Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
คุณเลือกที่จะเห็นใจ+สงสารหรือไม่ กับกรณีนี้ เปิดใจคนขายหมา'เขาหาว่าผมอำมหิต' ติดต่อทีมงาน

  น่าเห็นใจ (1 คน)
  เฉยๆ,ไม่มีความคิดเห็น (7 คน)
  ไม่เห็นใจ (70 คน)

 1.28%
  น่าเห็นใจ (1 คน)
 8.97%
  เฉยๆ,ไม่มีความคิดเห็น (7 คน)
 89.74%
  ไม่เห็นใจ (70 คน)

จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 78 คน


เปิดใจคนขายหมา'เขาหาว่าผมอำมหิต'  
 
     เขาหาว่า...'ผมอำมหิต' เปิดใจคนขายหมาท่าแร่ : ตะลุยข่าว โดยเสาวลักษ์ คงภัคพูน-ทวี อภิสกุลชาติ

      คำสาปแช่งถึงกลุ่มคนค้าหมา...จากกลุ่มคนรักสัตว์ที่พร่างพรูในโลกอินเทอร์เน็ตยันสภากาแฟเล็กๆ ริมถนน ยิ่งตอกย้ำความเครียดแค้นชิงชัง จนทำให้ผู้ทำธุรกิจนี้แทบไม่มีที่ยืนในสังคม  

        ต่างกับ "สุนัข" เหยื่อเปิบพิสดารข้ามชาติ ที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือได้ขณะถูกลำเลียงข้ามฝั่งโขงที่บ้านท่าลาด ต.บ้านแพง อ.บ้านแพง จ.นครพนม

        กระแสสังคมต่างเทคะแนนสงสารพวกมัน ด้วยยอดเงินบริจาคช่วยเหลือสุนัขขยับสูงกว่า 18 ล้านบาทเพียงไม่กี่วัน อาจเป็นสิ่งชี้ชัดได้ว่า มีผู้สงสารสุนัขมากมายเพียงใด!?


        ขณะที่โลกแห่งความเป็นจริง ยังมีอีกหลายชีวิตก้มหน้ารับชะตากรรมในความเดียดฉันท์จากสังคม


          เมื่อกลุ่มผู้ค้าสุนัขถูกกล่าวหาว่า "อำมหิต" จนต้องหยุดธุรกิจการงานของตัวเองชั่วคราว รายรับหลายหมื่นบาทต้องหยุดชะงัก แต่เงินต้นและดอกเบี้ยจากรถกระบะเงินผ่อน ที่ถอยออกมาใช้ทำมาหากินไม่ได้หยุดไปด้วย เงินทองที่สะสมมาก็เริ่มร่อยหรอ รถกำลังจะถูกยึด หนี้สินกำลังเพิ่มพูน ไม่มีใครสนใจใคร่ถามว่า พรุ่งนี้พวกเขาจะเป็นอย่างไร?

           
         "สายทอง ลาลุน" พ่อค้าสุนัขวัยชราบ้านท่าแร่ อ.เมือง จ.สกลนคร ผู้สร้างฐานะจากธุรกิจค้าสุนัขจนส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆ จนจบปริญญาตรี เล่าถึงจุดเริ่มต้นการเข้าสู่ธุรกิจนี้ว่า จากคนที่กินเนื้อสุนัข ตามวัฒนธรรมการบริโภคที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน

         เริ่มมาเป็นผู้ชำแหละขายกินกันเองในกลุ่มชาวท่าแร่ จนมาถึงช่วงประมาณปี 2545 มีพ่อค้าชาวเวียดนามเดินทางมาติดต่อขอซื้อสุนัขจำนวนมาก หลังจากรับออร์เดอร์ ก็วางเครือข่ายไปตามจังหวัดต่างๆ กว่า 20 จังหวัด ออกรถไปตระเวนรับแลกสุนัขตามหมู่บ้าน


           ธุรกิจรับแลกสุนัขลอตแรกผ่านไปได้ด้วยดี ต่อมาก็มีออร์เดอร์จากเวียดนามหลั่งไหลเข้ามาจนรับไม่ไหว ต้องแบ่งออร์เดอร์ให้แก่ผู้ค้ารายอื่นๆ


           ขณะเดียวกัน "สายทอง" ก็เริ่มขยายกิจการ และเครือข่าย มีการดาวน์รถกระบะพร้อมอุปการณ์รับแลกสุนัขครบครัน บวกกับค่าน้ำมันและอาหารอีก 1.3 หมื่นบาทต่อคันต่อเที่ยว ใช้เงินทุนหมุนเวียนเดือนละไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท เมื่อหักลบกลบหนี้แล้ว รถรับแลกสุนัขคันหนึ่งจะทำกำไร 5,000-6,000 บาท ต่อการออกตระเวน 3 วัน นับเป็นรายได้ที่ดีมาก จนขยายเป็นเครือข่ายขยายไปกว่า 20 จังหวัด ปัจจุบันมีรถที่นำสุนัขมาส่งที่ท่าแร่กว่า 5,000 คัน
           

          "บางคนลงทุนเอาโฉนดที่ดินไปจำนองธนาคารเพื่อเอาเงินมาดาวน์รถกระบะ วิ่งตระเวนรับแลกหมา เนื่องจากเห็นเพื่อนบ้านทำแล้วมีรายได้ดี แต่พอชะงักใครจะรับผิดชอบชีวิตครอบครัวเขาจากนี้ไป ถ้ารถและที่ดินถูกยึด น่าสงสารน้อยกว่าหมาตรงไหน ตอนนี้หมามีที่อยู่ มีคนช่วยสิบกว่าล้านบาท ทำไมไม่มีใครเอาเงินมาช่วยคนที่กำลังจะไม่มีที่อยู่บ้าง" สายทอง ตัดพ้อ

           
          ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ทางการเข้มงวดกวดขันจับกุมการออกตระเวนรับแลกสุนัข และสกัดกั้นเส้นทางการส่งออก


           ทำให้กลุ่มผู้ค้ารายย่อยที่เป็นเจ้าของรถตระเวนรับแลกสุนัขได้รับความลำบาก บางรายถูกยึดรถไปแล้วเนื่องจากไม่มีรายได้มาส่งรถ บางรายกำลังจะถูกยึดทั้งรถและบ้านที่อยู่อาศัย ครอบครัวต้องอดมื้อกินมื้อ

           
            "มีใครเห็นอกเห็นใจคนเหล่านี้บ้าง พวกเราทำมาหากินกันอย่างสุจริตไม่ได้เป็นภาระของรัฐบาล แต่ต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักในขณะนี้ อยากให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ของพวกเราหาทางช่วยเหลือด่วนด้วย" สายทอง วิงวอน

           
         สายทองเสนอว่า กรมปศุสัตว์ ควรออกใบอนุญาตค้าสุนัข เช่นเดียวกับการค้าโคและกระบือ ชาวบ้านจะได้ไม่ลักลอบทำกัน


          ทั้งนี้ รายได้จากการค้าสุนัข ทำเงินเข้าประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 500 ล้านบาท แต่ละเดือนมีการส่งออกสุนัขอย่างต่ำเดือนละ 5 หมื่นตัว ราคาตัวละ 450 บาท ก็ตกเดือนละ 20 กว่าล้านบาทแล้ว

         

           "แต่อาชีพนี้สังคมไม่ยอมรับ อ้างว่าทำเสื่อมเสียภาพลักษณ์ของประเทศ ภาพลักษณ์ทำให้ท้องอิ่มได้ไหม คนมีการศึกษามีอาชีพดีๆ ก็พูดได้ แต่คนจนเรียนน้อยมาทำอาชีพค้าหมาเลี้ยงปากท้อง ทำไมต้องถูกหาว่าอำมหิต" สายทอง น้อยใจในโชคชะตา

           
            "ความรู้แค่นี้จะไปทำงานที่ไหนได้เงินเดือนหมื่นห้า" หนึ่งในเครือข่ายธุรกิจค้าหมา เสริม

           
          ด้าน "ศวง เดชาเลิศ" ข้าราชการครูบำนาญ ชาวท่าแร่ มองว่า รัฐบาลควรมีความชัดเจนในการกำหนดนโยบายในระยะยาว และอยากให้เวลาต่อกลุ่มผู้ค้าเหล่านี้ มีโอกาสปรับตัวหาอาชีพอื่นก่อนสัก 5-6 ปี แล้วค่อยวางมาตรการบังคับใช้กฎหมายกับคนกลุ่มนี้ ซึ่งอาจเป็นการหาทางออกแบบ "ช่วยชีวิตหมา ปรานีชีวิตคน"

         
           ...บ้านท่าแร่เวลานี้ จะพบเห็นรถปิกอัพที่ต่อกระบะด้านข้างสูง มีไม้กระดานรองพาดทำเป็นรถสองชั้นสามชั้น ที่มองปร๊าดเดียวก็รู้ว่าเป็น "รถหมาแลกถัง" จอดเรียงรายกว่าร้อยคัน ส่วนบรรดาเจ้าของรถ ก็จะมานั่งรวมตัวกัน ด้วยสีหน้าและแววตาเศร้าสร้อย สิ้นหวัง บางคนเหลือบตามองรถด้วยสายตาเหม่อลอย และถอนหายใจเป็นระยะ...



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
และ ที่นี่ดอทคอม

ปล.จขกท ก็เลือกไม่เห็นใจอ่ะค่ะ เพราะหมาก็มีชีวิต เป็นเพื่อนกับเรา ซื่อสัตย์กับเรา ถึงมันจะพูดไม่ได้ก็เถอะ

แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 54 17:01:42

 
 

จากคุณ : หวานเย็นสอดไส้ปลาทู
เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 54 16:36:06




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com