจัด มีคนจำนวนมากครับที่รักสัตว์  และ ไม่เคยทน "ดูดาย" เมื่อเห็นสัตว์ลำบาก เขาเหล่านั้นต่างก็ได้ลงมือช่วยตามกำลังของตนทั้งนั้น บางคนไม่มีเวลาดูแลสัตว์ด้วยตนเอง   ก็ช่วยเรื่องเงินค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล บางคนมีบ้าน  มีคนดูแล  ก็รับสัตว์ไปเลี้ยงไว้ด้วยตนเอง 1-3 ตัว ตามกำลัง และเลี้ยงไว้ด้วยความรัก ความเมตตา   คนบางคน ไม่เพียงแต่ช่วยหมาแมวในปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการรับเลี้ยงหมาแมวจรจัด  ให้อาหาร ให้การรักษาพยาบาล หรือ หาบ้านที่อบอุ่นให้หมาแมว แต่..ยังช่วยคิด "ป้องกัน" ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ด้วยเหตุนี้  จึงมีผู้ริเร่ิมโครงการ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" ขึ้นมา 7. เห็นด้วยครับว่า   "โครงการบ้านสงเคราะสัตว์" เป็นความคิดที่ดี เป็นเรื่องยากที่จะทำให้สำเร็จได้โดยปราศจากความร่วมมือของทุกฝ่าย แต่ หากได้รับความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันอย่างจริงจังและจริงใจ โครงการนี้  สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี แน่นอนครับ ผลก็คือ  ทุกฝ่ายได้รับความพอใจ  ทั้งหมาแมว  ทั้งผู้ดูแลหมาแมว ทั้งประชาชนที่เคยรู้สึกเดือดร้อนรำคาญหมาแมวจรจัด จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : วันพืชมงคล 54 03:42:58

ความคิดเห็นที่ 65 ตอบ  คุณ น้าใส   คห. 63     A:58.11.82.93 X: TicketID:168613 ขอบคุณครับน้าใสที่ให้อภัยกัน ผมขอตอบน้าใสเป็นข้อๆดังนี้นะครับ 1. เรื่องภาษีสุนัข  เป็นเรื่องจำเป็นอย่างย่ิงครับ หากรัฐไม่เก็บภาษีสุนัข  (ซึ่งเป็นเงินไม่มากเลย) รัฐจะไม่มีเงินส่วนนี้มาบริหารเรื่องสัตว์จรจัด อัตราค่าภาษีสุนัขก็ไม่ได้มากมายอะไร  อาจจะแค่ 50-100-200-300-500 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาด ประเภทและที่มาของสุนัข ถ้าผู้ใจบุญท่านใดที่รับเลี้ยงสุนัขจรจัดอยู่แล้ว   ก็เข้าร่วมโครงการ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" สุนัขที่อยู่ในบ้านสงเคราะห์สัตว์   ก็ไม่ต้องเสียภาษี ผมคิดว่า....เอาเข้าจริง  คนรักสุนัข  ยอมจ่ายภาษีได้ครับ เพราะเป็นเงินไม่มาก และยังได้ถือว่า   เป็นการช่วยเหลือสุนัขจรจัดด้วย บ้านเมืองเราก็จะเรียบร้อยดี  ไม่มีสุนัขจรจัดให้เป็นที่น่าเวทนาและเดือดร้อนรำคาญ คนที่ทำร้ายสัตว์เมื่อเบื่อแล้ว  หรือไม่ต้องการแล้ว แม้ไม่มีการ "จัดเก็บภาษี"  เขาก็ทำร้ายสัตว์กันอยู่แล้วละครับ แต่คนที่เขารักสัตว์  ยังไงๆเขาก็จะไม่ทำร้ายสัตว์แน่ๆครับ แม้จะต้องเสียภาษีก็ตาม 2. หลายคนเข้าใจปัญหาสัตว์ถูกรังแก  ถูกทำร้าย ถูกทรมานนะครับ คนดีๆไม่มีใคร "ทน" ดูได้หรอกครับ  ทุกคนจะรู้สึกเหมือนกันหมด คือ สงสาร บางคนใจอ่อนมากๆ  สงสารมากๆ   ก็รับมาเลี้ยง  รับมารักษาเอง หมดเงินไปไม่ใช่น้อยๆเลย แต่ .สิ่งดีๆที่ทำไปเพื่อน้องหมาน้องแมว  กลับทำให้คนในครอบครัวไม่พอใจ ทำให้เพื่อนบ้านไม่พอใจ   ทำให้คนอื่นๆอีกจำนวนมากไม่พอใจและด่าประนาม นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาจากความ "ใจบุญต่อน้องหมาน้องแมว" เราควรจะช่วยกันแก้ปัญหานี้ด้วยนะครับ   ด้วยการเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือสัตว์จรจัด เพราะ ..ถ้าเรามีที่พักพิงสำหรับสัตว์จรจัด  ซึ่งอยู่ไกลชุมชน ไม่รบกวนใคร เราก็จะสามารถแก้ปัญหา....คนในบ้านไม่พอใจ....เพื่อนบ้านไม่พอใจ ฯลฯ ได้ด้วยนะครับ หากโครงการนี้ทำสำเร็จ    น้าใส.....อาจจะไม่ต้องรับภาระแบกไว้คนเดียวอีกต่อไป มีคนช่วยแบ่งเบาภาระ  ผลัดเปลี่ยนเวรกันมาดูแลน้องหมาน้องแมว มีการบริหารการเงิน  ที่น้าใสเองไม่ต้องควักกระเป๋าส่วนตัวอีกแล้ว หรือ  น้าใสอาจจะยกภาระทั้งหมดให้บ้านสงเคราะห์สัตว์ไปเลย หรือถ้าน้าใสคิดถึงน้องหมาน้องแมว   น้าใสก็อาจทำงานใน "บ้านสงเคราะห์สัตว์" ด้วยก็ได้ หรือแม้แต่....จะขอเป็นอาสาสมัคร  ไปดูแลน้องหมาน้องแมวตามเวลาที่สะดวก แทนที่จะต้องแทบหมดเนื้อหมดตัวอยู่ตามลำพังเพราะค่าใช้จ่ายต่างๆของน้องหมาน้องแมว ย่ิงน้าใสห่วงว่า.....วันหนึ่งที่อาจจะต้องจากโลกนี้ไป (ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าช้าหรือเร็ว) หากเรามี "บ้านสงเคราะห์สัตว์"   น้าใสก็จะสบายใจได้ว่าน้องหมาน้องแมวมีคนดูแลแน่ๆ โครงการนี้จะต้องเกิดขึ้น  และ ดำเนินการต่อเนื่องเป็นการถาวรครับ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ  ช่วยกันเดินเรื่อง ช่วยกันผลักดัน  และร่วมมือกันเป็นกลุ่มใหญ่ เราก็จะมีพลังมากมายในการที่จะผลักดันและต่อรองกับรัฐนะครับ 3. ขอฝากความคิดเห็นส่วนตัวนิดนะครับ......... ไม่อยากให้พาดพิงเร่ืองวิธีการใช้เงินของคนอื่นเขานะครับ ใครเขาจะใช้เงินเข้าผับ เข้าคาราโอเกะ หรือซื้อกระเป๋าใบละเกือบล้านบาท ฯลฯ นั่นเป็นสิทธิส่วนตัวของเขา  เงินของเขา รสนิยมของเขา ไลฟ์สไตล์ของเขา ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำผิดกฏหมาย ผิดศีลธรรม  ผมไม่อยากให้พาดพิงเลยครับ ชีวิตของใครก็ของคนนั้นน่ะครับ  เขาก็ใช้ชีวิตของเขาตามแบบที่เขาต้องการ เราก็ใช้ชีวิตของเรา ตามแบบที่เราต้องการน่ะครับ เราไม่ก้าวก่ายชีวิตของใคร   และไม่ชอบให้ใครก้าวก่ายชีวิตของเราเช่นกันใช่ไหมครับ 4. ถ้าเรามี "บ้านสงเคราะห์สัตว์" แล้ว เราอาจจัดให้มีการฝึกอบรม  ทั้งหมาทั้งคนเกี่ยวกับการอบรมเลี้ยงดูหมานะครับ ศูนย์ของเราก็จะได้มีหมาฉลาด เก่ง มีวินัย   ฝึกกันได้นะครับ หมาที่ใช้ทำงานกัน  ทั้งหมาตำรวจ  หมากาชาด  ช่วยชีวิตคนประสบอุบัติเหตุและภัยพิบัติ ล้วนเป็นหมาที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี  ช่วยนำทางคนตาบอดก็ได้ ฯลฯ เราคงมีอะไรดีๆทำกันอีกมากมายเลยครับ 5. น่านำเสนอนะครับ  เรื่องการหักลดหย่อนภาษี  เหมือนกับว่าหมาเป็นสมาชิกในครอบครัว ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย  ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล  ควรหักลดหย่อนภาษีได้  เห็นด้วยครับ เราน่าจะลองเสนอดูให้รัฐนำไปพิจารณานะครับ 6. เรื่องจดทะเบียนสุนัข   เป็นสิ่งจำเป็นครับน้าใส ถ้าไม่มีการจดทะเบียนสุนัข   เราก็จะไม่ทราบจำนวนประชากรสุนัข และทำให้ควบคุมสุนัขจรจัดได้ยากครับ ถ้ามีการจดทะเบียนสุนัข   สุนัขตัวใดที่ไม่ได้รับการจดทะเบียน ก็ต้องไปอยู่ในบ้านสงเคราะห์สัตว์ ไม่เช่นนั้นแล้ว  ก็จะกลายเป็นหมาจรจัด  ซึ่งก็จะมีปัญหาต่างๆตามมาอีกเหมือนเดิมนะครับ 7. การจัดเก็บภาษีหมา  จะไม่เป็นเหตุให้มีหมาจรจัดเพิ่มมากขึ้นหรอกครับ เพราะเจ้าของหมาที่รักหมา   เพียงเสียเงินแค่ 50-500 บาทต่อปี คงจ่ายได้ครับ และถ้ามีการทอดทิ้งน้องหมาในช่วงนั้น   "บ้านสงเคราะห์สัตว์" ก็จะรับมาเลี้ยงได้ครับ เพราะโครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องอย่างถาวร ไม่ได้แก้ปํญหาเพียงชั่วคราว ย่ิงในระยะยาวแล้ว  จะทำให้ประเทศไทยปลอดหมาจรจัดเลยครับ ถ้ามีกฏหมายจดทะเบียนหมาและเสียภาษีหมาขึ้นมา ก็ให้มีผลบังคับใช้ 6-10 เดือนหลังจากการออกกฏหมายก็ได้นี่ครับ ทุกฝ่ายจะได้มีการตระเตรียมการได้จนกว่าจะพร้อมภายใน 6-10 เดือน ขอบคุณที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับน้าใส แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 54 04:37:03 จากคุณ : ออนไลน์ เขียนเมื่อ : วันพืชมงคล 54 04:35:51

ความคิดเห็นที่ 66 อยากให้มีจริงนะ จากคุณ : ยังเด็ก เขียนเมื่อ : วันพืชมงคล 54 18:22:13

ความคิดเห็นที่ 67 คุณออนไลน์...ที่คุณว่า 4. การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ต้องสิ้นเปลืองเงินเป็นจำนวนมาก ทั้งค่าวัสดุ แผ่นป้าย เอกสารประกอบ ค่าวิทยากร ค่าซื้อเวลาโทรทัศน์ วิทยุ ฯลฯ และประชาชนที่ไม่สนใจจะฟัง หรือ ไม่สนใจจะอ่าน ก็จะไม่เปิดฟังรายการ หรือโยนเอกสารท้ิงโดยไม่เปิดอ่านเลย จริงๆแล้ว....ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือเผยแพร่ข่าวสาร ไม่ได้มีช่องทางเพียงแค่นั้น และไม่จำเป็นที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงอีกด้วย ในสมัย "ตาวิเศษ" ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต แต่เขาก็ปลูกฝังได้่ แล้วปัจจุบันนี้ เรามีช่องทางที่ทรงพลังอย่างอินเตอร์เน็ต ถึงจะทำคลิปโฆษณาขึ้นมา การเผยแพร่ก็ไม่ได้มีแค่บนทีวี ตามเวลาที่ซื้อ แต่มันสามารถแพร่ในอินเตอร์เน็ตได้ ไม่จำกัดเวลา และอาจจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย เว็บ 1 เว็บ ที่เป็นศุนย์รวมข้อมูล+ประชาสัมพันธ์+ตอบคำถามเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง หากสามารถดึงคนเข้าได้มาก ก็จะได้รับความสนใจจากบริษัทต่างๆมาเป็นสปอนเซอร์ ก็เ้หมือนกับเว็บที่มีอิทธิพลเรื่องข่าวสารอย่างพันทิปนี่แหละค่ะ ถ้าคิดไปถึงเรื่องภาษีกันได้......จะลดหย่อน หรือเก็บภาษีก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนในกระบวนการ การที่จะปชส.สอดแทรกสำนึกให้รักสัตว์ในเด็ก โดยผ่านทางหลักสูตรการศึกษา ก็สามารถทำไ้ด้ จะว่าไป ค่าใช้จ่ายในการปชส. สถานสงเคราะห์สัตว์อาจจะไม่ต้องออกเองก็ได้ ไม่ว่าทั้งหมด หรือออกแค่เพียงบางส่วน เพราะสามารถขอค่าสปอนเซอร์ได้จากบริษัทเอกชน ที่ทำธุริจเกี่ยวกับสัตว์ (อาหาร, ยา,ของเล่น, ร้านแฟรนไชส์) ทั้งนี้บริษัทเหล่านั้น นอกจากได้ปชส.ตนเองแล้ว ยังได้รับการลดหย่อนภาษีจากการบริจาคอีกด้วย การปชส.ของบริษัทเหล่านั้น อาจจะไม่ใช่แบบขายตรง แต่สามารถสร้างความรู้สึกที่ดี หรือในทางบวกของลูกค้า ให้มีต่อแบรนด์ของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้แสดงบทบาทช่วยสังคม ช่วยเหลือสัตว์ ตัวอย่าง...โฆษณา “Disconnect to Connect” ของดีแทค ทั้งๆที่ควรจะเรียกให้คนมาใช้บริการให้มากขึ้น แต่เขาเลือกทางตรงข้าม และสร้างความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์แทน ด้วยหลักการสร้างความรู้สึกต่อเนื่อง จากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่งนี้ เราเห็นว่า การเก็บภาษีหมา เป็นการสร้างความรู้สึกไม่ดีต่อการเลี้ยงหมาค่ะ --------------------------- เราไม่ได้เข้าใจคุณผิดเรื่องช่วยกันคิดหรอกนะคะ "บ้านสงเคราะห์สัตว์" โครงการนี้ต้องการรวบรวมคนที่รักสัตว์อย่างคุณนี่ละครับ ให้มาร่วมด้วยช่วยกัน ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นเครือข่ายเดียวกัน นโยบายร่วมกัน มาตรฐานเดียวกัน คุณน่าจะเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโครงการนี้นะครับ" ส่วนนี้เราอ่านค่ะ แต่เราไม่เห็นว่าคุณจะเป็นอย่างที่คุณพิมพ์เลย เหมือนกับที่คุณน้าใสว่าคุณเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง มันเป็นการร่วมกันคิด กันทำ...."ภายใต้กฏเกณฑ์ของคุณ" ขอบคุณสำหรับคำขอโทษของคุณ บอกตรงๆว่า เราไม่สบายใจกับความเห็นของคุณมาหลายคห.แล้ว และเราพยายามอย่างมากที่จะไม่พูดอะไรรุนแรง จากคุณ : InsomniaCat เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 54 20:49:02 A:58.8.48.195 X: TicketID:227348