ความคิดเห็นที่ 1 มาเริ่มกันเลยนะคะ เอาเมล็ดที่ต้องการเพาะมาแช่น้ำไว้ จนกว่ารากจะเริ่มงอกออกจากเมล็ด ก็เตรียมฟองน้ำเพื่อหยอดลงไป Tip >> สังเกตุดูว่าเมล็ดที่จมน้ำจะงอกได้อย่างดี ส่วนเมล็ดที่ไม่จมน้ำ จะงอกได้ไม่ค่อยดี จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:42:02

ความคิดเห็นที่ 2 เมล็ดเริ่มงอกแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:42:48

ความคิดเห็นที่ 3 นี่ก็งอกเหมือนกัน จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:43:09

ความคิดเห็นที่ 4 เอาฟองน้ำที่เตรียมไว้ อาจจะซื้อที่สำเร็จหรือทำเองก็ได้ ถ้าทำเองใช้ฟองน้ำแผ่นที่ขายตามร้านอุปกรณ์ก่อสร้าง มาตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมประมาณ 1นิ้ว x 1นิ้ว แล้วก็กรีดตรงกลางฟองน้ำสำหรับใส่เมล็ดลงไป นำฟองน้ำที่จะใช้แช่น้ำบีบน้ำให้พอชุ่ม แล้วก็นำเมล็ดหยอดลงไป ให้เมล็ดต่ำกว่าขอบฟองน้ำประมาณ 1 ซม ระวังอย่าให้รากที่เริ่มงอกออกมาขาด จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:44:41

ความคิดเห็นที่ 5 ถาดอันข้างบนนกได้มาจากลูกค้าค่ะ (ลูกค้าใจดีรู้ว่านกปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ก็เลยเก็บไว้ให้) จะมีก้นที่ค่อนข้างลึก สามารถใส่น้ำลงไปทำให้ฟองน้ำชุ่มอยู่ตลอดเวลา แต่สามารถใช้ถาดน้ำแข็งแทนกันได้ค่ะ แล้วก็คอยฉีดน้ำให้ชุ่มอยู่ตลอด จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:46:55

ความคิดเห็นที่ 6 คอยสังเกตุอย่าให้ฟองน้ำแห้ง ใบก็จะค่อย ๆ งอกออกมาจากฟองน้ำ พอเห็นใบสีเขียวเริ่มงอกพ้นจากฟองน้ำ ให้นำไปโดนแดดอ่อน ๆ Tip >>> - ถ้านำต้นอ่อนไปโดนแดดช้าเกินไป จะทำให้ต้นอ่อนยืดหาแสง ลำต้นจะยาวแต่เปราะค่ะ - เมื่อเริ่มมีใบจริงขึ้นมาสัก ใบหรือสองใบ ก็เริ่มให้ปุ๋ย A,B ได้เลย โดยให้ในปริมาณที่น้อยมาก ๆ  ก่อนค่ะ อาจจะผสม A , B อย่างละ 5 cc ต่อน้ำ 1 ลิตร หรืออาจจะผสมปุ๋ยให้มีค่า EC ที่ 0.2  ก็ได้ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:48:48

ความคิดเห็นที่ 7 เมล็ดบางอย่างจะไม่งอกถ้าอยู่ในน้ำ หรือที่เปียก อย่างที่ลองมาก็จะเป็นพวกฟัก , แตนตาลูป , ถั่วพูล พวกที่มีเมล็ดใหญ่ๆ ค่ะ เราก็ต้องหลอกมันก่อนว่ามันงอกบนดิน โดยใช้ถ้วยปลูกที่มีหลุมค่อนข้างลึกหน่อย เอากาบมะพร้าวที่ค่อนข้างเล็ก มาแช่น้ำ วางไว้ที่ก้นถ้วย แล้วก็กรอกดินลงไป ฝังเมล็ดลงไปในดินลึกประมาณ 1 ซม แล้วก็รดน้ำลงหาถาดมารองไว้ คอยเติมน้ำให้สูงประมาณ 1 ซม วิธีนี้เมล็ดที่ไม่ค่อยชอบน้ำจะงอกค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 55 18:50:50 จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:50:37

ความคิดเห็นที่ 8 นกใช้กาบมะพร้าวแบบนี้ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:51:19

ความคิดเห็นที่ 9 เอาล่ะทีนี้มาเตรียมกล่องปลูกกันค่ะ จากที่นกได้ลองมาหลาย ๆ อย่างพบ หัวใจของกล่องปลูกอยู่ที่ 1. ไม่ทำให้น้ำในกล่องร้อนหรืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากนัก 2. แสงไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ทำไมต้องเป็นกล่องที่ไม่ทำให้น้ำในกล่องร้อนหรืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงมากนัก นกลองปลูก Italian Basil ในขวดวิตามิน ซึ่งก็ได้หุ้มกันแสงจนทึบหมดแล้ว จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:55:08

ความคิดเห็นที่ 10 ปรากฏว่าขวดโดนแดดจนน้ำในขวดร้อน ผลที่ได้คือรากเน่าค่ะ (Y^Y) อีกประการหนึ่งคือ เมื่อน้ำมีอุณหภูมิสูงขึ้น จะมีผลทำให้ค่า pH ของน้ำที่มีปุ๋ยอยู่ เปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากค่ะ พืชจะโตได้ไม่ค่อยดี และเราต้องมาปรับค่า pH กันอีก ตั้งแต่นกใช้เป็นกล่องโฟม นกแทบไม่ได้ใช้เครื่องวัดค่า pH เลยล่ะค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 55 19:14:14 จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:56:07

ความคิดเห็นที่ 11 เดี๋ยวนกจะบอกวิธีแก้รากเน่านะคะ ทีนี้มาถึง ปัจจัยที่สอง ทำไมต้องไม่ให้แสงผ่านเข้าได้ ? กล่องที่นกไม่ได้กันแสง ปรากฏว่าตะไคร่ดุร้ายมากค่ะ เขียวซ้าาาาา จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:57:52

ความคิดเห็นที่ 12 สยองมั้ยคะ ถ้ากล่องที่ดีจะต้องทำให้น้ำและรากเป็นแบบนี้ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:58:37

ความคิดเห็นที่ 13 เจ้าน้องชายก็บอกว่าให้หุ้มด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ที่เค้าเอามาทำอาหารล่ะค่ะ ซึ่งนกลองแล้วได้ผลมากเลยค่ะ   ทีนี้เราก็มีกล่องที่ขนาดกำลังงามล่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:00:14

ความคิดเห็นที่ 14 เจาะรูฝากล่องสำหรับใส่ถ้วยปลูก เดี่ยวนกจะบอกนะคะ ว่าถ้วยปลูกที่นกใช้เป็นแบบไหนบ้าง จากที่ลองที่ตัดโฟมให้เป็นวงกลม  ก็ค้นพบว่า "มีดคว้าน" work สุดๆ ค่ะ คุมทิศทางได้ง่ายมั่กๆ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:01:43

ความคิดเห็นที่ 15 พอหุ้มกล่องเรียบร้อยก็จะได้กล่องปลูกกันล่ะค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:02:15

ความคิดเห็นที่ 16 ตะไคร่เป็นปัญหาหนักเลยค่ะ เจอประจำ จากคุณ : เจ้าหญิงงุ้งงิ้ง เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:02:38

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้วยปลูกเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะขาดเสียมิได้ มีหลายแบบให้เลือกตามความเหมาะสมค่ะ แบบที่ 1 และ 2 จะเป็นแบบ หนีบฟองน้ำค่ะ เหมาะกับปลูกพวกหัว เช่น แครอท บีทรูท แต่ก็สามารถเอามาใช้ได้ ติดอยู่หน่อยนึงตรงที่เวลาที่ต้นไม้โตจนค่อนข้างหนัก มันจะดันฟองน้ำ ให้หลุดลงไปในน้ำค่ะ รากจะเน่าง่ายค่ะ แบบที่ 3 และ 4 เป็นแบบวางฟองน้ำในถ้วย จะไม่เจอปัญหาฟองน้ำหลุด แต่จะปลูกพืชแบบหัวไม่ได้ค่ะ   ชอบอันไหนก็ใช้อันนั้นนะคะ (^_^) จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:05:25

ความคิดเห็นที่ 18 คุณเจ้าหญิงงุ้งงิ้ง >> จริงค่ะ นกก็พึ่งจะแก้ปัญหาได้นี่ล่ะค่ะ ทีนี้นกลองใส่ฟองน้ำให้ดูทั้ง 4 แบบนะคะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:06:31

ความคิดเห็นที่ 19 พอต้นอ่อนงอกใบจริงสัก 2 ใบก็เริ่มลงปุ๋ยได้เลยค่ะ โดยเอาปุ๋ย A,B ผสมอย่างละเท่าๆ กัน ให้มีค่า EC ที่เหมาะกับพืชนั้นๆ ตัวอย่างเช่น น้ำ 2 ลิตร ใส่ปุ๋ย A 5 cc ปุ๋ย B 5 cc กวนให้เข้ากันแล้วก็วัดค่า EC ถ้าค่ายังไม่พอ ก็ค่อยๆเติมปุ๋ยทีละน้อย ในส่วนที่เท่ากันค่ะ ตรงนี้นกไม่สามารถบอกได้ว่าต้องใช้ปุ๋ยเท่าไหร่ต่อน้ำเท่าไหร่ เนื่องจากปุ๋ยแต่ละเจ้าจะมีความเข้มข้นไม่เท่ากัน และภาชนะที่ปลูกของแต่ละท่านก็ไม่เท่ากันด้วย ต้องลองกะๆเอาแล้วใช้เครื่อง EC วัดเอาจะดีกว่าค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:07:48

ความคิดเห็นที่ 20 ค่า EC ของแต่ละต้นจะไม่เหมือนกันนะคะ นกปลูกแคนตาลูป ค่า EC จะอยู่ที่ 1.8 - 2.5 ค่ะ อันนี้ครั้งแรกค่า EC ยังไม่ได้ ก็เพิ่มปุ๋ย A , B ลงไปอีก ครั้งที่สองถึงได้ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:09:07

ความคิดเห็นที่ 21 อันนี้เป็นค่า EC ที่นกรวบรวมมาได้ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:14:50

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าไม่มีผักที่เราปลูก ก็อาศัยดูเอาค่ะว่ามันใกล้เคียงกับผักชนิดไหน เช่นปลูกแคนตาลูป นกก็ไปดูค่า EC ของแตงโมค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:15:45

ความคิดเห็นที่ 23 ทีนี้เราจะต้องใส่น้ำขนาดไหน ผักที่เริ่มปลูกใหม่รากยังไม่มากให้ใส่น้ำปุ๋ยให้ถึงรากไปก่อนค่ะ จากรูปคือใส่ถึงครึ่งถ้วยปลูกเลย เพราะรากยังไม่งอกทะลุถ้วยปลูกค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:17:45

ความคิดเห็นที่ 24 พอรากเริ่มโผล่พ้นถ้วยปลูก เราก็ค่อยๆ ลดระดับของน้ำกับถ้วยปลูกให้ห่างกันมากขึ้น เพื่อจะได้มีอากาศให้โคนรากหายใจค่ะ วิธีนี้จะไม่ทำให้รากเน่าค่ะ และรากจะได้อากาศด้วย จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:19:15

ความคิดเห็นที่ 25 รากเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ก็เว้นระยะห่างให้เพิ่มขึ้นอีกหน่อย จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:19:55

ความคิดเห็นที่ 26 สำหรับแครอทนะคะ ให้เอาแต่รากที่จุ่มลงไปในน้ำ อย่าให้หัวโดนน้ำนะคะ   ถ้าหัวโดนน้ำจะทำให้หัวเน่าค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:20:57

ความคิดเห็นที่ 27 เอาล่ะทีนี้เราก็เอาถ้วยปลูกลงกล่องได้แล้วล่ะค่ะ สิ่งที่น่ากลัวอีกประการหนึ่งในการปลูกลงกล่องโฟมคือ "ลมแรง" ค่ะ เพราะฝากล่องจะค่อนข้างเบา ลมพาเทกระจาดมานักต่อนักแล้วค่ะ หาอะไรผูกหรือทับเอาไว้จะดีที่สุดค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:23:08

ความคิดเห็นที่ 28 อะ แฮะ ลืมให้ดูรากที่พ้นถ้วยปลูกมา ก็ลงกล่องได้แล้วค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:23:45

ความคิดเห็นที่ 29 ว้าววว ใช้ฟลอยด์ ได้ด้วย ดีจังเลยหาง่ายประกอบง่ายขอบคุณค่ะที่มาแบ่งปันความรู้ จากคุณ : AlwaysCraft เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:25:45

ความคิดเห็นที่ 30 เท่านี้ล่ะค่ะ หลังจากนั้นก็คอยเติมปุ๋ยทุกอาทิตย์ วัดค่า EC ก่อนนะคะ โดยให้เอาน้ำเก่าออกครึ่งนึงก่อน แล้วค่อยเติมน้ำใหม่เข้าไปในระดับที่ต้องการ แล้วค่อยเติมปุ๋ยค่ะ  เวลาเติมปุ๋ย ต้องกวนให้เข้ากันดีนะคะ  ควรยกรากให้ลอยก่อนแล้วค่อยกวน รากจะได้ไม่กระเทือนมากค่ะ ส่วนทุกวันก็คอยดูระดับน้ำ พืชที่โตจนรากเยอะแล้วจะดูดน้ำค่อนข้างเยอะค่ะ ตรงลูกศรสีแดง เป็นระดับน้ำปกติค่ะ  พืชดูดน้ำไปเยอะเลย จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:26:55

ความคิดเห็นที่ 31 งานงอกแล้วเรา เดี๋ยวกลับมาต่อนะคะ อย่าพึ่งงอนกันน้า (Y/\Y) จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 19:29:50

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่งอนค่ะ กำลังค่อยๆศึกษา ละเอียดมากๆ ขอบคุณที่นำความรู้มาปันกันค่ะ ^^ ติด  สำหรับการแชร์ข้อมูลดีๆนะคะ จากคุณ : ณ ขณะหนึ่ง เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:32:56

ความคิดเห็นที่ 33 กระทู้แบบนี้เยี่ยมจริง ๆ ค่ะ จากคุณ : แม่น้องเต็ม เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:40:22

ความคิดเห็นที่ 34 มีเครื่องวัด EC  ด้วย ไอ้เรายังไม่รู้เลยว่า ค่า EC มันคืออะไร มีปุ๋ย A และ B แล้ว แต่ยังไม่ได้ลองปลูกพืชดูเลย จากคุณ : เปรี้ยวปิ๊ด เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:47:37

ความคิดเห็นที่ 35 กลับมาแล้วค่ะ ต่อกันเลยนะคะ ที่นกเคยบอกว่ารากเน่า อาการคือรากจะเป็นสีน้ำตาล ถ้าใช้มือรูด รากก็จะขาดออกมาได้ง่ายค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:49:32

ความคิดเห็นที่ 36 อันนี้ลอกเค้ามานะคะ EC ย่อมาจากคำว่า Electric Conductivity หมายถึง ค่าการนำไฟฟ้าของเกลือ(ในไฮโดรโพนิกส์จะหมายถึงเกลือของธาตุอาหาร) ทั้งหมดที่ละลายอยู่ในน้ำ โดยปกติแล้วน้ำบริสุทธิ์จะมีค่าความนำไฟฟ้าเป็นศูนย์ แต่เมื่อนำธาตุอาหารละลายในน้ำ เกลือของธาตุอาหารเหล่านี้จะแตกตัวเป็นประจุบวก และประจุลบ ซึ่งจะเป็นตัวนำไฟฟ้า ทำให้มีค่าความนำไฟฟ้า (Electric Conductivity) ซึ่งค่านำไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับปริมาณเกลือของธาตุอาหารที่ละลายอยู่ในน้ำ ดังนั้น เราจึงใช้การวัดค่าการนำไฟฟ้าของสารละลาย(ค่า EC) เพื่อเป็นตัวบอกปริมาณเกลือธาตุอาหารที่ละลายในน้ำค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:51:17

ความคิดเห็นที่ 37 วิธีที่พอจะบรรเทาได้นะคะ ให้พยายามรูดรากที่เน่าออกมาให้ได้มากที่สุดค่ะ เปลี่ยนน้ำปุ๋ยใหม่ทั้งหมด โดยให้ระดับน้ำปุ๋ยอยู่เกือบถึงโคนต้นเลย วิธีนี้จะเร่งให้รากใหม่ที่เป็นสีขาว งอกขึ้นมาใหม่ ต้นไม้ก็จะไม่ตายค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:52:40

ความคิดเห็นที่ 38 ทีนี้การปลูกไฮโดรโปนิกส์ ใช่ว่าจะต้องเริ่มจากเมล็ดเท่านั้นค่ะ ปักชำก็ทำได้ นกปักไหลของต้นมิ้นท์ค่ะ ไหลของต้นก็คือ อันที่แทง ออกมายาว ๆ และมีใบเล็ก ตามรูปคือ อันที่ยาวโด่เด่อ่ะค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:54:20

ความคิดเห็นที่ 39 ตัดแล้วก็เสียบไปในฟองน้ำ โดยให้มีก้านโผล่ตรงปลายเพื่อจุ่มไปในน้ำปุ๋ยค่ะ ริบใบให้เหลือน้อยที่สุด จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:55:18

ความคิดเห็นที่ 40 แก้วกาแฟที่เราทานกัน มีประโยชน์มากนะคะ สามารถเอามาเพาะไหลได้ค่ะ หุ้มฟอยล์มิเนียมตามเคย แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 55 21:41:16 จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:57:08

ความคิดเห็นที่ 41 เตรียมปุ๋ยตามปกติ โดยให้ระดับน้ำ สูงเกินก้านขึ้นมาหน่อยนึง จะได้สร้างรากได้ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:57:50

ความคิดเห็นที่ 42 แล้วก็เอาไปวางให้โดดแดดรำไรค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:58:21

ความคิดเห็นที่ 43 นี่คือผลิตผลจากไหลมิ้นท์ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 20:59:00

ความคิดเห็นที่ 44 อีกอันนึงคือ การปลูกไฮโดรโปรนิกส์ สามารถปลูกกับไม้เลื้อยได้นะคะ ไม้ผลก็ได้ เพียงแค่เราดึงใบให้เกาะกับเชือกที่เราผูกเอาไว้ อันนี้คือ Pocket Melon ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 21:00:28

ความคิดเห็นที่ 45 Tip อีกอย่างหนึ่งสำหรับการปลูกพืชจำพวก แตงโม เมลอน ฝัก เพื่อให้ลูกใหญ่ และต้นไม่โทรมเกิน เราจะเอาไว้เฉพาะกิ่งใหญ่เป็นหลักค่ะ กิ่งที่แตกออกมานอกแถว ให้ตัดไฟแต่ต้นลมค่ะ  เพื่อที่กิ่งหลักจะได้มีกำลังปรุงอาหารไปเลี้ยงลูกได้ค่ะ ตรงจุดที่นกทำสีแดงไว้ คือกิ่งที่ตัดออกไปค่ะ  กิ่งหลักเลยได้ลูกใหญ่ ๆ มา 4 ลูกค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 21:02:34

ความคิดเห็นที่ 46 อันนี้เป็นมะเขือเทศ ที่ติดลูกและเหลืองแล้วค่ะ ถ้าพืชที่เริ่มออกลูกแล้ว จะค่อนข้างกินน้ำกินปุ๋ยมาก ควรเช็คค่า EC บ่อย ๆ นะคะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 21:07:16

ความคิดเห็นที่ 47 อะ แฮะ ลืมรูป จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 21:07:45

ความคิดเห็นที่ 48 อ้อ .... แสงแดด ก็เป็นเรื่องที่จะลืมไม่ได้ค่ะ ผักชนิดไหนต้องการแสงมาก แสงน้อย ดูง่าย ๆ ค่ะ ผักที่กินใบ ต้องการแดดรำไร หรือ เลี้ยงใต้สแลน ค่ะ ผักกินใบ ถ้าโดนแดดแรงๆ ใบจะใหม้และใบเล็กค่ะ ผักที่กินลูก หรือ กินหัว ต้องการแดดเปรี้ยงเลยค่ะ  ถ้าแดดน้อย ลูกจะแกร็นค่ะ อันนี้คือที่นกสังเกตเอาเองนะคะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 21:10:06

ความคิดเห็นที่ 49 ในกรณีที่ต้องการปลูกพืชหลายอย่างในกล่องเดียวกัน ควรเลือกเอาพืชที่ใช้ค่า EC ใกล้เคียงกันมาปลูกรวมกันค่ะ อย่างกล่องนี้ นกปลูก ผักโมโรเฮยะ กับ ผักโขม ที่มีค่า EC 1.8 - 2.5 ค่ะ งอกงามทั้งคู่ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 21:13:02

ความคิดเห็นที่ 50 มีเท่านี้ล่ะค่ะ ที่นกได้เรียนรู้จากการลองผิดลองถูก หวังว่าจะเป็นประโยชน์ได้บ้างนะคะ ภาคต่อไปจะเป็น "การเลี้ยงเห็ดในบ้านค่ะ" ขอให้สนุกกับการปลูกผักสวนครัวนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ (^/\^) จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 21:13:44

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์จริง ได้ความรู้ดี และละเอียด ครับ แต่นิดนึง ว่า เวลาที่ใช้ในการปลูก ไม่ทราบว่า ได้บันทึกไว้รึป่าวครับ ถ้ามี ขอนิดนึง ไม่ทราบจะรบกวนรึป่าว อิอิ จากคุณ : C_WIN เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 22:07:04

ความคิดเห็นที่ 52 เทพมากๆครับ มาให้ความรู้บ่อยๆนะครับคุณครู จากคุณ : organic hydroponics เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 22:08:36

ความคิดเห็นที่ 53 ละเอียดยิบ  เก่งมากๆเลยค่ะ ขอบคุณที่มาแชร์ความรู้นะคะ ไว้จะแอบทำตามบ้าง จากคุณ : AnnPlanet เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 23:05:03

ความคิดเห็นที่ 54 ความรู้แน่นเอียด ^^ จากคุณ : lovecop เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 23:07:38

ความคิดเห็นที่ 55 คุณC_WIN นกไม่ได้บันทึกเวลาเลยค่ะ  แต่จะเอาที่จำได้คร่าวๆนะคะ เป็นเวลาที่เก็บเกี่ยว นกประมาณเป็นตัวเลขกลม ๆ เลยนะคะ ผักกวางตุ้ง 20 - 30 วัน ไม่ทราบว่ากี่วันออกดอกนะคะ เพราะกินเรียบซะก่อน ผักโมโรเฮยะ 30 - 45 วัน  พอเกินจากนี้จะเริ่มออกดอกค่ะ มะเขือเทศ 20-30 -  วัน เริ่มออกดอกค่ะ รอติดลูกสักพัก หลังจากนั้นใช้เวลาสุกประมาณ 15 วันค่ะ เมลอน 20 ติดลูก  30-45 ลูกสุกค่ะ มิ้นท์ 20 - 30 วันจะเริ่มฟูขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ ใบก็เริ่มทานได้เลย โหรพา 30-45 วัน เริ่มออกดอก กระเพรา 30 - 45 วันเริ่มออกดอก ผักโขม โตค่อนข้างช้าค่ะ เท่าที่เห็นในรูป ใช้เวลา 30 วัน แครอท ใช้เวลา 30 - 45 วันจะเริ่มขึ้นหัวค่ะ น่าจะประมาณนี้อ่ะค่ะ อันอื่นจำไม่ได้แล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 29 มิ.ย. 55 23:24:12 จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 23:23:42

ความคิดเห็นที่ 56 สุดยอดดดดดดด ขออิ๊บไปทำกินบ้างนะคะ จากคุณ : LeeSangmi เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 02:56:58

ความคิดเห็นที่ 57 อยากลองบ้าง ขอทราบราคาปุ๋ย A,B กระป๋องละเท่าใดครับ จากคุณ : กำนันพล เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 06:51:44

ความคิดเห็นที่ 58 คารวะ10จอก ชอบมาก ขอบคุณมากๆเดวไว้เอาไปทำบ้าง จากคุณ : binlaman เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 08:18:22

ความคิดเห็นที่ 59 เก็บเข้าคลังค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปัน จากคุณ : ม่านบาหลี เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 08:38:41

ความคิดเห็นที่ 60  ขยันจังเลย..ค่ะ   จากคุณ : นาย่าโก๊ะ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 10:21:37

ความคิดเห็นที่ 61 ที่สุดอ่ะ.............ละเอียดมากค่ะ ทั้งคำบรรยายและภาพประกอบ ตัวเล็กว่าวันอาทิตย์นี้จะเริ่มปลูกแล้วค่ะ หลังจากสั่งซื้อปุ๋ยAB จากเน็ทมาสองอาทิตย์แล้ว >_< และก็ว่าจะลองปลูกในแก้วกาแฟด้วย ดีนะเนี่ยที่มาเจอกระทู้คุณนกอีมูก่อน จะได้ระวังเรื่องพลางแสงค่ะ ตัวเล็กว่าการปลูกพืชในน้ำ...จะเด่นชัดเรื่อง ต้นไม้ได้ปุ๋ยสม่ำเสมอ ทำให้ค่อนข้างได้ผลผลิตเร็ว ต่างกับปลูกบนดินที่เราจะไม่ได้ใส่ปุ๋ยสม่ำเสมอ ตอนแรกคิดว่าปลูกในน้ำน่าจะปลูกแบบทิ้งขว้างได้...หาไม่ต้องใส่ใจมากอยู่ ตัวเล็กอยากรู้ว่าช่วงนี้ฝนตกบ่อยๆ ... คุณนกอีมูจัดการยังงัยกับต้นไม้ที่เยอะมากกกกกคะ จากคุณ : จากตัวเล็ก...ถึงตัวใหญ่ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 10:35:57

ความคิดเห็นที่ 62 คุณตัวเล็กคะ ส่วนมากถ้ากล่องที่เราใช้อยู่ ไม่มีหลุมที่่ว่างอยู่ เช่น เจาะปลูก 4 หลุม ก็ใช้เต็ม น้ำฝนจะเข้าไปได้น้อยค่ะ แต่ถ้าเราใช้ไม่เต็ม น้ำจะล้นกล่อง เราต้องมาปรับน้ำ ปรับปุ๋ยกันใหม่ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 11:11:19

ความคิดเห็นที่ 63 คุณกำนันพลคะ ปุ๋ย A , B หาข้อมูลได้จาก google เลยค่ะ นกก็สั่งซื้อจากเน็ทเหมือนกัน แต่ที่ดีที่สุด คือนกสั่งเป็นผงที่เค้าจัดสูตรมาแล้ว ก็มาผสมน้ำเอา เก็บในวัสดุที่ทึบแสง และรักษาอุณหภูมิได้ วิธีนี้จะได้ปุ๋ยในราคาที่ถูกกว่าซื้อแบบน้ำมากค่ะ Key word คือ "ปู่ยไฮโดรโปนิกส์แบบเกร็ด" ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 11:15:37

ความคิดเห็นที่ 64 ดีมากเลยค่ะคุณนกอีมู เพราะพื้นที่ที่จะให้โดนแสงของตัวเล็กไม่ริมตัวบ้านก็ต้องกลางสวน เพื่อที่จะให้ได้แดด...แต่มันก็จะมาพร้อมฝน ถ้าเจาะแบบคุณนกอีมูว่า จะได้ไม่ต้องกลัวเรื่องน้ำฝนเข้ามากค่ะ จะได้สบายใจเวลาตั้งทิ้งไว้ตอนไปทำงานระหว่างวันได้เลย ขั้วของแตงโมที่ปลูกเลื้อยขึ้นไปด้านบน...มันเหนียวมากจนไม่ขาดเลยเหรอคะ ??? จากคุณ : จากตัวเล็ก...ถึงตัวใหญ่ เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 11:18:39

ความคิดเห็นที่ 65 เครื่อง EC นี่ซื้อที่ไหนค่ะ จากคุณ : infranut เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 12:42:07

ความคิดเห็นที่ 66 สุดยอดค่ะ จากคุณ : ครอบครัวตัว ม เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 17:25:33

ความคิดเห็นที่ 67 จากคุณ : pisa_เอียง เอียง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 17:33:44

ความคิดเห็นที่ 68 คุณตัวเล็กคะ เมลอนที่นกปลูกเป็นพันธุ์จิ๋วค่ะ  ลูกใหญ่สุดเท่าลูกเทนนิสเองค่ะ แต่ถ้าเป็นลูกแตงโม เราต้องดึงเชือกหิ้วที่ลูกอีกเส้นนึงเอา ไม่งั้นกิ่งจะรับน้ำหนักไม่ได้ค่ะ (^_^) จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:02:42

ความคิดเห็นที่ 69 คุณinfranutคะ เครื่อง EC นกก็สั่งซื้อจากทางเน็ทเหมือนกันค่ะ รุ่นที่นกใช้จะดูได้ 3 ค่าค่ะ จำราคาไม่ได้อ่ะ นานแล้ว (-_-)" - ค่า TDS - ค่า EC - อุณหภูมิค่ะ ลองดูร้านที่ราคาเหมาะสมดูนะคะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:04:28

ความคิดเห็นที่ 70 เราซื้อปุ๋ย a b มาจะครึ่งปีแล้ว ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย วันแล้ว วันเล่า จากคุณ : Labaluna เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 18:12:27

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ.   ปลูกแบบนี้ดูมันยุ่งยากิหมือนกันนะคะ. ชักท้อแระ จากคุณ : มิคกี้เม้ง เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 20:01:09

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : thienkam เขียนเมื่อ : 30 มิ.ย. 55 21:31:16

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณนะคะ เก่งจังดูเพลินไปเลย ต้องลองทำบ้างแล้ว  แต่ตอนนี้ขอลาไปนอนนนนน.. จากคุณ : nuanunna เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 01:16:01

ความคิดเห็นที่ 74 ยังว่าจะ ว่าจะ อยู่เลยครับ ไม่ได้เริ่มสักที ขอบคุณครับ จากคุณ : พ่อ@LLถุง เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 55 15:52:30

ความคิดเห็นที่ 75 สอบถามครับ กล่องโฟมอย่างที่เห็น ปลูกได้กี่ต้นครับ จากคุณ : kcboy_th เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 16:56:09

ความคิดเห็นที่ 76 คุณkcboy_th กล่องโฟมจะปลูกได้กี่ต้น ต้องดูว่าเราปลูกต้นอะไรค่ะ อย่างปลูกพวกกินใบ รากจะไม่ค่อยมาก ก็สามารถปลูกได้หลายต้น อย่างกวางตุ้ง นกลง 11 ต้นค่ะ  เป็น 3 แถว แบบ 4 - 3 - 4 ค่ะ แต่ถ้าเป็นพวกกินผล เช่น มะเขือเทศ ข้าว เมลอน  รากจะเยอะมาก จะต้องปลูกให้ห่างๆ กันค่ะ อย่างพวกแครอท นกลงกล่องละ 5 ต้นค่ะ 3 แถว แบบ 2 - 1 - 2 ค่ะ จากคุณ : นกอีมู (Perfect Girl) เขียนเมื่อ : 5 ก.ค. 55 15:24:18

ความคิดเห็นที่ 77 คุณนก ขั้นเทพเลยนะครับ จากคุณ : แซม วิทวิคกี้ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 55 18:35:46

ความคิดเห็นที่ 78 คุณนกค่ะ อยากติดตามวิธีการเพาะเห็ดต่ออ่ะค่ะ จะทำยังงัยถึงจะไม่พลาดกระทู้นั้นอ่ะค่ะ (เจอกระทู้นี้โดยบังเอิญ...แล้วแบบว่าอยากติดต่อผลงานต่อไปอ่ะค่ะ) ^^ จากคุณ : patiegal เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 55 14:09:06

ความคิดเห็นที่ 79 มีวิธีแก้ไขเรื่องอากาศในถังหรือกล่องโฟมไม่พออยู่ครับ เราสามารถใช้ปั๊มลมตู้ปลา ใส่อากาศเข้าไปได้ เพื่อใช้ปั๊มลมให้คุ้มก็ ปั้๊มเดียวใช้ 10 กล่องเลยครับ ไม่ต้องแรงมากครับ แค่ให้มีอากาศภายนอกเข้าได้ ใช้หินฟู่ด้วยยิ่งดี ทำให้อากาศกระจายได้ดี แล้วยังช่วยเรื่องอุณหภูมิภายในภาชนะด้วยครับ จากคุณ : KowPoad เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 02:18:28

ความคิดเห็นที่ 80 ถ้าเพื่อนๆอยากดูการปลูกแบบ NFT ระบบน้ำหมุนเวียนก็เชิญที่ blog ผมได้นะครับ ทำเองทั้งหมด จากลองผิดลองถูกเหมือนคุณนกล่ะคับ จากคุณ : KowPoad เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 55 02:19:36