ความคิดเห็นที่ 1 สอบถามเรื่องความคุ้มค่าเมื่อเทียบประสิทธิภาพกับราคาครับ ปุ๋ยชนิดไหนที่พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่ากัน ถ้านึกเรื่องอื่นออก จะมาถามใหม่ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : KORME เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 13:29:31

ความคิดเห็นที่ 2 อันแรกมาดูธาตุอาหารของปุ๋ยคอกก่อนครับ อ้างอิงจาก http://www.panmai.com/Tip/Tip03/Tip03.shtml จากคุณ : Pit2519 เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 13:45:57

ความคิดเห็นที่ 3 ว้าว...เยี่ยมเลยครับ.... สำหรับคำถามเรื่องความคุ้มค่า.... ตอบได้ด้วยกราฟของคุณPit2519 ครับ ถ้าเรามองแค่ปริมาณธาตุอาหาร ปุ๋ยเคมีจะให้ปริมาณะธาตุอาหารต่อหน่วยได้ถูกกว่าครับ และคุ้มกว่า แ่ต่....พวกขี้ไก่จะช่วยให้ดินดี แต่ธาตุอาหารน้อยครับ ปล...ไม่มีอะไรดีสุดครับ แต่ถ้าใช้ร่วมกันจะดีสุดครับ แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 54 14:00:41 จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 13:59:51

ความคิดเห็นที่ 4 เราใช้ขี้ไก่อัดเม็ดค่ะ ลองใ่ส่ส้มเขียวหวาน  (มีอยู่ 5 ต้น) หวานสมชื่อ แถมดกด้วยค่ะ จากคุณ : ต้มส้มปลากระบอก เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 14:15:13

ความคิดเห็นที่ 5 ขี้ไก่จะมีธาตุอาหารค่อนข้างสูงกว่าตัวอื่นๆครับ ดังนันก็จะแพงกว่าอีกนิดๆ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 14:27:52

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาเก็บข้อมูล และ มีคำถามด้วย "ปุ๋ยมูลไส้เดือนละคะ  ในตารางไม่มีข้อมูลเลย อยากทราบว่าเหมาะกับพืชแบบไหน" แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 54 14:30:33 จากคุณ : ถั่วพูบันเทิง เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 14:28:00

ความคิดเห็นที่ 7 ปุ๋ยขี้ม้า  ที่บ้านโกยขี้ม้าใส่ตามโคนต้นไม้  น้อยหน่าหวานเจี๊ยบ จากคุณ : สาวสวนแตง (จาปาตี) เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 14:40:47

ความคิดเห็นที่ 8 ปุ๋ยมูลไส้เดือน รอพี่เค้ามาตอบดีกว่าครับผมไม่ถนัด คนนี้เค้าชัวร์สุดๆแล้วครับ สาวสวนแตงครับ ตอนนี้มีน้อยหน่าอีก น่ากินๆ จากการดูๆมาก ผมว่ามูลอะไรใส่ได้ทั้งหมดครับ แต่ขอให้หมักเสร็จก่อน ถ้าแบบว่ามาใหม่ๆใส่ต้นไม้ ต้นไม้ตายก่อนโตครับ เพราะว่ามันร้อนมากๆๆๆ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 14:47:44

ความคิดเห็นที่ 9 ดูจากตาราง สัตว์กินหญ้าจะให้ตัวหน้า กับตัวหลังมากหน่อย ซึ่งสัดส่วนใกล้เคียงกับปุ๋ยใส่ต้นยางพารา ส่วนสัตว์ปีกและสุกร(ซึ่งน่าจะเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูปหรืออาหารผสม) จะให้ตัวกลางสูงกว่า ซึ่งจะเหมาะกับไม้ผล โดยเฉพาะมูลค้างคาว P เยอะมากๆ ถ้าใส่ไม้ผลแล้วลูกโต รสหวาน ก็ไม่น่าแปลก มูลไก่ก็เคยซื้อ แบบสดๆจากฟาร์เลย กระสอบละ 27 บาท(ประมาณ 20 กก.) ตก กก.ละบาทนิดๆ ถ้าเป็นแบบอัดเม็ด(50 กก.) ราคา 180-220 บาท ตก กก. ละ 3.6 - 4.4 บาท จากคุณ : Pit2519 เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 14:52:43

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าเราลองพื้นด้วย ปุ๋ยเคมี+ฮิวมิค เอซิด+ซีโอไลท์+อื่นๆ นิดหน่อย จะใช้แทนอินทรีย์ได้มากน้อย เท่าไหร่ครับ ในสภาพไร่นะครับ ทำไร่มันสำปะหลังครับเลยคิดจะลดต้นทุน โดยลองพื้นสัก20-30กก./ไร่ แล้วเสริมด้วยปุ๋ยทางใบบ้างครับ จากคุณ : Turk14857 เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 15:52:30

ความคิดเห็นที่ 11 ผมว่าอินทรีย์แบบมูลสัตว์แท้ๆน่าถูกกว่าใหมครับ แล้วค่อยเติมเึึคมีลงไปบ้างครับ ผมว่าฮิวมิค ซีโอไลท์ อื่นๆ นี่น่าจะหลายเงินอยู่นะครับ ใครรู้ช่วยตอบที ผมไม่รู้ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 16:27:25

ความคิดเห็นที่ 12 ย่องๆมาดูแล้วแอบแจม เอาส่วนที่ผมรู้นะครับ ^ ^ ฮิวมิค แอซิด กับ ซีโอไลท์ นี่ไม่น่าจะไปด้วยกันได้นะครับ ฮิวมิค แอซิด ต้นกำเนิดคือแร่ลีโอนาไดท์จากแหล่งภูเขาไฟ เอามาสกัด (ปัจจุบันสังเคราะห์เอาแล้ว ) ชื่อเป็นกรด แต่มีฤทธิ์เป็นด่าง  คุณสมบัติที่เคยอ่านแล้วเอาไปแนะนำคือมีค่า CEC สูง ค่า CEC สูง ทำให้จับพวกเคมีต่างๆ ( แร่ธาตุในปุ๋ย ในดิน ในอาหารเสริมที่ฉีด )แล้วพาเข้าไปในต้นพืชได้ดี ผลข้างเคียงที่เห็นดินร่วน โปร่ง เพราะไปช่วยให้ประจุที่จับกันแน่นกระจายตัวด้วย พอดินโปร่งกินปุ๋ยดี  รากก็เจริญดี ผมมักแนะนำในไม้ผลให้เอามาใช้สักปีละครั้งช่วงฟื้นต้น เพื่อให้ช่วยปลดปล่อยปุ๋ยที่ค้างๆ ช่วยเร่งราก ซีโอไลท์ ตัวนี้มีความสามารถมากๆในการจับตรึงสารภายนอกเข้าไปในตัว สมัยก่อนใช้หว่านในบ่อกุ้ง บ่อปลา เพื่อจับสารพิษ ทำให้น้ำสะอาด ปัจจุบัยตั้งแต่มีกังหันชัยพัฒนาเติมออกซิเจน ยอดขายเลยลดวูบวาบไปเลย  ( แอบสงสัยในใจว่า ทำไมไม่เอาไปช่วยน้ำท่วม กทม. เพราะราคาถูกเนื่องจากทางลำปางเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนเกินของเหมือง กก. ไม่ถึงบาท ตอนโรงงานนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นรั่วเขาก็ใช้ ซีโอไลท์ไปหว่านลงทะเลจับสารพิษ ) ในกรองน้ำบางยี่ห้อก็เห็นเอาซีโอไลท์มาใช้จับสารพิษเพิ่ม เคยเห็นใน อีเบย์ ต่างประเทศสะกัดซีโอไลท์มาเป็นสูตรให้คนกินเพื่อดีท๊อกซ์ ( แต่ไม่รู้ผลนะครับ ไม่ได้ตามลึก ) นอกเรื่องยาว เข้าเรื่องต่อ ตัวซีโอไลท์เมือใส่ลงดินก็ปรับดินให้โปร่งด้วย ( เป็นด่าง )  แต่จะจับปุ๋ยเอาไว้ แล้วเมื่อเต็มที่ก็ค่อยๆคายออกมา ทำให้ปุ๋ยไม่สูญเสียไปอย่างรวดเร็ว ( แต่ก็ได้กินช้าๆเรื่อยๆ นานๆ ) จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 17:18:09

ความคิดเห็นที่ 13 พี่วังมาแล้ว.... ช่วยได้เยอะเลยครับ เอาอีกๆๆๆๆ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 17:26:07

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่อง "ปุ๋ยมูลไส้เดือน" อยากไปใช้คำ "ปุ๋ย" เลย เพราะ มีนักวิชาการและคนรู้มาก เขาจ้องจับผิดกันเยอะ........เรามาเรียก "มูลไส้เดือน" หรือ "สารปรับปรุงดินจากไส้เดือน" กันดีกว่า ไม่อยากจะ ยุ่ง เรื่อง "กฎหมายปุ๋ยอินทรีย์" "มูลไส้เดือน"  ที่ผมทำ ผลิตจากมูลสัตว์ ดังนั้น ค่า NPK ก็ขึ้นอยู่กับมูลสัตว์ที่ใช้ทำด้วย แต่ผมไม่ได้สนใจค่าของ NPK ใน"มูลไส้เดือน"เท่าไร (ถึงจะเอาไปตรวจ ว่า สามารถขึ้นทะเบียนปุ๋ยอินทรีย์ได้ก็ตาม ) เพราะ "มูลไส้เดือน" - ฮอร์โมนพืชเยอะ - จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์เยอะ - การย่อยสลายของมูลไส้เดือน เป็น ถึง "ฮิวมัส"  แล้ว - ปริมาณอินทรีย์วัตถุ (Organic matters หรือ om ) สูง สำหรับการใช้ประโยชน์ของมูลไส้เดือนต่อพืช - การเร่งราก  หัว - การแตกกอ - การแตกยอด - การย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ -  ปรับปรุงโครงสร้างดิน ข้อมูลการใช้มูลไส้เดือนกับต้นไม้ข้อมูลพวกนี้ ผมเก็บและมีข้อมูลมานานแล้ว เพราะ ได้ทั้งทดลองเองและ ลูกค้าที่เป็น คนบ้า นอกกรอบ ส่งผลการทดสอบมาให้....... ถึงผมจะบอกว่ามันใช้ได้จริง......แต่ก็คงไม่มีใครเชื่อ......นอกจากคนนอกกรอบ.....ดังนั้นคงต้องลองให้หามาทดลองกันเองน่ะครับ การจะทราบว่า "มูลไส้เดือน" มันมีประโยชน์อย่างไร ลองหาความหมายจาก 2 คำนี้ได้ - "Vermicompost" -    "Worm tea" ผมว่าน่ะ บางครั้งอย่าสนใจ ค่า "NPK" ของ ปุ๋ยอะไรมากมาย เพราะ พืชมันก็ไม่ได้ใช้อะไรเยอะเยอะ ไปสนใจพวก "ธาตุรอง"  "ความสามารถการนำประโยชน์ของแร่ธาตุไปใช้ให้ได้ สูงสุด " ผมก็ลงสวน มาประมาณ 400 สวน ในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา เกษตรกร กล่าวว่า -"ผมไม่สนใจ งานวิจัยและผลการทดลองของคุณ จะเป็นของมีคุณภาพหรือจะเป็นของได้มาตรฐานจากไหน......" -"ผมสนใจแค่ว่า ผลผลิตของผม ดีเท่าเดิมหรือดีกว่าเดิม แต่ต้นทุนผมลดต่ำลง กำไรผมมากขึ้นเท่านั้นล่ะ........" คำกล่าวนี้ ผมยังจำได้เสมอมา........ จากคุณ : fish boy เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 20:17:41

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ fish boy ขอบคุณคร๊าบ...สำหรับคำตอบ ผมได้ความรู้เพิ่มด้วยเลย... ใครมีอะไรแลกเปลี่ยนเชิญได้เลยครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 07:39:46

ความคิดเห็นที่ 16 แจมด้วยคนครับกับ คห.11 ผมว่า พืชแต่ละชนิดมีความต้องการสารอาหารแตกต่างกันทั้งปริมาณทั้งระยะของการเจิญเติบโต ผักกินใบระยะสั้นๆ ต้องการสารอาหารไม่มากนัก พืชกินผลอายุข้ามปีถึงจะได้กินผล มีความต้องการแตกต่างกันไป อาจแตกต่างกับผักกินผลจำพวกพริก มะเขือ  แม้ไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีก็ยังได้กินผล ผมยังคิดว่า ปุ๋ยอินทรีย์+เคมี ตามระยะความต้องการของพืช แต่ต้องมาดูการผลิตว่า ผลิตเพื่ออะไร  เพื่อขายหรือเพื่อกิน ผลิตแนวทาง อินทรีย์ หรือ เคมี ทั้ง2ชนิดยังมีข้อดีและเด่น แตกต่างกันไปครับ แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 54 08:50:16 จากคุณ : เกษตรบนจอ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 08:30:26

ความคิดเห็นที่ 17 สำหรับผม ผมให้ความสำคัญกับการปรับปรุงดินครับ การเตรียมความพร้อมให้กับดินมากกว่า ผมคิดว่าเมื่อไหร่ดินดี มีความอุดมสมบูรณ์ มีความโปร่งร่วน ระบายน้ำและอากาศได้ดี ระบบรากพืชก็จะดีตามมา เมื่อระบบรากพืชดีมีความแข็งแรงแล้ว ก็จะเป็นการเพิ่มความสามารถในการดูดน้ำและธาตุอาหารที่อยู่ในดินไปหล่อเลี้ยงต้นพืชได้ดีขึ้น ในสวนยางของผมที่นครศรีธรรมราช ผมจึงเน้นไปที่การเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ในดิน โดยใช้ปุ๋ยปลา พด1 พด2 เชื้อไตรโคเดอร์ม่า และงดใช้สารเคมีกำจัดวัชพืช งดใช้ปุ๋ยเคมีตั้งแต่ปีที่ 3 ของการปลูก จนบัดนี้ก็เป็นปีที่ 10แล้ว คิดว่าหลังจากนี้คงมีการให้ปุ๋ยเคมีบ้าง แต่คงให้ในอัตราที่น้อยมากๆ อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้การใช้ปุ๋ยเคมีมีประสิทธิภาพลดลง ได้ประโยชน์น้อยกว่าความเป็นจริงก็คือ เกษตรกรส่วนใหญ่มักจะใส่ปุ๋ยบริเวณโคนต้นใส่ห่างจากโคนต้นแค่ประมาณ 80 เซ็น เท่านั้น ซึ่งตรงนั้นปลายรากพืชคงมีไม่มากนัก ทำให้พืชได้รับปุ๋ยที่ใส่ไปได้น้อย ทางที่ดีแล้วควรใส่ปุ๋ยตรงกลางร่องมากกว่า จากคุณ : ปุ้ม ครับ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 13:54:28

ความคิดเห็นที่ 18 มูลไส้เดือน น่าสนใจมากๆครับ ผมได้มีโอกาสไปศึกษาที่ศูนย์เกษตรธรรมชาติที่ศูนย์ฝึกทหารใหม่สัตหีบ ที่นั่นมีการเลี้ยงไส้เดือนเอาไว้เยอะ เพื่อนำมูลไปใช้ในการปรับปรุงดิน ตัวนี้ดูแล้วเห็นว่าน่านำมาใช้ในการปรบปรุงดินเป็นอย่างมากครับ จากคุณ : ปุ้ม ครับ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 13:57:58

ความคิดเห็นที่ 19 เป็นไงครับ ผมว่ากระทู้นี้สุดยอดเลย เหมือนการแลกเปลี่ยนที่ดีมาก ใครมีอะไรดีแลกกัน ผมได้อะไรจากในนี้เยอะเลยครับ ผมชอบของทุกคนเลย... แต่ผมการวิเคราะห์ที่ว่ามูลอะไรได้อะไรมาจากใหน คิดแบบนี้ได้นี่วันหลังสบายๆเลยครับ ไม่ว่าอะไรถ้าเราคิดแบบมีหลักการและเหตุผล ช่วยได้เยอะครับ ส่วนการจัดการดินที่ดี ช่วยให้พืชดูดธาตุอาหารไปใช้ได้ดี ก็จำเป็น การให้บริเวณปลายรากก็จำเป็นหลายโคนสาดที่โคนเลยก็มี การใช้เึคมี ร่วมอินทรีย์เป็นอะไรที่ดีที่สุด หากช่วงใหนดูว่าผลผลิตต่ำลง เพิ่มปุ๋ยเคมีลงไปเพื่อเพิ่มธาตุอาหารเป็นสิ่งจำเป็น อย่าไปต่อต้านว่าเคมีดินเสีย ถ้าเรารู้จักใช้ อย่าไปกลัว ใช้เท่าที่จำเป็น... พี่ๆใครมีอะไรมาเพิ่มเติมแลกเปลี่ยนครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 14:20:42

ความคิดเห็นที่ 20 มาเล่าการใช้ปุ๋ยในสวนผมบ้างนะครับ.... สวนปาล์ม... ตอนนี้ที่บ้านใ้ห้ปุ๋ยอินทรีย์ปีละ 1-2 ครั้งแล้วครับ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างดินให้ดีขึ้น ปุ๋ยเคมีก็ให้ แต่จะให้ตามระยะตามช่วงของความต้องการครับ แต่สวนผมยังใช้ยาฆ่าหญ้าครับเพราะไม่มีเวลาว่างไปดู ได้แต่จ้างเค้าครับ ส่วนทางปาล์มที่ตัดแต่งก็เอามาใส่ในร่องน้ำเดิมที่ขุด จะได้เป็นอินทรีย์วัตถุในอนาคตครับ อ้อ...สวนผมดินทราย ผมเพิ่มแม๊กนีเซี่ยมเพื่อช่วยให้ต้นสมบูรณ์มากขึ้นครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 14:22:56

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่า เกษตรยุคใหม่ คือ "อินทรีย์นำเคมีตามและผสมเทคโนโลยี"  ผมก็ไม่ได้ว่าต้องอินทรีย์ไปหมดน่ะครับ  เพราะแล้วแต่เกษตรกรที่นำมูลไส้เดือนไปใช้  เอาจุดเด่นของ อินทรีย์มาช่วยให้เคมีมีประสิทธิภาพมาก ใช้ได้เต็มประสิทธิภาพของมัน  ต้นทุนลดลง กำไรก็มากขึ้น อยากให้ เกษตรกรไทยเหมือนเกษตรกร "ญี่ปุ่น" จากคุณ : fish boy เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 15:16:14

ความคิดเห็นที่ 22 ได้ความรู้เพิ่มสำหรับปุ๋ย จากคุณ : P_ปรัชญา เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 16:02:03

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณ จขกท มากนะคะ ได้ความรู้เรื่องปุ๋ยเพิ่มขึ้นเยอะเลย จากคุณ : นอเก้น เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 54 21:42:37

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่ต้องขอบคุณครับผมครับ ต้องขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆในห้องนี้ครับ แต่ละคนมีความรู้กันคนละด้าน แต่เวลาเอามารวมกันนี่เป็นอะไรที่ดีมากๆครับ ต่อไปเราจะมาคุยเรื่องอะไรกันดีครับจะได้ไม่เงียบเหงา จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 54 08:06:16

ความคิดเห็นที่ 25 คิดเล่นอีกหน่อย.... ถ้าเราใช้พื้นเป็นอินทรีย์บำรุงดีๆ แล้วหาแม่ปุ๋ยมาเติมตามช่วงตามความต้องการจะดีใหมน๊อ.. จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 54 11:25:05

ความคิดเห็นที่ 26 ลองคิดเรื่อง ปุ๋ยอินทรีย์แบบสั่งตัดจะทำได้ไหมครับ ปุ๋ยคอกประเภทที่มี Nมาก นำมาทำปุ๋ยอินทรีย์ สำหรับ พืช ผักกินใบ ระยะสั้นๆ ปุ๋ยคอกประเภท มี Pและ K สูงๆ สามารถนำมาทำปุ๋ยอินทรีย์ สำหรับ สร้างดอก บำรุงผล จะทำได้ไหม หรือว่า หมักรวมๆกันไป แต่หากหมักรวมๆ ก็ไม่เกิดประเด็นนะผมว่า งานนี้ต้องถาม คุณ seto 16 ละครับว่าเป็นไปได้ไหม จากคุณ : เกษตรบนจอ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 54 13:40:17

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่าเป็นไปได้ครับ เหมือนที่คุณPit2519  วิเคราะห์ เรามาใช้ให้ตรงกับช่วงและความต้องการของพืช แต่ในช่วงแรกอาจจะทดลอง เพื่อดูว่าพอกับความต้องการใหม ถ้าพอนี่เจ๋งเลยครับ เป็นไอเดียที่ดีครับ เช่น... อุจจาระหมักของคน เหมาะกับช่วงเจริญเติบโต ส่วนมูลค้างคาวเหมาะช่วงออกดอก มูลไก่หรือมูลกระบือแห้งเหมาะกับช่วงให้ผลผลิต แบบนี้หรือเปล่าครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 54 13:51:16

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณทุกคน สำหรับความรู้ดีๆค่ะ จากคุณ : ธารน้ำ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 54 19:50:56

ความคิดเห็นที่ 29 ผมใช้เคมีอย่างเดียวครับ สะดวก รวดเร็ว ทันใจ ปาล์มน้ำมันก็ปุ๋ยเคมี แม็กนีเซี่ยม โบรอน ยาฆ่าหญ้า  เคมมีล้วนๆ ทำแล้วก็ยังมีกำไร ก็ทำต่อไป ยางพาราก็ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า ทำแล้วก็ยังเหลือกำไร ก็ทำเหมือนเดิม พืชล้มลุกอัดเคมีหนักสุด  ก็กำไร   สรุป เคมีไม่ใช่ผู้ร้ายครับ ทางใครก็ทางใคร จากคุณ : ตี๋หยก เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 54 21:13:51

ความคิดเห็นที่ 30 *มูลไส้เดือน  แม้จะมีธาตุอาหารอยู่หลายชนิด  แต่ก็มีปริมาณที่ไม่มากนักในธาตุอาหารบางชนิด  เช่น  ไนโตรเจน  หากมีมากไป ไส้เดือนก็มักจะอยู่ไม่ได้  และหนีจากไป  เหตุเพราะแหล่งสารอาหารที่ทำให้ได้จากไนโตรเจน  ส่วนมากมาจากพวกที่มีสารอาหารจำพวกโปรตีนอยู่มากๆ  เมื่อหมักนานๆ  ย่อมเกิดความร้อนที่สูงเกินไป  ทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าปกติ( การลดน้ำบ่อยครั้งขึ้นและตั้งที่เลี้ยงไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทดีๆ  จะลดปัญหาก๊าสและความร้อนได้บ้าง) ปัจจัยของสารอาหารที่แต่ละท่านเลี้ยงไส้เดือน  อาหารที่ไส้เดือนย่อยก็ต่างกัน  และตัวที่นอนของไส้เดือนที่ต่างกัน  ดังนั้น  จะทราบสารอาหารที่แน่นอนได้ต้องส่งไปตรวจ ***แต่การทำน้ำไส้เดือนตามที่  อาจารย์ รศ.ดร.สมชัย จันทร์สว่าง ได้สอนมาจะได้สารอาหารที่ใกล้เคียงกับที่สอนมานะครับ ( สูตรที่ใส่รำ+กากถั่วเหลืองนะครับ) ปล.ผมลืมสูตรไปแล้วนะครับ  พอดียังไม่ได้เปิดเอกสารของเก่ามาดูใหม่ จากคุณ : ญี่ปุ่น35 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 02:04:40

ความคิดเห็นที่ 31 อินทรีย์ ผมเชื่อว่า ดี ถึงดีมาก แบบ ดีในอุดมคติ  มันยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก เช่นการใช้ ขี้ไก่ ในไร่มันสำปะหลัง โดยทั่วไปใช้ 1รถ10ล้อ/10ไร่ เป็นเงินประมาณ 14000บาท ค่าหว่าน 1200บาท/รถ10ล้อ ค่าไถกลบ250/ไร่ ตกไร่ละประมาณ1770บาท/ไร่ ซึ่งเป็นเงินค่อนข้างมาก แล้วยังมี ค่าไถ ค่าปลูก ทำหญ้า ค่าดูแล และค่าปุ๋ยเคมีอีกตาหาก คือ ต้นทุนมันเพิ่มขึ้นมาก แล้วผมยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ อัตราส่วน 1รถ10ล้อ/10ไร่ จะเป็บประมาณ 1.3ตัน/ไร่ เมือเทียบจำนวนขี้ไก่/พื้นที่แล้ว มันช่างน้อยนิด มันไม่น่าทำให้ดินร่วนซุยแบบที่ผมคิด  ผมอยากใช้อินทรีย์นะครับแต่เมื่อคิดแล้ว บาท/บาท มันทำให้เกิดความไม่แน่ใจ ฮิวมิก แอซิด ที่โทรถาม ประมาณ30บ./กก.(ซื้อจำนวน100กก.ขึ้น) ซิโอไลท์ ราคาตั้งแค่2-10บ. คือถ้าพวกนี้ทดแทนกันได้บ้าง ก็อาจจะเขยิบเข้าใกล้อินทรีย์มากขึ้นนะครับ แต่ถ้าสองอย่างไม่น่าเข้ากัน ถ้ามีข้อแนะนำว่า ควร ลองพื้นด้วยอะไรจะขอบคุณมากเลยครับ แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 54 09:13:22 แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 54 09:11:49 จากคุณ : Turk14857 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 09:04:03

ความคิดเห็นที่ 32 1.ผมว่าน่าจะมีข้อดีและเสียทั้งปุ๋ยเคมีและปุ๋ยคอก 2.ขอถามK.seto16หน่อยครับว่าสารอะไรใน15-0-0ทำให้ปุ๋ยยาราโฆษณาว่าเป็นปุ๋ยระเบิดราก   N....ไม่ใช่    Br...ไม่ใช่   หรือว่าCa...ก็ไม่น่าใช่ จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 11:22:47

ความคิดเห็นที่ 33 อืม...ตอบคุณ boonthai dates ไงดี... เค้าเล่นจุดเด่นของ Ca ครับ และ Nitrate form ครับ ดูแล้วน่าจะใช้กับนาที่ไม่ใช่นาหว่านนะครับ เพราะเค้าบอกว่าถอนง่าย แสดงว่าเป็นนาดำ อาจจะทำเครื่องดำมือนี่ไม่แน่ใจ ผิดถูกยังไงขออภัยด้วยครับ คำโฆษณาก็ทำให้ดูเร้าใจน่าซื้อมากขึ้นครับ ถ้าใช้ในนาก็บอกว่าปุ๋ยระเบิดราก ถ้าใช้ในไม้ผลนี่เป็นปุ๋ยฟื้นต้น... แต่บอกเลยว่า CN เค้าดีจริงๆครับ(ถ้าใช้เป็นและถูกที่ถูกเวลา) โดยเฉพาะการฟิ้นต้นของไม้ผล ที่ผ่านการทำนอกฤดู แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 54 12:42:55 จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 12:41:39

ความคิดเห็นที่ 34 ตอบคุณ Turk ครับ อินทรีย์ล้วนๆผมว่าอยู่ในอุดมคติครับ เพราะยังไงธาตุอาหารก็ไม่น่าพอเพียง ในเชิงเศรษฐกิจ ถ้าปลูกข้างบ้านปลูกกินหรือปลูกนิดหน่อย ทำได้ครับ ผลผลิตน้อยก็ไม่ซีเรียส แต่ถ้าทำเป็นธุรกิจ คงไม่มีใครเสี่ยงมั้งครับ เน้นผลประกอบการดีกว่าเหมือนคุณตี๋หยกว่า ยังมีกำไรก็ใส่ไป แต่ยังไงก็ยังยืนยันว่า ต่างแบบต่างมีดีในตัวเอง ควรใช้ร่วมกันเพื่อประโยชน์สูงสุด จะใส่ช่วงใหนก็แล้วแต่จะพิจารณาในแต่ละพืชและแต่ละพื้นที่ครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 12:46:19

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณครับคุณseto16   พอดีเฮียที่ร้านขายปุ๋ยเขาให้มาตอนไปซื้อโบรอน   เฮียบอกว่าอินทผลัมน่าจะใช้ตัวนี้มีโบรอนเสร็จ     แต่ไม่ได้ซื้อเพราะกลัวว่ามันจะทำให้อินทผลัมเปลือกหนา ถ้าCNดีแบบที่คุณseto16ว่า  ผมจะลองใช้ในการเพาะชำหน่ออินทผลัมในครั้งต่อไป(เอ....แต่ว่าจะใช้เวลาใหนดีครับ   ตอนชำใหม่ๆไม่น่าดี   เอาหลังจากที่ใบใหม่เริ่มขึ้นน่าจะดี ) ถามปุ๋ยอีกตัวหนึ่งครับ 25-7-7    มัน ราคาแพงกว่า15-0-0    เห็นมีธาตุอาหารมากมาย ตัวนี้ดีอย่างไรครับ   เหมาะแก่อะไร  ขอบคุณครับ จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 13:27:50

ความคิดเห็นที่ 36 จริงๆ CN เค้าใส่เพื่อให้ Ca ไม่ได้ให้เพื่อตั้งใจเอา B นะครับที่ร้านเชียร์เพราะว่ามันขายยากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ส่วน CN ใช้ตอนใหน ผมว่าใช้ตอนต้นพร้อมมีรากมั่งแล้ว ช่วยให้ต้นโตเร็ว มีCa ช่วยให้ต้นแข็งแรงครับ ใช้ตอนมีใบใหม่ออกมาแล้วก็น่าจะดีครับ ส่วน 25-7-7 มันแพงเพราะ...เป็นปุ๋ยสูตรมีตัวกลางและท้ายตามมา ราคามันเลยแพง อีกอย่าง CN เป็นบายโพรดักของการผลิตด้วยหละครับราคาเลยไม่แพงมาก 25-7-7 ที่ใช้กันก็ในตอนต้นเล็กๆ เหมือนปุ๋ยเร่งต้นครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 14:26:46

ความคิดเห็นที่ 37 ย่องกลับมาอีกที ตลาดวายไปหรือยัง คุณ FISHBOY     ถ้ามีโอกาสอยากเข้าไปคุยกับขอความรู้เรื่องมุลไส้เดือนจริงๆ seto16              พี่ชอบกระทูยังนี้นะ แลกเปลี่ยนความรู้กันดี คุณญี่ปุ่น35         ขอบคุณกับข้อมูลเพิ่มของมูลไส้เดือนครับ ( เรื่องนี้ผมสนใจแต่ขาดความรู้ ) คุณตี๋หยก           ยืนยันด้วยคนครับว่าเคมีไม่ใช้ผู้ร้าย เป็นแค่ผู้ร้ายทางสังคม  แต่ถ้ามีโอกาสได้เสริมอินทรีย์เข้าไปอาจลดต้นทุนกับยั่งยืนเพิ่มขึ้นนะครับ ผมก็ยังขายเคมีให้สหกรณ์อยู่แต่ก็แนะนำชาวบ้านให้ใช้ผสมผสานกันนะครับ คุณTurk14857    ระหว่าง ฮิวมิค กับ ซีโอไลท์ จุดเลือกคงต้องดูว่าปรับดินทั้งคู่ แต่....ต้องการให้ใช้เร็วหรือค่อยๆกิน คุณBOONTHAI   (ยังนึกถึงอินทผลัมที่เคยส่งมาให้ ขอบคุณมากๆครับ)  ส่วนตัวผมชอบ 25-7-7 มากกว่านะครับ เพราะว่า N สลายเร็วพืชกินเร็ว แต่ P , K  มันก็สำคัญต่อพืชและมันกินได้ช้าน่าจะใส่ไปพร้อมๆกันตั้งแต่ต้น (ความคิดส่วนตัว ) แต่ที่เห็นข้าวโพดรองพื้นด้วยสูตรเสมอ สุดท้ายได้ต้นที่ดีกว่าใช้ยูเรียรองนะครับ จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 14:30:27

ความคิดเห็นที่ 38 ขยายความอีกนิด  สำหรับคุณTurk14857 จุดขายของฮิวมิค ที่ผมเคยขายและมีการสั่งซื้อมานะครับ น่าจะเน้นกับพืชที่ต้องการใช้ปุ๋ย ฟื้นต้นเร็ว - ฟื้นรากเร็ว ฟื้นต้นเร็ว  ( ส่วนใหญ่ใช้กับไม้ผลทำสาร เช่นทุเรียน มะม่วง ขนุน )  จะใช้หลังเก็บเกี่ยวเมื่อตัดแต่งกิ่งแล้ว - สวนยูคาลิปตัส   ใช้ฉีดทับต้นกล้าก่อนจำหน่่ายหรือส่งไปปลูก เร่งแตกราก - ใช้ละลายน้ำอ่อนๆ เอามาเสริมกับยาฆ่าหญ้า ช่วยให้หญ้าตายสนิท ส่วนซีโอไลท์ ยังไม่เคยขาย พยายามหาจุดขายเผื่อจะเอาไปขายอยู่ ^ ^ - เคยคุยกับ บ.ปุ๋ย เขาเคยลองเอาไปเป็นฟิลเลอร์ ผล ... เอาไปตรวจแล้ว % หาย  คาดว่าโดนดูดเอาไปเก็บในตัวซีโอไลท์ - เคยคุย(อีกละ) ปรึกษากับเพื่อนว่า น่าเอาไปปั้นเม็ดขายในพืชพวกอ้อย เพราะระยะยาว จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 14:40:20

ความคิดเห็นที่ 39 พี่วัง..ยังไม่วายครับ มาได้เรื่อยๆถ้าตกลงไปเยอะๆ เดี๋ยวก็ค่อยแตกกระทู้เอาครับ พี่วังมีอะไรแปลกๆมาเพิ่มเิติมบ้างครับ... ผมอยากรู้ว่าเอาอะไรย่อยพวกใบไม้หรือทางปาล์มสดได้บ้างครับ เพราะปกติสวนปาล์มจะเอาทางกองๆรวมกันใว้ ระหว่างต้นในแปลง เราใช้อะไรย่อยดีครับ ดีกว่าปล่อยให้ย่อยเอง.... จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 14:45:28

ความคิดเห็นที่ 40 ซื้อ พด. ที่กรมพัฒนาที่ดิน เขามีหลายสูตร พี่จำชื่อสูตรไม่ได้  เจ้าของเดียวกับ อีเอ็ม บอล ย่อยเสร้จเอามาเป็นปุ๋ยหมัก ได้อีก จากคุณ : cmuboy เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 14:48:48

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับ.... เป็นความคิดที่ดีครับ "ฟรี"อีกต่างหาก... จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 15:10:10

ความคิดเห็นที่ 42 เรื่อง อีเอ็ม ตัวแทนอินทรีย์. นักวิชาการตัวแทน เคมี.. คะแนนยกนี้ อินทรีย์ต่อยเก็บคะแนนไปเรื่อย ปลายยกเกือบน็อค จากคุณ : แมวหน้าโรงหนังลุง เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 16:18:50

ความคิดเห็นที่ 43 แหม...คุณแมวหนังลุง เหมือนมายุให้ผมปล่อยไม้ตายนะเนี่ย...อิๆ คือทั้งคู่มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันครับ ไม่มีอะไรดีสุดครับ ส่วนเคมีมันเหมือนว่า... กินยาแผนปัจจุบันนี่หละครับ กินไปสองเม็ดหายปวดหัว แต่ยาแผนโบราณอาจจะกินไปสามหม้อนู่นกว่าจะทุเลา มันอยู่ที่จังหวะและเวลาครับ บางครั้งปวดหัวนิดๆทนได้กินยาหม้อก็ไม่แปลก แต่วันใหนไมเกรนมา ปวดจี๊ดๆ วันนั้นจะนั่งรอต้มยาหม้อกินกันอยู่ใหมครับ //me ปล่อยท่าไม้ตายขั้นที่หนึ่ง จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 16:34:45

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณครับ ทุกท่านที่ให้ความรู้ครับ โดยเฉพาะ คุณ วัง  คุณseto16 และคุณตี๋หยก ครับ ซีโอไลท์ ผมคิดว่า(ที่เคยคิด) เอามาปรับปรุงดิน ให้มีแร่ธาตุครบมากขึ้นและทำให้ดินร่วนซุยมากขึ้น ราคาค่อนข้างถูก ถ้าใช้ ก็อาจจะได้ใช้ปุ๋ยน้อยลง(เฉลี่ยความดี เฉลี่ยรายจ่าย)ทำนองนั้นครับ ปั้นเม็ดขายก็น่าจะดีนะครับใส่เครื่องได้ หว่านได้ แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 54 16:45:28 จากคุณ : Turk14857 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 16:41:40

ความคิดเห็นที่ 45 ต้ิิิองขอบคุณทุกท่านมากกว่าครับ ที่ทำให้เกิดกระทู้นี้ได้ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 17:01:18

ความคิดเห็นที่ 46 เล่นพันทิปได้ไม่กี่เดือน หาห้องเกษตรอยู่ตั้งนาน ในที่สุดก็เจอ คริๆๆ มาเก็บเกี่ยวความรู้เกษตรอินทรีย์ครับ จากคุณ : tawansu เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 18:54:45

ความคิดเห็นที่ 47 เข้ามาหาความรู้ครับ บางคำก็เข้าใจ บางคำก็ไม่เข้าใจ เด็กใหม่คงต้องศึกษาอีกนาน ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านที่แบ่งปันครับ จากคุณ : ผมรักครูแหม่ม ครูแหม่มน่ารักนะ เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 23:16:55

ความคิดเห็นที่ 48 คราวนี้มาดูธาตุรองกันบ้างครับ ว่าเราเสียไปกับการปลูกพืชไปเท่าใดบ้าง ส่วนมากแล้วธาตุรองจะมีในดินเพียงพอ แต่บางที่อาจไม่เพียงพอ อ้างอิงจาก http://www.dryongyuth.com/journal/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99.pdf จากคุณ : Pit2519 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 09:06:31

ความคิดเห็นที่ 49 คราวนี้จะหาธาตุรองมาจากไหนดี ที่ค้นหาเจอก็มีจากพวกน้ำหมักต่างๆ ดังรูป (หน่วย ppm คือหน่วย ต่อล้านส่วน เช่น 160 ppm คือ 160/ล้าน) อ้างอิงจาก http://www.ldd.go.th/menu_Dataonline/G1/G1_21.pdf แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 54 09:10:35 จากคุณ : Pit2519 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 09:09:44

ความคิดเห็นที่ 50 ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ครับ งงหรืออะไรตรงใหนถามได้ครับ จะได้ลื่นใหลไปด้วยกัน คุณ pit เป๊ะอีกแล้วอ่ะ.... ชอบตาราง 48 มากๆๆๆ เป็นตารางที่ผมใช้บ่อยมาก มันคือคำว่า crop removal หรือปริมาณธาตุอาหารที่ติดไปกับผลผลิตพืช ให้สังเกตดีๆนะครับ ใครปลูกพืชตัวใหนอยู่ ปุ๋็ยที่คุณให้อัตราส่วนจะคล้ายคลึงกับปริมาณที่ติดไปกับผลผลิต เช่น ผมปลูกปาล์มน้ำมันนะ.. ใส่ปุ๋ย 15-10-30 ดูตารางได้ 2.8-0.5-3.7 ใกล้เคียงใหมครับ ใครปลูกพืชอะไรลองเปรียบกันนะครับ เทียบกันในนี้เลย...จะได้รู้ๆกันทั่วถึง จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 09:21:24

ความคิดเห็นที่ 51 ดูของยางพารานะครับ จากตารางได้อัตราที่ธาตุอาหารติดไปกับผลผลิตคือ... 20-5-25 เราใส่ปุ๋ยางสูตรใหนกันบ้างเอ่ย... ใครตอบได้บ้าง จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 09:23:12

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณครับคุณpit2519/คห.48+49 โอ้โห...น้ำหมักผลไม้ของผมมีฮอโมนเพียบเลย(ใส่อินทผลัมไป2ทะลาย+มะม่วง+ชมพู่+กล้วย ของดีๆทั้งนั้น ) มีจุลธาตุโบรอนด้วย  เยื่ยมมาก) กินถั่วเขียว/กินยางพาราได้Mgเพียบเลย จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 12:04:41

ความคิดเห็นที่ 53 ว๊า...ทำไมเงียบกันแ้ล้วครับ ยังมีใครอยูใหมครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 06:24:09

ความคิดเห็นที่ 54 ช่วงนี้ผมกำลังหาซื้อ  พอลิเมอร์  ว่าจะนำมาแช่สารอาหารสูตร A และ B   ทำเหมือนปลูกผักไฮโดรโปรนิคนะครับ   จากที่เอารากพืชแช่น้ำหรือฉีดพ่นน้ำ  เปลี่ยนเป็นนำสารอุ้มน้ำและสารอาหารมาใช้แทน   จะลองดูว่าประหยัดค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นหรือมีค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นกันนะ   ...เพราะสารพอลิเมอร์มันแพงจริงๆ ( อายุการใช้งาน 1 ปีเอง) ปล.ในตัวเมืองราชบุรี  ไม่มีให้ซื้อเลยซักร้าน  สงสัยต้องหาเวลาว่างเดินเที่ยว กทม. จากคุณ : ญี่ปุ่น35 เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 15:05:57

ความคิดเห็นที่ 55 อยากทราบว่า ทรายที่ใช้ดับกลิ่น ที่ให้แมว ฉี่ เมื่อหมดสภาพแล้วต้องเปลี่ยนใหม่ถ้าเอาไปทำปุ๋ยจะมีสารเคมีตัวไหนบ้างครับ ที่เป็นประโยชน์แก่ต้นพืชครับ จากคุณ : sutthisak (sutthisak.pa) เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 16:04:47

ความคิดเห็นที่ 56 ไม่ได้เงียบครับแต่เกรงใจ.....เอ้าถามต่อ ...ถ้านอกประเด็นขออภัยนะครับ ผมไม่ได้ปลูกมันแต่เพื่อนใกล้ๆกันเขาปลูก คือดูเหมือนเข้าใจข้อความนี้แต่ไม่เข้าใจ  ช่วยขยายความหน่อยครับ.......... "มันสัมประหลังตอบสนองต่อปุ๋ยกำมะถันมากกว่าแมกนีเซื่ยมและน้อยที่สุดคือแคลเซี่ยม ในอัตรา16กก.Sต่อไร่  อัตรา30กก.Mgต่อไร่ และอัตรา30กก.Caต่อไร่ตามลำดับ" จากคุณ : Boonthai Dates เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 19:50:53

ความคิดเห็นที่ 57 คุณญี่ปุ่นครับเป็นไอเดียที่แจ่มมากครับ แบบนี้ปลูกโชว์ในแก้วไวน์มีไฟส่อง....สวยเวอร์ๆเลยครับ คุณสุทธิศักดิ์ ผมว่าเอาไปสุมๆโคนต้นไม้ได้ครับแบบว่าหว่านๆๆ คุณBoonthai Dates ไม่ทราบเหมือนกันครับ มีใครทราบบ้างครับ จากคุณ : seto16 เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 08:33:00

ความคิดเห็นที่ 58 แอบมาเก็บเข้าคลังกระทู้ จากคุณ : JavaMySon เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:18:45

ความคิดเห็นที่ 59 ^56 ไม่ทราบข้อมูลเชิงลึก ขอเดาตามที่ cap มา 2.2.1 ปุ๋ยแคลเซียม แคลเซียมในดินส่วนใหญ่ได้จากการใส่หินปูน หรือ ปูนขาวเพื่อแก้ความเป็นกรดของดินซึ่งนับเป็นแหล่งให้แคลเซียมที่ถูกที่สุด นอกจากปูนแล้วยังมีแร่บางชนิดที่มีแคลเซียมเป็นองค์ประกอบและสามารถนำมาใช้เป็นปุ๋ยได้ เช่น ยิปซัม หรือแคลเซียมซัลเฟต ( Ca 22.3 %) นอกจากนี้แคลเซียมยังได้จากการใส่ปุ๋ยธาตุอาหารหลักบางชนิด เช่น แคลเซียมไนเทรต ( Ca 19.4 %) แอมโมเนียมไนเทรตไลม์ (Ca 8.2 %) แคลเซียมไซยานาไมด์ ( Ca 38.5 %) หินฟอสเฟต (Ca 33.1 %) และซูเปอร์ฟอสเฟต (Ca 14.3-19.6 %) เป็นต้น 2.2.2 ปุ๋ยแมกนีเซียม ปุ๋ยที่ให้แมกนีเซียมมีมากมายหลายชนิดได้แก่ ปูน เช่น โดโลไมต์ โดโลมิติกไลม์ แมกนีเซียมซัลเฟต (Mg 9.6 %) และปุ๋ยธาตุอาหารหลักบางชนิดที่มีแมกนีเซียมเจือปนอยู่ เช่น เบสิกสแลก (Mg 3.4 %) และแมกนีเซียมไนเทรต (Mg 9.5 %) เป็นต้น อัตราปุ๋ยแมกนีเซียมที่แนะนำสำหรับพืชไร่คือประมาณ 3-6 กก. Mg / ไร่ และไม่ต้องใส่ทุกปี การใส่ปุ๋ยแมกนีเซียมอาจทำได้ 2 วิธี คือ การใส่ทางดินในอัตรา 60 กิโลกรัม Mg/ ไร่ ในดินกรดและดินทราย หรือการฉีดพ่นทางใบด้วยสารละลายแมกนีเซียมซัลเฟตความเข้มข้นร้อยละ 2 หลาย ๆ ครั้งในช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับพืชซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณแมกนีเซียมในพืชโดยเฉพาะพืชอาหารสัตว์ 2.2.3 ปุ๋ยกำมะถัน ปุ๋ยที่ให้กำมะถันมีหลายชนิดได้แก่ กำมะถันผง ยิปซัม (18.6 % S) และปุ๋ยธาตุอาหารหลักหลายชนิดที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบ เช่น แอมโมเนียมซัลเฟต (23 % S) ดับเบิลซูเปอร์ฟอสเฟต (5.5 % S) โพแทสเซียมซัลเฟต (17 % S) เป็นต้น source: http://courseware.rmutl.ac.th/courses/53/unit1405.htm#head3 จะเห็นได้ว่าปุ๋ยแต่ละชนิดเองสามารถผสมจาก สารตั้งต้นคนละตัวกัน ทำให้ ถึงแม้จะชื่อเดียวกันแต่มีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน เช่น Kie serite (MgSO4.H2O) ละลายน้ำและถูกชะได้ง่าย แต่ก็ดูดซึมได้ง่าย Magnesite (MgCO3) ละลายยากกว่าทำให้หน่วงอยู่ในดินได้นานกว่า แต่ทั้งสองก็ให้ธาตุอาหาร Mg เช่นเดียวกัน และมีอยู่ในปุ๋ยMg แต่ละยี่ห้อไม่เท่ากัน นอกจากนี้ธรรมชาติของปุ๋ยแต่ละตัวไม่เหมือนกัน เช่น ปุ๋ย Ca มักจะทำให้ดินเป็นด่าง ในขณะที่ ปุ๋ย SO4 มักทีแนวโน้วทำให้ดินเป็นกรด ดังนั้นจึงควรจะต้องดูไปถึงข้อมูลเชิงลึกของปุ๋ย และ สังเกตุธรรมาชาติของดินที่่ใช้ทำการทดสอบเปรียบเทียบปุ๋ย รวมถึงลักษณะทางกายภาพต่างๆ เช่นอุณหภูมิ ปริมาณน้ำ ความสูง ชนิดกล้าพันธุ์ etc. อีกด้วย (การใช้ปุ๋ยชนิดหนึ่งๆ ดีกับพื้นที่หนึ่ง แต่อาจไม่ได้ผลเท่าที่ควรกับพื้นที่อื่นๆก็ได้) ปล, เพิ่งเคยเข้าห้องนี้ ฝากตัวด้วยครับ ;) แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 12:59:02 จากคุณ : BC@CU เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:55:37

ความคิดเห็นที่ 60 ...เพราะสารพอลิเมอร์มันแพงจริงๆ ( อายุการใช้งาน 1 ปีเอง) ปล.ในตัวเมืองราชบุรี  ไม่มีให้ซื้อเลยซักร้าน  สงสัยต้องหาเวลาว่างเดินเที่ยว กทม. คุณญี่ปุ่น สารพอลิเมอร์ ผมเคยเห็นที่ปฐมอโศกนครปฐม มีขายนะครับ แต่ไม่ทราบราคานะครับ ไม่ต้องไปหาถึง กทม.หลอกครับ จากคุณ : thasorn01 เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 11:55:31