J2447881 นกขุนทองกินอะไรเป็นอาหาร [สัตว์เลี้ยงอื่นๆ]

ความคิดเห็นที่ 8

นกเอี้ยงนกขุนทอง

นกป่าที่นิยมเลี้ยงในบ้านเราก็เห็นจะไม่มีนกอะไรได้รับความนิยม มากเกินไปกว่านกเอี้ยง เพราะนอกจากจะเลี้ยงง่ายเข้ากับสภาพธรรมชาติแล้ว ยังสามารถเลียนเสียงมนุษย์ได้ ด้วยความสามารถที่เป็นสัญชาตญาณธรรมชาติ ดังนั้นนกเอี้ยงจึงถูกจำกัดชนิดออกไปตามรูปร่าง ลักษณะและขีดความสามารถ ที่ไม่เท่ากันในแต่ละชนิด หรือแม้แต่ความสามารถเฉพาะตัว ซึ่งรวมไปถึงสภาพ แวดล้อมของนกด้วยว่าเลี้ยงไว้ในสถานที่เช่นใด นกจะจดจำคำพูดของผู้เลี้ยง ได้ดีในขณะนกสบายอารมณ์ซึ่งนกจะพูดทอดอารมณ์ตามสบาย ออกเสียงอ้อ แอ้ไปตามเรื่อง ถ้านกได้ยินเสียงที่มากระทบหูบ่อย ๆ นกก็จะจำและพูดต่อไป เรื่อย ๆ จนชัดถ้อยชัดคำขึ้น ดังนั้นหากจะสอนให้นกเอี้ยงพูดคำใด ก็ต้องหมั่น พูดคำนั้นบ่อย ๆ ห่าง ๆ กรง ขณะนกสบายอารมณ์นกจะจดจำได้ดีกว่าการไป ยืนสอนนกอยู่หน้ากรง แล้วแผดเสียงใส่นกโดยตรง

อีกประการหนึ่งที่สำคัญในการเลี้ยงนกเอี้ยง ให้สามารถพูดได้ชัด เจนและพูดเก่งนั้น จะต้องนำนกเอี้ยงมาเลี้ยงตั้งแต่เป็นลูกนก สอนพูดและให้ ได้ยินเสียงตั้งแต่นกเริ่มหัดพูด

นกเอี้ยงจัดเป็นนกในวงศ์ Stumidae เราสามารถพบนกในวงศ์นี้ ตามทุ่งนาป่าเขาได้ทั่วทุกหนแห่งหรือแม้แต่ในตัวเมืองก็ตาม รูปร่างที่จำได้ชัด คือ ลำตัวเพรียว หางสั้น ขาและเท้าแข็งแรง สีลำตัวมีหลายประเภทตั้งแต่สีดำ หรือขาวนวล สีน้ำตาล ปากแหลม นกเหล่านี้จะหาผลไม้และแมลงต่าง ๆ เป็น อาหาร มีบางครั้งหากินบนพื้นดิน โดยทั่วไปของนกในวงศ์นกเอี้ยง กิ้งโครง ค่อนข้างไม่เกรงกลัวคน ชอบรวมกันอยู่เป็นฝูงใหญ่ ส่งเสียงร้องเอะอะเจี้ยว จ้าวลั่นทุ่งไปที่วแหล่งที่หากิน เมื่อจับมาขังกรงจึงมีนิสัยค่อนข้างดุ จิกตี และ สู้มือเจ้าของหรือคนเลี้ยงเป็นอย่างมาก แต่มีความสามารถพิเศษอันเนื่องมา จากช่างจ้อคือ การเลียนเสียงพูดของมนุษย์ได้อย่างดี นกในวงศ์นี้ประกอบ ด้วยนกเอี้ยงชนิดต่าง ๆ ที่พบเห็นโดยทั่ว ๆ ไปดังนี้

1. นกเอี้ยงคำหรือนกขุนทอง HILL MYNA
2. นกเอี้ยงดำหรือนกเอี้ยงหงอน CRESTED MYNA
3. นกเอี้ยงสาริกาหรือนกสาริกา COMMON MYNA
4. นกกิ้งโครงคอดำ BLACK-COLLARED STARLING
5. นกเอี้ยงด่าง PIED STARLING
6. นกเอี้ยงนวล JERDON'S STARLING

นกเอี้ยงคำหรือนกขุนทอง
นกเอี้ยงคำหรือนกขุนทอง Hill Myna (Gracula religiosa) เท่าที่พบเห็น ในประเทศไทยมีอยู่ 2 พันธุ์ย่อยด้วยกันคือ

1. นกขุนทองใต้ หรือนกขุนทองควาย (Gracula religiosa religiosa)จัดเป็นนกขุนทองที่มีขนาดใหญ่ พบมากแถบภาคใต้ลักษณะเด่น อยู่ที่เหนียงแก้มหรือติ่งหูส่วนหน้าและส่วนหลังเป็นแผ่นมีรอยเว้าทำให้แยก เป็น 2 เส้น

2. นกขุนทองเหนือ (Gracula religiosa intermedia) เป็นนก ขุนทองที่มีขนาดเล็กกว่านกขุนทองใต้ พบมากทางแถบเหนือจังหวัดระนอง ขึ้นมา มีเหนียงแก้มหรือติ่งหูเป็นแผ่นยาวตลอดเป็นชิ้นเดียวกันทั้งอัน

พฤติกรรมในการทำรังวางไข่และเลี้ยงลูกอ่อน

นกขุนทองแต่ละคู่ที่สามารถเลือกโพรงได้เป็นที่พอใจแล้วทั้ง ตัวผู้และตัวเมียจะช่วยกันทำรัง โดยหาวัสดุรองรังเช่น กิ่งไม้แห้งหรือใบไม้ แห้งรองก้นรัง หลังจากนั้นอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์ ตัวเมียจะเริ่มวางไข่โดย ออกไข่วันละฟอง ไข่ชุดหนึ่งประมาณ 2-3ฟอง เปลือกไข่สีฟ้าอมเขียวมีจุด ดำ ๆ ประปราย ขนาดเล็กกว่าไข่นกกระทาเล็กน้อย หลังจากวางไข่ฟอง สุดท้ายแล้วก็จะเริ่มฟัก โดยทั้งตัวผู้และตัวเมียจะผลัดกันช่วยฟักไข่จน กระทั่งครบ 12 วัน ลูกนกตัวแรกก็จะถูกฟักออกมา และไข่ที่เหลือก็จะทยอย กันออกมาจนครบภายใน 2-3 วัน ส่วนไข่ที่เสียหรือไม่มีเชื้อหรือตายโคมก็จะ ถูกคาบทิ้งนอกโพรง

ช่วงเวลาที่ฟักไข่นกทั้งคู่จะผลัดกันฟักตัวละ 6-10 นาที คือขณะ ที่ตัวหนึ่งฟักอีกตัวหนึ่งจะเฝ้ายามให้สลับกันอย่างนี้ จนกระทั่งครบ 30-40 นาทีทั้งคู่ก็จะออกไปหากินพร้อมกันโดยใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที ก็จะกลับมาที่ โพรงอีกพร้อม ๆ กันทั้งคู่จะกวาดสายตาดูความเรียบร้อย พร้อมทั้งสังเกต หาสิ่งผิดปกติถ้าทุกอย่างปลอกภัยดีก็จะผลักกันเข้าฟักไข่ต่อไปแบบนี้ตลอด ทั้งวันจนกระทั่งพลบค่ำ เมื่อลูกนกฟักออกเป็นตัวแล้วก็เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ นกในการเลี้ยงลูกอ่อนต่อไป โดยช่วยกันหาเหยื่อมาป้อนลูกมีพฤติกรรมคล้าย ๆ กับตอนช่วยกันฟักไข่คือ ให้ตัวหนึ่งตัวใดเอาเหยื่อเข้าไปป้อนก่อนและกก ให้ความอบอุ่นลูกน้อยประมาณ 5-7 นาที ดดยอีกตัวหนึ่งคอยดูต้นทางอยู่ ข้างนอกพร้อมกับปากคาบเหยื่อเพื่อรอป้อนลูกหลังจากที่ตัวแรกออกจาก โพรงแล้ว ทั้งพ่อและแม่จะออกหากินพร้อมกันพร้อมทั้งหาเหยื่อมาฝากลูก ในโพรงด้วย อาหารลูกนกในระยะแรกเกิดจะเป็นแมลง เช่น ตั๊กแตน ดักแด้ ผีเสื้อ ผลไม้ป่าบางชนิด เมื่อโตขึ้นหน่อยก็จะเลี้ยงด้วยกิ้งก่า จิ้งเหลน จิ้งจก ตัวเล็ก ๆ สลับกับผลไม้ป่านานาชนิด

พอลูกนกอายุได้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะเริ่มลืมตา ในช่วงนี้จะ เห็นเส้นแนวชนได้ชัดเจนพอครบสัปดาห์ที่ 2 ขนอ่อนแหลม ๆ ก็จะขึ้นเต็ม ลำตัวและปีกในระยะนี้ลูกนกจะกินเก่งและโตเร็วมากจะร้องขอเหยื่อทั้งวัน ทำให้พ่อแม่ต้องรับภาระหนักมากไหนจะต้องหากินเอง ไหนจะต้องเลี้ยงลูก และต้องคอยป้องกันไม่ให้นกอื่นเข้ามากรบกวน พอครบสัปดาห์ที่ 3ขนจะ ขึ้นปกคลุมเต็มลำตัว หางและปีก สามารถเริ่มยันตัวและยืนบนเท้าทั้งสอง ได้ พอลูกนกอายุได้ 4สัปดาห์เต็มก็พร้อมที่จะออกจากโพรงพ่อแม่นกจะ สอนให้หัดบินแต่ยังคงต้องคอยป้อนเหยื่ออยู่ยังไม่สามารถจิกอาหารกิน เองได้ต้องบินติดตามพ่อแม่อยู่ตลอดเวลาประมาณ 2สัปดาห์ ลูกนกจะ เริ่มหาอาหารกินเองได้

อาหาร

อาหารของนกขุนทองได้แก่ ผลไม้สุกงอมชนิดต่าง ๆ ตาม ฤดูกาล เช่น กล้วย มะละกอ มะม่วง องุ่น แมลงต่าง ๆ เช่น หนอนนก ตั๊กแตน จิ้งหรีด หรืออาหารอื่น ๆ เช่น เนื้อสด ไข่ ข้าวสุกไข่ต้ม และพริก (บ้าง) อาหารสำเร็จรูก ฯลฯ นกขุนทองสามารถกินได้ทั้งนั้น เพราะนกขุน ทองเป็นนกประเภทกินทั้งเนื้อสัตว์และพืช (Omnivore) ที่ขาดไม่ได้อีก อย่างคือถ้วยเล็ก ๆ ใส่กรวดและทรายซึ่งนกขุนทองใช้กินเพื่อช่วยย่อย อาหารและเป็นที่ขุดคุ้ยเล่น นอกจากนี้นกขุนทองชอบข้าวคลุกไข่ต้ม มัน จะกินได้อย่างอร่อยเป็นอาหารที่มีประโยชน์ไม่เป็นพิษเป็นภัยด้วย

การฝึกให้นกขุนทองพูด

จุดประสงค์หลักใหญ่ในการเลี้ยงนกก็หวังให้นกสามารถพูด เลียนเสียงของมนุษย์ได้ ดังนั้นจึงมีการค้นคิดวิธีแปลก ๆ ต่าง ๆ นานา มาเพื่อทำให้นกพูดได้ใกล้เคียงกับเสียงมนุษย์และทำให้นกขยันพูดมากยิ่ง ขึ้น กรรมวิธีเหล่านั้นก็ล้วนแต่จะทำให้นกพูดได้เช่น การตัดลิ้นนก ลิ้นเป็น อวัยวะสำคัญอันหนึ่งที่ช่วยในการเปล่งเสียง ดังนั้นเมื่อตัดไปแล้วยิ่งทำ ให้เสียงไม่ชัดยิ่งขึ้น ดีไม่ดีเกิดการติดเชื้อโรคที่บาดแผลหรือเลือดไหลไม่หยุดนกก็จะตายเสียก่อน

การฝึกสอนก็เช่นเดียวกับนกแก้ว คือ ในระยะแรกผู้เลี้ยงจะ ต้องพยายามหัดให้นกพูดเป็นประโยคสั้น ๆ เช่น พ่อจ๋า แม่จ๋าจนกว่ามัน จะสามารถจดจำได้แล้วจึงสอนประโยคต่อไป เมื่อนกสามารถพูดได้แล้ว ผู้เลี้ยงก็ควรจะให้รางวัลโดยการให้อาหารที่มันชอบเพื่อให้มันเห็นเป็นสิ่ง ที่เคยชินซึ่งจะช่วยให้การสอนง่ายขึ้น ในระยะแรกที่นกหัดพูดใหม่ ๆ นั้น ประการสำคัญอีกอย่างคือ นกที่กำลังหัดพูดหรือพูดได้แล้ว ไม่ควรนำไป เลี้ยงรวมหรือใกล้เคียงกับนกป่าหรือนกที่พูดไม่ได้ เพราะนกเหล่านั้นจะ ถ่ายทอดภาษานกที่กำลังพูดได้ให้เลิกพูดภาษาคนทำให้นกเสียไปในที่สุด

( ต่อ )
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 46 00:21:35

จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 10 ก.ย. 46 00:16:36 ]

ความคิดเห็นที่ 9

การเพาะเลี้ยงนกขุนทอง

การสร้างกรงเพาะพันธุ์

ขนาดของกรงที่จะให้เพาะพันธุ์ควรมีพื้นที่อย่างน้อย 50ตารางเมตร ความสูงควรจะประมาณ 3เมตรหรือมากกว่า ดังนั้นที่ภายในกรงควร จะเป็นขนาด5x10x3เมตรเป็นอย่างน้อยและจะต้องกันพื้นที่ 1 ใน 3 ของกรงเพื่อมุงหลังคาเป็นที่บังแดด หลบฝน และเป็นที่ให้อาหาร รูป ทรงของกรงจะทำเป็นสี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยม หกเหลี่ยม หรือวงกลมก็ได้ แต่ควรมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 50ตารางเมตร หรือถ้าสามารถสร้างให้ใหญ่ได้ ก็ยิ่งเป็นการดี วัสดุที่ใช้สร้างกรงจะเป็นไม้หรือเหล็กก็ได้ตาข่ายควรใช้ ตาข่ายลวดที่มีตาถี่ที่สุดเพื่อป้องกันงู หนู หรือตุ๊กแกซึ่งเป็นศัตรูสำคัญ ทั้งในช่วงที่กำลังฟักไข่และเป็นลูกนก เมื่อสร้างกรงเสร็จเรียบร้อย แล้วควรตกแต่งภายในกรงให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติ เช่นปลูกไม้ที่เป็น อาหารนก ได้แก่ตะขบ กล้วย มะละกอ เพราะพืชพวกนี้นอกจากจะเป็น อาหารนกแล้วยังช่วยให้ร่มเงาความร่มรื่นและยังเป็นที่กำบังแก่นกด้วย พื้นกรงควรปูด้วยทรายหยาบหนาประมาณ 10ซม. เพื่อช่วยดูดความชื้น และง่ายต่อการทำความสะอาดพื้นกรง จากนั้นก็เตรียมหาภาชนะสำหรับ ให้น้ำและอาหาร ถ้วยใส่อาหาร ซึ่งมีนำหนักเบานกอาจจะคว่ำอาหารได้จึง ต้องใช้ลวดมัดให้แน่นระวังมดตอมอาหารจึงต้องคอยหล่อน้ำกันมด น้ำควรเป็นอ่างนำค่อนข้างใหญ่นกอาจจะใช้ทั้งกินและอาบจึงต้องเปลี่ยน น้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือถ้าพื้นที่ภายในกรงกว้างพอ จะทำสระน้ำ หรือบ่อน้ำก็ได้แต่ต้องคำนึงถึงการถ่ายเทน้ำได้สะดวกเมื่อสกปรก

การทำโพรง

เนื่องจากนกขุนทองต้องทำรังวางไข่ ตามโพรงไม้ใหญ่ ๆ แต่เราไม่ สามารถนำเอาโพรงไม้ธรรมชาติมาใส่ในกรงเลี้ยงได้ จึงจำเป็นต้องทำ โพรงเทียมขึ้นแทนโดยใช้ต้นมะพร้าวหรือต้นตาลนำมาตัดเป็นท่อนยาว ประมาณ 2ฟุต แล้วผ่าออกเป็น 2ซีก แต่ละซีกจะเจาะให้เป็นรูปทรง กระบอกครึ่งวงกลมมีปากโพรงสำหรับเป็นทางเข้าออกของนก ส่วน บริเวณก้นโพรงทำให้เป็นกระเปาะเพื่อให้นกนอนหมอบฟักไข่ได้สะดวก ทั้งสองซีกเจาะเป็นโพรงครึ่งวงกลมทรงกระบอกเหมือนกัน ขนาดของความกว้างของปากโพรงพอเอากำปั้นสอดได้ ส่วนความลึก ของโพรงประมาณ 1ฟุต เมื่อเจาะโพรงเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำทั้งสอง ซีกมาประกบกันเข้าใช้ลวดเส้นใหญ่มัน 3เปลาะที่ส่วนหัว ท้ายและกลาง ให้แน่นแข็งแรง นำโพรงเทียมที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วไปแขวนแนบติด กับเสากรงตรงส่วนที่สูงที่สุดของกรงโดยไม่ต้องนำวัสดุใด ๆ ไปใส่ใน โพรงเทียม

การจัดหาพ่อแม่พันธุ์

การจัดหาพ่อแม่พันธุ์เป็นหัวใจสำคัญของการเพาะเลี้ยงนกขุนทอง เพราะมีปัญหาอยู่ตรงที่ว่า เราไม่สามารถแยกได้ว่าตัวไหนเป็นเพศผู้ ตัวไหนเป็นเพศเมีย เนื่องจากดูจากลักษณะภายนอกเหมือนกันมาก ตลอดจนพฤติกรรมต่าง ๆ ก็คล้ายกันมากตั้งแต่การช่วยกันสร้างรัง ฟักไข่ เลี้ยงลูกอ่อน พ่อแม่นกจะทำกิจกรรมต่าง ๆ เหมือนกันจนแยก ไม่ออกว่าตัวไหนเป็นพ่อนกหรือแม่นก
ดังนั้นในการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์จึงต้องใช้วิธีสุ่ม โดยคัด เอานกที่โตเต็มวัยประมาณ 5-6ตัว เลี้ยงรวมกันในกรงเดียวกันก่อน แต่ก่อนที่จะปล่อยนกเข้ากรงต้องทำเครื่องหมายนกแต่ละตัวอาจจะใส่ ห่วงที่ขาสีต่าง ๆกัน หรือติดเบอร์ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ชัด ระยะนี้ อาจต้องใช้เวลานานต้องอดทนรอเป็นปีเพราะต้องรอให้ถึงฤดูผสม พันธุ์ จึงคอยเฝ้าสังเกตว่านกตัวไหนเริ่มจับคู่กันบ้างโดยสังเกตจาก พฤติกรรมการเกี้ยวพาราสีเช่นไซ้รขนให้กัน เกาะตามคอนหรือกิ่งไม้ เคียงคู่กัน แล้วให้นำนกตัวอื่น ๆ ออกไปใส่กรงใหม่ เฝ้าสังเกตต่อไป เนื่องจากนกขุนทองเป็นนกผัวเดียวเมียเดียว (Monogamy) เมื่อเข้า คู่กันแล้วจะอยู่ด้วยกันจนตาย

ในการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์นกขุนทองต้องเสี่ยง ต้องใช้ เวลาและความอดทนเป็นพิเศษเพราะบางครั้งนกที่นำมาเลี้ยงสุ่มปนกัน อาจเป็นเพศเดียวกันหมด หรือบางทีแม้แต่จะต่างเพศกันแต่เข้ากันไม่ ได้นกก็จะไม่มีการจับคู่ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือสภาพแวดล้อมภาย ในกรงและการสร้างรังวางไข่ของนกขุนทองทั้งสิ้น ดังนั้นผู้เลี้ยงที่ไม่ มีความพร้อมที่จะเลี้ยงก็จะไม่สามารถเพาะพันธุ์นกชนิดนี้ได้

อาหารสำหรับพ่อแม่พันธุ์นกขุนทอง

อาหารหลักสำคัญสำหรับนกขุนทองในกรงเลี้ยงคือ อาหารสำเร็จรูป นกขุนทอง ซึ่งมีขายทั่วไปตามร้านจำหน่ายอาหารสัตว์โดยนำอาหารเม็ด สำเร็จรูปนี้มาแช่น้ำให้พองแล้วคลุกปนกับข้าวสุกอัตราส่วน 1/1พร้อม ไข่ต้มสุกโดยประมาณเอาว่าไข่ 1ฟองต่อนก 2ตัว ปริมาณอาหารจะมาก หรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนนกเฉลี่ยแล้วอาหาร 1กำมือต่อนก 1ตัว

เมื่อเตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วนำไปใส่ถ้วยอาหาร ที่สะอาดโรยด้วยวิตามินหรือแร่ธาติเสริมเล็กน้อย การให้อาหารควรให้ ตอนเช้าตรู่ทุกวันพร้อมกับน้ำสะอาดให้นกกินและอาบ นกที่สมบูรณ์จะ มีสีขนดำเป็นเงางาม มีแววตาสดใสขนไม่พอง ร่าเริงตื่นตัว ไม่หงอย ซึม ไม่อ้วน หรือผอมจนเกินไป ระวังเรื่องความสะอาด ทั้งอาหารและ น้ำตลอดจนพื้นกรง ควรหมั่นปัดกวาดพ่นยาฆ่าเชื้อเป็นบางโอกาส คนเลี้ยงควรเป็นคนเดียวกันตลอดเพื่อให้นกเกิดความเคยชินไม่ตื่น ตกใจเวลาเข้าไปให้อาหารหรือทำความสะอากกรงและควรทำกิจกรรม ต่าง ๆ ให้เป็นเวลาทุก ๆ วันจนเป็นปกตินิสัย

การดูแลพ่อแม่นกระหว่างเลี้ยงลูกอ่อน

ช่วงระยะเวลาในการเลี้ยงลูกอ่อนพ่อแม่นกต้องทำงานหนักมาก ดังนั้น อาหารจึงเป็นเรื่องสำคัญ อาหารต้องมีเพียงพอสำหรับการเลี้ยงลูกนก ด้วย ดังนั้นอาหารสำเร็จรูปควรจะมีวางให้พ่อแม่นกคาบไปป้อนลูกได้ ทั้งวัน โดยเอาอาหารเม็ดแช่น้ำให้พองวางเป็นก้อน ๆ ในถ้วยอาหาร พ่อมแม่นกป้อนลูกเอง อาหารเสริมอย่างอื่นเช่น ตั๊กแตน เด็กปีกออก วางไว้ในจานอาหาร หรือจะใช้กิ้งก่าสับเป็นท่อนเล็ก ๆ วางไว้ก็ได้ เป็น หน้าที่ของพ่อแม่นกจะคาบเหยื่อที่เราเตรียมไปป้อนลูกในโพรงเอง

เมื่อลูกนกอายุประมาณ 1สัปดาห์ จะเริ่มลืมตาาแต่ขนยังไม่ขึ้นเราสามารถเอาออกจากโพรงมาป้อนอาหารเองได้หลังจากเอาลูกนกออกจากโพรงแล้ว พ่อแม่นกจะเริ่มช่วยกันจัดรังใหม่โดยเอากิ่งไม้ แห้งหญ้าแห้ง ใบไม้แห้งภายในกรงเข้าไปรองรังและจะออกไข่ชุดต่อ ไปหลังจากเอาลูกชุดแรกออกจากโพรงประมาณ 10วัน เมื่อไข่ครบชุด แล้วพ่อแม่นกก็เริ่มช่วยกันฟักจนครบ 12วัน ลูกนกก็จะออกเป็นตัว

ในปีหนึ่ง ๆสามารถให้ไข่ได้ 3-4ชุด ๆละ2-3ฟอง ดังนั้น ถ้านกสมบูรณ์ดีมีการจัดการที่ดีผู้เลี้ยงสามารถได้ลูกนกขุนทองถึง ปีละ6-9ตัว ต่อพ่อแม่นก 1คู่ ช่วงระหว่างที่นกไข่หรือกำลังเลี้ยงลูก อ่อนต้องระวังศัตรูธรรมชาติก็คือ หนูและงูเขียว ต้องระวังอย่าให้ ศัตรูพวกนี้มารบกวนโดยเด็ดขาด
http://www.thaianimal.com/bird/myna.html
แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 46 00:24:02

จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 10 ก.ย. 46 00:17:37 ]