พลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์

    พุทธพจน์ที่วา “การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์” นั้น เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ พระพุทธองค์ตรัสประโยคนี้ ก็เพื่อเตือนผู้คนมิให้ตกอยู่ในความประมาท ให้พร่ำบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่าอนิจจังไม่เที่ยงเมื่อถึงคราวต้องพลัดพรากจากกันก้จะได้ไม่เศร้าโศกเสียใจมากเกินไป เพราะมันเป็นเรื่องที่ต้องเจอะเจอ ต่อให้รักแค่ไหนสักวันหนึ่งก็ต้องจากกัน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด โดยเฉพาะเรื่องของ “เกิด แก่ เจ็บ และตาย” วงจรที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของสิ่งมีชีวิต

    รวมทั้งเรื่องของหมา…
    ใครที่ไม่เคยมีหมาเป็นของตนเองอาจไม่เข้าใจความรู้สึกของคนรักหมายามพลัดพราก แต่สำหรับพวกเราแล้ว มากน้อยล้วนต้องผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาแล้วทั้งสิ้น

    อย่างที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่า ผมและครอบครัวนั้น นับจนบัดนี้จำนวนหมาที่เลี้ยงดูกันมา นิ้วมือนับสองเที่ยวก็ยังขาดไปอีกหนึ่ง ตอบง่าย ๆ ก็คือ 21 ตัว ตัวสุดท้ายชื่อสาวน้อยคอกเกอร์ สแปเนียบสีดำสนิทที่เราเรียนกว่าเป็น “ลูกสาวคนสุดท้อง” ซึ่งมีนามตามท้องเรื่องว่า “ดอลล่าร์”

    ดอลล่าอยู่กับเราตั้งแต่อายุได้ไม่กี่เดือนและจากเราไปเมื่อ 4 ปี ที่แล้ว เมื่ออายุประมาณ 12 ปี ซึ่งถ้าเป็นคนก็ต้องถือว่าชรามากแล้ว ดอลล่าร์ตายไปด้วยโรคมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง ซึ่งไม่มีทางรักษา แต่เราก็ทุ่มเทดูแลรักษาเธออย่างดีที่สุดตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

    ผ่านการอยู่ร่วมกับเพื่อนรักสี่ขามาแล้ว 21 ตัว เราก็จึงมีประสบการณ์ของการพลัดพรากมาแล้ว 21 ครั้ง หมาทั้ง 21 ตัวที่เราได้เขามาอยู่เป็นเพื่อนนั้น แต่ละตัวก็มีสาเหตุที่พลัดพรากจากเราแตกต่างกันไป มิคกี้ หมาตัวแรกออกไปหาเรื่องทะเลาะกับหมานอกบ้านกลางดึกแล้วถูกรุมกัดตายไป กว่าจะรู้เรื่องและหาศพได้ก็เช้าวันต่อมา

    ไอ้บู๊ หมาคุ้มดีคุ้มร้ายและมีพฤติกรรมแบบเจ้าพ่อมาเฟียวิ่งไล่หมาต่างถิ่นที่มาเกะกะแถวหน้าบ้านแล้วถูกรถยนต์ชนตาย แม่เซ็กซี่อยู่กับเราจนอายุได้ 12 ปี แล้วไปเสียทีไอ้หนุ่มนิรนามจนตั้งท้องขึ้นมาตอนแก่ แต่เสียชีวิตเพราะถูกคนใจร้ายข้างบ้านตีเอาจนแท้งลูกตาย

    ไอ้ปอมพันธ์มินิเอเจอร์ ฟินเชอร์ ตัวกระจิ๋วจอมซ่าวิ่งเล่นในบ้านแล้วหัวชนกระถางบัวตาย แล้วก็ยังมีการตายหมู่ด้วยโรคติดต่อ-ดิสเทมเปอร์ของลูกหมา 3 ตัว ที่เราเพิ่งเอาเข้าบ้านมาจากร้ายขายหมาที่ไม่รับผิดชอบแถวจตุจักร ฯลฯ

    ถามคนรักหมาด้วยกันหน่อยว่า เมื่อหมาของคุณต้องพลัดพรากจากไปนั้นพร้อม ๆ กับความเสียใจที่เกิดขึ้น อะไรที่คุณคิดตามมาในทันที

    เหมือนครอบครัวเราไหมคือสัญญากับตัวเองว่าต่อนี้ไปจะไม่หาหมาตัวใหม่มาเข้าบ้านอีกแล้วด้วยเหตุที่ว่าไม่อยากต้องพบกับความเศร้าโศกเสียใจอย่างนี้อีก

    ผมเชื่อว่าหลายท่านคงมีความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้

    ถามต่อไปว่า แล้วจากนั้นเมื่อความเสียใจเริ่มบรรเทาลง คุณจะเป็นอย่างครอบครัวผมหรือไม่

    คืออีกสักพักหนึ่งเท่านั้น คุณก็รู้สึกทุรนทุรายจนแทบจะอยู่อย่างมีความสุขไม่ได้ บ้านที่เคยมีหมาแล้ววันหนึ่งไม่มี คุณจะรู้สึกได้เลยว่ามันเหมือนกับขาดอะไรไปบางอย่าง ตื่นมาตอนเช้าเคยได้ทักทายได้ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกัน ได้ให้อาหารได้เกาซอกหูให้เขา ได้เห็นความรักความผูกพันที่ลูก ๆ ของเรามีต่อหมาในบ้าน ฯลฯ
    อยู่ได้ไม่นานครับความคิดที่ว่าต่อจากนี้ไปจะไม่หาหมาตัวใหม่เข้าบ้านอีกแล้ว ก็ค่อย ๆ จางหายไป แล้วต่อมาอีกไม่นานเช่นเดียวกัน คุณก็จะมีหมาตัวใหม่มาอยู่ในบ้านเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาช้านาน

    แล้วความรู้สึกดี ๆ บรรยากาศดี ๆ ก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ถึงตอนนี้ คุณก็อาจแอบท่อง “รักแล้วต้องลืมคำว่าเสียใจ” ไว้อธิบายกับตัวเอง
    ครับ…ร้อยละเกือบร้อยของคนรักหมา ล้วนเป็นเช่นนี้ทั้งนั้น บ้านที่เคยมีหมาอย่างไรก็ต้องมีหมา

    แต่อย่าลืมหมั่นท่อง “พลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์” ไว้ด้วยนะครับ เมื่อวันนั้นมาถึง!!!

    ***************

    จาก คอลัม คนรักหมา หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก
    บัญชร ชวยาลศิลป์
    bunchon1@hotmail.com

    จากคุณ : โป๋ ฉลามวาฬ - [ 11 ก.ย. 46 06:08:58 ]