บทเรียนฟลุี๊๊๊กกี้ตายหลังส่องกล้องทางเดินอาหาร
|
 |
ฟลุีกกี้ สุนัขชิสุห์ 9ปี ที่แสนรักของผมและภรรยา ตาบอด 1 ข้างโรคเบาหวาน พบ 4 เดือนพร้อมกับช่วง 4 เดือนหลังทานอาหารก็มักอาเจียน หลังกระเพราะโตมากขึ้นเรื่อยๆ ก็อาเจียน แต่ฟลุ๊กกี้ก็ยังวิ่งเล่น ทานได้มากและเจาะเลือดก็ยังปรกติตลอด
1 เดือนก่อนเรา ดูแลหมูหยองไม่ดีเท่าที่ควร(ประมาท)ทำให้หมูหยองที่กัดกับเฉาก๊วยได้แผลมามากมาย ต้องเสียชีวิตจากไป เพราะติดเชื้อในกระแสเลือดจนไตวายและเสียเลือดทางเดินอาหาร
เราจึงพาฟลุ๊กไป รพ.สัตว์เกษตร เพื่อตรวจหาสาเหตุที่อาเจียนประจำและกระเพราะโตเพาะเราสงสัยภาวะกระเพราะอาหารอุดตัน
เดิมฟลุ๊กกี้เป็นสุนัขประจำรพ.นี้ตรวจมาเกือบทุกระบบ แต่ช่วง 1ปีหลังห่างหายไปเพาะภรรยาท้อง และมีบุตร เราจึงรักษาดูแลฟลุ๊กที่คลีนิกมาตลอด เพราะไม่สะดวกพาไปรพ. เพราะบ้านเราอยู่สมุทรสาครต้องไปบางเขน ต้องเลี้ยงลูกเล็ก และสุนัขอีก 20ตัว
ฟลุ๊กโชคดีที่เจอคุณหมอที่ดี ตามใจให้เราหาสาเหตุ ฟลุ๊กกลืนแป้งตรวจ อุลตร้าซาวน์ท้องไป
สรุปน่าจะมีการอุดตันของกระเพราะ หมอก็รีบนัดส่องกล้องทางเดินอาหารให้ อีก5วันมีคิวว่างพอดี
เราดีใจมากที่ฟลุ๊กจะได้หาหมอเฉพาะทาง และรักษาเราคุยกันไว้ต่างๆนานาคิดไว้ว่าถ้าผ่าตัดค่าใช้จ่ายเท่าไหร่เราก็ยอม
ถึงวันนี้ เช้าฟลุ๊กกี้นอนหลับสบาย ภรรยาไปปลุกขึ้นมา และบอกเค้าว่าไปรพ.กัน จะได้หาย
ไปถึง รพ. ผมคิดว่าฟลุ๊กจะไปตรวจและมาขึ้นรถกลับตามปรกติ ผมต้องเลี้ยงลูกในรถ ภรรยาพาไปตรวจ เราโทรติดต่อกันตลอด ภรรยาโทรมาบอกว่า หมอบอกกระเพราะตีบต้องผ่าตัด หมอจะนัดเป็นเคสฉุกเฉินให้ พรุ่งนี้เลย ผมตอบได้เลยและดีใจมาก แฟนก็โทรมาบอกว่าส่องกล้องเสร็จแล้ว
ฟลุ๊กฟื้นแล้ว จะลงไปจ่ายเงิน ไม่ถึง 3นาที ภรรยาโทรมาบอกว่าฟลุ๊กหัวใจไม่เต้นต้องไปปั๊ม
ผมมึนมาก น้ำตาไหล โกรธ รีบพาลูกอุ้มไปหาฟลุ๊ก เห็นหมอกำลังกู้ชีพด้วยยา และกดหน้าอก ใส่ท่อช่วยหายใจ และสายยางทางปากอยู่
สุดท้ายหมอก็พาไปห้องฉุกเฉินและไม่ได้ให้เราเข้าไปดู สุดท้ายฟลุ๊กกี้ก็จากครอบครัวผมไป โดยไม่ได้คาดคิดมาก่อน
น้ำตาไหลพราก สมองตื้อไปหมด ใจเต้นแรง ไม่รู้จะไปโทษใคร รับศพฟลุ๊กมาไว้ในอ้อมแขน ลูกน้อยก็ร้องงอแง
ขับรถกลับบ้านจากบางเขนถึงสมุทรสาคร น้ำตาไหลพรากมาตลอดทาง ผมได้แต่โทษตัวเองที่พาฟลุ๊กไปตรวจ เพราะถึงเค้าจะป่วยยังไง ก็คงจะยังไม่ตายในวันนี้
คุณหมอภรรยาบอกว่าใจดี และดูแลฟลุ๊กกี้ดี อุตสาห์รีบนัดผ่าตัดฉุกเฉินให้
แต่ ทำไมวิทยาการของสัตว์ ถึงพัฒนาไปช้าไม่ทันมนุษย์สักที
เช่น การAdvanced CPR ไม่มีการmonitor EKG ,O2 sat,ไม่มีการ Defibrillation
เพราะการจับชีพจร และฟังHeart อาจบอกลักษณะหัวใจล้มเหลวไม่ได้ทั้งหมด เพราะ ถ้าสุนัขเป็น
VF ก็ต้องอาศัยEKG และการรักษาด้วยยาอย่างเดี่ยวหรือกดหน้าอกก็ำไม่เพียงพอ ซึ่งสิ่งสำคัญจะหายด้วยการชีอคไฟฟ้า defibrillation อย่างน้อยในห้องผ่าตัดโรงพยาบาลสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดน่าจะมี เครื่อง AED
ช่วงท้าย เขียนมาเพื่ออุทาหรณ์ เพราะไม่งั้น CPR เท่าไหร่สนัขก็ตายหมด
| จากคุณ |
:
manusdoe 
|
| เขียนเมื่อ |
:
2 มิ.ย. 54 21:12:47
|
|
|
|
