ความคิดเห็นที่ 1
www.hamsterthai.com
และจากพี่ว่าน
โดยความเห็นส่วนตัวคิดว่ากะบะ99บาทเวิร์กสุดค่ะ ล้างง่าย อยู่สบาย กว้างขวาง ใส่อะไรต่อมิอะไรได้เยอะ . แต่ถ้าชอบแบบกรงสำเร็จ คิดว่า Habitrail รุ่น Safari หรือรุ่นที่ออกใหม่ ( แต่ก็นานแล้วแหละ ) หน้าตาเหมือน Safari เปี้ยบ เพียงแต่สีสรรออกไปทางยุคอวกาศเท่านั้นเอง อันนั้นก็เหมาะค่ะ ( หน้าตาเหมือนกันนิเนอะ อิอิ ) ขนาดกรงประมาณ Safari อยู่ประมาณ 2 ตัวได้สบายๆค่ะ แต่สามตัวรู้สึกจะแออัดไปหน่อย ไม่แนะนำ . ของSAM ดีสำหรับคนเลี้ยงในห้องแอร์ค่ะ ( แต่ตอนกลางวันก็ร้อนเหมือนกันนะ ) ถ้ารุ่นSpace Shuttle ( รึเปล่าหว่า ) ที่เป็นทรงสูงคล้ายเคสคอมพ์ มีสองชั้น อันนั้นทำความสะอาดยากค่ะ มันชอบจะหลุดเป็นชิ้นๆอยู่เรื่อย แต่ตอนนี้รู้สึกจะมีรุ่นใหม่ออกมา Critter.. อะไรซักอย่าง หน้าตาคล้ายกรง LOOK ของญี่ปุ่น . จะขอว่าถึงกรงLOOK ก่อนค่ะ กรงLOOKของญี่ปุ่นเนี่ย สีสันหวานสดใส สมกับที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตมากค่ะ หน้าตาจะคล้ายๆกับ Safari แต่สอบถามผู้ที่เคยใช้แล้ว ได้ความว่า ทำความสะอาดยากกว่ากัน กล่าวคือ ตอนจะเปิดกรง หรือเอามาทำความสะอาดเนี่ย แทบจะต้องถอดออกมาเป็นชิ้นเลยค่ะ ไม่เหมือนSafari ที่ตัวกรงจะเป็นแค่สองส่วน คือส่วนของถาดล่าง และตัวซี่กรงที่ครอบอยู่ข้างบน ทำให้ทำความสะอาดง่าย ทนทาน . ส่วน Critter ที่ออกใหม่ วันก่อนเห็นที่เบิร์ดแลนด์ ยังไม่ได้ไปสำรวจว่ากรงรุ่นนี้ประกอบอะไรยังไง ซับซ้อนหรือไม่ เปิดทีแล้วแทบจะหล่นแผละเป็นชิ้นหรือเปล่า ถ้าทำความสะอาดง่าย ไม่บอบบางนัก ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนค่ะ . ปกติแล้ว เวลาใครจะเลี้ยงหนู มักจะแนะนำเจ้ากะบะ 99 บาทเนี่ยแหละค่ะ ด้วยความสะดวกสบายที่บอกไปข้างต้นแล้ว คือ ถูก ดูแลง่าย อยู่สบาย แล้วเดี๋ยวนี้ก็มีขวดน้ำรุ่นใหม่ๆออกมา มีตัวจุ๊บอยู่กับผนังกล่อง ไม่ต้องลำบากเอาไขควงมาเจาะกล่อง หรือทำขวดซ้อนขวดให้ขวดน้ำตั้งได้อย่างแต่ก่อนแล้ว เหอๆ ใครจะเลี้ยงก็นี่เลยค่ะ.. ว่านน้ำ's Starter Kit ( อิอิ ) อุปกรณ์พื้นฐาน สำหรับ 1-2 ตัว มีดังนี้ค่ะ 1. กะบะพลาสติก 99 บาท ( เจาะรูใส่ขวดน้ำเอง หาซื้อได้ตามแผนกเครื่องครัว ห้างสรรพสินค้าทั่วไป หรือตามโลตัส 9ล9 ) 2. ขวดน้ำFerplastอันเล็กสุด ประมาณ 80 บาท 3. วงล้อแบบถ้วยสีม่วงของS.A.M. ประมาณ 100 บาท ( ที่แนะนำให้ใช้อันนี้ เพราะถูก และดีต่อน้องแฮมค่ะ ถ้าจะซื้อแบบอื่น ควรเลือกแบบที่ตัววงล้อเป็นถ้วย ไม่ใช่เป็นซี่นะคะ ) 4. ขี้เลื่อย Woody 1 แท่ง ประมาณ 50 บาท ( สำหรับ 1-2 ตัวใช้ได้ประมาณ 2 เดือน ) 5. อาหารแฮมสเตอร์ กล่องสีดำ ยี่ห้อBuddy ราคา 60 บาท ( ซื้อที่ Villa's Market ) 2. - 4. หาซื้อได้ที่ร้านเบิร์ดแลนด์ อยู่เพชรบุรีตัดใหม่ค่ะ เบอร์ 02 716 5866 / 02 318 0084-5 หรือตามจตุจักร / สวนลุมไนท์บาซาร์ก็มีค่ะ ราคาต้องเช็กดูหลายๆร้าน . ของเล่นพื้นฐานที่ควรมีก็แค่นี้แหละค่ะ นอกนั้นคือ"สุดแท้แต่กรุณา" จะมีไม้ให้เค้าแทะเล่นหรือพวกบ้านไม้ก็ได้ แต่อย่าลืมนะคะ ว่าไม้มันดูดกลิ่นฉี่ ใช้แล้วต้องหมั่นล้างหมั่นตากค่ะ วางแต่พอควรค่ะ อย่าถึงขนาดน้องแฮมไม่มีที่เดิน อันนั้นแออัดค่ะ ^^
จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 23 พ.ย. 45 12:42:38 ]
ความคิดเห็นที่ 2
ส่วนเรื่องของตัวน้องแฮมนั้น ขอว่ากันถึงข้อเสียของแฮมเต้อก่อนละกันนะคะ ( ตามหลักต้องไซโคข้อเสียก่อน อิอิ ) 1. ตัวเล็ก ฟัดไม่ถนัดมือ ฮึ่มๆๆๆ 2. เป็นExotic Pets แพทย์ที่ชำนาญด้านนี้มีน้อย ( ราว4-5ที่ ) หาหมอที ค่ายาแพงกว่าค่าตัวอีก ( แล้วแต่ที่นะ ) 3. อายุสั้น ( ราว 2 ปี ) แต่ข้อดีเค้าก็มีเยอะน๊าาาาาา 1. ตัวเล็ก กินไม่จุ ไม่เปลือง ใช้เนื้อที่ไม่มาก ดูแลน้อย และมีความน่ารักแบบหนูๆที่หมาหรือแมวให้ไม่ได้ ที่บ่อยสุดคงแค่เปลี่ยนขี้เลื่อย ถ้าเลี้ยงตัวเดียวก็ราวอาทิตย์ละครั้ง ให้อาหารก็แค่วันละครั้ง 2. ดึกดึกคึกคัก นอนกลางวัน ตื่นกลางคืน เหมาะสำหรับนักเรียนนักศึกษา ( อิอิ ) เพราะเวลาเราไปเรียนมันก็จะนอนอุตุ พอตกเย็นเรากลับมามันก็จะร่าเริงพร้อมเล่นทันที 3. อายุสั้นแต่เพาะทายาทได้จ้า 4. ไม่ค่อยเจ็บป่วย ยาไม่ต้องฉีด เรียกได้ว่าถ้าเลี้ยงดีดี จะแทบไม่ต้องพาไปหาหมอเลย . เชื่องไหม.. ถ้าพันธุ์ Winter Whiteจะเชื่องนะคะ เรียกก็มา ( มาหาอาหาร อิอิ ) ส่วนCampbell จะดุ ชอบฉก มือใหม่ไม่แนะนำ ส่วนRobo ตัวนี้ไว ไวมาก จับไม่ค่อยได้ เรียกไม่ค่อยมา เหมาะเลี้ยงไว้ดูเล่นเฉยๆ ( คือดูจริงๆ ) . ปัญหาในการเลี้ยงไม่ค่อยมีหรอกค่ะ ถ้าเลี้ยงดีดี ให้อาหารเค้าถูกต้องนะ ไม่ให้พวกของหวานมันพร่ำเพรื่อ เค้าก็อยู่กับเราได้นานเลยค่ะ เลี้ยงแฮมเต้อดีอย่างนึงตรงที่ว่า เค้าไม่เรื่องมาก ถ้าเราไม่ว่าง เค้าก็ปั่นวงล้อเล่นของเค้าไปได้เรื่อย แล้วส่วนมากจะตื่นกลางคืน อาจจะมีเสียงปั่นวงล้อนิดนึง แต่ก็ไม่มาก ก็คิดว่าเหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาเหมือนกันนะคะ = ) . โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว เลี้ยงตัวเดียวดีที่สุดค่ะ เค้าไม่เหงาหรอกค่ะ เพราะตอนกลางวัน เค้าก็นอน มีลุกมาหาของกินหน่อย ตอนกลางคืน ก็ตื่นมาปั่นวงล้อ ชีวิตครบวงจรค่ะ ถ้าจะเลี้ยงสองตัว แนะนำผู้-ผู้ค่ะ ปัญหาน้อย เมีย-เมีย มักจะมีปัญหามากกว่า ส่วนผู้-เมีย อันนี้ต้องคิดดีๆค่ะ ปัญหาระยะสั้น คือ ต้องแยกเลี้ยงไปก่อน ปัญหาระยะยาว คือ จะทำยังไงกับลูก+จิปาถะอีกเยอะค่ะ ฉะนั้น ตัวเดียวเวิร์กสุดค่ะ ( เค้าจะเป็นของเราคนเดียว ฮ่าๆ )
จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 23 พ.ย. 45 12:43:14 ]
ความคิดเห็นที่ 3
เรื่องการกิน .. หลายคนเห็นหนูชอบกินเมล็ดทานตะวัน ชอบกินชีส .. ก็ให้กินจนอ้วนฉุ หรือไม่ก็ให้กินอาหารหมาอาหารแมว ซึ่งมีโปรตีนสูงเกินไปสำหรับหนู แย่ไปกว่านั้นก็ให้กินพวกคุ้กกี้ ขนมเค้ก มันทอด .. ซึ่งไม่ใช่วิธีเลี้ยงที่ถูกต้องเลยนะคะ ถามว่าหนูแฮมกินได้ไหม? ได้สิคะ กินได้ มันเป็นหนูนะคะ ให้กินอะไรมันก็กินหมดแหละค่ะ แต่ถ้าจะถามว่าให้กินดีไหม? อันนี้ขอตอบเลยค่ะว่า ***ไม่ดี***ค่ะ เลี้ยงหนูก็เหมือนเลี้ยงเด็กแหละค่ะ โอเค .. เค้าอาจจะชอบกินอะไรหวานๆมันๆอร่อยๆ ก็เหมือนคนล่ะค่ะ มีติดในรสชาติ แต่ถ้าจะตามว่า ดีกับสุขภาพเค้าไหม เหมาะกับเค้าไหม .. ก็รู้ๆกันอยู่แก่ใจนะคะ หนูอ้วนๆตัวใหญ่ๆเต็มไม้เต็มมือ .. ดูแล้วน่ารักค่ะ เด็กอ้วนๆแก้มยุ้ยๆก็ดูแล้วน่ารักใช่ไหมคะ แต่สุขภาพเค้าละคะ? ความน่ารักที่แลกกับความอายุสั้น เจ็บกระเสาะกระแสะ .. จะเลือกอะไรละคะ ฉะนั้นนะคะ .. ขอร้องเถอะค่ะ .. เลี้ยงหนูแฮมสเตอร์อย่างที่เค้าเป็นนะคะ ให้เค้ากินสิ่งที่เหมาะกับเค้าดีกว่า เมล็ดทานตะวัน ชีส .. ให้กินได้ แต่น้อย อาทิตย์นึงไม่ต้องมาก ให้สลับกับอย่างอื่นดีกว่าค่ะ ส่วนปัญหาที่ว่า กินแต่เมล็ดทานตะวันแล้วไม่ยอมกินอย่างอื่นน่ะ .. ต้องฝึกค่ะ ที่บ้านเคยเป็นเหมือนกัน .. ช่วงนั้นแม่หนูท้อง ให้กินดีอยู่ดีไปหน่อย อาหารเสริมหมุนเวียนเปลี่ยนไปแทบทุกมื้อ เลยเสียนิสัย ไม่ยอมกินอาหารเม็ด ก็ต้องฝึกเค้าค่ะ .. ให้อาหารเสริมน้อยลง อาหารเม็ดมากขึ้น .. ช่วงแรกๆอาจจะเหลือบ้าง แต่ต่อไปเค้าจะยอมกินเองค่ะ ต้องใจแข็งหน่อยนะคะ ( แต่ถ้าเลี้ยงหลายตัว ระวังนิดนึงค่ะ ช่วงแรกๆเค้าอาจจะหงุดหงิด หันมากัดกันเองได้บ้าง ) . ที่ว่านให้ คือ Buddy กล่องละ~60 + อาหารของHagen Gourmet ถุงซิปสีขาว~130 บาท ในอัตราผสมกัน 2:1 ค่ะ ก็อยู่ดี ไม่มีปัญหาอะไร = ) มีอาหารเสริมบ้างตามข้างล่างค่ะ
จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 23 พ.ย. 45 12:45:46 ]
ความคิดเห็นที่ 4
**~*~~* สิ่งที่ไม่ควรให้หนูแฮมสเตอร์ของคุณกิน *~~*~** ของเค็ม ของเปรี้ยว ของเผ็ด ของคม ของหนืด ของมันจัด หวานจัด หรือมีแป้งมาก ช็อกโกแลต ( มีสาร Theobromine ) อาหารผสมสำเร็จของนอกสำหรับกระต่าย ( มีสาร Antibiotic ) ผักจำพวกหอมใหญ่ หอมแดง กระเทียม ผักจำพวกผักกาดแก้ว ผักกาดหอม กะหล่ำ ถั่วดิบ มันฝรั่งดิบ มันสำปะหลังดิบ ต้น + ใบพืชที่ไม่คุ้นเคย ผัก + ผลไม้ที่ฉ่ำน้ำ มียางมาก ผัก + ผลไม้ใดใดที่คาดว่าอุดมไปด้วยยาฆ่าแมลง อาหารที่พึ่งนำออกจากตู้เย็นใหม่ๆ
**~*~~* สิ่งที่ควรให้หนูแฮมสเตอร์ของคุณกิน *~~*~** ทุกวัน อาหารผสมสำเร็จ ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ปรับมากน้อยตามตวามเหมาะสม ขึ้นอยู่กับแฮมสเตอร์แต่ละตัว อาทิตย์ละครั้ง ( หรือบ่อยครั้งกว่านั้น ตามแต่สะดวก ) เลือกให้อย่างใดอย่างหนึ่งสลับกันระหว่าง A, B และ C A : ฝรั่ง แอปเปิ้ล กล้วย มะละกอ แตงโม แครอท ฟักทอง มันฝรั่งต้ม ข้าวโพด แตงกวา หรือผัก + ผลไม้อื่นๆตามสะดวก อย่าลืมล้างให้สะอาด หญ้าอัลฟาฟ่า B : ตับต้ม ไก่ต้ม ไข่ต้ม เต้าหู้ขาว อาหารสุนัขแบบเม็ด ขนมปังโฮลวีทแช่นมหมาดๆ นมเม็ด นม โยเกิร์ตแบบธรรมดา ( ระวังบูด ) C : เมล็ดทานตะวัน ข้าวโอ๊ตอบแห้ง ( ของไทย ชนิดถุงละไม่เกิน 40 บาทก็พอ ) จมูกข้าวสาลี ( ของไทยเช่นกัน ) ขนมปังโฮลวีท ข้าวสวย
**~*~~* วิธีดูแลความสะอาดให้แฮมสเตอร์ของคุณ *~~*~** ทุกหนึ่งถึงสองวัน เปลี่ยนน้ำ เปลี่ยนอาหารแห้ง ทุกอาทิตย์ - เปลี่ยนขี้เลื่อย ครั้งละ 1/3 2/3 ของทั้งหมด - ล้างขวดน้ำ ชามข้าว ตากแดดให้แห้ง ทุกเดือน - ล้างกรงทั้งนอกและในให้สะอาดด้วยสบู่อ่อน ตากแดดให้แห้ง - อาบน้ำให้ในวันที่อากาศอบอุ่น ซึ่งแฮมสเตอร์ที่จะอาบน้ำให้ ควรมีอายุสี่เดือนขึ้นไป โดยใช้แชมพูของสัตว์เล็กและอาบด้วยน้ำอุ่น เช็ดตัวให้แห้งสนิทจริงๆ หรือจะใช้ทรายสำหรับชินชิล่าใส่อ่างก้นลึกให้แฮมสเตอร์ลงคลุกก็ได้ ทั้งนี้ แล้วแต่จะพิจารณา.. แฮมสเตอร์***ไม่จำเป็น***จะต้องอาบน้ำก็ได้ สิ่งที่ไม่ควรใช้ - ขี้เลื่อยจากไม้ Cedar หรือ Pine ขี้เลื่อยไทย - ใยบุนอนคล้ายสำลี - โลชั่น สเปรย์ต่างๆ - แป้งเด็ก copyมา
จากคุณ :
ครีมชีส
- [
12 ส.ค. 46 18:21:59
]
|
|
|