ความคิดเห็นที่ 1 แม่บอกว่า .......หยีลิ้นยาวเกินไปง่ะ ......ต้องระวังตัวให้มากกว่านี้  เดี๋ยวเสียลุคนางแบบ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:34:47

ความคิดเห็นที่ 2 ก็ลูกหมามันเหนื่อยน๊อออออออออ .......จะให้เอาลิ้นแตะฝ่าเท้ารึไง ........หนูมิใช่แมวนะคะ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:36:01

ความคิดเห็นที่ 3 ฮิๆ .......แกล้งเหนื่อยไปงั้นละค๊า .....ที่จริงอ่ะ ...ลูกหยีอยากเปลี่ยนโหมดดดดดดดด จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:37:04

ความคิดเห็นที่ 4 ........เป็นนางแบบ .......มันก๊ะต้องอาบแดดบ้าง ไรบ้าง ...... จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:38:23

ความคิดเห็นที่ 5 ......อิจฉาเค้า ช่ายมั้ยล่า .......มามะ มานอนอาบแดดด้วยกัน จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:40:14

ความคิดเห็นที่ 6 .......เดี๋ยวนึกท่าโพสต์ก่อนนะคะ ..... จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:41:26

ความคิดเห็นที่ 7 ......ท่านี้ ...เซะซี่ ...พอมั้ยคะ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:42:21

ความคิดเห็นที่ 8 นางแบบของเรา มีความสุข จนยั้งไม่อยู่ซะแล้ววววววว จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:43:44

ความคิดเห็นที่ 9 ......แม่.....ลงมานอนอาบแดดข้างๆลูกหยีมั้ยยยยยยยยย ..... จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:44:51

ความคิดเห็นที่ 10 เข้าป่าทีไร ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ก็เลยไว้ผมยาวไม่ได้ ......กลับบ้านที ก็เก็บของป่า ไปฝากแม่ทุกครั้ง ก็เลยต้องตัดต้องเล็มให้เรื่อยๆ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:47:11

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่เหลือมาดนางแบบเล๊ยยย ลูกเรา จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:48:16

ความคิดเห็นที่ 12 แรงยังดีอยู่จ้า จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:49:05

ความคิดเห็นที่ 13 .......สวยซะอย่างงงงงงงง .........ไม่แคร์สื่อค่ะ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:50:08

ความคิดเห็นที่ 14 กลิ้งอยู่ดีๆ ดาดี๊บอกว่า เดี๋ยวต้องกลับบ้านแล้ว จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:51:19

ความคิดเห็นที่ 15 ........ลูกหยีเลยหันมาแอ๊คสวยให้แม่เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก ฮิๆ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:52:22

ความคิดเห็นที่ 16 ร่าเริงไปตามสายลม ทิวหญ้าจริงๆสาวน้อย จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:52:34

ความคิดเห็นที่ 17 ........หยีสวยพอยังคะ ... จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:53:19

ความคิดเห็นที่ 18 ทัดดอกจำปาอีกนิดสวยซึ้งเลยจ้า...อิ อิ จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:54:27

ความคิดเห็นที่ 19 ยิ้มกว้างกว่านี้เหรอคะ .......ได๋ค่ะ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:54:28

ความคิดเห็นที่ 20 สวัสดีค่ะ คุณ : racha007  ......คืนนี้ คุณพ่อคุณลูกเค้าดูผลการเลือกตั้งค่ะ ก็เลยได้มานั่งโพสต์ก่อนนอน จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:55:57

ความคิดเห็นที่ 21 ..........และแล้ว ก็มาต่อเรื่องราวที่เล่าค้างไว้ ...... จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:56:57

ความคิดเห็นที่ 22 สีใบไม้สวยสดงดงามจริงๆนะคะ จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 10:58:34

ความคิดเห็นที่ 23 ......ช่วงที่คุยกันกับพ่อน้องลูกหยี ก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยจริงๆค่ะ  เพราะมองยังไงก็ไม่ใช่สเปค ....คนอะไรหน้าเด๊กกกกกกกก เด็ก ........พาไปไหนมาไหนด้วย มีแต่คนคิด ว่า... เราชอบกินเด็ก ....... ......ก็คุยกันไปเรื่อยๆค่ะ โทรมาก็คุย ไม่โทรมาก็นั่งทำงานไปคนเดียว ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ......จนมาถึงช่วงหนึ่ง พี่แกถามว่า .......เดี๋ยวนี้ความรักไปถึงไหนแล้ว ......ทำงานหนักขนาดนี้ เอาเวลาที่ไหนไปพบแฟน .....อ้า ......นะ......ก็ไม่ต้องพบกันไง ....ว่างเมื่อไหร่ก็คุยกันทางโทรศัพท์ แต่ .....คนถามก็ไม่ลดละ ......พี่แกว่า .....คุยเวลาไหน ......ในเมื่อเค้าโทรมาทีไร สายเราว่างตลอด ไม่ว่าจะโทรไปบ้าน หรือโทรที่ทำงาน   อ้าวววววววว ...เฮ้ย .......มานั่งจับตาดูตรูตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยยยยยย   แต่จะว่าไป ...ด้วยความที่เราคุยกันเยอะ และก็คุยกันแบบเพื่อน มันเลยไม่มีอะไรต้องปกปิด ...ตื่นเช้า มาทำงาน  อาทิตย์หนึ่งมีเจ็ดวัน ก็ทำงานมันทั้งเจ็ดวัน  คนอื่นเค้าเลิกงานกันตอนเย็น ...แต่เราทำงานถึงตีหนึ่งตีสอง ........เค้าเลยถามตรงๆ ...ว่า ....เรายังรักษาความรักเอาไว้ได้อยู่หรือเปล่า .... สุดท้ายก็เลยต้องบอกว่า ...ก็คงจะต้องปล่อยให้ความรักมันผ่านเลยไป เพราะจริงๆ แล้ว ก็ไม่คิดจะมีใครในชีวิต  งานแบบนี้ เหมาะกับการอยู่เป็นโสดมากกว่าฮ่ะ ...บรรดาคนใหญ่คนโตที่นั่น นางสาวกันท้างน๊านนนนนนน ....อิฉันก็กะว่าจะขอเดินตามรอยเท้าผุ้ใหญ่แถวๆนี้แหละ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 11:11:28

ความคิดเห็นที่ 24 กะว่าจะถือคติ...เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด เพราะมันก็ไม่ว่างกำลังงับผู้ใหญ่อยู่ใช่ไหมคะ 555 จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 11:16:52

ความคิดเห็นที่ 25 ช่วงหลังๆ พี่แกก็มีบ้าง ...ที่ขอเปลี่ยนสถานะ ....ขอโอกาสพิสูจน์ตัวเองบ้าง อะไรบ้าง แต่เราก็เฉยๆ  ......บอกแค่ว่า ...เป็นเพื่อนแบบนี้น่ะดีแล้ว ฉันคบใครเป็นแฟนไม่ได้นาน  ตอนนี้ยังไม่อยากเสียเพื่อนไปอีกคน   เค้าก็ไม่กดดัน และก็ไม่ถามอีก และก็ยังคุยกันเหมือนเดิม จนมีอยู่วันหนึ่ง พี่แกโทรมาบอกว่า จะมีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน วางแผนไว้ว่า จะมาเมืองไทย และอยากไปเที่ยวทะเล ก็เลยโทรมาถาม ว่าเราว่างหรือเปล่า ...ไปเที่ยวด้วยกันมั้ย ...ถ้าไม่วางใจ และถ้าเป็นห่วงเรื่องชื่อเสียง เค้าให้เราพาเพื่อนในกลุ่มไปด้วย    แต่เค้าอยากให้เราไปด้วยจริงๆ อยากให้พักผ่อนบ้าง   ที่จริงก็รู้ตัวค่ะ ว่าทำงานหนักจริงๆ เพราะช่วงนั้นเป็นฤดูงานเข้า มันเป็นอะไรที่ต้องทำงานตามวาระ และงานประจำก็ยังต้องทำเป็นปกติ ....... ....ก็เลยบอกคุณเพื่อนไปว่า ....ถ้าว่างอาจจะตามไป แต่ถ้ามีงาน หรือติดประชุม ก็ไม่สามารถไปได้  และช่วงนั้นนายใหญ่มีรายการประชุมเกือบทุกวัน เราต้องคอยติดตาม ว่าจะมาถึงเรื่องของเราเมื่อไหร่  ....มันเป็นอะไรที่รับปากไม่ได้ว่าจะไปจริงหรือเปล่า ...แต่ถ้าไปได้ ก็จะไป ก็เลยตกลงกันว่า งั้นจองโรงแรม จองเที่ยวบิน .........เราจะไปได้หรือไม่ได้นั่นอีกเรื่องหนึ่ง ....เมื่อถึงวันเดินทาง ก็รู้เองแหละ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 11:23:04

ความคิดเห็นที่ 26 คุณ : racha007  ..........แน่น๊อนนนนนนนนน........ถ้าเราเดินตามหลัง ...ยังไง๊ ยังไง มันก็ต้องงับผู้ใหญ่ก่อนเรา ......ฮิๆ ........ แต่จริงๆแล้ว ....ก็มีผู้ใหญ่จ้องจะงับอะฮั้นด้วยฮ่ะ ....ถึงต้องมีเพื่อนผู้ชายตามประกบตลอด  คือจริงๆก็คบแต่เพื่อนผุ้ชายน่ะนะคะ ...แต่คราวนั้น มันมีเหตุด้วย ก็เลยต้องคบแบบตัวติดกัน  ไปไหนไปด้วยกัน เรียกว่า ทำตัวยิ่งกว่าแฟนเลยค่ะ .......เดินกันเป็นกลุ่ม แต่จะมีหนึ่งคนที่เราอยู่ใกล้เค้าตลอด ......เพื่อนสนิทที่โอนไปทำงานที่อื่น คือคนที่เราไว้ใจ .....และเพราะเค้าก็ร้ายใช่ย่อย ...ก็เลยไม่มีใครเข้ามายุ่งอีก ......แต่คุณเจ้านายก็มีเตือนค่ะ ว่า ....หนีเสือ ปะ จระเข้ หรือเปล่า .......เพราะคนของเรา ก็เสือตัวนึง .......ก็มีแซวกันค่ะ ว่าเพื่อนเป็นเสือผู้หญิง แล้วเราก็เป็นเสือผู้ชาย ...ไปไหนไปกัน  เมาไหนเมากัน และมันก็พากันเมาได้ทุกวันจริงๆ ......เพื่อนสนิทคนนั้น เค้าไม่เคยปล่อยผู้หญิงคนไหนผ่านมือเค้าไปเฉยๆ  และก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าอยู่ใกล้เค้า .......แต่เราทำให้เค้ารู้สึกว่า ...เรารู้สึกปลอดภัยที่อยู่ใกล้เค้า ...มันก็เลยทำให้เค้าไม่กล้าทำร้ายเรา ไม่กล้าแม้แต่จะแตะเนื้อต้องตัว ...แต่เวลาไปนั่งดื่มนั่งทานอาหาร เค้าจะแสดงอาการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ... ...ทำให้มีคนเข้าใจผิดไปไกล .......แต่ .......ก็ไม่สนใจรายละเอียดตรงนั้น ...ต้องการแค่ว่า ...อย่าให้คนอื่นมายุ่งกับเราอีกก็พอแล้ว .... .........แต่ ......สุดท้าย สาเหตุที่เพื่อนต้องขอโอนไปทำงานที่อื่น ก็มาจากเราเองอีกแหละ .....หลังจากย้ายไปแล้ว เค้าย้อนกลับมาบอกว่า ......เค้ากลัวว่าจะต้องเสียเราไป กลัวอดใจไม่ได้ แล้วจะทำร้ายเราเหมือนที่เคยทำกับคนอื่นๆ ก็เลยขอเป็นฝ่ายไป เพื่อรักษาความเป็นเพื่อนเอาไว้ .. ........เฮ้อออออ ....มีแอบเศร้าค่ะ ....หลังจากเพื่อนย้ายไป มันรุ้สึกเหมือนบางส่วนของชีวิตขาดหายไปยังไงไม่รุ้ ....มันไม่ใช่อาการของคนอกหัก .....แต่มันหนักกว่านั้น .......และเพื่อนคนนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งราย ......ที่ทำให้แม่น้องลูกหยีนอนฝันว่าออกตามหาเพื่อน แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ...ตื่นมาทีไร ก็จะมีความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่ฝันถึงพี่ชาย ....เป็นแบบนี้หลายปีมากค่ะ   ......แล้วแม่น้องลูกหยีไม่ค่อยได้กลับเมืองไทยนะคะ นานๆถึงจะได้กลับบ้านที ...กลับเมืองไทยครั้งสุดท้าย ....โชคดีที่นัดเพื่อนในกลุ่มมาพบกันเกือบครบ และคนที่เราต้องการพบก็มาเหมือนกัน ...... ......หลังจากได้พบกันอีกครั้ง ก็ไม่เคยต้องฝัน ไม่เคยต้องออกตามหาเพื่อนอีกเลยค่ะ ..... จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 11:44:21

ความคิดเห็นที่ 27 ความผูกพันความสัมพันธ์มันติดอยู่ในใจค่ะ มีเพื่อนดีนับเป็นคนมีวาสนาเหมือนกันนะคะ และเพื่อนชายคนนั้นเขาก็คงเกิดความรู้สึกว่า หญิงใกล้ตัวแต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นหญิงในดวงใจให้หยุดซะทีหรือเปล่าด้วยแน่เลย แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 55 11:48:47 จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 11:47:42

ความคิดเห็นที่ 28 มาว่ากันเรื่องของพ่อลูกหมากันต่อ .....นัดกันว่าจะไปนั่งดื่มที่ภูเก็ต .......แต่ไปไม่ถึงหรอกค่ะ .....เพราะก่อนที่คุณเพื่อนจะเดินทางไปสนามบิน พี่แกโทรมาคอนเฟิร์ม ว่าจะออกเดินทางแล้วนะ .....แต่แม่น้องลูกหยีต้องบอกคุณเพื่อนว่า ...นายใหญ่ยังไปประชุมข้างนอกทุกวัน และเนื้อหามันก็เข้ามาใกล้เราทุกที ...ถ้าจะไปเที่ยวก็คิดว่าไปได้ แต่ก็จะต้องไปแบบกังวล ....เพราะงานตรงนี้มันเป็นความรับผิดชอบของเราโดยตรง .. ...และถึงจะเป็นวันเสาร์อาทิตย์ นายใหญ่ก็คงจะเข้าประชุมเหมือนเดิม ...เราคงทิ้งงานไปไม่ได้น่ะ  ต่อให้เอารายละเอียดไปด้วย และทิ้งเบอร์โทรไว้ แต่ถ้านายใหญ่ต้องการให้เราไปพบ เราต้องพบได้ทันที ....สุดท้ายยยยยยยย .......คุณเพื่อนบอกว่า ....เค้าเข้าใจ และก็เตรียมใจตั้งแต่แรกแล้วว่า เราอาจจะไปกับเค้าไม่ได้ .....และเค้าก็เลยคิดว่า งั้นเค้าไม่มาดีกว่า  แล้วก็เลยวางหูไป เพราะต้องโทรไปยกเลิกทุกอย่าง ทั้งโรงแรม และตั๋วเครื่องบิน .....และไม่ใช่แค่โทรไปยกเลิกทุกอย่างเด่ะ .....แต่.....ดันหายหน้าไปเลยฮะ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 11:54:34

ความคิดเห็นที่ 29 หนุ่มต่างชาติไม่น่าเจ้าเล่ห์อย่างหนุ่มไทยที่ฟอร์มเยอะ ทำหายหน้าไปให้คิดถึง หรือประเภทเจอหญิงยากเลยปล่อยมือ จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 12:01:02

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ  racha007 .......เพื่อนสนิทที่ย้ายไป  ย้อนกลับมาถามค่ะ .....ว่าเราเคยมีใจให้เค้าบ้างมั้ย .... ก็ตอบไปตามตรงค่ะ ...ว่าเรารักเค้ามากกว่าคำว่าแฟน รักเกินกว่าที่จะยอมเสียเค้าไปจากชีวิต  อยากเก็บความรุ้สึกดีๆแบบนั้นเอาไว้มากกว่า  ก็เลยไม่เคยแสดงอาการรับรู้ แต่จะวางตัวเหมือนเดิม คงความเป็นเพื่อนไว้ไม่มีเปลี่ยนค่ะ ......และจะว่าไป เราสองคนเป็นแฟนกันไม่ได้หรอกค่ะไม่เกินสองอาทิตย์คงได้ฆ่ากันตาย ....ลูกคนเล็กทั้งคุ่ เอาแต่ใจตัวเองทั้งคู่ ไม่มีใครยอมใครหรอกค่ะ ....แต่เพราะเป็นแค่เพื่อน ต่างคนต่างก็ไม่ก้าวก่ายในกันและกัน มันก็เลยกลายเป็นมิตรภาพที่สวยงาม ........เพื่อนคนอื่นในกลุ่ม ก็มีถาม ..เพราะมันก็คงเป็นอะไรที่คาใจพวกเค้าเหมือนกัน .... แต่เจ็ดปีผ่านไปค่ะ ถึงได้กล้าถาม ...ว่าเรากับเพื่อนหนึ่งเดียวคนนั้น จริงๆแล้วมันมีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า ..... จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 12:07:30

ความคิดเห็นที่ 31 ช่วงที่คุณเพื่อนคนต่างชาติหายไป ........ช่วงวันสองวันแรก ...เราแค่รู้สึกผิด .....ที่รับปากว่าจะไป แต่สุดท้ายก็ไปไม่ได้ .......แต่ในความรู้สึกผิด ......ก็แอบโล่งใจ .....เออ วุ้ย ....เจอเรื่องแค่นี้ หายหน้าไปเลย .......แบบนี้ ถ้าคบเป็นแฟน  เค้าก็คงยอมรับอาการบ้างานของเราไม่ได้ ......แต่ ....มันก็อดที่จะมีความรุ้สึกที่ว่า ......ทำไมชีวิตเรามันช่างว่างเปล่าจังเลย ....คบใครก็รักษาเอาไว้ไม่ได้สักคน ....แม้แต่เพื่อน ที่เราอยากใช้คำว่าเพื่อนจริงๆ  ก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้ .......ที่แน่ๆ ........แอบเหงาค่ะ ......ปกติจะเป็นคนที่ไม่เคยออกอาการเหงา ...เพราะเรามีกิจกรรมให้ตัวเองตลอด ...เป็นคนที่อยู่นิ่งๆไม่เป็น  ถ้าไม่ทำงานในหน้าที่ ก็จะมีงานเสื้อผ้าที่ต้องทำ ...แต่ส่วนใหญ่จะแค่ออกแบบ ให้พี่สาวลงมือตัดเย็บ แล้วเราเป็นคนเก็บรายละเอียด ตรวจเช็คทุกอย่างก่อนส่งให้ลูกค้า .......แต่ ....ช่วงนั้น เป็นช่วงที่  คนสำคัญของชีวิตเดินจากไป โดยที่เราไม่ทัดทาน ไม่ห้าม ...ไม่ถาม ...ว่าจะทิ้งเราไว้ตรงนี้นะเหรอ ....เพราะคิดแค่ว่า ....ก็เราเป็นแค่เพื่อน ...แล้วจะเอาอะไรไปห้ามเค้า .......และ....ช่วงนั้น ก็เป็นช่วงที่เราพยายามทำใจ เพราะเพิ่งจะเริ่มถอยห่างจากคนที่คิดว่าน่าจะใช่  แต่ดันไม่ใช่  สาเหตุแค่เพราะหมาชายหาดหนึ่งตัว .......มันก็เลยกลายเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะรบกวนสภาพจิตใจ ......นั่งทำงานแบบหัวใจเป็นหลุมเป็นบ่อไปหลายวัน จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 12:19:15

ความคิดเห็นที่ 32 ถอยไปตั้งหลักใช่ปะค่ะ วางแผนว่าจะเดินหน้าต่อยังไงดี จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 12:40:13

ความคิดเห็นที่ 33 .....เกือบสองอาทิตย์ที่เพื่อนคนต่างชาติหายไป .. .......ยิ่งทำให้คิดถึงเพื่อนสนิทเลยค่ะ ....คิดถึงวันที่เราทำงานดึก แล้วออกไปดื่มด้วยกันเป็นกลุ่ม สุดท้าย พากันอัดแน่นเป็นปลากระป๋องไปบนแท็กซี่  เพื่อที่จะเอาเราไปส่งที่บ้าน แล้วเพื่อนๆที่เหลือจะไปต่อที่ อาบอบนวด .....มันเป็นที่เดียว ที่เพื่อนๆไม่ยอมให้เรา ไปไหนไปกัน นวดไหนนวดกัน ....ตอนเช้าค่อยมาเล่าให้ฟัง ..... ....แอบเซ็งหลายหนมากเลย ....อยากตามไปทัศนศึกษา ...แต่ไม่มีใครยอมง่ะ .....ทุกครั้งที่นั่งบนแท็กซี่ เราก็จะนั่งใกล้เพื่อนคนสนิท เอาหัวพิงไหล่  มีโอกาสหลับก็หลับทันที พรุ่งนี้ต้องทำงานต่อ ...พอไปถึงบ้าน เพื่อนจะปลุก บอกถึงบ้านแล้ว ...และช่วงที่ยังอยุ่คนเดียว ก่อนที่พี่สาวกับหลานปอมสามตัวจะมาอยู่ด้วย ...เพื่อนไม่เคยขอตามเข้ามาในบ้าน แต่จะให้แท็กซี่นั่งรอทุกครั้ง จนกว่าจะเห็นเราเปิดไฟห้องนอน ......เพื่อความมั่นใจ ว่าไม่มีใครมาแอบเซอร์ไพร้ซ์เวลาเรากลับบ้านดึกๆ  ถ้าทุกอย่างปกติ ถึงจะให้แท็กซี่ออกรถ .....ถึงแม้ว่าช่วงนั้น เราจะแยกกันเดินได้สักระยะแล้ว  แต่หลายๆครั้ง ที่ยังอยากได้ความรู้สึกแบบนั้นกลับคืนมา .....ยิ่งเพื่อนคุยอีกคนหายไป ........เล่นเอาคนเหงาไม่เป็น ออกอาการเคว้งกับเค้าได้เหมือนกัน .....แต่แล้ว ....เกือบสองอาทิตย์ เพื่อนคนต่างชาติ ก็โทรมาตามปกติ ...เค้าบอกว่า โทรไปยกเลิกไฟล้ท์ แล้วก็เลยให้เค้าเช็ค ว่ามีเที่ยวบินไปไหนได้อีก ...พอดีมีเที่ยวบินในเวลาใกล้เคียงกัน เค้าเลยตัดสินใจคว้ากระเป๋าเดินทาง แล้วก็บินไปหาพ่อ ที่ทำงานอยู่แถบๆนั้น ........พอกลับจากเยี่ยมพ่อ ก็ต้องทำงานต่อ  ก็เลยไม่มีโอกาสโทรมาสักที ..........พี่แกพูดด้วยเสียงปกติม๊ากกกกกกกก  แถมขอโทษเราด้วย ที่ไม่ได้ส่งข่าว ........เฮ๊ออออออออออ .......ค่อยยังชั่วหน่อย .......ไม่อยากต้องจากกันด้วยความรุ้สึกที่ไม่ดี จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 12:43:44

ความคิดเห็นที่ 34 ฮุยยยยยยยย เหตุผลน่าเจี๊ยนมากเลยค่ะพ่อน้องลูกหยีเนี่ย จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 12:45:34

ความคิดเห็นที่ 35 หลังจากนั้น ก็กลับเข้าสู่โหมดเดิม และก็คุยหนักกว่าเดิม .......เพราะคนเค้าก็ไม่มีใคร มาทำงานอยู่ทะเลทราย แถมเป็นลูกคนเดียว โทรหาพ่อที หาแม่ที เพื่อนฝูงที่อยู่ใกล้มีหนึ่งคน เป็นเพื่อนบ้าน แต่เค้าก็มีครอบครัวและมีลูกให้ต้องดูแล ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เค้าอีกแหละ  ตาเน๊ พอคุณเพื่อนมีเวลาว่างก็โทรมาเมืองไทยเป็นเรื่องปกติ .....สงสัยกะว่า ขอสู้ดูสักตั้งละมั้งเนอะ   .......แฮ๊.......ลืมบอก ....ว่าคุณพี่เค้ามีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงค่ะ .......ส่วนเราก็มีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชาย ...มันก็เลยเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะเข้าใจกัน ...ว่า ...ถึงต่างเพศ ก็เป็นเพื่อนกันได้ แล้วมีอยู่ครั้ง ที่เค้ามาเมืองไทย เราก็ไปนั่งดื่มด้วยกันอีก .......และครั้งนั้น เค้าก็ถามอีกแหละ ว่า ไปเที่ยวแคนาดามั้ย เค้าต้องไปพักร้อนทุกเดือนตุลา .......เราพาเค้าเที่ยวและเรียนรู้เกี่ยวกับเมืองไทยก็เยอะ ก็เลยอยากพาเราเที่ยวบ้านเค้าบ้าง .......ก็เคยชวนหลายครั้งอยู่นะคะ ....แต่ก็ปฎิเสธทุกครั้ง ....ไม่ใช่ไม่อยากไป ...ถ้าแค่ไปเที่ยวน่ะ จะไปเมื่อไหร่ก็ไปได้ ....แต่เพราะงานมันถ่วงเอาไว้ แค่เวลาจะให้ตัวเองยังหาไม่ค่อยจะเจอ .........แต่สงสัยคราวนั้น ดื่มเครื่องดื่มผิดประเภทค่ะ ก็เลยรับปากว่า ถ้าลางานได้ ก็จะไป  ........แล้วก็ลืมไปเลย  เมาไวน์จนไปทำงานไม่ได้เลยฮ่ะ .....จนเค้าทวงถามอีก เพราะถ้าจะเดินทางจริง ก็ต้องเริ่มจัดการเรื่องเอกสาร .......ไอ้เราก็กะว่าจะแกล้งปฎิเสธเหมือนเดิม ....แต่พี่แกดันจำได้ ว่าเราพูดตอนไหน อย่างไร ........ก็เลยแย้งไม่ออก ....และก็รับปากว่า  ถ้าลางานได้ จะไปจริง  เดี๋ยวลองคุยกับเจ้านายดูก่อน ว่ามีแนวโน้มไปทางไหน เพราะช่วงเดือนนั้น มันเป็นอะไรที่งานของเก่าและงานใหม่มันตีกันจนยุ่งไปหมด จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 12:58:58

ความคิดเห็นที่ 36 ทำมาอ้างเมาไวน์จริงๆจิตใต้สำนึกสั่งมามั้ง...อิ อิ จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 13:02:37

ความคิดเห็นที่ 37 หลังจากที่ตกลงใจว่า จะขอลาพักร้อนไปเที่ยวแคนาดา ........และก็ต้องเริ่มวางแผนเตรียมขอวีซ่า ลางาน เริ่มวันไหน เดินทางเมื่อไหร่ กลับเมื่อไหร่ ......อิคุณเพื่อนก็ไม่มีโอกาสมาเมืองไทยอีกเลย .......ได้แต่โทรมาบอกว่า .... เนี่ย ....บินไปใกล้ๆเมืองไทย ....แต่ไปได้แค่อินเดีย .......หรือไม่ก็ ....เนี่ย ....ใกล้ไทยเหมือนกัน ... แต่ไปจอดที่ฮ่องกง ..........แต่ก็คุยกันเหมือนเดิมค่ะ ....ช่วงนั้น ชีวิตเกาะติดอยู่กับโทรศัพท์ ....แต่ก็ยังออกไปดื่มกับกลุ่มเพื่อนที่ทำงานเหมือนเดิม .....คนโทรเค้าก็จะรู้เวลาว่าต้องโทรเวลาไหนเราถึงจะอยู่ติดโต๊ะ .......แต่บางทีก็มีที่โทรมาแล้วหาเราไม่เจอ บ้านก็ไม่อยู่ ที่ทำงานก็ไม่รับ ตีสองก็แล้ว ตีสี่ก็แล้ว ....มันหายไปไหนหว่า ......เช้ามาก็โทรมาเช็คอีกที ......อ๊ออออออออ ....เมื่อคืนเค้าไปตระเวณราตรีกับเพื่อนมาจ้ะ ...นั่งจนร้านแรกปิด เราก็ไปต่อร้านอื่น ....นั่งจนนักดนตรี นักร้อง ผู้จัดการ เด็กเสิร์ฟ พากันขึ้นเวที ร้องรำทำเพลง จัดให้คุณเจ๊  เพราะทั้งร้าน มีเรากะเพื่อนอีกสี่หน่อ  ไล่ยังไงก็ไม่ยอมลุก ....เลยปิดประตูเอนเตอร์เทนกันเองเป็นที่สนุกสนาน ........( ไม่รู้ว่าคุณเพื่อนจะสนานไปกับเราด้วยหรือเปล่านะคะ แต่พี่แกไม่เคยบ่นสักคำ ) ......แล้ววันหนึ่ง พี่แกก็โทรมาถามว่า ...ไปเจอกันที่สิงคโปร์มั้ย ....มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์พอดี จะได้คุยกันให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที ว่าจะเอายังไงแน่  จะไปแคนาดาจริงหรือเปล่า .....แฮ่ .......เคยนัดกันไปภูเก๊ต แล้วเราเป็นฝ่ายผิดนัด .......คราวนี้ชวนออกนอกประเทศเลยเหรออออ .....แต่........ไปก็ได้ฟระ .....ว่าแล้วก็นัดแนะกัน ว่าจะเจอกันตรงไหน อย่างไร จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 13:12:10

ความคิดเห็นที่ 38 ...........เง๊ออออออออออ ...........จะได้ไปสิงคโปร์หรือเปล่า ........รอลุ้นไปก่อนนะคะ ...........ตีหนึ่งกว่าแล้ว ....เดี๋ยวพรุ่งนี้จัดอาหารเที่ยงให้ลูกไม่ทัน จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 13:14:33

ความคิดเห็นที่ 39 โอบามาได้แล้วใช่ไหมคะ จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 13:17:46

ความคิดเห็นที่ 40 คุณ : racha007  ........ คราวนั้นเมาไวน์จริงๆค่ะ เพราะเมื่อก่อนจะไม่ดื่มไวน์ แต่อะฮั้นดื่ม คอนยัค ออน เดอะ ร็อค ........ปกติจะไม่ดื่มจนเมาค่ะ เพราะถึงจะไว้ใจเพื่อนยังไง ก็ยังต้องดูแลความปลอดภัยให้ตัวเองอยู่ .... ...แต่ลืมแล้วว่า ด้วยเหตุใด คราวนั้นถึงได้ดื่มไวน์ ...และสุดท้ายต้องโทรไปลางาน และบอกเจ้านายตรงๆ ว่า ...หนูเมาค่ะพี่  เมื่อคืนดื่มเครื่องดื่มผิดประเภท ......เพราะก็ดื่มกับเจ้านายบ่อยมากเหมือนกัน เค้าก็ไม่เคยเห็นเราเมาสักครั้ง .....คุณเจ้านายยังบอกเลยค่ะ ว่า ...มีลูกน้องผู้ชาย เวลาจะลางาน มันไม่เคยบอกเหตุผลจริงๆ สักที....แต่มีลูกน้องผู้หญิง นี่ก็พูดตรงเกินเหตุ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 13:21:09

ความคิดเห็นที่ 41 โอบามา ได้อีกแล้วค่ะ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 13:24:17

ความคิดเห็นที่ 42 พ่อน้องลูกหยีนี่รักแท้ไม่ยอมแพ้ระยะทางจริงๆเลยนะคะเนี่ย ว่าแล้วก็ส่งบอมบอมมาเทียบซิใครจะลิ้นยาวกว่ากันน๊อออออออออ ตัวนี้นี่กอดหนุบหนับหมุบหมับเดี๋ยวกอดเดี๋ยวจุ๊บเหม่งฟัดกันทั้งวันเลยค่ะ จะว่าหลงลูกชายก็ได้ พาเดินเล่นกลางคืนไม่ต้องกลัวเลยค่ะ เธอขาวมาแต่ไกล คนที่รอที่บ้านไม่ต้องเป็นห่วงว่าเดินกันถึงไหนแล้ว ^_^ จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 14:08:32

ความคิดเห็นที่ 43 รูปคห.12 น้องลูกหยีดูมีความสุขสุดๆเลยค่ะ จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 14:09:05

ความคิดเห็นที่ 44 อ้าว ลืมรูปเบยยยยยย จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 14:10:12

ความคิดเห็นที่ 45 หมาบ้าพลัง ฮ่าาาา ท่าทางจะมีความสุขมากมายเลย ร่าเริงตลอดเลย จากคุณ : ทาโร่ จิจิ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 16:54:21

ความคิดเห็นที่ 46 ... อู๊ยยยส์...สับสนกับความรักของสาวๆ   *ใส่รูปผิดเลย...มี่ไม่โกรธพ่อนะ   แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 55 17:06:46 จากคุณ : First In, Last Out เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 17:05:09

ความคิดเห็นที่ 47 น้องลูกหยี มีเรื่องให้คิดตลอดเวลาเลย เห็นคิ้วขมวดทุกรูป ขนาดวิ่งยังขมวดคิ้วเลย 5555 จากคุณ : ging_gong_kaew เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 18:30:09

ความคิดเห็นที่ 48 คุณ: Ms.MoJiTo~*   ........พี่แกมีความพยายามเป็นเลิศค่ะ  ....พยายามรอช้อนหุ้นแบบใจเย๊นนนนนนน .......น้องบอมบอม ลิ้นยาวได้เรื่องเหมือนกันเลยค่ะ แถมตัวขาวจั๊วะ กับลิ้นชีชมดู .......โอยยยยยยยย น่ารักน่ากอดจริงๆ .....แต่ถ้าเดินป่าบ่อย และชอบเก็บของป่า แบบลูกหยี คงไม่ไหวมั้งคะ ...ได้อะไรมา มองเห็นโหม๊ดดดดดดดดดดด ......ลูกหยีเค้าเป็นหมาที่มีความสุขตลอดเวลาค่ะ ...แต่เป็นหมาช่างสงสัย ...มองอะไรทีก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด คุณ : ทาโร่ จิจิ   .........เธอบ้าพลังจริงค่ะ  เล่นแบบไม่มีเพื่อน ยังไปได้ขนาดนี้ ....ถ้าได้เพื่อนหมาที่มีพลังพอกัน สงสัยจะได้เรื่องค่ะ คุณ : First In, Last Out  ...........อ้าววววววววววว ........ภาพนี้ไม่ใช่น้องมี่เหรอคะ ......... .....................................................แอบคิด........ว่า .......ฮัลโลวีนนี้ น้องมี่แต่งชุดได้เด็ดขาดดีจัง คุณ: ging_gong_kaew .........ขนาดนอนหลับ ยังคิ้วขมวดเลยค๊า .......จะเก็บภาพแบบไม่คิ้วขมวดนี่ ต้องแอบๆ รอทีเผลอ ( อาศัยเทคนิคเวลาอยากได้รูปพ่อน้องลูกหยี) ....... หรือไม่ก็ต้องรอตอนเธอเข้าโหมดแฮ๊ปปี้ จนลืมตัวค่ะ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 55 20:08:16

ความคิดเห็นที่ 49 555+ เป็นเด็กแฮปปี้ตลอดเวลาเหมือนกันเลยค่ะ :) แต่น้องลูกหยีช่างสงสัยคิ้วขมวด แต่ลูกชายบ้านนี้สงสัยปุ๊บ หูตั้งคอเอียงไว้ก่อนเลยค่ะ แอบเป็นแฟนคลับลับๆมานานละค่ะ แต่พึ่งมาเปิดตัว อิอิ จากคุณ : Ms.MoJiTo~* เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 07:22:57

ความคิดเห็นที่ 50 คุณพี่เค้าหน้าเด็กจริงๆค่ะ รูปที่อุ้มหนูไลก้าซึ่งตอนนั้นคงมีลูกแล้ว    ยังดูเหมือนหนุ่มน้อยที่เรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลยค่ะ จากคุณ : ซำพอริมรั้ว เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 20:56:58

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ : Ms.MoJiTo~*   ...เวลาลูกหยีสงสัย ก็ชอบทำคอเอียงเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ถึงกับหูตั้ง แค่กระดิกหู เวลาได้ยินเสียงต้องสงสัย .....จะเป็นแฟนคลับน่ะไม่ต้องแอบหรอกค่ะ ....มีอะไรจะได้พูดคุยกัน  มีรูปจะได้แบ่งกันดู แบ่งกันอวด ตามประสาคนบ้าลูก ฮิๆ คุณ : ซำพอริมรั้ว   .....ไอ้เรื่องหน้าเด็กนี่ มันมีผลกระทบต่อความรู้สึก และทำร้ายจิตใจอย่างแรงเลยนะคะ ......ครั้งหนึ่ง แกเลยส่งแม่น้องลุกหยีขึ้นแท็กซี่เพื่อไปทำงานตอนเช้า พี่แกนุ่งขาสั้น เสื้อยืด รองเท้าผ้าใบ ....พี่คนขับถามว่า จะไปไหน ...เราก็บอกไปกระทรวง....พี่เค้าหันมามองหน้า ถามว่า แถวๆกระทรวงหรือว่าเข้าไปในกระทรวง ...ก็บอกว่า เข้าไปข้างในค่ะ เดี๋ยวไปถึงจะบอกว่าเข้าตรงไหน ออกทางไหน .....แล้วพี่คนขับแท็กซี่ก็ถามอีกว่า ...นั่นแฟนเหรอ เค้าเรียนที่ไหนน่ะ เรียนโรงเรียนนานาชาติเหรอ .........เซ็งมากกกกกกกก เซ็งจริงๆ ... ....แต่นั่นก็ไม่หนักเท่ากับตอนหลังแต่งงาน และมีลูกแล้ว ....พาเค้าไปงานที่สถานกงศูล  ตอนนั้นพี่เอ็มยังแบเบาะ ...คุณพี่เค้าก็อยากให้เราสนุกสนานกับกลุ่มเพื่อนคนไทย เลยรับหน้าที่อุ้มลูกเอง จริงๆแล้วแกหวงลูกน่ะ ไม่ยอมให้ใครจับลูกแกง่ายๆหรอกค่ะ........ งานนั้นใครๆก็เอ็นดูเด็กหนุ่มค่ะ ...ชี้ชวนกันดู ....แบบ ....โอ๊ยยยยย เด็กอะไรน่ารักน่าเอ็นดูจริงเชียว  ไม่เคยเห็นหนุ่มที่ไหนจะรักน้องหลงน้องขนาดนี้ ...ดูซิ ...อุ้มน้องป้อนนมได้ด้วย  แถมเปลี่ยนผ้าอ้อมคล่องอีกตะหาก .. แล้วให้แม่เลี้ยงออกไปสนุกสนานรำป้ออยู่กลางวง .........กรรมจริงๆ กรรมแท้ๆเลยครับทั่น .....พอดีงานนั้น ปู่กับย่ามาเยี่ยมหลานพอดี เราก็เลยไปงานกันทั้งครอบครัว ........แล้วคนไทยที่นั่นก็ไม่เคยเห็นตัวจริงของอะฮั้น รู้แต่ว่า มีคนไทยมาอยู่ใหม่ มีสามีทำงานสายการบิน ....ส่วนคนที่เคยเห็นเราบ้าง ก็ไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้าสามีเรา ..แล้วด้วยความที่ทุกคนคิดว่า ตำแหน่งระดับนั้น มันก็น่าจะสูงวัยแล้วแหละ เค้าเลยพากันคิดไปเองว่า ...ปู่ของเด็กคือสามีของอิฉัน ส่วนย่าของเด็ก น่าจะเป็นญาติที่เดินทางมาส่งเด็กหนุ่มลูกเมียเก่า เดินทางมาเยี่ยมพ่อ ...และพี่ชายก็รักและหลงน้องต่างแม่ขนาดหนัก ...ตั้งแต่เดินเข้างานมา อุ้มน้องตลอดไม่มีการวาง ...... ......ตอนอยู่ในงานก็ไม่รุ้เรื่องหรอกค่ะ ว่าคนเค้าพูดอะไรกันบ้าง ....จนตอนหลังมีน้องคนไทยที่รุ้จัก เค้าเล่าให้ฟัง ..........แล้วเราก็ถึงได้บางอ้อ ...ว่าทำไมชายไทยสองสามคน ที่มึนเมาสุรา ถึงได้กล้าเข้ามาหาพ่อสามี เพื่อขออนุญาตพาเราออกไปรำวงกลางลาน ........แล้วครอบครัวเราก็ไม่มีใครเก๊ต ...พ่อสามีคิดว่า ผู้ชายเหล่านั้นเค้าให้เกียรติในฐานะที่เป็นผุ้ใหญ่ เลยข้ามหน้าคนเป็นสามี มาขออนุญาตพ่อสามี  และพอเค้าเข้ามาขออนุญาต ปู่ก็จะหันไปถามพ่อเด็ก ว่า โอเคหรือเปล่า เค้ามาขออนุญาตรำกับเมีย .... ....คนที่ดาหน้าเข้ามา ก็ไม่มีใครรู้เรื่องหรอกค่ะ ว่าสองพ่อลูกเค้าคุยอะไรกัน รู้แต่ว่า คนหนุ่มเค้าก็ผงกหัวตลอด แล้วคนแก่ก็หันมาบอก โอ เค๊ ...แล้วปู่ก็หันมาบอกเรา ว่ามีคนมาขอรำด้วย..... ......มารุ้ความจริงทีหลัง อยากหัวเราะก็อยาก แต่ก็ขำไม่ค่อยออก ...เพราะจริงๆแล้ว เราชอบแนวผู้ใหญ่ๆ  แต่สุดท้ายก็ได้แต่งงานกับหนุ่มหน้าเด็ก แล้วก็ตามมาด้วยปัญหาการเข้าใจผิดอีกสารพัด .....แอบเจ็บเล็กๆนะคะ เพราะเราไม่เคยชินกับชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง  พอมีคนไทยมาชวนพูดชวนคุย เราก็ไม่ได้คิดอะไร ใครเป็นมิตรมา เราก็เป็นมิตรตอบ แต่คิดไม่ถึงว่า การมีสามีเป็นกัปตัน มันจะทำให้ใครหลายๆคน พยายามที่จะเข้ามาในชีวิตของเรา เพียงเพราะเค้าคิดว่า เราน่าจะขาดอะไรบางอย่าง เพราะเราต้องมีสามีที่สูงวัยแล้วแน่ๆเลย  ซึ่งเค้าก็พากันคิดไปเอง ว่าสามีเราต้องบกพร่องในหน้าที่ชัวร์ป๊าด ......เค้าก็เลยพากันเข้ามา เพื่อที่จะช่วยเติมเต็มให้เรา .....พ่อน้องลูกหยีหัดบินตั้งแต่อายุ 15 ค่ะ พอวัยถึง ก็เริ่มทำงาน และเค้าก็เลยได้ตำแหน่งเร็ว แต่ด้วยความที่หน้าเด็ก คนส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เชื่อ และก็ไม่คิดว่าพี่เค้าทำงานแล้ว หน้าตาเหมือนยังเรียนอยู่   แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 55 03:49:12 จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 03:32:29

ความคิดเห็นที่ 52 มีแฟนน่าเด็กแต่แม่น้องลูกหยีตามอายุปกติก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนะคะ ดูหน้าสามีแล้วกรชุ่มกระชวยดีออก แต่รัชต์นะอายุเท่าสามีแต่เหมือนแก่กว่าเขาเป็นสิบปีเลยค่ะ เพราะว่าเราเป็นคนจริงจัง ซีเรียส ขี้โมโห ใจร้อน ขนาดแก่แล้วยังเหมือนไฮเปอร์ คล่อง เร็ว เลยยิ่งรำคาญคนทำอะไรช้าไม่ทันใจทำให้อารมณ์เสียอีก แฟนชอบขี้เล่นแต่เรารำคาญหงุดหงิด แต่ถ้าเล่นกับเด็กกับน้องหมาจะออกแนวติงต๊องเลยค่ะ จากคุณ : racha007 เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 07:03:08

ความคิดเห็นที่ 53 คุณ : racha007  .....แต่อะฮั้นออกอาการหน้าแก่เกินวัยตั้งกะอายุสิบแปด .......แล้วต้องมาเดินข้างๆคนหน้าเด็ก ........อ๊อยยยยยยยยยย ......มันกระชุ่มกระชวยไม่ออกอ่ะค๊า ....ออกแนวอิจฉาหน่อยๆ ....ตอนนี้ พี่แกหน้าตาสมวัยแล้วค่ะ ....ซึ่งกว่าจะดูสมวัย ก็รอมาหลายปีเลย .... ....แต่ ....ข้อดีของอาการหน้าแก่เกินวัยก็คือ ....ต่อให้วัยเปลี่ยนไปแค่ไหน ก็ยังดูดีเหมื๊อนนนนน เดิม ....คิ คิ ........พอมาถึงช่วงวัยนี้ คนก็เดาอายุเราไม่ค่อยออก ดั๊นนนนคิดว่าเรายังเด็ก  ...อาจจะเป็นเพราะอยู่ในดงฝรั่ง และตัวเล็กกว่าเค้า คนก็เลยพลอยคิดว่าเรายังเด็กมั้งคะ ... ...ไปนอนก่อนละค่ะ ....ได้ชมตัวเองแล้ว ท่าทางจะนอนหลับฝันดี จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 12:18:52

ความคิดเห็นที่ 54 ดูผิวเผินภายนอกก็เป็นเรื่องที่น่ากิ๊วก๊าวกรี๊ดกร๊าด แต่ถ้าเจอเรื่องอย่างที่แม่น้องลูกหยีเจอก็น่าเซ็งเหมือนกันนะคะ ถึงพ่อน้องลูกหยีจะหน้าตาดูเด็กไม่ตรงสเป็ค แต่เค้าชดเชยทดแทนให้ด้วยการที่เป็นสามีเป็นพ่อและเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีมากๆ อ่านจากที่เล่า   เค้าหวงลูก  ไปเดินหาของขวัญเพราะอยากเห็นลูกยิ้มที่ได้รับของขวัญในวันคริสต์มาส อยากกลับไปรอรับลูกที่กลับจากโรงเรียนเร็วกว่าปกติ   เป็นสามีที่หนักแน่น   เข้าอกเข้าใจ ทำให้เรื่องขุ่นใจที่ผ่านเข้ามากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยที่มีค่าแค่ฝุ่นละอองที่ปลิวผ่านไปแค่นั้นเองนะคะ... จากคุณ : ซำพอริมรั้ว เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 12:36:35

ความคิดเห็นที่ 55 คุณ : ซำพอริมรั้ว   ..........เจอบ่อยๆเข้า มันกิ๊วก๊าว กรี๊ดกร๊าดไม่ออกหรอกค่ะ ...ออกไปไหนต้องระวังตัวตลอด ....และที่สำคัญ ถ้าคุณสามีอยู่ด้วย เราก็ไม่อยากให้เรื่องมันเลยเถิด ...ถึงพี่แกจะใจเย็น และหนักแน่นพอ ....แต่ถ้าควบคุมสถานการณ์ไม่อยู่  เรื่องคงไม่เล็กหรอกค่ะ เพราะแกเป็นนักคาราเต้ ......ยังดี ว่าแกไม่เคยคิดจะใช้แรงกับใคร ....แต่คนที่มึนๆนี่ บางทีรุ้นะคะ ว่าสามีเราก็มางานเดียวกัน แต่เค้าก็ยังมึนต่อได้อีก ....อันนี้มันก็มีตัวแปรอื่น ให้บางคนกล้าเข้ามาแบบมึนๆอีกนั่นแหละค่ะ ..เพราะคนบางคน พอเห็นผู้หญิงไทย หางก็โผล่แล้ว เพราะเค้าแยกแยะไม่ออก ว่าผู้หญิงแต่ละคน มันแตกต่างกัน  และบางงานที่เราไป เจ้าของงานก็มีพฤติกรรมบางอย่าง ซึ่งเราไม่รุ้มาก่อน ตอนหลังๆ ถ้าเค้าชวนมาอีก เราก็เลี่ยงๆไป  ใครจะสนุกสนานแบบไหน ถ้าไม่ใช่วิถีของเรา พอรู้แล้วก็พยายามตีตัวเองออกมา ....พี่เค้าเคยอยากได้บ้านแถวชายทะเลเมืองไทย อยากไปซื้อทิ้งไว้เพื่อจะได้ใช้เวลาไปพักผ่อน แต่ก็ด้วยเหตุผลเรื่องนี้ ที่เราต้องเปลี่ยนความคิด เพราะเราเจอเรื่องแบบนี้บ่อยจริงๆค่ะ ก็เลยบอกเค้าว่า เราไม่อยากเป็นหม้ายน่ะ เกิดออกไปนอกบ้านแล้วมีคนมาตื้อ มาชวนคุย มาถามราคา ...แล้วพี่แกห้ามความโกรธตัวเองไม่อยู่ ...เดี๋ยวจะได้เข้าไปนอนในคุกแบบไม่รุ้ตัว .....พ่อน้องลูกหยีเป็นผู้ชายที่มีความเป็นพ่ออยู่ทุกรูขุมขนเลยมั้งคะ ..ช่วงลูกยังเล็ก เวลาเค้าอยุ่บ้าน เค้าจัดการทุกอย่าง โดยที่เราไม่ต้องหยิบต้องจับเลยค่ะ  ขนาดว่าช่วงที่ยังให้นมลูก เรามีหน้าที่นั่งเปิดนมรอ แม้กระทั่งผ้าชุบน้ำอุ่นสำหรับเช็ดทำความสะอาดก่อนให้นมลูก พี่แกก็จัดให้  เราก็นั่งเช็ดนมรอ ในขณะที่พี่แกไปอุ้มลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม แล้วเอามาส่งให้ และก็นั่งรอค่ะ พอลูกดื่มนมเสร็จ เรอเสร็จ แกก็มารับแล้วอุ้มกลับไปนอนที่เตียงเด็ก ......ตอนที่เริ่มๆดูเค้าอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ก็มองออกแล้วค่ะ ว่าคนเค้าเด็กเฉพาะใบหน้า แต่ความคิดความอ่านเค้าเป็นผู้ใหญ่มากๆ  ก็เลยต้องเปลี่ยนสเปคตัวเองเป็นการด่วน เพราะคุณสมบัติแบบนี้หายากมากๆฮะ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 20:04:55

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้าอยากได้บ้านพักก็น่าจะซื้อนะคะ ถ้าซื้อแล้วไม่อยู่ต่อไปก็ขายได้      เพราะถ้าอยากได้ทีหลังมันอาจจะไม่เหลือบ้านที่เราถูกใจก็ได้ อีกอย่างอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีแล้วคุณพ่อน้องลูกหยีคงชินและมีวิธีรับมือกับเรื่องที่น่ารำคาญรอบข้างแบบนี้แล้วล่ะค่ะ คุณแม่น้องหยีเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากๆคนหนึ่งเลยค่ะ เพราะเพื่อนหลายคนรอบข้างล้วนแต่มีสามีที่เล่นกับลูกอย่างเดียว    เรื่องอื่นไม่ยอมแตะ คนที่มีบุญบุปเพคู่กัน   มีศีลเสมอกัน  ถึงได้เจอกัน   ได้อยู่ด้วยกันนะคะ... จากคุณ : ซำพอริมรั้ว เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 10:44:24

ความคิดเห็นที่ 57 คุณ : ซำพอริมรั้ว   .......มีบ้านที่กรุงเทพอยู่ค่ะ ....ซื้อเพราะไม่มีที่ให้หมาแมวที่ดูแลอยู่  พี่แกรู้ว่าเราคงทิ้งให้พี่สาวรับภาระเรื่องหมาๆแมวๆคนเดียวไม่ได้ เลยตัดสินใจซื้อบ้านทันที และดูแลค่าอาหารสัตว์เลี้ยงพร้อม จนกว่าพี่สาวจะรับภาระคนเดียวไหว .....ก็นานหลายเดือนเหมือนกันค่ะ เพราะปกติ เด็กๆมีเราเป็นหัวหน้าครอบครัว  ถ้าจู่ๆจะให้เราทิ้งไปเฉยๆ ก็ทำไม่ได้หรอกค่ะ ....ก่อนซื้อบ้าน พี่แกถามว่า หมาแมวพวกนี้มาจากไหน ก็บอกพี่แกว่า หลานปอมสามตัวเป็นของพี่สาว แต่นอกนั้น เป็นหมาจรที่เราเป็นคนตัดสินใจรับมาเลี้ยง ....พี่แกเลยถามว่า พี่สาวจะรับเลี้ยงต่อมั้ย ถ้าหากว่าจะหาบ้านให้อยู่ ..คือตอนนั้นประมาณว่า ให้ทำอะไรก็ได้ ขอให้เรายอมย้ายไปอยู่กับเค้า .....บ้านที่ต่างจัดหวัดก็มีค่ะ เป็นบ้านที่พ่อแม่ยกให้ แต่ก็กะว่าคงจะต้องสร้างบ้านในแบบที่เราเคยชิน เพราะอยุ่บ้านฝรั่งมานาน ถ้าต้องไปอยู่เมืองไทยนานๆ ก็ขอแบบที่ตัวเองเคยชินดีกว่าค่ะ  แต่ก็อีกหลายปี ต้องรอให้ลูกคนเล็กแยกไปเรียนต่อก่อนค่ะ ถึงจะเดินทางไปอยู่นานๆได้ .....คิดว่า ถ้าจะสร้างบ้าน  คงจะไปสร้างแถวๆที่ไม่ค่อยมีคนต่างชาติค่ะ พ่อน้องลูกหยีเค้าก็ไม่อยากไปอยู่แหล่งที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ เค้าอยากอยู่ตามทุ่งนา หรือตามสวนผลไม้มากกว่าค่ะ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 12:53:59