PANTIP.COM : J11016572 มีโอกาสไปจังหวัดกระบี่มาครับ รบกวนสอบถามหน่อยครับว่า ต้นไม้หรือดอกไม้เหล่านี้เรียกว่า ต้นอะไรบ้างครับ (มีทั้งหมด 10 ภาพ) [ต้นไม้]

ความคิดเห็นที่ 24

คุณตี๋หล่อมีเสน่ห์ นี่รู้สึกจะมีปัญหาแยะจริงๆ ของเก่ายังตอบกันไม่ทันหมดเลย มาใหม่เพียบอีกแล้ว คือต้องเข้าใจนะครับว่าการบอกชื่อต้นไม้โดยดูจากภาพเนี่ยมันไม่ใช่ของหมูๆ เพราะต้นไม้แต่ละต้นมันก็ มีต้น มีกิ่งก้าน มีใบ มีดอก มีผล เหมือนๆ กันแทบทั้งนั้น มันจะต่างกันก็อยู่ที่รายละเอียดปลืกย่อย ทีนี้คนถ่ายก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้จุดแตกต่างของไม้แต่ละต้นน่ะมันอยู่ตรงไหน ก็ถ่ายมาโดยรวมๆ บางทีถ่ายแต่ต้น บางทีถ่ายแต่ใบ บางทีถ่ายแต่ยอด บางทีถ่ายแต่ผล บางทีถ่ายต้นอ่อน บางทีถ่ายมาไกลๆ เบลอๆ ซ้ำร้ายบางคนอยากจะให้ภาพสวยเล่นสีแสงเงาเข้าไปอีกแต่ถ่ายให้เห็นใบไม้มาแค่ครึ่งใบอย่างเนี้ย ถึงตาเชยตอบได้ก็ไม่อยากตอบเหมือนกันนะครับ ที่บ่นมาทั้งหมดเนี่ยตาเชยไม่ได้ว่าคุณตี๋หล่อมีเสน่ห์นะครับ แต่พยายามจะชี้แจงให้เห็นถึงความลำบากใจของคนตอบ เผื่อว่าคราวต่อๆ ไปเวลาที่ใครจะถ่ายภาพมาถามจะได้พยายามถ่ายให้มันชัดๆ เข้าไว้ ยิ่งให้รายละเอียดในส่วนอื่นๆ ที่ไม่ได้ถ่ายมาด้วยก็จะยิ่งดีมากๆ เลยนะครับ

ต้นที่ 1 ชัวเลยว่า "พลับพลึง" โดยปกติถ้าเราเอ่ยคำว่าพลับพลึงเฉยๆ ก็ให้เข้าใจว่าหมายถึงพลับพลึงดอกขาวต้นนี้แหละครับ แต่ถ้าเป็นพลับพลึงต้นอื่นๆ จะต้องมีคำต่อท้ายอยู่ด้วยเสมอนะครับ เช่น พลับพลึงแดง พลับพลึงแคระ พลับพลึงตีนเป็ด พลับพลึงลิลลี่ อย่างนี้เป็นต้น

ต้นที่ 2 นี่แหละครับคือปัญหาอย่างที่ตาเชยบ่นไว้ข้างบน เพราะถ้าดูจากลักษณะลำต้นและฟอร์มใบแล้วมันเหมือนทั้งไม้ตระกูลจันทน์ผา(3-4 ชนิด) และเหมือนเตยทะเลอีกด้วย แต่ถ้าคนถ่ายเค้าถ่ายใบมาให้เห็นชัดๆ ซักครึ่งใบเท่านั้นก็จะบอกได้ทันทีเลยว่าเป็นต้นไหนแน่ เพราะไม้พวกจันทน์ผาขอบใบมันเรียบ แต่เตยทะเลขอบใบเค้าจะมีหนามยาวและถื่ตลอดทั้งสองด้าน
- แต่เผอิญไม้ต้นนี้ถ่ายมาจากชายทะเล ก็เลยพอจะฟันธงได้ว่ามันคือ "เตยทะเล" ค่อนข้างแน่ เพราะพวกจันทน์ผาส่วนมากเค้าจะขึ้นอยู่ตามหน้าผา หรือยอดเขา โดยเฉพาะถ้าเป็นเขาหินปูนนี่เค้าจะชอบมาก
- เหตุที่เรียกเตยทะเลก็เพราะต้นใบเค้าจะเหมือนต้นเตยเกือบทุกอย่าง ผิดแค่ขอบใบมีหนามแหลมคมและชอบขึ้นอยู่แถวชายทะเลนั่นเอง เตยทะเลมีต้นตัวผู้ตัวเมียแยกเพศชัดเจนครับ ต้นตัวเมียดูง่ายจะเห็นติดผลเป็นพวงๆ ลูกกลมๆ เกือบตลอดทั้งปี แต่ต้นตัวผู้ดูยากครับเพราะเค้าเหมือนต้นตัวเมียทุกอย่าง ไอ้จะไปเหมาเอาว่าต้นที่ไม่มีลูกหรือก็ไม่ได้เผื่อเป็นตัวเมียช่วงที่มันไม่มีลูกล่ะ
- แล้วทำไมถึงต้องไปหาต้นตัวผู้ล่ะ ก็เพราะว่าต้นตัวเมียดอกเค้าไม่หอม แต่ต้นตัวผู้ดอกจะหอมแรงมาก ซึ่งคนแต่ก่อนจะหาต้นมาปลูกไว้ตามบ้านและเรียกเค้าว่า "ดอกลำเจียก" หรือที่คนใต้เรียก "ดอกปาหนัน" นั่นเอง

ต้นที่ 3 "หูกวาง" ร้อยเปอร์เซ็นต์

ต้นที่ 4 ตาเชยมองว่าเป็นต้นหญ้าธรรมดาๆ นี่เอง(ข้อนี้ปัญหาคือการถ่ายภาพมาไกลมากน่ะครับ)

ต้นที่ 5 ต้นนี้ปัญหาชัดๆ เลยก็คือถ่ายมาไกลอีกเช่นกัน ถ้าถ่ายใบมาชัดๆ ก็อาจระบุได้เลยว่าต้นอะไร แต่เมื่อถ่ายมาในลักษณะนี้ก็ต้องเดาเอาจากฟอร์มต้นและใบแหละครับ ซึ่งมันก็คล้ายทั้งมะม่วงหิมพานต์ จิกทะเล รักทะเล กะทิงหรือสารภีทะเล และไม้ชายเลนอีกหลายๆ ต้น ที่เราอาจไม่คุ้นชื่ออ่ะครับ
- อันนี้ก็คงต้องอาศัยเดาเอาจากเหตุผลประกอบสิ่งแวดล้อมดังนี้ มะม่วงหิมพานต์คงจะตัดออกไปได้เลยเพราะใบของมะม่วงหิมพานต์จะมีลักษณะปลายใบกว้างป้านและใบไม่ยาวอย่างในภาพนี้ อีกอย่างสังเกตหรือเปล่าว่าทั้ง 2 ต้นที่ถ่ายมานี่เป็นไม้ปลูกและเพิ่งปลูกไม่นานนักด้วย คงไม่มีใครคิดเอามะม่วงหิมพานต์มาปลูกเสริมป่าชายเลนชายหาดแบบนี้หรอกนะครับ จิกทะเลก็น่าจะตัดออกไปได้เพราะจิกทะเลใบจะกว้างใหญ่และเป็นช่อแน่นไม่เว้นช่วงใบห่างแบบนี้ ส่วนกะทิงนั้นใบเค้าจะสีเขียวเข้ม ใบหนาแข็งไม่ห่อๆ แบบนี้ และใบก็ไม่ยาวขนาดนี้
- ฉะนั้น ต้นที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดของข้อนี้ก็คือ รักทะเล ครับ

ต้นที่ 6 ข้อนี้ตอบง่ายครับ "เอื้องหมายนาอินโดฯ" ที่เรียกเอื้องหมายนาอินโดฯ ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นไม้ของประเทศอินโดนีเซียหรอกนะครับ เพียงแต่คนไทยเราจะเรียกชื่อประเทศที่นำเอาไม้เข้ามาเป็นหลักอ่ะครับ แต่ถ้าเอ่ยคำว่า เอื้องหมายนา เฉยๆ ก็ให้เข้าใจว่าหมายถึงต้นดอกขาวซึ่งเป็นไม้พื้นเมืองของเราเอง (วันนั้นมีคนเรียกเอื้องหมายนาดอกขาวว่าเอื้องหมายนาป่า ตาเชยก็ท้วงไปว่าเรียกเอื้องหมายนาเฉยๆ ก็ได้ เพราะเมืองไทยมันก็มีอยู่ชนิดเดียวนี่แหละ ยังมีคนเถียงอีกแน่ะว่าเรียกเอื้องหมายนาป่าน่ะถูกแล้ว เพราะเคยเห็นมันขึ้นอยู่แต่ในป่า ส่วนต้นดอกแดงต่างหากที่พบเห็นเค้าปลูกกันอยู่ทั่วไป ตาเชยเลยขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงแต่ก็นึกอยู่ในใจว่า.. แล้วคุณมรึงไม่รู้หรือไงฟะว่าไอ้ต้นดอกแดงน่ะมันไม้มาจากเมืองนอก)

ต้นที่ 7 ตอบอย่างมั่นใจว่า "กล้วยพัด" เพราะไม่มีไม้ชนิดอื่นๆ ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเค้าเลย เหตุที่ชื่อกล้วยเพราะใบเค้าเหมือนใบกล้วย แต่จริงๆ แล้วเค้าเป็นไม้ในสกุลปาล์ม คือเป็นต้นปาล์มชนิดหนึ่งอ่ะครับ

ต้นที่ 8 ธรรมดาไม้ที่มีรากอากาศ หรือรากย้อยแบบนี้ ก็มีแต่พวก โพธิ์ ไทร ไกร กร่าง แหละครับ แต่ถ้าดูจากลักษณะและสีของลำต้น ตาเชยว่ามันเหมือนต้นโพธิ์ที่สุดนะ ข้อนี้ปัญหาจึงอยู่ที่คนถ่ายไม่ยอมถ่ายใบให้เห็นชัดๆ เพราะถ้าได้เห็นใบชัดๆ เพียงแค่ใบเดียวก็สามารถระบุได้เลยว่าคือต้นไหนแน่

ต้นที่ 9 ต้นนี้เป็น "สนฉัตร" 99 เปอร์เซ็นต์ครับ อีก 1 เปอร์เซ็นต์ ตาเชยเหลือไว้ให้สนฉัตรมหามงคล เพราะไม้ทั้ง 2 ชนิดนี้เหมือนกันยังกะแกะ ต้องดูที่ใบใกล้ๆ เท่านั้นจึงจะแยกออก แต่ที่ให้สนฉัตรมหามงคลแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ก็เพราะเค้าเป็นไม้ที่หาได้ยากนักหนา โอกาสที่น่าจะใช่จึงน้อยมากๆ ครับ

ต้นที่ 10 "แดงสิงคโปร์" หรือบานไม่รู้โรยฝรั่งครับ ชื่อแดงสิงคโปร์แต่ไม่ใช่ไม้ของสิงคโปร์เพียงแต่คนไทยนำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์เท่านั้น ส่วนชื่อบานไม่รู้โรยฝรั่งนั้นเอามาใส่ไว้เพียงเพื่อให้ทราบว่าเป็นไม้ต้นเดียวกันเท่านั้นแต่ไม่แนะนำให้ใช้ชื่อนี้ เพราะชื่อบานไม่รู้โรยฝรั่งนั้นในปัจจุบันเราใช้เรียกชื่อไม้ถึง 3 ชนิด คือต้นแดงสิงคโปร์นี้ ต้นดอกกระดาษที่บานแล้วหุบได้แล้วบานอีกไม่ยอมโรยซึ่งปลูกกันอยู่ทางภาคเหนือแยะๆ อ่ะครับ กับอีกต้นหนึ่งที่เหมือนบานไม่รู้โรยทุกอย่างแต่ดอกเป็นสีส้ม ซึ่งคุณหมอพรคนสวย(ต้มยำทะเล) เคยเอาเมล็ดมาแจกในห้องนี้นั่นแหละครับ
- ฉะนั้นพอเรียกชื่อบานไม่รู้โรยฝรั่งนี่ คนฟังก็ต้องมานั่งซักไซร้ไต่ถามกันให้วุ่นวายอีก ว่ามันหมายถึงต้นไหนกันแน่ แล้วเราจะไปใช้ให้มันยุ่งยากลำบากทำไมล่ะ ก็เรียกแดงสิงคโปร์ เรียกดอกกระดาษ เสียก็สิ้นเรื่อง พอคนฟังปุ๊บก็นึกรู้ปั๊บว่ามันคือต้นไหนไม่ต้องมาย้อนถามกันให้เสียเวลาไปเปล่าๆ ปี้ๆ จริงป่าว?

จากคุณ : ตาเชย

เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 54 20:37:29