ความคิดเห็นที่ 1 กระต่ายต้องกินหญ้าครับ ย้ำ ต้องกินหญ้า ไม่ใช่ให้หญ้าเป็นอาหารเสริม อาจมีบางท่านบอกว่ากระต่ายที่บ้านกินแต่อาหารเม็ด ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมขอบอกเลยว่าสุขภาพกระต่ายตัวนั้นรวมถึงความสวยงามสู้กระต่ายที่กินหญ้าไม่ได้ครับ พูดอีกแบบ ถ้ากระต่ายตัวนั้นกินหญ้า สุขภาพจะดีขึ้นเยอะครับ แล้วถ้าทำยังไงๆกระต่ายก็ไม่กินหญ้าล่ะ ภาระจะตกที่ผู้เลี้ยงครับ ถ้าไม่พยายามบังคับมันให้กินให้ได้ ก็ต้องเลือกสรรอาหารเม็ดคุณภาพดีให้มันครับ แต่ยังไงก็ไม่ดีเท่ากินหญ้านะครับ ผมเคยมาแล้วครับ ถ้วยฟูอยู่เป็นปกติดีไม่เจ็บไม่ป่วย แต่ทำไมอยู่ๆไปยิ่งน่าเกลียดขึ้นทุกวัน ขนแหว่งๆเหมือนเป็นโรค แต่หาหมอแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไร จนมีคนมาชี้ทางสว่างครับ เค้าบอกว่า โห ไม่กินหญ้าเลย อยู่มาได้ป่านนี้ก็บุญแล้ว ลองดูภาพเปรียบเทียบแล้วกันครับ Before --> ช่วงผลัดขน ตอนนั้นให้กินแต่อาหารเม็ดถูกๆ กับผักผลไม้สดบ้าง After --> ก็ยังกินแต่อาหารเม็ดอยู่ แต่เปลี่ยนอาหารใหม่มาได้สักพัก จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 02:17:44

ความคิดเห็นที่ 2 อ้าว กินแต่อาหารเม็ดดีๆอย่างเดียวมันก็อยู่ได้ ดูสุขภาพดีนี่ ไม่เห็นต้องกินหญ้าเลย ครับ ตอนนั้นผมก็แอบคิดแบบนั้นเหมือนกันครับ ทำยังไงถ้วยฟูก็ไม่ยอมกินหญ้าเลยครับ จนผมขี้เกียจจะบังคับมัน จนกระทั่งพบว่าฟันหน้ามันไม่สบกัน ทำให้เกิดปัญหาฟันยาวต้องคอยตัดเรื่อยๆ ตอนนั้น ผมก็รู้มาก่อนแล้วว่ากระต่ายบางตัวต้องตัดฟันเรื่อยๆ จึงไม่ได้ใส่ใจอะไร แค่พามันไปคลีนิคแถวบ้านให้หมอตัดฟันให้ทุกเดือน จนมาพบหมอเฉพาะทาง และรู้ว่ากระต่ายที่เริ่มมีปัญหาฟันหน้าแบบนี้ สามารถตัดแต่งให้ฟันกลับไปสบกันใหม่ได้ ตอนนั้นก็สายเกินไปสำหรับถ้วยฟูแล้วครับ ดังนั้น คำถามที่ว่ากระต่ายฟันยาวทำยังไงดี หรือตัดฟันที่ไหนดี ผมขอบอกเลยว่าให้พาไปหาหมอเฉพาะทางกระต่าย แล้วคุยกับหมอก่อนเลยว่าหมอท่านนั้นจะสามารถตัดแต่งแก้ไขฟันกระต่ายได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ลองหาหมอคนอื่นครับ ก่อนที่จะสายเกินไป จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 02:26:43

ความคิดเห็นที่ 3 กระต่ายที่ฟันยาวนั้น นอกจากจะกินอาหารเม็ดได้ลำบากแล้ว ก็ยังทำให้มันยิ่งกินหญ้าได้ลำบากขึ้นไปอีก การที่จะบังคับมันกินหญ้าก็ยากขึ้นไปอีก เป็นปัญหาวนเวียน จากที่ถ้วยฟูตัดฟันเดือนละครั้ง ต่อมาก็เริ่มถี่ขึ้น และฟันก็ซี่ใหญ่ขึ้น ตัดลำบาก และมันจะไม่ใช่แค่ต้องตัดฟันครับ ถ้วยฟูมีอาการน้ำตาไหลไม่หยุดมาพักใหญ่ๆแล้วครับ วิธีรักษาคือต้องให้หมอสวนท่อน้ำตาครับ และครั้งเดียวอาจไม่หาย ต้องพาไปต่อเนื่องสักพัก อย่างไรก็ตาม มันไม่หายขาดครับ หายสักพักเดี๋ยวก็มีอาการอีก เพราะต้นเหตุคือปัญหาเรื่องฟันครับ ดังนั้น ท่านที่คิดว่าหาหยอดตาแล้วกระต่ายจะหายจากอาการนี้นั้น มันไม่เสมอไปนะครับ กลับจะยิ่งเสียเงินไปเปล่าๆและอันตรายด้วยครับ (ภาพประกอบ: ถ้วยฟูระหว่างสวนท่อน้ำตา) จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 02:37:00

ความคิดเห็นที่ 4 บางท่านอาจจะสงสัย ท่อน้ำตาตันเกี่ยวอะไรกับฟัน ลองดูภาพประกอบครับ เป็นภาพ x-ray ล่าสุดของถ้วยฟูเมื่อไม่นานมานี้ครับ - ในภาพเห็นได้ชัดเจนว่าฟันหน้าไม่สบกัน และยาวผิดรูปไป - ดูตรงลูกศรชี้ครับ ตรงนั้นคือรากฟันของฟันหน้าบนที่โก่งผิดรูปขึ้นไป ไม่แนบกับแนวขากรรไกร มันผิดรูปก็เพราะฟันหน้าบนโดนฟันล่างยาวคร่อมกดอยู่ รากฟันจึงโก่งแบบนั้น - เส้นฝอยๆตรงที่รากฟันโก่งขึ้นไปเบียดคือท่อน้ำตาครับ นั่นคือรากฟันหน้าไปเบียดอยู่กับท่อน้ำตา ทำให้ท่อน้ำตาตัน และน้ำตาไหลไม่หยุด เห็นภาพแล้วใช่มั้ยครับ ซึ่งในบางตัวนั้น รากฟันที่มีปัญหาก็อาจจะเป็นฟันกรามก็ได้ จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 02:44:06

ความคิดเห็นที่ 5 ยังไม่พอครับ ไม่ใช่แค่เห็นฟันยาวแล้วจะมีปัญหาแค่ฟันหน้า มันส่งผลถึงฟันกรามด้วยครับ ลองเปิดปากถ้วยฟูดูฟันกราม พบว่าฟันกรามยาวขึ้นผิดแนว และมีบางซี่ขึ้นซ้อนเบียดกันด้วย ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าฟันหน้ามันยาว ทำให้มันปิดปากและบดเคี้ยวอาหารผิดปกติผิดรูปผิดแนวไป ฟันกรามจึงค่อยๆยาวขึ้นผิดแนวไปเช่นกัน ใช่ครับ ต้องตัดแต่งฟันกรามด้วยเช่นกัน และไม่ได้ตัดง่ายๆเหมือนฟันหน้า ต้องวางยาเพื่อเปิดปาก และมีค่าใช้จ่ายตามมาครับ (ภาพประกอบ: ถ้วยฟูระหว่างเปิดปากตรวจฟันกราม) จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 02:49:26

ความคิดเห็นที่ 6 การรักษาต้นเหตุของท่อน้ำตาตัน --> ถอนฟันที่มีปัญหาทิ้ง มันเจ็บมันเป็นเรื่องใหญ่ครับ และสำหรับถ้วยฟูถ้าจะถอนฟันหน้า ก็ต้องถอนฟันหน้าทั้งหมด ไม่ใช่แค่ซี่เดียว มันต้องเจ็บมาก และหลังจากนั้นกินอาหารได้ลำบากมากๆเพราะไม่มีฟันหน้าแล้ว ยังไม่รวมถึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อระหว่างที่แผลยังไม่หายดีอีก คุณหมอจึงแนะนำว่ารักษาไปตามอาการดีกว่าคือตัดฟันหน้าและสวนท่อน้ำตาทุกเดือน, ตรวจฟันกรามทุกสองเดือน ผม --> เหนื่อย, เสียเวลา, เสียเงิน ถ้วยฟู --> ไม่สบายตัว,กินอาหารลำบาก,ต้องโดนสวนท่อน้ำตาและวางยาเปิดปากเรื่อยๆ จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 02:56:16

ความคิดเห็นที่ 7 พิมพ์มาอย่างยาว จนถึงตอนนี้ทุกท่านคงเห็นแล้วว่าวิธีป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหล่านี้ง่ายนิดเดียว คือดูแลเรื่องโภชนาการกระต่ายให้ถูกต้องตั้งแต่ยังเด็ก และพากระต่ายไปหาหมอเฉพาะทางเมื่อเริ่มมีอาการผิดปกติ อย่าเสี่ยงอย่าเดารักษาเองเลยครับ และจริงๆแล้วโภชนาการที่ดีของกระต่ายนี่ง่ายๆเลยนะครับ อย่าไปสรรหาอะไรแปลกๆพิศดารให้มันกินเลยครับ กระต่ายไม่ใช่หมาและไม่ใช่กระต่ายทดลอง เห็นมันกินได้ไม่ใช่แปลว่าอาหารนั้นไม่เป็นไรนะครับ สรุปอีกครั้ง: ไม่กินหญ้า --> ขนไม่สวย --> ฟันหน้ายาว --> ท่อน้ำตาตัน --> ฟันกรามมีปัญหา --> รักษาไม่มีจบ ในทางตรงกันข้าม: กินหญ้า,โภชนาการดี --> ไม่มีปัญหาสุขภาพใดๆเรื้อรัง --> จบ ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนครับ สงสัยอะไรโพสท์ถามโพสท์คุยกันได้ครับ ผมก็ไม่ใช่หมอและไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย ขอบคุณที่อ่านครับ (ถ้าถามว่าถ้วยฟูเปลี่ยนมากินอะไรช่วงเปลี่ยนอาหาร หรือหาหมอที่ไหน ผมขอไม่ตอบนะครับ) จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 03:07:21

ความคิดเห็นที่ 8 อีกนิดนึง: ล่าสุดที่ไปหาหมอ หมอพูดว่าต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดนี้มาจากการที่มันกินอาหารแบบผิดๆมาตั้งแต่ยังเด็ก ไม่ใช่พันธุกรรม เรื่องพันธุกรรมนั้นน้อยมากๆๆ ผมฟังแล้วรู้สึกผิดเจ็บจี๊ดในใจครับ จากคุณ : pinhead เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 03:10:34

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆครับ หวังว่าจะช่วยเตือนผู้เลี้ยงที่ไม่ได้ให้กระต่ายกินหญ้าเป็นอาหารหลักครับ จากคุณ : Mister K.K. เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 03:52:32

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นกระทู้ที่ดีมาก ๆ ต้องเก็บเข้าคลังเลยค่ะ   ขอบคุณมากค่ะสำหรับการแชร์เรื่องนี้ เพราะไอ่โป้ก็กินหญ้ายากเหมือนกันค่ะ เราจะต้องใจแข็งให้มากกว่านี้ จากคุณ : เขียนบน iPhone (=me=) เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 07:38:08

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งค่ะ กระต่ายต้องทานหญ้าเป็นหลัก ขอบคุณพ่อพี่ถ้วยฟูที่มาแชร์เรื่องของพี่ถ้วยฟูค่ะ จากคุณ : Squidy girl เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 08:28:11

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณสำหรับการแชร์ความรู้ดี ๆ. ค่ะขอให้ถ้วยฟู ฟื้นตัวเร็วนะคะ จากคุณ : การบูร ไพลสด เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 08:38:34

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับคุณพ่อถ้วยฟูขอบคุณค่ะ .. โภชนาการดีเด็กก็จะสุขภาพดีกันถ้วนหน้า . ูู^^.. ไม่เห็นดังโงะซะนาน ยังหล่อเหมือนเิดิม .... จากคุณ : Bossi เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 08:55:33

ความคิดเห็นที่ 14 ดีครับ  เดี๋ยวนี้ให้กินหญ้าตลอด  ตะแรกก็คิดแต่ว่าถ้าเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดก็ดี  สดวกดี แต่พอได้อ่านมากๆ  ก็เปลี่ยนความคิดไป  ตอนนี้ให้อาหารเม็ด/หญ้า 50:50   เดี่๋ยวว่าจะไปหาหญ้ามาหลายๆแบบ   อยากให้กระต่ายมีความสุข  ได้กินหญ้าหลายชนิดบ้าง จากคุณ : maxjom เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 09:39:29

ความคิดเห็นที่ 15 โหวตครับ กระทู้ดีๆ แบบนี้ จากคุณ : Kobae เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 10:38:48

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณคะ สำหรับความรู้ใหม่ๆ ข้อมูลใหม่ๆ เป็นสิ่งที่คนเลี้ยงกระต่ายทุกคนควรให้ความสำคัญมากๆเลยค่ะ กะทิ โชคดี กิน หญ้า กับ อาหารเม็ด ตั้งเเต่เด็ก ต่อไปนี้จะลดปริมาณอาหารเม็ดลง เเล้วเพิ่มปริมาณของหญ้าให้มากขึ้น ซึ่งเจ้าตัวเเสบ ชอบเลือกกิน หญ้า ก้ไม่รู้ว่าทำไม ต้องเลือก ด้วย ไอ้ที่อยู่ที่กรง เหลือเยอะมากไม่กิน พอเราเอาอันใหม่มาให้กิน ... กิน ไม่หยุดด้วย  .... ต่อไปจะให้อดกับเค้าบ้าง จะได้กินไม่เหลือ 555+ จากคุณ : Naja_kob เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 11:00:28

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ maxjom อาหารเม็ดต่อหญ้า 50/50 มากเกินไปครับ ควรให้หญ้าซัก 70-80% ของอาหารต่อวันเลย จากคุณ : killerboy เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 11:02:28

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นความแตกต่างชัดเจนเลยในคห.1 จากคุณ : Twining เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 13:08:36

ความคิดเห็นที่ 19 นี่สิกระทู้คุณภาพ ใจ้ๆๆๆแล้วววว กระต่ายต้องกินหญ้า จงใจแข็งและให้ลูกได้รับโภชนาการที่เหมาะสมกับวัยเค้าด้วยเถิด ไม่เช่นนั้นแล้วผลต่อเนื่องยาวนาน อาจตลอดชีวิตของเขา เสียกำลังเงิน กำลังกาย กำลังใจทั้งนั้น นอกจากเจ้าถ้วยฟูจอมดื้อ เรื่องไม่กินหญ้านี่แล้ว อีกตัวหนึ่งที่ดื้อไม่แพ้กันเท่าไหร่ ตัวนั้นก็คือนายกกระเต่ยไร้ไข่บุญหล่นนั่นเอง ปัญหาฟันกรามล้ม บาดช่องในปากจนเป็นแผลติดเชื้อทำให้ฟันผุ กว่าจะพบปัญหาก็คือสายเกินการไปแล้ว ต้องถอนฟันไปเรื่อยๆ ต้องตะไบฟันไปเรื่อยๆ เคี้ยวได้ข้างเดียว การปรับอาหารยากขึ้นมากเพราะเค้าเคี้ยวหญ้าไม่ไหวด้วยฟันข้างเดียว ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินใกล้ชิดกันมาตลอด ต้องให้เวลากับบุญหล่นมากกว่าการงานด้วยซ้ำ เพราะรักบุญหล่น แต่ความรักที่ตามใจ ใจอ่อน ยอมแพ้การกดดัน ขอขนม ขออาหารที่เค้าชอบมันทำให้มีผลต่อเนื่องยาวนาน และใช่เลย... เจ็บจี๊ด เป็นแม่กระต่าย ขาใหญ่บ้านโพรง รู้โน้นนี้แนะนำเยอะแยะมากมาย แต่ตกม้าตายซะเอง แต่ก็เพราะเรารู้ปัญหาตรงนี้เป็นอย่างดีนั่นเอง อินกับตรงนี้ดีนั่นแหละจึงต้องนำมาบอกต่อจ้ะ อ้อ อีกอย่างหนึ่งนะ ค่าเปิดปากดมยาลูกแต่ละครั้ง แพงเหลือใจไม่ต่ำกว่าห้าร้อยใน รพส เอกชน ... แค่ค่าใช้เครื่องมือก็กรอบแล้วจ้ะ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกนะจ๊ะ ได้กระทู้นี้มาแล้วอยากให้สมาชิกบ้านโพรงฯขาจร ขาประจำ ได้อ่านและเข้าใจความรู้สึกจังเล้ยยยย ขอบคุณพ่อถ้วยฟูที่มาตั้งกระทู้สาระและปรับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหารสักที ป้าแดงสนับสนุนกระทู้นี้ตลอดกาล ยะเฮ้ จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 15:08:40

ความคิดเห็นที่ 20 เพิ่มเติม -- กระต่ายที่มีปัญหาฟันกรามไม่สบกันต้องตรวจทุกๆ ๖-๘ สัปดาห์ และอาจต้องมีการเปิดปากอย่างนี้ ต้องดมยาให้ซึมกันไปตลอด หากดมยาบ่อยๆ ก็ต้องมีการตรวจเลือดหาค่าตับไตกันต่ออีกว่ายังปกติแข็งแรงพอให้ดมยาต่อไปได้อีกไหม ค่าใช้จ่ายทั้งนั้นเลยจ้า พวกเราพ่อแม่กระต่าย ช่วยให้ความรู้กันต่อไปนะจ๊ะ บอกต่อๆกันไปจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ฝากรูปบุญหล่นขึ้นเขียงให้ดูด้วย แต่ละที สงสารมันมาก กว่าจะฟื้น กว่าจะถึงบ้าน กว่าจะโอ๋มันให้หายโกรธเคือง ฯลฯ ปล.กระต่ายโดนตะไบฟันนี่ กลับมาอาจเจ็บปวดช่องในปากบ้างเค้าอาจไม่กินอาหาร เราก็ต้องป้อนอาหารเสริมไปอีกสองสามวันเลยก็เป็นได้ เห็นมั้ย ผลต่อเนื่องที่ร้าวราน แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 55 15:15:27 จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 15:14:02

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ดีๆ นะคะ จากคุณ : Davee&Patter เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 16:52:32

ความคิดเห็นที่ 22 ใช่แล้ว กระต่ายต้องกินหญ้าเป็นอาหาร ทั้งหญ้าสดและหญ้าแห้ง ผักสดและผลไม้ไม่สามารถทดแทนได้ เพราะผักไม่ได้ช่วยลับฟันกระต่าย และปริมาณของผักสด บางครั้งทำให้กระต่ายท้องเสียได้ ผลไม้ยิ่งไปกันใหญ่ น้ำตาลในผลไม้ทำให้กระต่ายฟันผุได้อีกด้วย รสหวานของผักผลไม้ ก็มีส่วนให้กระต่ายชอบและกินหญ้ายากมากขึ้นไปอีก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ ที่จะต้องบังคับกระต่ายให้กินหญ้า ก็ต้องงดขนม ผักผลไม้ เพื่อที่กระต่ายจะได้กินหญ้าได้ง่ายขึ้น จากคุณ : หัวใจเสรี เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 16:54:59

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณกระทู้สาระดีจากพ่อพี่ถ้วยค่ะ ^^ ปล. Share ในเพจให้แล้วค่ะ จากคุณ : ต๊องต๊อง กะ บ๊องบ๊อง เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 16:55:49

ความคิดเห็นที่ 24 ชอบๆ กระทู้ดีๆ แบบนี้ต้องเก็บเข้าคลัง ขอเสริมพ่อถ้วยอีกนิด เรื่องฟันยาว กระต่ายบางตัวอาจจะเกิดจากพันธุกรรมได้ค่ะ แต่บางตัวอาจจะไม่ใช่ ที่แน่ๆ การกินหญ้าเยอะๆ นั้นมีประโยชน์สำหรับกระต่ายทุกตัว การให้อาหารเม็ดกับสัตว์เลี้ยงนั้น เป็นการเพิ่มความสะดวกให้เจ้าของค่ะ หาใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสัตว์เลี้ยงไม่ จากคุณ : แม่หมีตัวอ้วน เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 17:25:35

ความคิดเห็นที่ 25 กินหญ้ากันเถอะพวกเรา ^0^ ก่อนจะรับเลี้ยงกระต่าย เราก้อศึกษาข้อมูลจนรู้ในระดับนึงแล้วถึงไปรับเค้ามาเลี้ยง พอรับมาก้อพาไปตรวจสุขภาพทุกเดือน เจอคุณหมอครั้งแรก คุณหมอบอกให้ไปอ่านป้ายที่ติดตรงทางเดินเกี่ยวกับกระต่ายไม่กินหญ้า ปัญหาเกี่ยวกับฟัน ท่อนำ้ตาตัน และอีกมากมาย แล้วคุณหมอก้อตั้งคำถามให้เราตอบ ตอนนั้นเหมือนตัวเองเป็นนักศึกษาเลย > < แต่ก้อดีนะที่คุณหมอเค้าเอาใจใส่ เค้าคงไม่อยากเห็นกระต่ายต้องมาตัดฟัน หรือมานั่งทรมาน แล้วทุกเดือนเราจะพาไปหยดยากันไรเห็บหมัด ตรวจฟัน ตรวจช่องปาก หู ตา จมูก ท้อง ดูอวัยวะเพศว่าผิดปกติมั้ย เอาอึไปตรวจหาเชื้อ คือตรวจทุกอย่างเลย เพราะถ้าเค้าเป็นอะไรขึ้นมาทีเราจะลำบากกว่านี้เยอะ คิดจะเลี้ยงเค้าแล้วก้อขอให้เอาใจใส่เค้าให้มากๆเหมือนกับเค้าเป็นครอบครัวหรือเป็นลูกของเรา เสียงจากกระต่าย .... "เวลาที่พวกคุณกิน พวกคุณก้อมักจะเลือกแต่อาหารที่ดีๆให้กับตัวเอง แล้วทำไมพวกคุณถึงไม่เลือกอาหารดีๆให้กับพวกเราบ้างล่ะ" แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 55 18:35:09 จากคุณ : คุณแม่น้องกาโตว์ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 18:31:27

ความคิดเห็นที่ 26 เราเป็นผู้กระทำ แต่กรรมตกอยู่ที่กระต่ายสุดที่รัก เพราะฉะนั้น รักลูกให้ถูกทาง ต้องให้กินหญ้าเยอะๆ นะจ๊ะ จะบอกให้ จากคุณ : สลิ่มหวาน เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 21:40:52

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณที่มาแชร์ข้อมูลนะค่ะ พอเข้าใจได้นะว่าหญ้าจำเป็นกับกระต่าย แต่ไม่คิดว่าผลพวงมันจะเยอะขนาดนั้น สรุปผลของการไม่กินหญ้า ..  ไม่กินหญ้า --> ขนไม่สวย --> ฟันหน้ายาว --> ท่อน้ำตาตัน --> ฟันกรามมีปัญหา --> รักษาไม่มีจบ นี่ก็บังคับ ทั้งพูดจาชม หว่านล้อมตลอด เจ้าถุงมันถึงยอมกิน จากคุณ : tung_ngen1 เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 23:41:03

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ จากคุณ : คนรักแมวตี๋ เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 55 13:24:46

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณที่มาแบ่งบันนะคะ ต้องรีบกลับไปจัดระเบียบไอ่ด๊อบใหม่ล่ะ จากคุณ : แม่ไอ่ด๊อบ (มะนาวโยเกิร์ต) เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 13:11:31