นับจากวันนี้จะไม่มีปีโป้ให้เราได้กอดอีกแล้ว แต่จะรักและคิดถึงหนูตลอดไป ลาก่อนนะปีโป้ You are my love at first sight.
|
 |
แค่ตั้งหัวข้อกระทู้...กว่าจะพิมพ์ได้จบประโยค...น้ำตาเราก็ร่วงไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาตั้งกระทู้แบบนี้ของปีโป้เร็วขนาดนี้เลยจริงๆ ค่ะ คิดอยู่เสมอๆ ว่า...ขอให้เค้าอยู่กับเรานานๆ อยู่ให้นานที่สุด ขอให้เค้าเป็นตัวสุดท้ายที่จะจากเราไป
สิ่งที่ทำเราเสียใจมากที่สุดก็คือ...เราไม่รู้แม้กระทั่งว่าเค้าเป็นอะไรถึงจากไป ไม่ได้เห็นแม้กระทั่งอาการผิดปกติของเค้า ไม่ได้รับรู้อาการอะไรของปีโป้เลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเมื่อวานนี้เราได้อยู่กับเค้าตลอดทั้งวัน เค้าอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ เราอาจจะช่วยเค้าทันหรือพาไปหาหมอได้ทัน เพราะทุกๆ ครั้งที่เค้าอาการไม่ค่อยดี เราจะสังเกตเห็นถึงอาการผิดปกติของเค้าตลอดมา และทุกๆ ครั้งปีโป้ก็ผ่านนาทีชีวิตมาได้ตลอด แต่ครั้งนี้...เราไม่มีโอกาสได้อยู่ข้างๆ เค้าในวินาทีสุดท้ายของชีวิตเค้าเลย
เหตุเกิดเมื่อวานนี้ (13 เมษายน 2555) เรากลับมาถึงบ้านประมาณสี่ทุ่มได้หลังจากเปลี่ยนกับน้องสาวไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล เนื่องจาก 2 เดือนที่ผ่านมานี้เราต้องสลับกับน้องไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลตลอด เราจะมีเวลาได้อยู่กับปีโป้แค่วันเว้นวัน คืนเว้นคืน เราจำเป็นต้องฝากน้องที่บ้านคอยให้อาหารปีโป้ & โปเต้และเด็กๆ ที่บ้าน ซึ่งเราต้องคอยกำชับอยู่ตลอดเวลาว่าต้องคอยป้อนน้ำให้ปีโป้ด้วย เนื่องจากปีโป้ไม่ค่อยกินน้ำที่แขวนไว้ หรือกินในปริมาณที่น้อยมาก เราต้องคอยป้อนเค้าในแต่ละวันเพิ่มเติมให้เพียงพอกับน้ำหนักตัวเค้า
เมื่อเย็นวันที่ 12 เมษายน 2555 ก่อนที่เราจะไปเปลี่ยนน้องเพื่อไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล เราออกจากบ้านประมาณ 19.00 น. ได้ เราพยายามป้อนน้ำเค้าให้ได้มากที่สุด เพราะเรารู้ว่า...ก่อนที่เราจะออกจากบ้าน เราต้องทำทุกอย่างให้พวกเค้าด้วยตัวเราเองให้มากที่สุด จะอาศัยพึ่งน้องที่ฝากให้ดูแลก็ยังไม่ค่อยไว้วางใจ เป็นห่วงเป็นกังวลทุกครั้งที่เราไม่อยู่เลย ต้องคอยโทรเตือนทุกเวลาเลยว่าเอาอาหารให้เด็กๆ กับป้อนน้ำให้ปีโป้หรือยัง
แต่เมื่อวานนี้ (13 เมษายน 2555) ช่วงเช้าๆ สายๆ เราลืมนึกไปว่าน้องคนที่เราฝากดูแลปีโป้ & โปเต้ และเด็กๆ จะต้องออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ เราก็เลยไม่ได้โทรกำชับให้ป้อนน้ำปีโป้ด้วย น้องเราออกไปเล่นน้ำตั้งแต่เที่ยง ส่วนน้องคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครอยู่บ้านเลยซักคน เราโทรติดต่อใครไม่ได้ซักคน ตอนนั้นเริ่มรู้สึกแปลกๆ...ใจไม่ดียังไงไม่รู้ แต่ไม่ได้นึกไปถึงปีโป้เลยว่าเค้าจะเป็นอะไรมั๊ย ห่วงแต่ว่าพวกที่ออกไปข้างนอกจะเกิดอุบัติเหตุอะไรกันหรือเปล่า เพราะมันผิดปกติที่โทรติดต่อใครไม่ได้ซักคน จนประมาณ 18.30 น. น้องที่เราฝากดูแลเด็กๆ ก็โทรกลับมา เราก็ถามเหมือนทุกครั้งว่าให้อาหารกระต่ายหรือยัง น้องก็บอกว่าให้แล้วก่อนออกมาเล่นน้ำตอนเที่ยงๆ เราก็เลยเบาใจนิดนึงว่าเด็กๆ ได้กินอาหารกันแล้ว แต่ตอนนั้นเราไม่ได้ถามเรื่องป้อนน้ำให้ปีโป้หรือยัง ลืมนึกไปด้วยซ้ำ
แต่น้องเราตอนที่กลับมาเค้าเข้าบ้านไม่ได้ เพราะบ้านล็อค...ไม่มีใครทิ้งกุญแจไว้ให้ มาถึงตรงนี้...ทำให้เราเริ่มกังวลเป็นห่วงปีโป้ & โปเต้ และเด็กๆ แล้ว เพราะกว่าเราจะกลับถึงบ้านก็ตั้งเกือบสี่ทุ่มแน่ๆ
พอเรากลับมาบ้านทุกครั้งที่เราขึ้นบันไดไปถึง เราจะส่งเสีงเรียกปีโป้ก่อนเลย และทุกครั้งเราก็จะเห็นเค้านอนแผ่อย่างสบายใจตามข้างตู้ ข้างที่นอน แต่เมื่อวานนี้มองไปไม่เห็นเค้านอนอยู่มุมเดิม เราก็เริ่มมองหาเค้าแล้ว แล้วสายตาเราก็เห็นปีโป้นอนหัวตะแคงๆ อยู่ใต้ตู้...ที่เค้ามักจะใช้เป็นที่หลบภัยเวลาตกใจหรือได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ เรารีบวิ่งไปเอาตัวเค้าออกมาจากใต้ตู้ แล้วก็รับรู้ว่าเค้าไม่มีลมหายใจแล้ว ไม้มีชีวิตอยู่แล้ว ตัวเค้ายังนิ่มๆ อยู่เลย แต่ปากเริ่มเป็นสีคล้ำแล้ว มีน้ำอะไรเหลืองๆ ไหลออกจากปากด้วย แต่สิ่งที่เราเห็นแล้วเราร้องไห้แทบจะขาดใจก็คือ มีมดแดงไต่ที่ปากเค้าหลายตัวเลย เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเค้า เค้าถึงไปนอนตายใต้ตู้แบบนั้น ซึ่งปกติมุมนั้นไม่ใช่มุมของเค้าเลย เป็นมุมของโปเต้ซะมากกว่า ไม่รู้ว่าเค้าตกใจอะไร หรืออากาศร้อนมาก จนเกิดฮีทสโตรคแล้วช็อคหรือเปล่า แล้วอีกอย่างนึงที่เราสงสัยสุดๆ ก็คือ เค้าได้กินน้ำอีกบ้างมั๊ยหลังจากเราป้อนเค้าไปเมื่อตอนทุ่มนึงของวันที่ 12 ที่ผ่านมา แต่เราก็ไม่ได้ถามคำถามน้องเรา เพราะเรารู้คำตอบว่า...เค้าจะต้องบอกว่าป้อนแล้ว เรารู้นิสัยของน้องคนนี้ดี...ว่าเค้าไม่เคยยอมรับความจริงอะไรทั้งนั้น เราก็เลยไม่อยากจะถามให้ตัวเองต้องเจ็บใจ เสียใจไปมากกว่านี้ เพราะถึงจะคาดคั้นเอาความจริง...ปีโป้ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่ดี
ถ้าจะผิด...ก็คงต้องผิดที่ตัวเรา ต้องโทษตัวเราเองที่ตอนเช้าลืมโทรกำชับเค้าให้ป้อนน้ำให้ปีโป้ด้วย ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าไม่ควรวางใจน้องคนนี้ เพราะบ่อยครั้งในวันที่เราไม่อยู่ เค้าให้อาหารผิดเวลา แล้วก็ไม่รู้ว่าเค้าคอยป้อนน้ำปีโป้ & โปเต้บ้างหรือเปล่า เพราะเรารู้ดีว่าช่วงนี้อากาศร้อนมากๆ แล้วเด็กๆ ก็กินแต่อาหารเม็ด ความต้องการน้ำมันย่อมมากขึ้นเป็นเท่าตัว โดยเฉพาะปีโป้...เค้าจำเป็นต้องกินน้ำมากกว่าตัวอื่นๆ เนื่องจากน้ำหนักตัวค่อนข้างเยอะ และมีปัญหาเรื่องระบบทางเดินอาหารบ่อยมาก
แต่ที่เราสงสัยมากๆ ก็คือเค้าเป็นอะไรมากกว่าฮีทสโตรคหรือเปล่า เพราะตั้งแต่ที่เราเอาเค้าออกมาจากใต้ตู้ ตอนนั้นมีแค่น้ำเหลืองๆ ไหลออกมาทางปาก แต่ช่วงหลังจากนั้น...มีเลือดปนน้ำเหลืองออกมาทางจมูกด้วย เราใช้ทิชชู่ซับจมูกให้เค้าตลอดทั้งคืนจนถึงเช้าตอนที่นำไปฝังก็ยังมีเลือดออกมาทางจมูกอยู่เลย เค้าได้รับความกระทบกระเทือนอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะตอน "ปาร์ตี้" กับ "ปิคโก้" ไม่เห็นมีเลือดออกมาทางจมูกแม้แต่นิดเดียว ช่วงเวลาก่อนที่เค้าจะจากไป...เค้าจะเจ็บปวดทรมานมากมั๊ยนะ เราไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้ในสมองเรารู้สึกตื้อๆ ไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากจะยอมรับความจริงว่า "ปีโป้ไม่อยู่แล้ว" "ไม่มีปีโป้ให้เรากอดกับจุ๊บที่หัวเค้าอีกต่อไปแล้ว" เมื่อวันที่ 12 ก่อนเราจะไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาลเรายังกอดเค้า ยังเช็ดก้นให้เค้าอยู่เลย ยังนั่งมองเล็บเท้าทั้งสี่ของเค้าอยู่เลย แล้วคิดว่า...เดี๋ยวพรุ่งนี้ (13 เมษายน) ค่อยกลับมาตัดให้ก็ได้ แต่กลับมาถึง...เราก็ไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งที่เราคิดจะทำให้เค้าแล้ว
เมื่อเช้านี้ (14 เมษายน 2555) เราตื่นแต่เช้าเพื่อไปใส่บาตรให้เค้า เราซื้อพวงมาลัยกลมดอกดาวเรืองมา 1 พวง กับดอกกุหลาบสีชมพูอีก 1 ดอก เพื่อจะนำมาใส่ในหลุมให้เค้าตอนที่จะฝังเค้า ผ่านมา 10 ชั่วโมงแล้วนับตั้งแต่ตอนที่เราพบเค้า เค้ายังตัวนิ่มอยู่เลย ยังไม่เห็นแข็งเหมือนตอน "ปิคโก้" ซึ่งกว่าจะนำไปฝังก็ใช้เวลาใกล้เคียงกัน ตอน 8.00 น. เรานำปีโป้ไปฝังไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมที่เคยฝัง "ปาร์ตี้" กับ "ปิคโก้" เค้าจะได้อยู่ด้วยกันกับลูกทั้งสองของเค้า เราตั้งใจไว้ว่าเมื่อถึงเวลาที่ทุกตัวต้องจากไป...เราจะนำพวกเค้าพ่อแม่ลูกมาอยู่ด้วยกันให้หมด
หวังว่าตอนนี้ปีโป้คงได้ไปอยู่ดาวกระต่ายกับลูกปาร์ตี้ ลูกปิคโก้ พี่บุญทิ้ง พี่บุญหล่น น้องฮะเก๋า น้องซูกัส และเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กระต่ายตัวอื่นแล้ว หวังว่าเค้าคงจะมีความสุข สนุกสนานในอีกโลกหนึ่ง หรือถ้าได้เกิดใหม่...ก็ขอให้เค้าได้ไปเกิดในที่ดีๆ ไม่ต้องพบเจอความทุกข์ ความเจ็บปวด ความทรมานใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ไม่ว่า...วันนี้หรือวันข้างหน้าปีโป้จะไปอยู่ ณ ที่แห่งไหนก็ตาม...แต่ "ปีโป้" จะยังคงอยู่ในหัวใจและความทรงจำของเราทุกวันตลอดไปแน่นอน เรายังไม่รู้เลยว่าเราจะทำใจไม่ให้ร้องไห้ได้ถึงเมื่อไหร่ เพราะในบรรดากระต่าย 8 ตัว "ปีโป้" เป็นตัวที่เรารักมากที่สุดและใกล้ชิดมากที่สุดแล้ว
ตลอดเวลา 5 ปี 4 เดือนที่เราได้ใช้ชีวิตร่วมกับเค้า ทำให้เราได้รับรู้ถึงคำว่า "รักแท้" คืออะไร เรารักเค้าได้อย่างเต็มหัวใจโดยที่ไม่เคยคาดหวังอะไรจากตัวเค้า และไม่เคยต้องการสิ่งตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น แค่หวังว่าทุกๆ วันที่เค้ายังมีชีวิตอยู่ เค้าจะมีความสุข สนุกสนาน และสุขภาพแข็งแรง
ขอบคุณมากๆ นะ "ปีโป้" ที่หนูทำให้ชีวิตทุกๆ วันของเรามีค่ามีความหมายมากขึ้น เรามีความสุขมากๆ ที่ได้มีเค้าเข้ามาในชีวิตของเรา
ลาก่อนนะ "ปีโป้" ลูกชายสุดหล่อสุดที่รักของแม่...และเมื่อถึงเวลา...เราจะกลับมาพบกันอีกครั้ง...
จากคุณ |
:
JDT
|
เขียนเมื่อ |
:
วันเนา 55 15:40:01
|
|
|
|