ความคิดเห็นที่ 1 ขั้นตอนแรก ทางคุณต้องขอรายละเอียดการนำสัตว์เลี้ยงเข้าประเทศนั้น ๆ ก่อนนะคะ ว่าเขามีกฎระเบียบอะไรบ้าง บางประเทศต้องไปอยู่ด่านกักโรคก่อน 15-30 วัน และมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะ ทางที่ดีติดต่อสถานทูตของประเทศที่จะไปก่อนดีกว่าคะ เมื่อ 2 ปีที่แล้วมีความคิดจะไปอยู่กับญาติที่อเมริกา แต่อยากเอาน้องหมาไปด้วย แต่ญาติสั่งห้ามกฎระเบียบเขาเยอะ แล้วบางทีก้อตายระหว่างเดินทางอันนี้เป็นข่าวมาแล้ว ไม่แน่ใจว่าเขาลืมเช็คอากาศ หรือเปล่าจำไม่ได้แล้วนะคะ ต้องไปหาอ่านก่อนคะ แต่แนะนำให้ติดต่อกับทางสถานทูตก่อนคะ จากคุณ : Shitsu-pig (Shitsu-pig) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 10:59:59

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นเรา ไม่ว่าจะยากแค่ไหน ก็จะพาเค้าไปด้วยค่ะ ^^ จขกท. สู้ๆ นะคะ จากคุณ : ชะมะเฟือง เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:02:44

ความคิดเห็นที่ 3 พี่ชายไปทำงานที่เมกา 3 ปี ก็เอาไปด้วยค่ะ ตอนนี้ก็เอากลับมาแล้วไม่มีปัญหาอะไร ลองปรึกษาทางสายการบินเรื่องการขนส่ง และสัตวแพทย์เพื่อความพร้อมของน้องหมาดูนะคะ   ^^ จากคุณ : แม่บุญธรรมนาย Pepsi เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:07:02

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการเดินทางก็ไม่น่ามีปัญหาค่ะ ยังไงหมาอยู่กับเจ้านาย ก็ย่อมดีกว่าอยู่กับคนอื่น และถ้าเป็นเราก็คงคิดถึงเค้ามากๆ จากคุณ : ส้มกลมๆ เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:17:28

ความคิดเห็นที่ 5 คุณ Shitsu-pig จะไปประเทศฮังการีค่ะ เคยเช็คข้อมูลในเน็ตทราบว่าประเทศในกลุ่ม EU ถ้าทำตามข้อกำหนดทุกอย่างเช่น ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้า ฝังไมโครชิพ ก็ไม่ต้องกักกันเลย เป็นห่วงอย่างเดียวเรื่องตายระหว่างทางนี่แหละค่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงใจสลาย คุณชะมะเฟือง ดิฉันอยากพาเขาไปด้วยมากค่ะ ขนาดอยู่เมืองไทย ไม่อยู่บ้านแค่ 3 วันเขาก็นั่งเฝ้ารอที่ประตูรั้วแล้ว คุณแม่บุญธรรมนาย Pepsi ไม่ทราบพี่ชายไปสายการบินอะไรคะ จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:17:44

ความคิดเห็นที่ 6 ท่าทาง เรื่องจะเยอะแหละ  แต่ ถ้า อยากเอาไปจริง ก็ต้องมีทางจนได้เนอะ หน้าตาแบบนี้ จะ โก อินเตอร์ไหวมั๊ย เนี่ย ถ้าไปเมืองหนาวขนมันจะยาวขึ้นปล่าาวอ่ะ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:18:34

ความคิดเห็นที่ 7 คุณส้มกลมๆ ใช่ค่ะ เราคงคิดถึงเขามากจนไม่เป็นอันทำงานทำการกันล่ะ คุณก้นกบ คิดอยู่เหมือนกันค่ะ ขนสั้นๆ อย่างนี้จะอยู่ในอุณหภูมิลบยี่สิบได้หรือเปล่า แต่หน้าหนาวที่เชียงใหม่ขนเขาจะฟูขึ้นนิดหน่อยค่ะ ถ้าเอาไป คงไปหาบ้านเช่าอยู่ก่อน แล้วค่อยพาเขาไปตอนอากาศอุ่นขึ้นแล้วค่ะ จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:22:08

ความคิดเห็นที่ 8 ไปค้นในคลังกท.เก่ามา เผื่อเป็นประโยชน์ค่ะhttp://topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2011/01/J10189848/J10189848.html จากคุณ : MY PIDPEE เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:30:19

ความคิดเห็นที่ 9 หมาไทยเราว่าค่อนข้างอึดนะ แต่ก็คงต้องแจ้งเตือนเจ้าพนักงานด้วย เราเคยอ่านในหนังสือ เค้าเอาหมาพันธุ์เฟร้นท์บลูด็อกโหลดใต้เครื่องมา แต่ทางสายการบินลืมปรับอากาศ น้องหมาเลยตาย เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : MY PIDPEE เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:32:34

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณคุณ MY PIDPEE สำหรับข้อมูลที่มีประโยชน์ค่ะ ฟังอย่างนี้แล้วเสี่ยงจังเลยนะคะ แสดงว่าถ้าเราไม่เตือนเขาก็จะไม่ปรับให้แน่เลย และถ้าสุนัขไปคนละเที่ยวบินกับเรา ใครจะเตือนให้ล่ะ จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:45:36

ความคิดเห็นที่ 11 การนำสุนัข และ แมว ไปต่างประเทศ การนำสุนัขไปต่างประเทศ ขึ้นอยู่กับ ประเทศปลายทางเป็นสำคัญ จึงให้ผู้เลี้ยงสัตว์ ติดต่อสถานทูตของประเทศนั้นๆ ก่อนการเดินทาง และ สำคัญ คือ ต้องผ่านกระบวนการตรวจทางภาคพื้น ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดย มีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้ 1. ประเทศญี่ปุ่น หรือ กลุ่ม EU และ สหรัฐอเมริกา ต้องตรวจ ระดับภูมิคุ้มกันของโรคพิษสุนัขบ้า ก่อนเดินทางทุกครั้ง 2. Rabies titer โดยต้องส่งตรวจเฉพาะ lab ในต่างประเทศเท่านั้น (ไม่ยอมรับ Lab ในประเทศไทย ดังนั้น เมืองไทย ไม่สามารถออกใบรับรอง rabies titers ได้) และ บางประเทศต้องส่งตรวจล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนการเดินทาง 3. ต้องมีใบรับรองสุขภาพสัตว์ ประวัติวัคซีน ประวัตการป้องกันเห็บหมัด โดยเฉพาะกลุ่ม EU และ ประเทศ America 4. เอกสารไมโครชิพ และ ประวัติการฝังไมโครชิพ 5. ส่วนการนำ แมวเข้า มาที่ประเทศไทย เมื่อเอกสารพร้อม ให้ยื่นที่ด่านสุวรรณภูมิ โดย ด่านฯ จะให้กักแมว เอาไว้ที่บ้าน 3 เดือน (ไม่ได้กักที่ด่านสนามบิน เป็นการอนุโลมให้เจ้าของสัตว์ดูแลสัตว์เลี้ยงเอง ) ขั้นตอนการส่งสุนัขและแมวออกนอกราชอาณาจักร 1. มีหนังสืออนุญาตให้นำเข้าสัตว์จากประเทศปลายทาง ( Import permit) พร้อมเงื่อนไขการนำเข้า ( Requirement) ซึ่งต้องมีรายละเอียด ดังนี้ ...... - ชนิดของสัตว์ เพศ พันธุ์ อายุของสัตว์ที่อนุญาตให้นำเข้า ...... - ชนิดของวัคซีนและระยะเวลาการฉีดวัคซีน ...... - การตรวจรับรองเพิ่มเติม เช่น ระดับภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้า ต้องไม่ต่ำกว่า 0.5 IU/ml. ผลการตรวจโรคไข้หวัดนก เป็นต้น (แล้วแต่ประเทศปลายทางกำหนด) ...... - สัญลักษณ์ประจำตัวสัตว์ เช่น รอยสัก , ไมโครชิพ ...... - ข้อห้ามอื่น ๆ ห้ามตัดหู , ตัดหาง 2. ผู้มีความประสงค์ส่งออกสัตว์ .....- จะต้องติดต่อขออนุญาต ณ ด่านกักกันสัตว์ที่ประสงค์จะส่งออกล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน เช่น ท่าอากาศยานกรุงเทพ เชียงใหม่ , ภูเก็ต ฯลฯ โดยกรอก คำร้องแบบ ร.1/1 .....พร้อมยื่นเอกสารประกอบ ......- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน , สำเนาทะเบียนบ้าน , หรือสำเนา หนังสือเดินทาง ....... - สำเนาหนังสือจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีบริษัท , ห้างหุ้นส่วน) ....... - หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรผู้มอบและผู้รับมอบ ....... - สมุดรับรองกรณีการฉีดวัคซีนพร้อมสำเนา 3. ผู้ส่งออกจะควรนำสัตว์เลี้ยงมาตรวจสุขภาพสัตว์ก่อนการส่งออก ประมาณ 2-3 วัน ....เนื่องจากบางครั้งอาจต้องรอคิวนานอาจทำให้ขึ้นเครื่องบินไม่ทัน 4. เมื่อเอกสารประกอบคำร้องถูกต้อง ครบถ้วน และสัตว์มีสุขภาพดี ....ด่านกักกันสัตว์จะออก ใบอนุญาตส่งออกสัตว์ไปต่างประเทศ (แบบ ร.9) และหนังสือรับรองสุขภาพสัตว์ (Health Certificate) เพื่อนำไปแสดงต่อศุลกากร เจ้าหน้าที่สายการบิน และสัตวแพทย์ประเทศปลายทาง .... ค่าธรรมเนียมการส่งออก ...... - สุนัข ตัวละ 50 บาท ........ - แมว ตัวละ 50 บาท จากคุณ : Shitsu-pig (Shitsu-pig) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:46:26

ความคิดเห็นที่ 12 ประเทศอะไรคะเดี๋ยวบอกรายละเอียดให้ถ้ายุโรปจะเหมือนกัน พอดีจิ๊บพึ่งทำเรื่องบอมบอมเสร็จ ปีหน้าจะพาไปอังกฤษค่ะ ยังไงก็ต้องพาไปนะ จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:47:50

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ Shitsu-pig ข้อมูลมีประโยชน์มากเลยค่ะ และก็เหมือนจะยุ่งยากตั้งแต่ต้นทางแลัว ขอบคุณนะคะ คุณ Ms.MoJiTo~* จะไปฮังการีค่ะ EU เหมือนกัน คุณจิ๊บดำเนินเรื่องยังไงบ้างคะ เปียกปูนหนมเหนียวกะว่าจะพาไปสักมีนาเมษาปีหน้าเหมือนกันค่ะ จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:53:24

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ Tiwanon48 พี่ชายบิน TG อ่ะค่ะ จากคุณ : แม่บุญธรรมนาย Pepsi เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 11:55:20

ความคิดเห็นที่ 16 คุณแม่บุญธรรมนาย Pepsi ดีจังเลยค่ะ เพราะดิฉันก็จะบิน TG ค่ะ แล้วพี่ชายต้องคอยเตือนพนักงานบนเครื่องบินหรือเปล่าคะว่ามีสุนัขใต้ท้องเครื่องบิน จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 12:02:06

ความคิดเห็นที่ 17 ยากยังไงก็ต้องพาไปค่ะ   ตั้ง  4  ปี   เอาไปด้วยแล้วคุ้มมาก  จะหายเหนื่อยเลยล่ะถ้าเอาไปสำเร็จ คนอื่นเค้ายังทำได้เลยค่ะ   เราก็ต้องทำได้  อีกอย่าง  ท่าทางน้องไม่ใช่สุนัขบอบบาง   ดูแล้วไม่น่าเป็นห่วงน่ะ ก่อนไปต้องฝึกให้เค้าออกกำลัง    หัดให้อดอาหารบ้าง  จะได้ปรับตัวได้ ถ้าไม่เอาไป  4   ปีของน้องหมาคงเท่ากับ  20  ปีของคนละมัง น่าสงสาร    เอาไปด้วยนะ  Please...... จากคุณ : beauty aoy เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 12:15:00

ความคิดเห็นที่ 18 น้องๆฉีดวัคซีนเรียบร้อยรึยังคะ ก่อนอื่นเลยนะคะต้องพาน้องไปฝังชิพก่อนค่ะแล้วก็เช็คสมุดวัคซีนว่าน้องฉีดพิษสุนัขบ้าครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะคะ อาจจะต้องมีการฉีดกระตุ้นภูมิแล้วก็ต้องรออย่างน้อย๓อาทิตย์หลังจากการฉีดจึงสามารถเจาะเลือดไปตรวจเพื่อหาปริมาณภูมิพิษสุนัขบ้าของน้องๆนะคะ ตรวจเลือดนี้ต้องเช็คกับทางสถานทูตหรือปสุสัตว์ที่นู่นว่าแล็บที่ใช้จะต้องเป็นที่ที่เค้ารับรองด้วยรึปล่าวอย่างที่อังกฤษเค้าต้องรับรองซึ่งไม่มีในไทยก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่จะต้องส่งไปที่แล็บที่อังกฤษ รอผลประมาณ๒อาทิตย์ค่ะก้จะได้ใบมานอนกอดแล้ว จากนั้นก็จะแล้วแต่ประเทศว่าหลังจากเจาะเลือดต้องรอนานขนาดไหนกว่าจะพาน้องเดินทางได้นะคะอย่างที่อังกฤษต้องรอ๓เดือนหลังการเจาะเลือดจึงสามารถเดินทางได้ค่ะ จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 12:32:32

ความคิดเห็นที่ 19 อืม 4 ปีของน้องหมาเท่ากับ 20 ปีของคน นานมากเลยนะคะ ตอนนี้เค้า 3 ขวบ กลับมาเค้าก็เจ็ดขวบ 4 ปีที่ไม่ได้อยู่ดูเขาเติบโตเราคงพลาดอะไรดีๆ ไปเยอะนะคะคุณ beauty aoy คุณจิ๊บ งั้นเดี๋ยวต้องถามสัตวแพทย์ที่เชียงใหม่แล้วล่ะค่ะว่าที่เชียงใหม่ไปฝังไมโครชิพที่ไหนได้บ้าง คุณจิ๊บจะส่งน้องไปเมื่อไหร่คะและสายการบินอะไร จะเป็นห่วงตอนที่น้องอยู่ใต้ท้องเครื่องไหมคะ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 54 12:46:14 จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 12:45:49

ความคิดเห็นที่ 20 หลังจากนั้นก็ติดต่อสายการบินค่ะ คุณจขกท. จะไปการบินไทย จะติดอยุ่เรื่องเดียวคือการบินไทยจะจำกัดการขนส่งสัตว์เลี้ยงได้แค่๒ตัวในแต่ละเที่ยวบินค่ะ กับอีกอย่างคือต้องติดต่อบริษัทขนส่งเท่านั้นไม่รับบริการขนส่งแบบรายบุคคลดังนั้นก็ต้องติดต่อบริษัทนะคะ ลองถามบริษัทที่น่าเชื่อถือจากน้องๆคอลเซนเตอร์ได้ค่ะเค้าก็บอกนะคะรวมถึงเบอร์ติดต่อด้วยค่ะคือตอนนี้ไม่ได้อยู่บ้านเลยไม่มีรายชื่อที่จดไว้ค่ะ จากนั้นทางบริษัทจะดำเนินเรื่องให้เราค่ะ ราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดกรงแทนนะคะเนื่องจากขนส่งเป็นแบบคาร์โก้ ถ้าเดินทางนานแนะนำว่าหากรงที่ขนาดใหญ่กว่าน้องเค้าค่อนข้างเยอะๆก็ดีค่ะจะได้มีพื้นที่ให้เค้าเหยียดแข้งเหยียดขาสบายๆจะได้ไม่เครียดมาก มี่เหลือที่จะต้องทำคือก่อนเดินทางประมาณสี่ห้าเราต้องเอาสุนัขไปตรวจที่สุวรรณภูมินะคะจะได้ใบมาอีกใบนึงว่าน้องผ่านการตรวจสุขภาพขั้นสุดท้ายสามารถออกนอกประเทศได้แล้วค่ะ ลองทำดูนะคะถึงดูแล้วขั้นตอนจะยุ่งยากเล็กน้อยแต่ทำแล้วมันก็คุ้มนะคะ ตอนแรกจิ๊บจะเดินทางก่อน ๔เดือนแล้วกลับมานี้หนึ่งเดือนแล้วค่อยกลับไปนู่นแบบอยู่ถาวรก้ยังตัดสินใจว่าจะพาไปไปกลับๆเลยค่ะ โดยพอไปถึงรอบแรกนี่เราเอาเอกสารทุกอย่างไปติดต่อที่นู่นแล้วทำเรื่องทำเพ็ทพาสปอร์ตให้เค้าที่นี้เดินทางครั้งต่อไปก็จะไม่มีปัญหาแล้วค่ะจะมีแค่เรื่องค่าเดินทางอย่างเดียวแล้ว สำหรับจิ๊บนะกระเตงกันไปนี่หล่ะยอมค่ะดีกว่าให้เค้าเศร้าเพราะเค้าจะต้องคิดว่าเราทิ้งเค้าแน่ๆ จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 12:46:37

ความคิดเห็นที่ 21 คุณจิ๊บคะ แสดงว่าเราต้องไปทำ Pet passport ที่ประเทศปลายทางใช่ไหมคะ จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 13:02:05

ความคิดเห็นที่ 22 ตามเพื่อนๆแนะนำเลยค่ะ...เข้ามาเอาใจช่วยนะคะ ^__^ จากคุณ : นางฟ้าคนงาม เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 13:03:44

ความคิดเห็นที่ 23 ตอนแรกจะไปการบินไทยค่ะเพราะเห็นว่าเอาน้องขึ้นเคบินได้ถ้าน้ำหนักรวมกรงไม่เกิน๑๐กิโลและขนาดกรงสามารถใส่ใต้เก้าอี้ได้ค่ะซึ่งบอมๆยังสามารถเข้าเกณฑ์นี้ได้อยู่ แต่พอติดต่อแล้วที่อังกฤษต้องเข้าแบบคาร์โก้เท่านั้นด้วยเลยถามเจ้าหน้าที่ค่ะทำเรื่องไปจนถึงติดต่อบริษัทราคาก็ไม่ใช่ว่าเดินทางกับการบินไทยจะได้ส่วนลดค่ะราคาพอๆกันจริงๆให้ทางบริษัทแนะนำได้ค่ะว่าสายการบินอะไรดี บินตรงดีที่สุดค่ะ ตอนนี้ตัดสินใจว่าคงเดินทางกับevaเพราะค่าตั๋วถูกกว่ากันเยอะแล้วก็จะเอาน้องไปกับคาร์โก้เที่ยวบินเดียวกันเลยค่ะจะได้ไปถึงพร้อมกันค่ะ ตัดสินใจนานมากค่ะเพราะน้องก็ยังไม่โตมากแล้วอังกฤษเดินทางก็๑๒ ชม. แล้วน่ะค่ะ แล้วต้องพาไปไว้ที่คาร์โก้สองสามชม. ก่อนเดินทาง แล้วไปถึงก็รอจิ๊บเข้าเอากระเป๋า น้องไปตรวจโรคและทำเอกสารกว่าจิ๊บจะได้ไปรับก็อีกอย่างน้อยสองชม. รวมแล้วคือ ๑๔ถึง๑๕ ชม. เลยค่ะ เครียดเหมือนกันค่ะ ยอมรับว่าเครียดมากเพราะรักเค้ามากขนาดว่าคิดจะไม่ไปเลยด้วยค่ะร้องไห้ไปหลายวันถ้าที่บ้านไม่ยอมให้เค้าเอาไปแต่สุดท้ายก็คิดว่าต้องยอมแลกและน้องเค้าก้ค่อนข้างโตแล้วตอนที่จะเดินทางคงต้องยอมที่จะเรียนรู้กับการเดินทางเพราะถ้าเค้าพ้นจากฝั่งนู้นจิ๊บไปรับเค้าแล้วก็แปลว่าเค้าจะได้อยู่กับเราตลอดไปค่ะ สู้ๆค่ะลองดูนะคะ จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 13:05:35

ความคิดเห็นที่ 24 เตรียมเอกสารทุกอย่างไปค่ะรวมทั้งสมุดวัคซีนด้วยนะคะ แล้วก็ติดต่อเค้าว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างค่ะ ของที่นู่นทำไว้เผื่อเดินทางในยุโรปหรือพาเข้าประเทศเค้าอีกจะได้ไม่ต้องทำเรื่องอีกค่ะแต่อันนี้คงต้องสอบถามรายละเอียดจากปสุสัตว์ของที่นู่นเองค่ะ :) จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 13:10:32

ความคิดเห็นที่ 25 น้องน่ารักมากนะคะ เห็นแววตาก็พอรู้ได้ว่าคุณจิ๊บไม่ทิ้งแน่ เหมือนกันเลยค่ะ ไปต่างประเทศคราวนี้ เราคิดนานเหมือนกัน ว่าจะไม่ไปแล้ว แต่ครอบครัวบอกว่ายังไงก็ควรจะไปเพราะเป็นอนาคตของเราเอง ถ้ามีคุณจิ๊บนำทางแล้วและบอกวิธีแล้ว ทำให้มั่นใจขึ้นเยอะค่ะ คุณนางฟ้าคนงามให้อีกเสียงแล้วว่าต้องพาน้องไปนะคะ จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 13:15:17

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่เป็นไรค่ะยินดีช่วยเหลือมากๆเลยค่ะ จิ๊บก็หัวอกเดียวกันน่ะค่ะ อยากให้พาไปด้วยจริงๆ ะยายามแนะนำเท่าที่ช่วยได้อ่ะค่ะ เดี๋ยวเย็นนี้กลับบ้านไปจะแวะมาบอกบริษัทขนส่งนะคะ จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 13:33:58

ความคิดเห็นที่ 27 อีกอย่างนึงค่ะ อยากให้ลองเช็คทางปศุสัตว์ของที่นู่นด้วยเผื่อว่ามีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเปลี่ยนแปลงรึปล่าวน่ะค่ะ กันเหนียวอีกรอบนึงนะคะ ^^" จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 13:38:02

ความคิดเห็นที่ 28 การนำนก/สัตว์เลี้ยง เดินทางกับสายการบินไทย การบินไทยอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว และนกขนาดเล็กเท่านั้น ที่จะสามารถนำขึ้นเครื่องในส่วนของผู้โดยสาร (Passenger cabin) ได้ โดยที่สัตว์เลี้ยงเหล่านี้จะต้องขึ้นเครื่องไปพร้อมกับผู้โดยสาร - สัตว์เลี้ยงที่จะนำขึ้นเครื่องบินจะต้องปราศจากกลิ่น ต้องมีสุขภาพสมบูรณ์และต้องไม่อยู่ในระหว่างมีครรภ์ - น้ำหนักตัวสัตว์เลี้ยงรวมกับน้ำหนักกรงเดินทาง (container/carrier) ต้องไม่เกิน 10 กิโลกรัม - กรงเดินทาง (container/carrier) ต้องอยู่ในสภาพดีไม่มีรอยรั่วแตก - ขนาดกรงเดินทาง (container/carrier) ไม่ควรเกิน 55x37x30 เซ็นติเมตร หรือ 22x15x12 นิ้ว - กระเป๋าใส่สัตว์เลี้ยง (Pet Bag) สามารถใช้แทนกรงเดินทาง (container/carrier) ได้ แต่ทั้งนี้กระเป๋าจะต้องได้มาตรฐานเดียวกับ กรงเดินทาง (container/carrier) และจะต้องมีความเหมาะสมพอที่จะไม่ปล่อยให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวสัตว์เลี้ยง โผล่ยื่นออกมานอกกระเป๋าได้ - ผู้โดยสารแต่ละคนสามารถนำกรงเดินทาง (container/carrier) ขึ้นเครื่องได้เพียงหนึ่งกรงและ ในกรงเดินทาง (container/carrier) นั้นจะอนุญาตให้มีสัตว์เลี้ยงได้ไม่เกิน 1 ตัว นกขนาดเล็กได้ไม่เกิน 2 ตัว - ในแต่ละเที่ยวบินการบินไทยจะอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องได้เที่ยวละ 2 ตัวเท่านั้น ทั้งนี้นับรวม สุนัขสำหรับคนพิการ (escort dog) ด้วย - สำหรับเครื่องขนาดเล็กเช่น B737 และ ATR การบินไทยอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงขึ้นเครื่องได้เพียงเที่ยวละ 1 ตัวเท่านั้น ทั้งนี้รวมถึงสุนัขสำหรับคนพิการ (escort dog) - เนื่องจากกฏข้อบังคับของแต่ละประเทศเกี่ยวกับการนำสัตว์เดินทางเข้าประเทศ นั้นๆ การบินไทยจะต้องทำการตรวจ เช็คกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย - ผู้โดยสารที่เดินทางร่วมกับสัตว์เลี้ยงจะต้องถูกกำหนดให้นั่งในเก้าอี้ด้านติดหน้าต่าง ห้ามนั่ง ในส่วนที่เป็นทางออกฉุกเฉิน (emergency exit rows) - อัตราค่าโดยสารของสัตว์เลี้ยงที่นำเดินทางในกรงเดินทาง (container/carrier) จะคิดราคาเป็น 2 เท่า ของอัตรากระเป๋าโดยสารส่วนเกิน - การนำสัตว์เลี้ยงเดินทางผู้โดยสารจะต้องนำสัตว์เลี้ยงไปตรวจเช็คกระเป๋าในที่ต่างหากจากผู้โดยสารทั่วไป รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวการการส่งสัตว์เลี้ยงทางอากาศลักษณะคาร์โก้ รวมทั้งอัตราค่าขนส่ง สอบถามได้ที่แผนกรับสินค้าขาออก โทร. 0-2535-3152-5 และสำหรับการนำสัตว์เลี้ยงร่วมเดินทาง สามารถติดต่อได้ที่กองสำรองที่นั่งผู้โดยสาร โทร.1566 หรือ 0-2628-2000 +++ ค่ำๆจะมาให้รายละเอียดเพิ่มเติมนะคะ ขอออกไปทำธุระก่อนคะ ++++ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 14:47:51

ความคิดเห็นที่ 29 เขาน่ารัก เอาเขาไปด้วยเถอะ อยู่นี้มีคนดูแลได้ดีเท่าเรารึเปล่า ผลเป็นไงวันหลังมาแจ้งด้วยนะ จากคุณ : A.หัวใจเย็นเยือก เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 14:53:15

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณข้อมูลเหล่านี้นะคะ จะไปลดน้ำหนักลูกชายที่บ้านก่อนให้รวมกรง หรือ กระเป๋าไม่เกิน 10 โล เผื่อจะกระเตงกันไปได้ ไม่ต้องแยกจากกัน จะเข้ามาดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อย ๆ นะคะ เพื่อมีอะไรใหม่ ๆ มาอัพเดทกัน จากคุณ : Shitsu-pig (Shitsu-pig) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 14:53:46

ความคิดเห็นที่ 31 โชคดีของน้องหมาที่มีจข.น่ารักๆและรักเค้ามากแบบนี้ จากคุณ : MY PIDPEE เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 16:01:27

ความคิดเห็นที่ 32 ขอเอาใจช่วยให้ได้ไปด้วยกันนะค่ะ จากคุณ : ส้มกลมๆ เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 16:17:09

ความคิดเห็นที่ 33 ขอโทษค่ะ ตอนบ่ายหายไปธุระข้างนอกไม่ได้เข้ามา ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เข้ามาให้ข้อมูลพร้อมทั้งเชียร์ให้เอาเขาไปด้วยค่ะ ถ้าทิ้งเขาไว้ที่นี่ จะมีญาติที่อยู่กรุงเทพฯ ขึ้นมาอยู่กับเขาบ้างแต่ก็ไม่ตลอด ต้องฝากไว้กับพี่เลี้ยง ซึ่งเขาก็อาจจอยู่ได้ ห่วงตรงที่เขาคงคิดถึงเรา และอยู่กับคนอื่นก็ไม่เหมือนอยู่กับเรานะคะ ตอนนี้เหมือนเป็นแม่ลูกกันแล้วล่ะ ดังนั้นสิ่งที่ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมคือ 1. ปศุสัตว์ฮังการี/สถานทูตฮังการี 2. สัตวแพทย์ไทยที่รับฝังไมโครชิพและให้วัคซีน 3. สายการบิน 4. บริษัทขนส่ง (รอชื่อบริษัทจากคุณจิ๊บนะคะ) เรื่องต่างๆ ไม่ห่วง ที่ห่วงเรื่องเดียวคือความปลอดภัยในการเดินทาง ถ้ามั่นใจว่าไม่มีอะไรต้องห่วง จะเอาเขาไปแน่ค่ะ เปียกปูนค่ะ ไม่ค่อยมั่นใจตัวเอง ขี้กลัว ต้องมีหนมเหนียวอยู่ด้วยถึงจะกล้า กลัวเขาจะช็อคตายบนเครื่อง จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 19:53:33

ความคิดเห็นที่ 34 เช็คหลังไมค์ด้วยนะคะ ปล. มีน้องหมาที่บ้านต่างจังหวัดหน้าตาเหมือนเปียกปูนมากๆเลยค่ะ เค้าจะรักคุณยายมากไปไหนไปด้วยตลอดไปสวนไปไร่ก็ตามแม้กระทั่งช่วงน้ำท่วมคุณยายพายเรือแบล็กกี้ยังว่ายน้ำตามเลยค่ะ จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 00:37:10

ความคิดเห็นที่ 35 หัวข้อ -บทนำ -การเคลื่อนย้ายภายใน EU โดยไม่เกี่ยวข้องกับการค้า -การเคลื่อนย้ายจากประเทศโลกที่สามโดยไม่เกี่ยวข้องกับการค้า -การเคลื่อยย้ายภายใน EU เพื่อการค้า -การเคลื่อนย้ายจากประเทศโลกที่สามเพื่อการค้า -รายชื่อประเทศโลกที่สาม -จุดเข้าสำหรับนักท่องเที่ยว -ห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง -รายงานสัตว์เลี้ยง -คำถามและคำตอบ -วิดีโอ การเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยง (สุนัข, แมว และพังพอน) - จากประเทศโลกที่สามโดยไม่เกี่ยวข้องกับการค้า เงื่อนไข ข้อบังคับ 998/2003 ให้อำนาจกฎซึ่งใช้กับแมว, สุนัข และพังพอนที่เข้ามายัง EU จากประเทศโลกที่สาม ในการป้องกันความเสี่ยงของโรคกลัวน้ำ สัตว์เลี้ยงที่นำเข้ามายังเขตชุมชนจากประเทศโลกที่สามนอกเหนือจาก Andorra, ไอซ์แลนด์, Liechtenstein, โมนาโค, นอร์เวย์, ซาน มาริโน, สวิสเซอร์แลนด์, และวาติกัน จะต้องมีการเก็บบันทึกเอกสารและตรวจสอบตัวตนโดยผู้มีอำนาจที่จุดเข้าสำหรับนักท่องเที่ยว ข้อควรคำนึง: เมื่อมีสัตว์มากกว่า 5 ตัว ข้อกำหนดและการควบคุมสามารถใช้ได้กับการเคลื่อนย้ายเพื่อการค้า (ดูหน้าที่เกี่ยวข้องในหัวข้อ) กฎที่ใช้กับการเคลื่อนย้ายระหว่างรัฐสมาชิกยังใช้ได้กับประเทศยุโรปบางประเทศ (ไม่ใช่ EU) - Andorra -ไอซ์แลนด์ -Liechtenstein -โมนาโค -นอร์เวย์ -ซาน มาริโน -สวิสเซอร์แลนด์ -วาติกัน ประเทศโลกที่สามนอกเหนือจาก Andorra, ไอซ์แลนด์, Liechtenstein, โมนาโค, นอร์เวย์, ซาน มาริโน, สวิสเซอร์แลนด์, และวาติกัน จะจัดอยู่ในสองประเภทนี้: (1)ประเทศโลกที่สามซึ่งมีสถานการณ์ที่ดีเกี่ยวกับโรคกลัวน้ำ ประเทศซึ่งมีสถานการณ์ที่ดีเกี่ยวกับโรคกลัวน้ำได้เขียนรายชื่อไว้ใน หมวด C ภาคผนวก2 ของข้อบังคับ (EC) No.998/2003 การเข้าไปยังรัฐสมาชิกนอกเหนือจาก ฟินแลนด์, มอลตา, ไอร์แลนด์, สวีเดน, และสหราชอาณาจักร: การฉีดวัคซีนที่ถูกต้องเป็นข้อกำหนดเพียงอย่างเดียวในเรื่องโรคกลัวน้ำ รัฐสมาชิกอาจอนุญาตให้นำเข้าสัตว์อายุน้อยกว่า 3 เดือนภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง (ระบุโดยผู้มีอำนาจของประเทศ) การเข้าไปยังประเทศฟินแลนด์, ไอร์แลนด์, มอลตา, สวีเดน และสหราชอาณาจักร จนกระทั่ง 30 มิถุนายน 2010 กฎหมายแห่งชาติบังคับใช้กับการนำแมวและสุนัขเข้ามายังฟินแลนด์, ไอร์แลนด์, มอลตา, สวีเดน หรือสหราชอาณาจักร นอกจากการฉีดวัคซีนแล้ว จำเป็นต้องทำการวัดความเข้มข้นของแอนติบอดี (การทดสอบเพื่อวัดประสิทธิภาพของวัคซีน) โดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองก่อนเดินทางกับสัตว์เลี้ยงไปยังประเทศไอร์แลนด์, มอลตา, สวีเดน, หรือสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องมีการรักษาโรคพยาธิตัวตืด (echinococcosis) เพื่อเข้าไปยังประเทศฟินแลนด์, ไอร์แลนด์, มอลตา, สวีเดน, หรือสหราชอาณาจักร และการรักษาเห็บหมัดก่อนเข้าประเทศไอร์แลนด์, มอลตา, หรือสหราชอาณาจักร ไปยังเวบไซต์ของประเทศต่อไปนี้เพื่อดูรายละเอียด    * เวบไซต์ไอร์แลนด์ : http://www.agriculture.gov.ie    * เวบไซต์สวีเดน : http://www.sjv.se/    * เวบไซต์อังกฤษ : http://www.defra.gov.uk    * เวบไซต์มอลตา : http://www.mrae.gov.mt    * เวบไซต์ฟินแลนด์ : http://www.evira.fi/portal/en/ (2)ประเทศโลกที่สามอื่นๆ ประเทศซึ่งมีสถานการณ์ไม่ดีหรือไม่มีการส่งคำขอไปยังคณะกรรมการจะไม่มีรายชื่อใน หมวด C ของภาคผนวก2 ของข้อบังคับ (EC) No.998/2003 การเข้าไปยังรัฐสมาชิกนอกเหนือจากประเทศฟินแลนด์, มอลตา, ไอร์แลนด์, สวีเดน, และสหราชอาณาจักร: จำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนโรคกลัวน้ำและทดสอบเพิ่มเติมซึ่งดำเนินการโดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองโดยตัวอย่างเลือดที่เก็บสามเดือนก่อนการเคลื่อนย้ายเพื่อที่จะเข้าประเทศได้ N.B. ในการส่งสัตว์เลี้ยงกลับหลังจากอยู่ต่างประเทศเป็นระยะเวลาสั้นๆ (เช่นในวันหยุด) แนะนำว่าให้ทำการทดสอบให้ทันเวลาก่อนออกเดินทางเพื่อที่ว่าจะถูกต้องตามข้อกำหนดทั้งหมดในการส่งกลับ หลังจากที่ทำการทดสอบแล้ว สัตว์จะต้องได้รับการกระตุ้นเป็นประจำตามช่วงที่กำหนดโดยห้องปฏิบัติการผลิตวัคซีน ถ้าไม่ได้ปฏิบัติตามกฎการกระตุ้น สัตว์จะต้องได้รับการทดสอบอีกครั้งหลังจากได้รับการฉีดวัคซีนใหม่และสัตว์จะได้รับการพิจารณาความสอดคล้องกับกฎอีกครั้งหลังจากสามเดือนไปแล้วเท่านั้น การเข้าไปยังประเทศฟินแลนด์, มอลตา, ไอร์แลนด์, สวีเดน, และสหราชอาณาจักร: นอกจากการฉีดวัคซีนโรคกลัวน้ำและการทดสอบแล้ว จำเป็นต้องรักษาโรคพยาธิตัวตืด (echinococcosis) ก่อนเข้าไปยังประเทศฟินแลนด์ จะมีการกักกันในการเข้าประเทศมอลตา, ไอร์แลนด์, สวีเดน, และสหราชอาณาจักร แต่อยู่ภายใต้กฎหมายแห่งชาติ (ดูเวบไซต์ของประเทศด้านบน) เอกสาร Liechtenstein, ซาน มาริโน, และสวิสเซอร์แลนด์ได้แจ้งคณะกรรมการว่าพวกเขาได้ใช้รูปแบบหนังสือเดินทางดังที่ระบุไว้ในภาคผนวก1 ของ มติคณะกรรมการ 2003/803/EC ใบรับรองสุขภาพสำหรับการเคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงซึ่งไม่เกี่ยวกับการค้า (แมว, สุนัข และพังพอน) เข้าไปยัง EU จากประเทศโลกที่สามได้รับการยอมรับจากคณะกรรมการภายใต้ มติ 2004/824/EC มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2004 รูปแบบในภาษาต่างๆ สามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ (ดูคำแนะนำที่ท้ายใบรับรอง) ใบรับรองมีให้ในรูปแบบไฟล์ pdf ใบรับรองสุขภาพจำเป็นต้องพิมพ์ลงในกระดาษแผ่นเดียวในภาษาของรัฐสมาชิกที่จะเดินทางเข้าไป และกรอกข้อความเป็นภาษาของรัฐสมาชิกหรือภาษาอังกฤษ ใบรับรองจะต้องแนบเอกสารสนับสนุน หรือสำเนารับรอง รวมทั้งรายละเอียดการฉีดวัคซีนและผลการทดสอบเซรุ่ม เอกสารจะต้องระบุรายละเอียดของสัตว์นั้น ใบรับรองจะถูกต้องสมบูรณ์ในการเคลื่อนย้ายภายใน EU เป็นเวลาสี่เดือนนับจากวันออกจนกระทั่งวันหมดอายุการฉีดวัคซีน ไม่ว่าอันไหนก็ตามที่มาก่อน ใบรรับรองจะต้องกรอกตามเงื่อนไขของข้อบังคับ (EC) 998/2003 ซึ่งขึ้นอยู่กับ: - ประเทศโลกที่สามซึ่งเป็นแหล่งที่มา (มีประเทศโลกที่สามสองประเภท: ดู รายชื่อประเทศโลกที่สาม) - รัฐสมาชิกที่เดินทางเข้า (สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์, และสวีเดนมีข้อกำหนดเฉพาะ: ดูเงื่อนไขด้านบน) การระบุตัวตน สัตว์จะต้องได้รับการระบุตัวตนโดยระบบระบุตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่องรับส่งเรดาร์) หรือโดยลายสักที่สามารถอ่านได้ชัดเจน ลายสักเป็นวิธีระบุตัวตนที่ยอมรับถึงวันที่ 3 กรกฎาคม 2011 และใช้ไม่ได้สำหรับการเคลื่อนย้ายเข้าไปยังสหราชอาณาจักร, มอลตา และไอร์แลนด์ (การปฏิบัติตามกฎเครื่องรับส่งเรดาร์) http://ec.europa.eu/food/animal/liveanimals/pets/nocomm_third_en.htm แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 54 03:12:27 จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 02:40:55

ความคิดเห็นที่ 36 2. สัตวแพทย์ไทยที่รับฝังไมโครชิพและให้วัคซีน น้องวีเราพาไปฝังตั้งกะปี ๒๐๐๗ อะคะ ลองสอบถามดูนะคะว่าคุณหมอยังรับฝังรึไม่ที่ คุณหมอภัทรพงษ์ จันทร์เจริญ  086 565 6806 จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 02:48:18

ความคิดเห็นที่ 37 กรณีน้องวีเดินทางมาฝรั่งเศส ต้องติดต่อสอบถามกับสัตวแพทย์ในปารีสคะ ถามที่สายการบินรึสถานฑูตไม่มีข้อมูลอะไรให้เลยคะ สิ่งสำคัญสุดคือผลเลือดของการตรวจหาภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้า ทั้งนี้ต้องดูที่เงื่อนไขย่อยของประเทศนั้นๆอีกทีคะ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 02:53:24

ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อเข้าไปอยู่ในปารีสแล้วก็พาน้องไปทำพาสสปอร์ต(สมุดปกน้ำเงิน) ซึ่งเป็นการย้ายข้อมูลการทำวัคซีนไปลงในเล่มดังกล่าวคะ ที่ปารีสมีค่าธรรมเนียมราว ๙๐ ยูโร สมุดปกน้ำเงินนี้ทำเพื่อสะดวกในการเดินทางครั้งต่อไป และสะดวกในการเดินทางในยุโรปด้วยคะ และเพื่อว่าครั้งต่อไปน้องจะได้ไม่ต้องถูกเจาะเลือดตรวจอีก(Rabies blood test result) เปิดไปหน้าแรกจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของ เช่นพวกชื่อ ที่อยู่ หน้าถัดไป .. เป็นรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับตัวน้อง หน้าถัดไป .. เป็นประวัติการรับวัคซีน จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 03:08:56

ความคิดเห็นที่ 39 สิ่งที่ต้องเตรียมเมื่อพาสุนัขไปที่ด่านฯ(ก่อนเดินทาง ๓วัน) ๑. หนังสือเดินทางของเรา ๒. สมุดการฉีดวัคซีน มีเท่าไหร่พกมาให้หมด copy พร้อม ๓. ใบรับรองการฝังไมโครชิพ ++ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มประเทศยุโรปมีข้อบังคับในเรื่อนี้++ ๔. ผลตรวจภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้า สำคัญมากมาย ซึ่งในเรื่องนี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากว่าเค้าไม่เชื่อถือผลการตรวจของห้องแลปในประเทศเรา จึงต้องส่งเลือดไปตรวจในแลปที่เค้ารับรองเท่านั้และการหาที่รับเจาะในบ้านเราค่อนข้างน้อย ในกทม. มีไม่กี่แห่ง เช่น รพส.ทองหล่อ .... นึกไม่ออกแล้ว  รอผลการตรวจประมาณ 1เดือน และมีข้อแม้อีกที่ว่า สุนัขที่จะเดินทางนั้นสามารถเดินทางได้หลังจากเจาะเลือดประมาณ 90วัน โดยส่วนตัวจึงคิดว่าสิ่งนี้ควรดำเนินการเป็นสิ่งแรกหากคิดจะพาน้องไปเพราะใช้เวลาค่อนข้างนานค่ะ ค่าที่เค้าต้องการคือ มากกว่าหรือเท่ากับ 0.5 I.U./mL ผลนี้ใช้ได้ราว 1-2 ปี ++ ข้อมูลนี้เป็นกรณีของเราที่เดินทางมาปารีสนะคะ ++ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 03:20:12

ความคิดเห็นที่ 40 ซึ่งมีข้อแม้ว่า ก่อนเดินทาง 3วันทำการถึงพาน้องมาตรวจได้ค่ะ เนื่องจาก Health Certificate มีอายุค่อนข้างสั้นคะ การเดินทาง .. เมื่อเข้ามาที่สุวรรณภูมิ สังเกตป้ายทางออก ต่อด้วยป้ายร่มเกล้า .. มุ่งหน้ามาตามป้ายเรื่อยๆ จะเจอ4แยกไฟแดง เลี้ยวซ้ายเข้าประตู รับบัตร ขับตรงไปอีกนิด สังเกตซ้ายมือ .. ช่อง 20 ย่านนี้จะพลุกพล่านไปด้วยรถขนส่งสินค้า(cargo) จอดแถวช่อง 20 เพราะด่านกักกันสัตว์ฯอยู่ตรงช่องดังกล่าว เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ .. จะได้รับเอกสารมากรอกรายละเอียดต่างๆ และคุณหมอจะตรวจสุขภาพโดยรวม ตลอดจนเช็คไมโครชิพ ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง เมื่อเรียบร้อยก็จะได้รับเอกสารที่เรียกว่า Health Certificate โดยเราจะต้องนำเลข Health Certificate มุมบนด้านขวา ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตอนเชคอิน(กรณีเราเดินทางด้วยการบินไทย) แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 54 03:41:02 จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 03:23:35

ความคิดเห็นที่ 41 กรณีที่ไม่ได้แครี่สุนัขขึ้นเครื่องด้วยนั้น เราว่าณ.ปัจจุบันไม่น่ากังวลนะคะเพราะทุกครั้งที่พาน้องวีไปตรวจที่ด่านก็พบสุนัขถูกส่งด้วยบริษัทเอกชนบ้าง เจ้าของพาไปเองบ้าง(ด้วยการโหลด) ก็มีให้พบเห็นทุกครั้ง  ครั้งละ๒-๓ตัวด้วยคะ อย่างในรูปเป็นการพาน้องวีไปตรวจที่ด่านในวันที่ ๒๒ พย.ที่ผ่านมา ก็ได้เจอสุนัขตัวนี้เดินทางกลับเยอรมันด้วยการโหลด(เจ้าของเดินทางด้วย)  แต่ก็มีสุนัขอีกตัวจำชื่อพันธุ์ไม่ได้คะ ส่งด้วยบริษัทเอกชนโหลดไปอเมริกาคะ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 03:33:04

ความคิดเห็นที่ 42 การขอ Pet in cabin ของเราใช้วางกระเป๋าที่ตักเพราะสุนัขตัวเล็ก ซึ่งต้องปิดกระเป๋าตลอดการเดินทางด้วยคะเพื่อมิให้เป็นการรบกวนผดส.ท่านอื่นๆ ,, แต่ในรูปนี้เรารอเดินออกจากเครื่องคะ ,, แฮ่ คนสุดท้ายว่างั้นเลยขอสักภาพ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 03:35:41

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณน้องวีมากๆ เลยค่ะ ข้อมูลละเอียดมากและเข้าใจง่าย ที่ทำให้หายห่วงคือข้อมูลการโหลดสุนัขในคห.41 ขอบคุณคุณจิ๊บด้วยนะคะ จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 11:28:58

ความคิดเห็นที่ 44 เรื่องบริษัทที่รับจัดการส่วนนี้ ลองสอบถามจนท.ที่ด่านฯก็ได้นะคะเผื่อมีข้อมูลหรือคำแนะนำให้ได้ ทั้งนี้คงต้องค้นหาเบอร์เเองนะคะเพราะเราไม่มีคะ เป็นอาชีพเค้าการจัดการจึงง่ายสะดวกรวดเร็วคะ อย่างวันที่เราพาสุนัขเราไปตรวจและเจอตัวที่ว่าจะส่งไปอเมริกา จนท.มา ๒คน  คนนึงดูแลสุนัข อีกคนถือเอกสาร แม๋ .. ปากหนักไปนิดถ้าเราถามคงมีเบอร์ให้คุณแล้วนิ ++ หมั่นมาเชคนะคะ เราพยายามติดต่อถามคุณหมอเรื่องการพาสุนัขเข้าฮังการีกับบริษัทที่รับจัดการเรื่องนี้ให้ กรณีที่ต้องโหลดน้องอะคะ อาจตอบช้าเพราะเวลาที่ต่างกันนะคะ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 16:36:26

ความคิดเห็นที่ 45 พาเค้าไปด้วยเถอะนะคะ จากคุณ : เจ้าเอยย เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 21:36:36

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามาติดตามนะคะ ถ้าคุณน้องวีมีข้อมูลเพิ่มเติมยินดีเลยค่ะ จากรูปในคห.บนแสดงว่าเพิ่งไปถึงเลยนะคะนั่น แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 54 15:26:15 จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 15:25:10

ความคิดเห็นที่ 47 น้องวีไปรอบที่สองแล้วคะ ,, ส่งข้อความไปที่หลังบ้านนะคะเพราะเบอร์ติดต่อไม่สามารถลงที่หน้านี้ได้คะ จากคุณ : น้องวี (น้องวี : we-wee) เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 18:56:09

ความคิดเห็นที่ 48 เซฟเข้าคลังกท.เก่าด้วยนะคะ ข้อมูลมีประโยชน์มากๆสำหรับเพื่อนๆที่ต้องการพาหมาไปตปท. จากคุณ : MY PIDPEE เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 12:44:49

ความคิดเห็นที่ 49 เซฟเรียบร้อยแล้วค่ะ เอาไว้เข้ามาดูเรื่อยๆ จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 15:55:57

ความคิดเห็นที่ 50 อีเมล์ไปสอบถามที่สถานทูตฮังการี ได้รับลิงค์นี้มาในทันทีทันใด บริการดีมากค่ะ http://www.mgszh.gov.hu/en/specialities/ah_awf_dir/public_data/other/non_comm_pet_movement.html จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 16:00:50

ความคิดเห็นที่ 51 รายชื่อ Lab ตรวจภูมิคุ้มกันพิษสุนัขบ้าสำหรับการนำเข้าสุนัขไปฮังการี ที่ใกล้ไทยที่สุดน่าจะเป็นเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น http://ec.europa.eu/food/animal/liveanimals/pets/approval_en.htm คิดว่าถ้าเดินเรื่องทั้งหลายตามที่เพื่อนๆ ให้เบอร์ติดต่อมาคงไม่ยากแล้วล่ะค่ะ ติดที่ว่าต้องตัดสินใจให้แน่นอน เพราะเป็นห่วงตอนเขาอยู่บนเครื่องบิน โดยเฉพาะเปียกปูน ได้ยินเสียงอะไรนิดอะไรหน่อยก็จะสะดุ้งสุดตัว ถ้าโหลดไปแล้วเกิดเขากลัวเสียงกางล้อพับล้ออาจจะช็อคก็ได้ สามีบอกว่าเปียกปูนอาจจะตายระหว่างขนส่งได้ ที่คิดหนักก็ตรงนี้แหละค่ะ คงต้องปรึกษาคุณหมอสำหรับเปียกปูนเป็นการเฉพาะ จากคุณ : Tiwanon48 เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 16:11:02