J2400769 กระแสน้ำที่ไหลผ่านตู้กรอง ช้า ๆ กับ เร็ว ๆ แบบไหนจะทำให้น้ำที่ผ่านออกมาจากกรองจะสะอาดกว่ากันครับ [ปลาสวยงาม]

ความคิดเห็นที่ 6

อันนี้เคยแสดงความเห็นไปครั้งหนึ่งแล้ว นานมากๆ ซึ่งเรื่องนี้ผมเห็นว่า จะเร็วหรือช้ามันขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพกรองเรานั่นเอง

พูดง่ายๆคือ สำหรับเครื่องกรองเครื่องหนึ่ง เราไม่จำเป็นต้องสนใจว่าจะต้องให้น้ำไหลผ่านช้าหรือเร็ว แต่ไม่ว่าจะต้องช้าหรือเร็วข้อแม้คือ กรองจะต้องกำจัดของเสียออกให้หมด เช่นถ้าของเสียหมายถึง NO2 ก็แปลว่าขณะที่น้ำไหลเข้าไปในกรอง เมื่อผ่านกรองออกมาแล้ว กระแสน้ำออกต้องมีค่า NO2 เท่ากับ 0 ซึ่งจะทราบได้ต้องทำการทดลองครับ ถ้าเข้าใจก็จะแปลว่า อัตราการไหลของน้ำ และปริมาตรเครื่องกรองต้องเหมาะสมกัน โดยที่ทั้ง 2 ปัจจัยต้องมีค่าพอดีที่จะทำให้น้ำถูกกันตัวอยู่ในกรองเป็นเวลานานพอที่กรองจะกำจัดของเสียหมดลงได้

ซึ่ง ถ้าเข้าใจแล้ว ปัจจัยที่สำคัญจริงคือ เวลาที่น้ำถูกกันในเครื่องกรองนั่นเอง ซึ่งสามารถถูกควบคุมได้ 2 ตัวแปลระหว่าง ปริมาตรกรองและอัตราการไหลของน้ำที่เข้าสู่กรองนั่นเอง

ที่นี้ หากวิจารณืเรื่องอัตราการไหลเพียงอย่างเดียว ผมก็จะสามารถพูดได้ว่า อัตราการไหลที่เบาเกินไป จะทำให้น้ำถูกกักอยู่ในกรองนานมาก แน่นอน น้ำในกรองจะสะอาด และจะสะอาดก่อนที่มันจะหลุดออกจากกรองเสียอีก แปลว่า ตั้งแต่น้ำเริ่มเข้ากรองและกำลังจะเดินทางออกจากกรอง น้ำมันสะอาดไปเรียบร้อยแล้วทั้งๆที่ยังมีเวลาอยู่ในกรองอีกนานและผลคือน้ำในตู้ปลาต้องต่อคิวรอเข้าเครื่องกรองโดยใช้เวลารอนานมาก แบบนี้ แม้ว่าน้ำสะอาดในที่สุดจะหลุดออกมาจากกรองแล้วเทกลับไปเข้าตู้ อัตราการเจือจางก็จะต่ำมากจนทำให้ไม่สามารถไปเจือจางค่า NO2 ให้เป็น 0 ได้ทัน เพราะอัตราการสร้าง NO2 ที่มาจากแบคทีเรียมีค่าสูงกว่าอัตราการเจือจางนั่นเอง

ในกรณีที่ 2 ถ้าอัตราการไหลเร็วเกินไปมากๆ แปลว่า เมื่อน้ำเข้าสู่กรองแล้วยังไม่ทันจะสะอาดเลย ก็ถูกดันออกจากกรองแล้ว ซึ่งแบบนี้ โอกาสที่น้ำในตู้ปลาจะสะอาดก็มีครับ แต่จะเกิดขึ้นช้า เพราะแม้ว่าอัตราการเจือจางจะสูง แต่น้ำที่จะเอามาเจื่อจางยังคงมีค่า NO2 ปนอยู่ในปริมาณหนึ่ง ดังนั้นจึงใช้เวลานานที่จะลดค่า NO2 ในตู้ปลาให้เท่ากับ 0 แถมยังเปลืองพลังงานอีกด้วย

ทีนี้กรณีที่ 3 จะเป็นกรณีที่ถือว่าลด NO2ได้ไวที่สุด นั่นคือ ออกแบบให้ใช้อัตราการไหลของน้ำที่สามารถกักน้ำให้อยู่ในกรองแบบที่ว่าพอถึงเวลาที่น้ำจะเดินทางออกจากกรอง ณ เวลานั้นเอง NO2 ในน้ำก็ถูกกำจัดหลดลงพอดี สภาวะนี้ถือว่าเป็ฯสภาวะที่เราออกแบบให้เครื่องกรองทำงานได้สูงสุดตามประสิทธิภาพของมันแล้ว ซึ่งปัจจัยที่จะกำหนดให้เครืองกรองใดดีกว่ากัน (หากการออกแบบอัตราการไหลและปริมาตรสมดุลกันแล้ว) ก็คือ วัสดุกรองนั้นเอง และทั้งนี้ปริมาตรกรองที่ใหญ่ก็ช่วยให้กรองกำจัดของเสียในตู้ปลาเร็วขึ้น แน่นอนครับว่าเมื่อปริมาตรใหญ่ อัตราการไหลก็ต้องสูงตามเพื่อจะให้ได้ค่า optimun retention time (เวลาที่น้ำถูกกักอยู่ในเครื่องกรองนานพอที่จะทำให้ ค่า NO2 เป็น 0 พอดี ณ เวลาเดียวกันที่น้ำจะถูกดันออกจากเครื่องกรอง) เท่ากับที่เราทดลองศึกษาได้ในกรองขนาดเล็กนั่นเอง แต่เมื่อกรองใหญ่ขึ้น lag time ก็จะยาวขึ้นด้วย ซึ่ง lag หมายถึงเวลาที่จุลินทรีย์ภายในกรองจะใช้ในการปรับตัวเพื่อการโตและโตมากพอจนสามารถทำการจำกัดของเสียได้

นั่นแหละครับ เป็นเพียงมุมมองหนึ่งสำหรับปัญหาที่คุณป้อมถาม หากสงสัยและอยากรู้อะไรมากกว่านี้ คุณป้อมทราบนะครับว่าจะทำอย่างไร อิอิ :-)

จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 6 ส.ค. 46 09:13:43 ]