ความคิดเห็นที่ 1 1. เวลาที่ไปใช้บริการจากร้านเหล่านี้ มองหรือสังเกตุอะไรเป็นพิเศษครับ ที่ทำให้ใช้เป็นข้อมูลตัดสินใจว่า ร้านนี่แหละที่เราอยากให้เขาดูแลเจ้าตัวเล็กของเรา สำหรับเรามองดูร้านสะอาดเป็นอันดับ ๑ ถ้าตกแต่งร้านสวยๆก็น่าจะเรียกลุกค้าได้ดีขึ้น ต้องยิ้มแย้มแจ่มใสทักทายลูกค้า เป็นมิตรพร้อมบริการ 2. อุปกรณ์ชิ้นไหนใน หรือการกระทำแบบไหน ในส่วนของ glooming ที่เจ้าของสุนัข ไม่ชอบ หรือไม่อยากให้ใช้กับสุนัขครับ  ถ้ามีและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช่วยแนะนำด้วยครับว่า "ควรจะปฏิบัติอย่างไร" อุปกรณ์และความสะอาดเป็นเรื่องสำคัญค่ะ หากอุปกรณ์ผ่านการฆ่าเชื้อก็น่าจะไว้วางใจได้มากกว่า เช่นคีมถอนขนหู แปรงควรผ่านการฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังจากใช้งาน  อ่างอาบน้ำควรเป็นสแตนเลสไม่ใช่อ่างพลาสติกหรือปูเคาน์เตอร์ เพราะหมาอาจลื่นหัวกระแทกเกิดเลือดคั่งได้  คนให้บริการควรมีใจรักสุนัขไม่ตีหรือทำร้ายสุนัข 3. หลังจากที่บริการ-จัดการเกี่ยวกับการอาบน้ำ ตัดแต่งขน เสร็จแล้ว ในช่วงพักรอเจ้าของสุนัข  อยากให้ทางร้านดูแลสุนัขอย่างไรครับ ใส่กรง? ผูกกับหลัก? (จริงๆอยากทำห้องเล็กๆ ให้แต่ละตัวแต่ใช้งบเยอะเกิน) ถ้าใส่กรง กรงแบบไหนที่อยากให้ใช้ครับ สำหรับถ้าตัวใหญ่จะผูกกับหลักครับ ใช้สายแบบรัดอก ใส่กรงคงดีที่สุดค่ะ ส่วนหมาใหญ่ก็ใส่สายผูกกับหลัก 4. บริการรับ-ส่ง สุนัข จำเป็นสำหรับคุณหรือไม่ครับ  ตั้งใจว่าในอนาคตอยากจะให้มี รถที่ดูๆไว้ เป็นรถตู้ขนาดเล็กบรรจุโกลเด้นฯได้ประมาณครั้งละ 2 ตัว(ใหญ่กว่านี้ไม่รับแล้วครับ สู้แรงไม่ไหว) เพื่อที่สุนัขจะได้ปลอดภัย และไม่ต้องโดนแดด โดนลม โดนฝนในระหว่างทาง ถ้าบริการรับ-ส่งควรจะมี คุณคิดว่าค่าบริการรับ-ส่ง ควรจะอยู่ในอัตราเท่าไหร่ครับ ที่คิดไว้น่าจะอยู่ในเรท ไม่เกิน10กม./200 บาท  ไม่เกิน20กม./300 บาทครับ ไว้บริการลูกค้าก็น่าจะดี น่่าจะได้ลูกค้าเพิ่มได้ เพราะอำนวยความสะดวกมากขึ้น แต่ทีนี้ต้องมาคำนวนค่าบริการก่อนว่าลูกค้าเต็มใจจะจ่ายไหม ให้มารับ ๒๐๐ +กับค่าบริการอีก ๒๐๐-๓๐๐ บ. เป็น ๕๐๐ บ.เข้าไปแล้ว แต่อย่างว่าหลายคนก็ยอมจ่าย หลายคนก็ไม่อยากจ่าย เราเองขอไปส่งเองดีกว่า อิอิ (แอบงกนิดหน่อย) ต้องลองซาวด์เสียงลูกค้าที่มาใช้บริการดูก่อนก็น่าจะดีนะคะ 5. ราคาสำหรับค่าบริการควรอยู่ในระดับใดครับ ขนาดเล็ก? ขนาดกลาง? ขนาดใหญ่?  ตอนนี้อยู่ในเรท 150-200 บาทสำหรับการอาบน้ำ  และ 150-200 บาท สำหรับการตัดแต่งขนครับ เอาจริงๆนะ ราคาอยู่ที่ฝีมือ ฝีมือดีแพงหน่อย(จะได้ลูกค้าอีกระดับนึง) ฝีมือไม่ดีราคาถูกคนก็ไม่ตัด (หลายคนอาจชอบแต่เราไม่เอา) ต้องดูทำเลของตลาดเป็นหลักค่ะ ขอให้กิจการเฮงๆนะคะ แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 55 12:46:54 จากคุณ : MY PIDPEE เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 12:46:31

ความคิดเห็นที่ 2 ยินดีด้วยค่ะที่เปิดร้านใหม่ ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองนะคะ เราชอบร้านที่มีของครบ   ราคายุติธรรมกับลูกค้า ปล.  glooming   จขกท.คงหมายถึง  grooming ใช่ไหมคะ   แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 55 13:10:09 จากคุณ : beauty aoy เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 12:56:31

ความคิดเห็นที่ 3 พาลูกสาวเข้าร้านอาบน้ำครั้งแรก เจ้าของร้าออกแนวฟ้อง+ต่อว่าเรา ว่าลูกสาวดื้อมาก ตะกุย ข่วน แต่เห่า สู้(แต่ไม่กัด ลูกสาวเป็นชิท์สุห์ค่ะ ดื้อตามสายพันธ์) และ คิดราคาเราแพงกว่าปกติ 50 (จาก 150.- เป็น 200.-) เราเสียหน้านิดๆแต่ก็เข้าใจ เพิ่ม 50 บาท ก็ไม่ติดใจค่ะ แต่ก็นะ น่าจะพูดออกแนวชวนคุยขำๆ น้องสู้ตลอดเลยค่า คงไม่ชิน ไว้พามาบ่อยๆนะคะ เนี่ย ลูกน้อง แผลเต็มมือเลย ขอคิด 200.- นะคะ ให้เด็กกินขนมปลอบใจ ก็ว่าไป แล้วกชอบที่ร้านผูกผมแถมติดโบว์ให้ฟรี (จริงๆคงบวกค่าโบว์ไปแล้ว) บางทีก็จุกเดียว บางทีจุกเดียว แต่ 2 ชั้น  บางทีก็ 2 แกละ น่ารักมากเลย ชอบร้านสะอาด อัธยาศัยดี แนะนำลูกค้าเรื่องดูแลลูกๆเสมอ จากคุณ : แมวเฉยๆ เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 13:25:15

ความคิดเห็นที่ 4 ทำเล และ สายพานของเงิน สำคัญที่สุด ทำเลที่ตั้งก็ต้องดูว่าคู่แข่งแถวนั้นเขามีระดับราคาเท่าไหร่ กลุ่มเป้าหมายของคุณตั้งอยู่ที่ระดับไหน ถ้ากลุ่มเป้าหมายตั้งไว้กลุ่ม B+/A  ลูกค้ากลุ่มนี้คาดหวังสูง ทำเลต้องดีเยี่ยม มีที่จอดรถ ไม่ใช่อยู่ตามซอกหลืบหน้าร้านลกๆ  ตกแต่งร้านต้องสวย ต้องเนี้ยบ เพราะเขายอมจ่ายแพง ลูกค้้ากลุ่มนี้จะไม่เข้าร้านที่ดูไม่สวย ไม่เนี้ยบ และถ้าตั้งราคาไม่สูง เขาก็จะไม่เลือกเข้า เพราะเขาจะไม่ไว้ใจกับการบริการ สถานที่อาจต้องอยู่ใกล้ห้าง หรือ อยู่ในห้าง เพราะพวกนี้งานยุ่ง เอาหมามาแหมะไว้แล้วตัวเองไปชอปปิ้งต่อ หรือ ถ้าเขาจะนั่งรอ ต้องมี WIFIให้เขาเล่นอินเทอร์เนตฟรี หรือ มีเบอร์เกอรี่ ให้เขานั่งกินชิวๆ ประมาณนั้น แต่ถ้าตั้งกลุ่มเป้นหมายไว้ลูกค้าระดับกลาง C+/B ลูกค้ากลุ่นนี้จะคาดหวังให้ดูแลหมาดีๆ แต่ราคาต้องยอมรับได้ ที่เขาจ่ายไหว ที่ตั้งร้านอาจไม่ต้องซีเรียสมากเท่ากลุ่มแรก แต่ยังคงต้องดูสะอาด มีที่จอดรถ การตกแต่งร้านอาจไม่ต้องอลังการงานสร้างมากก็ได้ ลูกค้ากลุ่มนี้ ถ้าเจอร้านที่ดูหรู ดูเข้าถึงยาก ดูเนียบเกิน เขาก็จะไม่กล้าเข้า แต่ถ้าการแต่งร้านดูเข้าถึงง่าย เห็นป้ายราคาชัดเจน มีสินค้าเห็นได้ชัดเจนว่าเขาจะซื้ออะไรบ้าง  ก็จะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ตัดสินใจเข้าไปรับบริการได้ง่าย ต้องรู้ว่าคุณจะขายสินค้าลูกค้ากลุ่มไหน เพราะเราจะรู้lifestyle ดูฐานเงินเดือน การตัดสินใจที่จะซื้อสินค้า หรือต้องการสินค้าที่แปลกแตกต่างจากที่อื่นๆ เราจะได้รู้ว่าจะตั้งร้านแถวไหนเพื่อให้ลูกค้าสะดวกที่จะมาเข้าร้าน หรือ เดินทาง รู้ว่าจะตั้งราคาเท่าไหร่ การตกแต่งร้าน การเลือกสินค้าเข้าร้าน เป็นต้น ------------ ถ้าเป็นร้านpetshop ร่วมกับร้านตัดขน ก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ มากกว่าการเปิดแค่ร้าน petshop ขายของเพียงอย่างเดียว ถ้าขายสินค้าอย่างเดียว ราคาสินค้า สำคัญทีุ่สุด   ิยิ่งขายได้ราคาถูกกว่า ก็จะได้เปรียบ แต่พวกร้านpetshop ใหญ่จะได้เปรียบในเรื่องของราคา ถ้าในละแวกนั้น ไม่มีร้านpetshop ใหญ่ๆที่เขาทำราคาได้ดีกว่าเรา เราก็ตั้งราคาเท่าไหร่ก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าละแวกนั้น มีร้านpetshop ใหญ่ที่เขาขายของได้ถูกกว่า เราอาจจะไปแข็งกับเขายาก เราอาจต้องหาสินค้าอื่นๆมาลงที่ร้านเพื่อสร้างความแตกต่างที่ร้านขายส่งพวกนั้นไม่มี ไม่ว่าลูกค้าจะระัดับสูง หรือ กลาง ถ้าจะซื้ออาหารหมา หรือ ซื้อสินค้าที่ใช้เป็นประจำพวกแชมพู ยาบำรุงขน ยาหยอดกลางหลังกันเห็บหมัด น้ำยาเช็ดหู เขาจะเลือกร้านที่ขายถูกกว่า และร้านที่สามารถรับเปลี่ยนสินค้าได้ เช่น อาหารหมาเจอหนอน ร้านใหญ่ๆจะสามารถเปลี่ยนสินค้้าเป็นถุงใหม่ให้เลย เป็นต้น แต่ถ้าเป็นสินค้าแฟชั้น อันนี้คนจะยอมจ่าย ถ้าสวยและชอบ แต่แพง เขาก็ซื้อ แต่ถ้าเป็นพวกอาหารหมา ที่ไหนถูกกว่าก็จะซื้อ ทำไมต้องยอมจ่ายแพงกว่า ----------------- ส่วนเรื่องงานลงรายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ตัดขน อาบน้ำ อะไรก็ตามแต่ว่าสุนัขชอบไม่ชอบอะไร อันนี้เจ้าของร้านต้องเป็นคนเลี้ยงหมาและคว่ำหวอดกับหมาพอควร ถึงจะรู้ว่า หมาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ของเหล่านี้คงไม่ต้องมานั่งถาม เพราะถ้าคนเลี้ยงหมาแบบเลี้ยงจริง ไม่ใช่เลี้ยงแค่ให้ข้าวกินไปวันๆ หรือเลี้ยงแบบชาวบ้านทั่วๆไปให้เฝ้าบ้านเป็นงานหลัก เขาจะรู้เลยว่า ในร้านแต่งขนต้องมีอะไรบ้าง แต่ถ้ายังเลี้ยงหมาไม่ลงลึก รู้แค่ผิวเผินไม่ได้คลุกคลีกับหมาเป็นชีวิตหลัก ก็คงทำร้านพวกนี้ยาก ไม่ใช่แค่เห็นว่าการตลาดน่าจะไปได้ เงินน่าจะดี แล้วก็เปิดร้านตัดขนหมาทั้งๆที่ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหมา เหมือนเปิดร้านเสื้อผ้าแฟชั่น คนจะเปิดร้านต้องแต่งตัวเป็น มีเทสเรื่องแฟชั่น การจับคู่สีด้วย ถึงจะรู้ว่าเสื้อผ้าจะออกมารูปแบบไหน แต่ถ้าเจ้าของแต่งตัวก็เชยเป็นป้า แ้ล้วจะเปิดร้านเสื้อผ้าได้อย่างไร แก้ไขเมื่อ 02 ม.ค. 55 15:57:37 จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 13:28:09

ความคิดเห็นที่ 5 น่าอิจฉา แฟน จขกท ครับ ร้านควรมีอาบน้ำตัดขน และเจ้าของควรอยู่เอง ตัดไม่สวยยังพอรับได้ หากสุนัขได้เลือด หรือพูดจาไม่ดี  จบครับ 1. เวลาที่ไปใช้บริการจากร้านเหล่านี้ มองหรือสังเกตุอะไรเป็นพิเศษครับ ที่ทำให้ใช้เป็นข้อมูลตัดสินใจว่า ร้านนี่แหละที่เราอยากให้เขาดูแลเจ้าตัวเล็กของเรา ตอบ ร้านน่าเข้า สะอาดตา สว่าง ไม่มีกลิ่น บริการดีครับ ตบแต่งสวย ก็แพง เมื่อไร จะคืนทุน 2. อุปกรณ์ชิ้นไหนใน หรือการกระทำแบบไหน ในส่วนของ grooming ที่เจ้าของสุนัข ไม่ชอบ หรือไม่อยากให้ใช้กับสุนัขครับ  ถ้ามีและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช่วยแนะนำด้วยครับว่า "ควรจะปฏิบัติอย่างไร" ตอบ อุปกรณ์ ที่ลูกค้าไม่ชอบ น่าจะเป็น ที่ ถอนขนหู หรือforceps เป็นอุปกรณ์ ที่นำมาประยุคใช้  เลี่ยงโดนการใช้นิ้วดึงแทน แต่อย่าทำท่าทางให้ดูน่ากลัวครับ     3. หลังจากที่บริการ-จัดการเกี่ยวกับการอาบน้ำ ตัดแต่งขน เสร็จแล้ว ในช่วงพักรอเจ้าของสุนัข  อยากให้ทางร้านดูแลสุนัขอย่างไรครับ ใส่กรง? ผูกกับหลัก? (จริงๆอยากทำห้องเล็กๆ ให้แต่ละตัวแต่ใช้งบเยอะเกิน) ถ้าใส่กรง กรงแบบไหนที่อยากให้ใช้ครับ สำหรับถ้าตัวใหญ่จะผูกกับหลักครับ ใช้สายแบบรัดอก ตอบ  ลูกค้าบางท่านไม่ชอบให้สุนัขเข้ากรงครับ   กรงที่สวยคือกรงสแตนเลส ซึ่งราคาสูง ส่วนหลักที่มัด สุนัขใหญ่ ควรมี ครับ 4. บริการรับ-ส่ง สุนัข จำเป็นสำหรับคุณหรือไม่ครับ  ตั้งใจว่าในอนาคตอยากจะให้มี รถที่ดูๆไว้ เป็นรถตู้ขนาดเล็กบรรจุโกลเด้นฯได้ประมาณครั้งละ 2 ตัว(ใหญ่กว่านี้ไม่รับแล้วครับ สู้แรงไม่ไหว) เพื่อที่สุนัขจะได้ปลอดภัย และไม่ต้องโดนแดด โดนลม โดนฝนในระหว่างทาง ถ้าบริการรับ-ส่งควรจะมี คุณคิดว่าค่าบริการรับ-ส่ง ควรจะอยู่ในอัตราเท่าไหร่ครับ ที่คิดไว้น่าจะอยู่ในเรท ไม่เกิน10กม./200 บาท  ไม่เกิน20กม./300 บาทครับ ตอบ บริการรับ ส่ง ควรมีครับ ราคาน่าจะขึ้นอยู่กับ เขต คนมีเงินหรือไม่  เช่น สุขุมวิท สีลม แต่ค่าบริการ ส่วนนี้แพงไปครับ ต้องไม่แพงไปกว่าราคาอาบน้ำ ตัดขน แถวบ้านผม ระยะ 10 กม รับส่งฟรี  ฟังแล้วปวดใจจริงๆ 5. ราคาสำหรับค่าบริการควรอยู่ในระดับใดครับ ขนาดเล็ก? ขนาดกลาง? ขนาดใหญ่?  ตอนนี้อยู่ในเรท 150-200 บาทสำหรับการอาบน้ำ  และ 150-200 บาท สำหรับการตัดแต่งขนครับ ตอบ ราคาขึ้นกับฝีมือ น้ำหนัก สายพันธุ์ ความดุ ดือ  แต่อย่างไร ควรดูราคาคู่แข่ง ละแวกนั้น ด้วยครับ ตั้งพอๆ กับคู่แข่ง และเน้นการบริการดีๆ ครับ จากคุณ : diskul เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 14:12:07

ความคิดเห็นที่ 6 ยา  ขายไปซักพักระวังถูกจับ  เพระต่อไปกฏหมายการควบคุมจะหนักมาก  อาจเสียเงิน  และโดนปิดในอนาคต  หลีกเลี่ยงได้โปรดหลีกเลี่ยง  เพระการจ่ายยาใดๆโดยไม่ใช่แพทย์แล้วเกิดอันตายต่อสัตว์  ฟ้องโดนเต็มๆๆ จากคุณ : opalvet เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 15:00:28

ความคิดเห็นที่ 7 ขอเถียง(ปนบ่นปรับทุกข์)แบบเซงๆกับคห.6 นิดนึงนะครับ เป็นเพื่อนร่วมอาชีพครับ ผมเชื่อว่าแฟนจขกท.คงรักหมา และคงไม่ได้ขายยาอันตรายใดๆให้กับเจ้าของหมาครับ เพราะยาหลายชนิดจะมีรายละเอียดข้อยกเว้น ของคุณภาพต่ำบางอย่างเช่นยากำจัดเห็บหมาที่ไม่มี อย. หรือของดีแต่มีข้อยกเว้นในการใช้อาจทำให้เจ้าของเสียหมา เจ้าของร้านเสียทั้งความรู้สึก ความน่าเชื่อถือ และเสียแบบปากต่อปากด้วย แต่ความจริงที่น่าเศร้าคือไม่มีหน่วยงานไหนที่จะมาลงโทษคนที่ไม่ได้เป็นสัตวแพทย์แต่ขายยา(ตัวอย่างความเสื่อมของกฎหมายไทย) แจ้งกรมปศุสัตว์บอกว่าเป็นหน้าที่สมาคมสัตวแพทย์ แจ้งสมาคมสัตวแพทย์บอกว่าเป็นหน้าที่ของกรมปศุสัตว์(ก็เขาไม่ใช่สัตวแพทย์นี่นะ ทีสัตวแพทย์หล่ะจะห้ามเปิดเพ็ทชอป) แจ้งตำรวจเนื่องจากทำให้เสียทรัพย์ผมแจ้งจับพนักงานร้านขโมยเงินมีหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอเห็นภาพเต็มๆปีใหม่ที่แล้วปีนี้พี่ยังไม่ขยับตัวเลยครับ แจ้งอย.อาจได้ครับไม่เคยแจ้ง(But I don't think so) เพราะฉะนั้นใครซื้อของจากร้านที่ไม่ใช่สัตวแพทย์ก็ทำใจเลยครับ เขาอาจขายโดยไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้นได้เลยครับ!!!!! คนที่ไม่เอาคอพาดบนเขียงบางคนอาจไม่ใส่ใจรายละเอียดเท่าสัตวแพทย์จริงๆครับ(ยังคิดๆอยู่เลยว่าจะต่อใบอนุญาตทำไมให้ใช้ชีวิตลำบาก...พูดเล่นครับ) ตอบคำถามพระเอกบ้างครับ 1) เห็นด้วยกับทุกท่านด้านความสะอาดครับสำคัญสำหรับทุกคน ทีนี้สไตล์ร้านจะหรูหราหรือเป็นกันเอง ของเป็นระเบียบหรืออัดแน่น เป็นรสนิยมแล้วแต่พื้นที่ครับ แน่นอนครับการ"นั่งรอได้สบายๆ"ก็สำคัญสำหรับร้านตัดขนครับ 2)การใช้อุปกรณ์สกปรกหรือดูอันตรายอะครับ กับอะไรที่ใช้แล้วรู้สึกว่าหมาเขาเจ็บ หวีที่ลอกๆควรเปลี่ยนครับ ของแหลมๆเช่นที่เกาสังกะตังควรเลี่ยง(ช่างประสปการณ์สูงหน่อยจะรู้ว่าหวีจะใช้ดีกว่าของพวกนี้) อุปกรณ์บางอย่างที่ดูใช้ได้ผลน่ารักๆเช่นชามแขวนกรง หวีแข็งแรงน่ารักๆ ตะไบเล็บสวยๆ เอามาใช้แล้วเจ้าของจะอยากได้ไปด้วยนะครับ ผมมีตะไบเล็บทำจากกระดาษทรายขัดเหล็กแปะกับไม้ไอติมวาดรูปเล่นเล็กน้อย ใช้ตะไบสำหรับตัวที่เล็บสั้นอยู่แล้วแต่คม หรือเกลี่ยดกรรไกรตัดเล็บมาก เจ้าของเคยจะซื้อต่ออยู่ครับ แต่หวงเลยไม่ขาย (ไม้ไอติมที่กินเองเลียเองหวงมักๆ) 3)ยังไงก็ต้องมีกรงครับเพื่อความปลอดภัย แต่สำหรับตัวที่ไม่ซนมากและหรืออยู่ไม่นาน ผมมีคอกเหล็กกรอบไม้ที่ไม่มีที่ปิดด้านบน เอาหมาขึ้นลงจากข้างบนพักเก็บได้ ขนาดตอนกางประมาณ0.8ตารางเมตร เจ้าของจะชอบและรู้สึกซอฟท์กว่า เขาคงรู้สึกว่ามันไม่อึดอัดเท่ากรงครับ ผมไม่มีขายแต่คนขอซื้อค่อนข้างเยอะครับ เพ็ทชอบใหญ่ๆมีขาย(ผมได้มาสองพัน ตอนนี้เห็นอยู่สามสี่พัน) กรงแสตนเลส(แท้)ไม่มีสนิมเจ้าของจะรู้สึกดีครับ(แต่ราคาอาจแรงพอกับแบ่งห้องครับ ของถูกไม่แท้มีที่JJครับตรงพระพรหม จีนแดงร้อยเปอร์เซ็นต์ เหล็กบางแต่ไม่เป็นสนิมกลางปล้องมีบ้างตามรอยต่อ) 4-5)ควรดูราคากับระแวกรอบๆครับ หรืออีกหลักการคือตั้งตามที่คิดว่าตัวเองจะอยู่รอดครับ คำนวนจากต้นทุนทุกอย่างในร้านดูคร่าวนะครับ ผมบอกได้คงไม่ดีเท่าเข้าห้องที่เกี่ยวกับธุรกิจไปถามครับ อย่าเพิ่มราคาเพราะทำได้อย่าลดราคาแข่งกัน สังคมจะดีครับ ที่เหลือสิ่งที่เรียก Personal touch เป็นสิ่งที่ดีของการบริการครับการทำด้วยใจเพราะทำได้ให้รู้สึกว่าลูกค้าเป็นเพื่อนเราจะทำอะไรเพิ่มให้เพื่อนได้บ้าง การจำได้ว่าลูกค้าเป็นใคร อาจน้ำแล้วผูกโบว์ พันผ้าพันคอ ยิ้มทักพูดคุย จำได้ว่า"ทรงเดิม เหมือนทุกทีเป็นยังไง" ควรมีคอมไว้หาชื่อแล้วเบอร์โทรลูกค้านะครับ(ผมเป็นโรงพยาบาลสัตว์ ใช้excelลงประวัติ แล้วใช้ctrl-fหาชื่อเบอร์ติดต่อได้) ลูกค้าหลายท่านชอบที่จะโยนหมาไว้บอกเหมือนเดิมแล้วไปได้เลยโดยไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น เขาจะรู้สึกเป็นลูกค้าประจำครับ แถมขนมทำเองไปให้เป็นครั้งคราวเวลาซื้อเยอะๆมันก็สร้างความประทับใจได้ครับ ร้านเพ็ทชอบเล็กแข่งราคาเขายาก แต่ที่ร้านผมขายเจอร์ไฮสามถุงร้อยกำไรน่าร้องไห้มาก แต่มันทำหน้าที่เป็นสินค้าเชียร์แขกครับ ของอื่นๆในร้านขายตามปรกติ แต่ลูกค้าจะแวะร้านผมเพื่อซื้อเจอร์ไฮแล้วก็หยิบอื่นๆไปด้วย รวมถึงยืนคุยกับหมอด้วยครับ อย่าลืมดูแลสิ่งพื้นฐานการอาบน้ำให้สะอาด ตัดเล็บ เช็ดหู ไถก้นให้ดี จะเป็นการสร้างลูกค้าที่ดีที่สุดครับ ขอให้โชคดีนะครับ อยากเห็นคนทำแล้วได้กำไรมากๆๆๆๆๆๆ มีความสุขทั้งคนขายและลูกค้าครับ จากคุณ : aniinc เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 20:27:13

ความคิดเห็นที่ 8  เพื่อนๆตอบไปหมดแล้วนะคะ มาเป็นกำลังใจให้ก็แล้วกันค่ะ   จากคุณ : ปอนด์ กะ เป้ เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 23:11:48

ความคิดเห็นที่ 9 ส่วนตัวไม่เคยพาหมาไปตบแต่ง อาบน้ำ เงินไม่มี กลัวหมาไปพังร้านด้วย เวลาที่ขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านร้านพวกนี้ สิ่งแรกที่มองคือ ราคาเท่าไหร่ ประเภท ติดป้าย ราคาเท่านี้ อาบ 10 แถม 1 ตาเราวาวมาก แต่อย่างที่บอกได้แต่มองคะ ไม่เคยพาหมาไป จากคุณ : tempopo เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 09:29:49

ความคิดเห็นที่ 10 หญิงก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่นิยมพาสุนัขไปอาบน้ำที่ร้าน เพราะชอบทำเอง เราจะได้ฝึกเขา เพราะเป็นวิถีหนึ่งที่ทำให้หมาเคารพเราด้วย ยกเว้นแต่พาหมาไปว่ายน้ำ แล้วพอว่ายน้ำเสร็จก็จะมีแถมอาบน้ำ เป่าขนให้ ชอบร้านที่มีกิจกรรมอย่างอื่นให้หมาด้วย เช่น มีสนามวิ่งเล่น มีสนามagility เพราะเสียเวลาไปทั้งทีก็เอาให้ครบ หมาก็ได้อาบน้ำ ว่ายน้ำ แถมได้ซ้อมagility และฝึกคาบจานร่อนด้วย คุ้มดี ที่จริงอยากให้เมืองไทยมีอย่างใน ตปท เหมือนกันนะ พวกร้านอาบน้ำหมาแบบ self service คือมีห้อง มีอ่างสแตนเลส มีโต๊ะเป่าขน มีไดร์เป่าไล่น้ำ ประมาณนั้น ก็น่าสนใจดี คือ เจ้าของทำเอง แต่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้แบบไม่ต้องเมื่อยหลัง และ ขนแห้งไว แต่เมืองไทยคงทำไม่ขึ้น เพราะคนไทยรักความสบาย และ คนส่วนใหญ่ที่เลี้ยงหมาก็มีพื้นที่ในบ้าน ก็มีที่อาบน้ำให้หมา ไม่ต้องไปพึ่งพาพื้นที่ที่ร้าน แต่ใน ตปท แม้อยู่ในapartment เขาก็ยังเลี้ยงหมาได้ ก็อาจไม่มีที่สำหรับให้หมาอาบน้ำ ก็เลยต้องพึ่งพาร้านอาบน้ำหมาแบบ self service หรือ รถรับอาบน้ำแบบเคลื่อนที่ไปตามจุดต่างๆ --------------- อันนี้ความคิดส่วนตัวเลยนะคะ ถ้าจำเป็นต้องพาหมาไปอาบน้ำ ก็จะเลือกที่เป็นคลีนิกสัตวแพทย์แล้วมีบริการอาบน้ำด้วย เราก็จะไว้ใจมากกว่า ว่าหมาเราปลอดภัยแน่ๆ ถ้าบังเอิญมีการบาดเจ็บอะไรขึ้นมาก็อยู่ใกล้หมอ ใกล้ผู้เชี่ยวชาญ หรือพาไปร้านอื่นๆ ก็ตอ้งเป็นร้านที่มีกิจกรรมอย่างอื่นด้วย เช่น มีสระว่่ายน้ำหมาว่ายน้ำแถมอาบน้ำ  มีสนาม agility แบบว่า ไปทีเดียวได้หลายอย่าง สมมติว่าตัวเองเลี้ยงหมาขนยาวที่ต้องมีการ grooming เราจะไปเรียนgroomingเองเลย เพื่อจะได้ตัดขนให้สุนัขตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาใคร พึ่งพาตัวเองดีสุดชัวร์สุด อยากทำทรงไหนก็ลุยเอง เพราะกลัวคนอื่นทำแล้วไม่ถูกใจ จากคุณ : Yoja&Jiji เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:32:31

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากครับ ได้ข้อมูลเยอะเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่ทราบจริงๆ เพราะผมไม่ได้เลี้ยงครับ อยากเลี้ยงชิสุสักตัวเหมือนกันแต่ไม่มีเวลาดูแลครับ สงสารเดี๋ยวอดตาย เคยเลี้ยงตัวนึงช่วงสั้นๆ5เดือนกว่ามันหลงทางมาครับตอนหลังหาเจ้าของเจอเลยคืนเจ้าของไปแล้ว   แต่ส่วนตัวเขาเองก็เลี้ยง2-3ตัวครับ และมีตัวโปรดขนาดนอนเตียงเดียวกัน(ง่ะ อิจฉาว้อยยย) เป็นลูกรักเลยครับ เขาเลยอยากทำตรงนี้ ถึงขั้นไปเรียนเอง จบแล้วตอนนี้ก็เปิดร้านและทำงานในส่วนนี้ด้วยตัวเองเลยครับ   คุณ : MY PIDPEE คำแนะนำเรื่องฆ่าเชื้อเครื่องมือ เป็นเรื่องที่ดีมากครับ ผมจะลองไปคุยกับเขาดูว่าปกติได้ดูแลจุดนี้ด้วยหรือเปล่า จะให้เขาทำด้วยครับเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ คุณ : beauty aoy glooming   จขกท.คงหมายถึง  grooming ใช่ไหมคะ   ใช่แล้วครับ แหะ แหะ เห็นร้านแถวบ้านเขียนยังงี้น่ะครับ ขอบคุณที่ทักท้วงครับ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรด้วยครับ คุณ : แมวเฉยๆ เรื่องมารยาทกับลูกค้านี้ จะเอาไปคุยกับเขาด้วยครับ ขอบคุณมากครับ คุณ : Yoja&Jiji ผมดูจากร้านแล้ว เขาจะรับลูกค้าทั่วไปครับ เท่าที่สังเกตุมีทั้งขี่มอเตอร์ไซค์อุ้มมา กับรถเก๋ง รถกระบะ  แต่โดยรวมก็คือจะนัดเวลาลูกค้ามารับครับ ไม่ก็โทรไปแจ้งเมื่อเสร็จแล้ว ไม่ค่อยมีลูกค้ามานั่งรอครับ  แต่ก็ติดwifi และมีที่นั่งสำหรับลูกค้าให้แล้วครับ "สมมติว่าตัวเองเลี้ยงหมาขนยาวที่ต้องมีการ grooming เราจะไปเรียนgroomingเองเลย เพื่อจะได้ตัดขนให้สุนัขตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาใคร พึ่งพาตัวเองดีสุดชัวร์สุด อยากทำทรงไหนก็ลุยเอง เพราะกลัวคนอื่นทำแล้วไม่ถูกใจ" ตัวเขาเอง ก็แบบคุณเลยครับ ขอบคุณมาก สำหรับข้อมูลครับ คุณ : diskul ข้อมูลมีประโยชน์มากเลยครับ เรื่องที่แนะนำมา คงจะต้องทำหลักผูกสุนัขใหญ่ครับ ตอนแรกผมจะทำกรงใหญ่ แต่เดี๋ยวจะลองถามเขาดูอีกทีนึง (ไม่ใช่ร้านของผมครับ เลยอยากให้เขาเป็นคนตัดสินใจเองมากกว่า ผมแค่ช่วยในสิ่งที่เขาอยากให้ทำก็พอ) ส่วนเรื่องบริการรับ-ส่ง คงต้องยกเลิกไปครับ เพราะคงจะไม่คุ้มค่าแน่นอน ยิง่เห็นบอกว่า รับ-ส่งฟรีระยะไม่เกิน 10 กม ด้วยนี่ เหนื่อยแทนเลยครับ ขอบคุณครับ คุณ : opalvet เรื่องยานี้ คิดว่าไม่น่าจะมียาที่ค่อนข้างเสี่ยงน่ะครับ แต่ยังไงจะลองให้เขาเช็คข้อมูลจุดนี้ดูอีกทีครับ เพื่อความแน่นอน  เพราะกรณีนี้เสี่ยงมากเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับคำเตือนครับ คุณ : aniinc คำแนะนำของคุณมีประโยชน์มากครับ ผมชอบไอเดียเรื่องกรง กับที่ตะไบเล็บ ครับ ต้องลองไปดูว่าเขาใช้อะไรทำงานบ้าง และมีแบบไหนที่น่าจะประยุกต์เอาเครื่องมืออื่นมาใช้กับสุนัขได้ ปลอดภัย สะดวก และทำงานได้เรียบร้อยได้ผลดี เรื่อง personal touch ที่แนะนำ เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าจำเป็นต้องมีครับ แต่อาจจะไม่ต้องเยอะเพราะมีคนมาจีบเขาด้วยครับ  แต่ไม่เป็นไรต้องดูกันไปว่า ใครจะอึดกว่าใคร เพราะตอนนี้ยังไม่เห็นเขาจะปลื้มใครมากเท่ากับลูกสาวตัวเล็กของเขาเนี่ยแหละ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและคำอวยพรครับ คุณ : ปอนด์ กะ เป้ ขอบคุณมากครับ คุณ : tempopo ถ้าอยู๋เชียงใหม่จะขอให้มาทดลองใช้บริการครับ  เพราะตอนนี้ที่ร้านเขามีโปรโมชั่นให้ตาวาวกว่า 10แถม1 อีกครับ  คือ ช่วงนี้เขามีโปร 1 แถม1 ครับ  ผมก็พึ่งรู้เมื่อวานเหมือนกัน  แต่ไม่รู้ทำไม เขาไม่จัดโปรให้ผมมั่งเลยย แค่จุ๊บเค้าซักที เค้าก็ดีใจแย่แล้วนะ ฮือ ฮือ ฮือ ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งนะครับ   ขอให้มีความสุขตลอดทั้งปีนะครับ ^^ จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 22:40:25

ความคิดเห็นที่ 12 มาทันรึป่าวนิ จะมาแชร์ด้วยคน ไม่เคยพาน้องเข้าร้านตัดขนหรอกค่ะ   เลยไม่รู้ว่าในร้านต้องมีอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ คือ ร้านขายยาของเรา อยู่ติดกับ ร้านอาบน้ำตัดขน และขายอาหาร แชมพูนิดหน่อย     มีปัญหา เรื่องกลิ่นค่ะ เหม็นมากๆๆ   เราเลยไม่เข้าไปซื้ออะไรแม้อย่างนึงในร้านนี้เลย ถ้่ากลิ่นโชยออกหน้าร้าน ยัน หลังบ้าน ทะลุเข้าครัวเรา  ก็บ่งบอกถึงความสะอาดและความรับผิดชอบ ของร้านได้อย่างนึงค่ะ จากคุณ : ดาเลียสีน้ำเงิน เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:07:58

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ : ดาเลียสีน้ำเงิน เรื่องกลิ่น ที่ก็น่าจะสำคัญอีกเรื่องครับ แสดงถึงความสะอาดของร้านได้ระดับนึงด้วย ขอบคุณครับ ^^ จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 23:32:42