 |
ปูนแดง ผมซื้อมา 20 บาท ถุงเบ้อเริ้ม แชู่ตู้เย็นไว้ใช้ 3 ปียังไม่หมดเลย สารพัดประโยชน์เหมือน เบตาดิน ใช้ทาแผลอุดแผล ต้นไม้ ไม่ให้เชื้อโรคเข้าครับ
พวกบำรุงต้นไม้ที่มีติดไว้ ก็ ................... บี1 เอาไว้บำรุง เร่งราก เวลลาปลูกต้นไม้ใหม่ๆ (30-60 บ.)
ปุ๋ยปลาน้ำ ไว้บำรุงดินหรือฉีดพ่นใบบำรุงดอก บำรุงต้น พ่นที่ใบงี้เขียวมันเชียว( ยี้ห้อฟิชเชอร์ ขวดลิตร 200 บ.)
ออสโมโค๊ท (ปุ๋ยละลายช้า)สูตร 6 เดือน มี 2 สูตร เอาสูตรบำรุงดอกแล้วกันครับ ไว้ช่วยให้ต้นไม้ไม่ขาดธาตุอาหารหลัก และรอง (1 กล่อง 1ก.ก. ประมาณ 200 นิดๆ แต่ผมซื้ออย่างที่ร้านเขาแบ่งขาย โลละ 140 บ.)
เกอร์มาร์ ฮอโมน ไว้บำรุงและเปิดตาดอก เร่งราก ช่วยเพิ่มอาหาร(น้ำตาล)ต้นไม้ที่ถูกน้ำท่วม (ขวดเล็ก 45-50 บ.)
ปุ๋ยเกร็ด ไว้พ่นเสริม หรือให้ปุ๋ยกล้วยไม้ เพราะนอกจากมีธาตุอาหารหลักแล้ว ยังมีธาตุอาหารรองด้วยครับ มีหลายสูตร แต่เอาสูตรเสมอ หรือสูตร ตัวกลางสูง น่าดีกว่า ใช้กับต้นไม้ได้ทุกชนิด แต่ควรผสมให้เจือจางกว่าขนาดที่แน่ะนำข้างกล่องครับ(1 ก.ก ประมาณ 200 บ. นิดๆ)
เฟตตริล่อน คอมบิ1 ธาตุอาหารเสริมคีเลต เอาไว้พ่นบำรุงต้นไม้ที่ขาดธาตุอาหารรอง หรือใส่ในกระถาง ประมาณ 1 ชช. สักปีละ 2 หนก็ได้ครับ (แน่ะนำโดย Uncle rose) (ซองเล็ก ประมาณ 45 บ.) หรือใช้ของหวีทองก็ดีนะครับ ขวดละ 30 บ เอง เข้มข้นน้อยกว่า แต่ก็ปลอดภัยกับพืชมากขึ้น
เซเรดิกส์ เร่งราก ไว้สำหรับ เวลาเราจะชำกิ่ง ตอนกิ่งต้นไม้ ช่วยให้รากออกดีกว่าไม่ได้ใช้ครับ สำหรับบางคนอาจจะแพ้ได้ ควรระวังอย่าให้ถูกผิวหนังครับ (ขวดเล็ก 60 บ. ใช้ไปได้ชาตินึงเลย)
ปุ๋ยปลาป่น ทำจากปลาทะเล ทั้งตัวบดป่น ให้ธาตุแาหารสูงมากครับ มีแคลเซียมสูง บำรุงดิน บำรุงต้นไม้งามดีจริงๆ โดยเฉพาะกุหลาบ ชวนชม ลีลาวดี และไม้ดอกไม้ใบต่างๆ ข้อเสียคือกลิ่นและแมลงครับ (กิโล นึงประมาณ 70-80 บ.)
ปุ๋ยยูเรีย (46-0-0) ไว้ช่วยให้พิชงามไวๆ เวลาใส่ปุ๋ยปกติก็เพิ่มยูเรียเข้าไปสัก 1 ใน 3 ถึง 1 ใน 2 ของปุ๋ยสูตรเสมอไม้จะงามโตเร็วมากๆ และจะช่วยป้องกันอาการพืชขาดธาตุไนโตรเจน จากการที่จุลินทรีย์(แย่ง)ดึงไนโตรเจนไปใช้ในการย่อยเครื่องปลูกที่ เรานำมาใช้ทั้งๆที่ยังย่อยสลายไม่ดีพอ
ปุ๋ยสูตร 15-0-0 ควรมีไว้ใช้สลับ กับปุ๋ยสูตรอื่นๆ เพราะปุ๋ยเคมีใช้ไปนานๆจะทำให้ดิน เป็นกรด ทำให้ดินตรึงธาตุอาหารไว้ไม่ให้ต้นไม้นำไปใช้ได้ การสลับมาใช้ 15-0-0 บ้าง จะทำให้ดินมีค่า PH ที่เหมาะสม เพราะ 15-0-0 มีฤิทธิเป็นด่างครับ (แน่ะนำโดย Uncle rose)
พวกที่ต้องมีไว้ใช้รักษาและป้องกันต้นไม้จากโรคและแมลง..........
สตาร์เกิ้ล-จี ยาสามัญสำหรับต้นไม้เลยครับ เป็นยาดูดซึมทางราก กำจัดสารพัดเพลี้ยไม่ว่า เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย เพลี้ยอ่อน แมลงปากดูดทั่วๆไป ยกเว้นเพลี้ยไฟ แพ้มันครับ ใส่ครั้งหนึงป้องกันได้ 30-40 วัน แต่ป้องกัน พวกหนอนกินใบ หรือด้วงไซลำต้นไม่ได้นะครับ สตาร์เกิ้ล-จี ดีตรงที่ค่อนข้างปลอดภัยมากๆครับ ต้นเล็ก ใช้ 1-2 ชช ต้นใหญ่ 1-2 ชต. จะเริ่มกำจัดแมลงได้ในวันที่สองที่ใส่ยาครับ (ซอง 1 ก.ก. 220 บ.)
ฟูราตาน เป็นยาดูดซึมทางราก มีฤิทธิแรงมาก แต่ก็จำเป็นสำหรับคนที่ปลูกไม้บางชนิด เช่น พิกุล จำปี ขนุน มะม่วง หรือปลูกไม้ลงดิน บริเวณที่มีปลวกเยอะ กำจัดแมลงได้ืุทุกชนิด ตายเรียบ 5555 เด่นคือ กำจัดด้วงไชลำต้นและป้องกันปลวกได้ดี ฟูราตานจะเป็นเกร็ด สีม่วง คล้ายสตาร์เกิ้ล-จี แต่แรงกว่ากันเยอะ เวลาใช้ ให้ขุดหลุมตื่นๆที่โคนต้น โรยยาแล้วกลบดินแค่นี้ก็ปลอดภัยแล้ว ให้ดีก็ใส่ถุงมือ หรือนำถุงก๊อบแก๊บ มารัดด้วยหนังยางที่ข้อมือ แทนก็ได้ครับ ระวังอย่าสูดดมไอระเหยเข้าไปด้วยนะ และห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดของพืชมาทาน ก่อนยาหมดฤิทธิ คือ ประมาณ 30 วันครับ เท่ากับป้องกันพืช ได้ 30 วัน จึงต้องใส่เดือนละครั้งสำหรับ จำปีและพิกุล ต้นไม้ต้นเล็กใช้ 1 ชช. ต้นใหญ่ 1-3 ชต. ( 1 ก.ก. 60 บ.)
สารจับใบ ใช้ผสมกับน้ำและยา เพื่อให้ปุ๋ยและยาที่เราพ่น ติดอยู่กับใบไม้ได้นานกว่า และไม่โดนล้างออกไปเมื่อฝนตก (ขวดละ 30 บ. ใช้ได้เป็นชาติเลยครับ)ไม่มีก็ใช้น้ำยาล้างจาน แทนกันได้
น้ำส้มควันไม้ สำหรับคนที่ไม่อยากใช้สารเคมี พ่นเพื่อไล่แมลงครับ แต่ต้องขยันพ่นหน่อย ไม่มีฤิทธิในการกำจัดแมลงนะครับ ได้แต่ไล่มันไป (ขวดละ 60 บ.) กรณีหาไม่ได้ และไม่อยากใช้สารเคมี ก็นำยาฉุนมาแช่นำ้ไว้หนึงคืน กรองกากออกแล้วนำมาพ่นแทนก็พอไล่ได้บ้างเหมือนกันครับ
กอฮอล์ ที่ใช้ล้างแผลนี้แหละ เอาไว้เช็ดล้าง อุปกรณ์ มีด และกรรไกรตัดกิื่งไม้ ไม่ให้แผลที่ตัด ติดเชื่อครับ แล้วพืชบางต้นมีไวรัส หากไม่ทำความสอาดมีด หรือ กรรไกร ให้ดี อาจไปติดต้นอื่น(ที่สายพันฺเดียวกัน เช่นกุหลาบ ลีลาวดี กล้วยไม้) ได้ขวดใหญ่ 45 บ. ซื้อจากร้านขายยา
ซันเจี๋ย มีทั้งแบบกำจัดมด และปลวกครับ ควรติดไว้บ้าง เพราะกำจัดและปลวก ได้ผลดีมากๆ (ซองละ 30-40 บ.) ตามห้างมีขายครับ มดเป็นตัวนำเพลี้ยต่างๆมาปล่อยให้ดูดน้ำเลี้บงต้นไม้ พอเพลี้ยถ่ายมูลออกมาเป็นน้ำหวานมดก็เก็บทานต่อไป กรณีให้ใช้ซันเจี๋ยเหยื่อกำจัดมดครับ เขาจะตายยกรังเลย กรณีปลวกกินต้นไม้จะเริ่มจากส่วนที่ตายก่อนและลามไปทั่วๆต้น ต้องใช้วิธี เขียเบาๆจนเจอบริเวณที่มีตัวปลวก อย่าไล่ให้เขาตกใจหนีไปนะครับ เอา ซันเจี๋ย 3 ปลวก (มันเป็นครีมเหมือนยาสีฟันดอกบัวคู่) บีบใส่แล้วหาอะไรมาปิดไว้ ทำให้ทั่วบริเวณที่มีตัวปลวก เดียวปลวกมันจะพากันมากิน และตายเรียบ เกลี้ยงยกรัง ประมาณ4-5 วันครับเห็นผลหายเกลี้ยงไปนานเลย จนกว่าจะมีกลุ่มใหม่มาทำรังอีก หลังจากนั้นค่อยทำแผลให้ต้นไม้ครับ แล้วค่อยใส่ฟูราตานบ่อยๆ แต่ใส่แล้วห้าทานผลหรือใบต้นไม้นั้นนะครับ จนกว่าจะหมดฤิทธิ
เซฟวิน เอส 85 ไว้กำจัดหนอน แมลง เพลี้ยต่าง ในคราวที่จำเป็นจริงๆ จริงๆก็ไม่ต่อยอันตรายมาก แต่ก็ต้องใช้แบบระวังครับ(ซองละ 60-70 บ.)
โปรวาโด สารกำจัดแมลง ศัตรูพืชได้หลากหลายแต่นิยมใช้กำจัดเพลี้ยไฟ ในกุหลาบมากๆ ค่อนข้างปลอดภัยกับคนและสัตว์เลี้ยงครับ เป็นยาดูดซึมครับ (ซองเล็ก 2 กรัม 25 บาท ซอง 10 กรัม 60 บ.) 1 กรัม (จิ๊ดเดียวเอง)ผสมน้ำ ได้ถังนึง( 10 ลิตรแน่ะ)
เหยื่อกำจัดหอย ใช้กำจัดหอยทาก หอยคัน ที่ระบาดมากช่วงฝนตก หอยจะมากัดกินใบ ยอดอ่อนของต้นไม้ที่เพาะครับ หากไม่อยากทำบาป ก็ใช้วิธี จับด้วยมือแล้วโยนไปให้ข้างบ้าน 55555 เหยื่อกำจัดหอย โรยในกระถางหรือบริเวณที่ปลูกต้นไม้เดียว ที่ชืนๆ มืดๆ แล้วรดน้ำตามเดียวเขาก็มากินเอง (กระป็องใหญ่ ประมาณ 230 บ. ซื้อทีเดียวใช้ทั้งชาติครับ)
ยาที่ใช้รักษาและป้องกันโรค แน่ะนำให้ไปอ่านทู้ของพี่เหลืองจันทร์ เพิ่มเติมด้วยครับ จะได้เข้าใจการใช้มากขึ้น ยาฆ่าเชื้อราครอบจักรวาล http://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/J3381072/J3381072.html
ที่ควรมีก็ 1.แมนโคเซ็ป (กำจัดราสนิมในลีลาวดี ได้ดีครับ) 2.เมตาแลกซิล เป็นยาดูดซึม ใช้รดก็ได้ พ่นทางใบก็ได้ ใช้ป้องกันและกำจัดเรื่องพวกรากเน่า โคนเน่า ควรใช้สลับกับ อาลีเอทครับ 3.คาร์เบ็นดาซิม เป็นยาดูดซึม ใช้รดก็ได้ พ่นทางใบก็ได้ ป้องกันและกำจัดเชื้อราได้หลายชนิด ควรสลับ หรือใช้ผสมกับ แมนโคเซ็ป ก็ได้ครับ 4.ไทแรม(thiram) สุดยอดในการกำจัดราสนิม ในลีลาวดีเลยครับ แต่ผมเคยพ่นโดนต้นไม้บางต้นทำให้ต้นไม้นั้นตายเฉยเลย แต่ กับลีลาวดี ใช้ดีและไม่มีผลร้ายเลยครับ (พวกยากำจัดเชื้อรา จะอยู่ที่ไม่เกิน 100 บ. ต่อซองครับ) ยาและปุ็ุ๋ยต่างๆ ซื้อได้จากร้านเคมีเกษตรทั่วๆไปครับ แน่ะนำให้ซื้อที่พ่นยาดีๆแบบมือชัก สักอัน ไม่เกิน 200 บ. ใช้ได้ทั้งชาติเลยครับ
........นี้ทั้งหมดที่นึกออกครับ ผมไม่ได้เก่งนะครับ อาศัยอ่านและถามผู้รู้ครับ หวังว่าคงได้ประโยชน์บ้างนะครับ อีกอย่างปุ๋ยหรือยาที่ใช้พ่นควร ให้เจือจางกว่าที่ฉลากแน่ะนำสักหน่อยครับเพื่อป้องกันอันตรายกับต้นไม้
ผมว่าแลนเนท พืษค่อนข้างสูงนะครับ แต่ผมก้ไม่เคยใช้และยังไม่กล้าใช้ครับ ดูจากค่า LD50 ยิ่งค่าน้อย ยิ่งอันตรายครับ
ความเป็นพิษของสารกำจัดศัตรูพืช ......(เครดิต by กล้วยไม้ ) ดูจากค่า LD50 (median lethal dose) หมายถึงปริมาณสารพิษที่ทำให้สัตว์ทดลองตาย 50% โดยคิดน้ำหนักของสารพิษต่อหน่วยน้ำหนักของสัตว์ทดลอง (มิลลิกรัมสารพิษ/ ๑ กิโลกรัมน้ำหนักตัว) ดูจากปริมาณสารพิษที่รับเข้าทางปาก (acute oral) ดูจากปริมาณสารพิษที่ซึมเข้าทางผิวหนัง (acute dermal) ดูจากปรฺมาณสารพิษที่หายใจเข้าไป (acute inhale) เพราะฉะนั้นตัวเลขปริมาณสารพิษ/ ๑ กิโลกรัมน้ำหนักตัว ยิ่งต่ำมากเท่าไรก็แสดงว่าความเป็นพิษยิ่งมาก ขอยกตัวอย่างที่พวกเราใช้กันบ่อยเพื่อจะได้เห็นภาพชัดขึ้น กลุ่ม 1A สารคาร์บาเมท ค่า LD50 เมทโธมิล (แลนเนท) 17 คาร์บาริล (เซฟวิน, S-85) 850 กลุ่ม 1B สารออแกโนฟอสเฟต คลอไพรีฟอส (ลอสแบน) 96 มาลาไทออน (ไซไทออน) 2,800 กลุ่ม 2B สารเฟนนิลไพราโซล ฟิโพรนิล (แอสเซนด์) 97 กลุ่ม 3A สารไพรีทอยด์สังเคราะห์ แอลฟา- ไซเปอร์เมทริน 74 อีโทเฟนพรอก (ทรีบอน) >10,000 ปลอดภัยที่สุด กลุ่ม 4A สารนีโอนิโคตินอยด์ อิมิดาคลอพริด (คอนฟิดอร์,โปรวาโด) 450 ไดโนทีฟูแรน (สตาร์เกิ้ล) 2,000 กลุ่ม 6 สารอะเวอร์เมคติน อะบาเมคติน 5,000 หมายเหตุ..abamectin (10) ที่มา kasetloongkim.com ไม่รู้ว่าิัไหนถูกอันไหนผิดนะครับ ออทุส ชื่อสามัญเฟนไพโรซิเมต สารกำจัดไร fenpyroximate (6,798)
หมายเหตุ ขอเอามารวมกันดีกว่านะครับ ปุ๋ยและยา หากใช้ให้เหมาะสม ถูกต้อง และเท่าที่จำเป็น แค่นี้ก็ปลอดภัยแล้วครับ
แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 54 14:54:05
แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 54 13:59:55
แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 54 18:23:17
แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 54 18:00:52
จากคุณ |
:
เน็ต ตจว.
|
เขียนเมื่อ |
:
19 มิ.ย. 54 17:53:54
|
|
|
|
 |